อาไท่ รองหัวหน้ากองทหารหน่วยรบพิเศษบริเวณชายแดนหน่วยนี้ เป็นคนสนิทของหัวหน้าของพวกเขาที่ชื่อหลีหวัง จากการอธิบายของหลัวเหว่ยเคอ อาไท่เคยเป็นขุนพลระดับทัพฟ้ามาก่อน ถึงแม้จะมีความสามารถในขอบเขตชั้นต้นของระดับทัพฟ้าก็ตาม แต่ใครก็รู้ว่าสำหรับประเทศจีนแล้ว ขุนพลระดับทัพฟ้านี้เป็นตัวแทนของพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของกองทหารส่วนบุคคล คนเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือในยอดฝีมือ ไม่ใช่ประเภททหารชั้นยอดอะไรอีกแล้ว พูดให้กระจ่างก็คือ เป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุดในหมู่พลังที่ปรากฏเบื้องหน้าของประเทศจีน เมื่อมีคำว่าทัพฟ้าสองคำนี้ ความสามารถทางด้านการต่อสู้ไม่ใช่อะไรที่จะใช้ประโยคสองประโยคมาอธิบายให้เข้าใจกระจ่างได้
ดาบใหญ่ปักอาไท่ตายทั้งเปนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นยังทำลายต้นไม้ใหญ่จนแหลกเป็นชิ้น เห็นได้ว่าคนที่ลงมือกับเขาแข็งแกร่งมากขนาดไหน รอบศพของอาไท่มีศพของชายชุดดำคนอื่นๆ อีกสิบกว่าคนอยู่ นี่ควรจะเป็นศิษย์ของสำนักโฮคุชินอิตโตริว ความสามารถในการต่อสู้ของคนเหล่านี้ไม่อ่อนแอเลย แต่กลับถูกอาไท่กำจัดทิ้ง คนที่อยู่เบื้องหลังควรจะเป็นยอดฝีมือชั้นสูงของสำนักโฮคุชินอิตโตริวแน่ มิฉะนั้นหากต้องการฆ่าอาไท่ดูเหมือนจะทำไม่ได้เลย
เย่เทียนเฉิน ชางหลาง และหลัวเหว่ยเคอรู้สึกว่าเรื่องราวร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ เดิมทีคิดว่ามีเพียงทหารหน่วยรบพิเศษชั้นยอดทั้งยี่สิบกว่าคนและหานเจี๋ยที่หายตัวไป ถูกคนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวแห่งประเทศชิบะลอบวางแผนร้าย คิดไม่ถึงว่าคนกลุ่มนี้จะมีผู้อยู่เบื้องหลัง ตามติดมาด้วยการยั่วยุหลีหวังซึ่งเป็นหัวหน้ากองทหารหน่วยรบพิเศษบริเวณชายแดนด้วยการนำศีรษะของทหารหน่วยรบพิเศษทั้งสิบหัวส่งเข้ามา กระตุ้นให้หลีหวังโกรธจนทำให้เขาพาทหารหน่วยรบพิเศษไล่ตามไป และถูกศัตรูลอบโจมตีอีกครั้ง กระทั่งอาไท่รองหัวหน้าหน่วยที่มีความสามารถในการต่อสู้แข็งแกร่งมากก็ยังตาย ท่าทางศัตรูในครั้งนี้จะไม่ได้ต้องการเพียงแค่ก่อกวนชายแดนบริเวณป่าหมอกดำง่ายๆ อย่างนั้นแน่ เขาต้องการที่จะกำจัดทหารหน่วยรบพิเศษบริเวณชายแดนป่าหมอกดำทั้งหมด เพื่อทำความประสงค์ให้สำเร็จ
“พวกเราไปกันเถอะ หวังว่าจะมีคนรอดชีวิตนะ!” หลัวเหว่ยเคอขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น
ไม่ว่าใครก็รู้ว่า ทหารหน่วยรบพิเศษชั้นยอดทั้งยี่สิบคนและหานเจี๋ยหายตัวไปก่อนหน้านี้ และตอนนี้มีศีรษะของทหารหน่วยรบพิเศษส่งกลับมาสิบศรีษะแล้ว กล่าวได้ว่าคงจะเหลือทหารหน่วยรบพิเศษแค่สิบคนและหานเจี๋ยที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือกระทั่งอาจจะไม่เหลือเลยแม้แต่คนเดียวก็เป็นได้ และในตอนที่พวกเขาสามคนตามไปถึงอาจจะมีศพไร้ศีรษะอยู่ทุกที่ พวกเขาย่อมไม่อยากเห็นภาพแบบนี้ เพียงแต่ใครก็ไม่กล้ารับประกันว่าคนอื่นจะยังมีชีวิตอยู่
“แม้ว่าพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ คนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวจะต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ในป่าหมอกดำแห่งนี้ทั้งหมด ไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”
ในตอนนี้เย่เทียนเฉินโกรธเข้าจริงๆ แล้ว กระตุ้นไอสังหารขึ้นมาครั้งใหญ่ ตั้งแต่ที่เขาได้มาเกิดใหม่จากดาวสิ้นโลก เดิมทีก็ไม่ได้มีความเกลียดชังอะไรกับคนประเทศชิบะพวกนี้ เพียงแค่หลังจากที่ต่อสู้กับคาเอดะอิจิโร่และได้ยินข่าวที่คนรอบตัวพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กัน การประเมินค่าที่เขามีต่อคนประเทศชิบะจึงกลายเป็นความเกลียดชัง จำเป็นต้องฆ่าให้หมด
ชางหลางและหลัวเหว่ยเคอมองไปที่เย่เทียนเฉินและพยักหน้าเช่นเดียวกัน พวกเขารู้ว่าเย่เทียนเฉินพูดไม่ผิด ภารกิจของพวกเขาสามคนในครั้งนี้ก็คือช่วยเหลือหานเจี๋ยและทหารหน่วยรบพิเศษชั้นยอดทั้งยี่สิบคนที่หายตัวไป หากสหายร่วมรบเหล่านี้ล้วนตายไปหมดแล้ว เช่นนั้นพวกเย่เทียนเฉินทั้งสามก็มีเพียงเรื่องเดียวที่จะกระทำได้ นั่นก็คือฆ่าศัตรูทิ้งให้หมดไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว
เย่เทียนเฉินในตอนนี้ไม่รักษาพลังอะไรเอาไว้อีกแล้ว พลังพิเศษแห่งการรับรู้ขยายขอบเขตออกไปจนถึงระดับสูงสุด ครอบคลุมไปถึงระยะหนึ่งหมื่นเมตรรอบด้าน ไม่ว่าลมจะพัดหรือหญ้าขยับหรืออะไรก็ตาม เขาสามารถรับรู้ได้ทั้งหมด
เมื่อพูดถึงตรงนี้ก็ไม่อาจไม่พูดถึงเรื่องเรื่องหนึ่ง ตั้งแต่ที่เย่เทียนเฉินได้รับบาดเจ็บและผ่านการรักษาจากจางอีเต๋อมาแล้ว อาการบาดเจ็บที่กายเนื้อและอวัยวะภายในต่างๆ สมานกันจนสมบูรณ์ เพียงแต่การปะทะกันของพลังพิเศษที่แตกต่างกันทำให้เขามีอันตรายที่อาจจะระเบิดตัวเองตายได้ สุดท้ายจางรั่วถงจึงใช้ร่างกายอันพิเศษของตน เสียสละร่างกายที่บริสุทธิ์ของตน ถึงช่วยเย่เทียนเฉินให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ตั้งแต่นั้นเย่เทียนเฉินรู้สึกถึงระดับความแข็งแกร่งของกายเนื้อของตนเอง ตลอดจนขอบเขตพลังความสามารถที่ยกระดับขึ้น กระทั่งขอบเขตของพลังพิเศษแห่งการรับรู้ก็ขยายใหญ่ขึ้นมาก นี่อดไม่ได้ที่จะทำให้เขารู้สึกแปลกใจต่อร่างกายที่พิเศษของจางรั่วถง ทั้งยังรู้สึกผิดกับผู้หญิงผู้งดงามคนนี้เป็นอย่างมาก ตกลงแล้วเธอไปที่ไหนกันแน่?
“พวกเราเดินตรงไปข้างหน้าเถอะ ผมรู้สึกว่าที่นั่นมีคนที่ผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่อยู่!” เย่เทียนเฉินเอ่ยปาก
ชางหลางและหลัวเหว่ยเคอต่างพยักหน้า ทั้งสามเดินพุ่งตรงไปด้านหน้าด้วยความรวดเร็ว ความเร็วระดับนั้นไม่ใช่การเดินแล้ว แต่เหมือนกับเป็นการบินอย่างไรอย่างนั้น สำหรับคนที่มีความสามารถระดับพวกเขา ต่อให้เคลื่อนไหวในตอนกลางคืนที่มืดมิดก็ทำได้ดีเหมือนกับเดินอยู่บนพื้นราบ รวมกับแสงของดวงจันทร์ที่ส่องสว่างขนาดนั้นสาดส่องลงมา จึงมีส่วนช่วยในการเคลื่อนไหวของพวกเขา
ฟิ้ว!
ชางหลางพุ่งตัวไปด้านหน้าสุด เย่เทียนเฉินอยู่คนที่สอง ส่วนหลัวเหว่ยเคออยู่คนที่สาม ตำแหน่งในตอนแรกเริ่มของหลัวเหว่ยเคอก็ถูกกำหนดให้อยู่ด้านหลังแล้ว ไม่ต้องให้เขาเป็นตัวหลักในการ ต่อสู้จะอย่างไรหลัวเหว่ยเคอก็อายุสี่สิบกว่าแล้ว คนเราถ้าไม่เคารพผู้อาวุโสนั้นไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในความคิดของเย่เทียนเฉินและชางหลาง หลัวเหว่ยเคอเป็นสายลับของประเทศมายี่สิบปีแล้ว ในช่วงเวลายี่สิบกว่าปีนี้ก็ทำภารกิจอยู่ที่ชายแดนมาโดยตลอด ผ่านการต่อสู้เป็นตายมาหลายครั้งและได้รับบาดเจ็บมามาก ทำผลงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างยิ่งใหญ่ อีกไม่นานก็จะเกษียณแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เขามาเสี่ยงอันตรายนี้
เสียงหนึ่งดังสนั่น ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งพุ่งเข้ามาทางชางหลางจากเบื้องหน้า ชางหลางหลบไปอย่างรวดเร็ว ต้นไม้ใหญ่ไม่ได้ทำร้ายเย่เทียนเฉินและหลัวเหว่ยเคอเช่นเดียวกัน ในตอนนี้เองคนทั้งสามต่างมองไปด้านหน้าด้วยความแปลกใจ ทุกที่ต่างมีต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้าล้มอยู่ เดิมทีนี่เป็นป่าที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอย่างหนาแน่นเป็นอย่างมาก ตอนนี้ล้มลงไปเป็นวงกว้างจนสามารถมองรอบด้านบริเวณพันเมตรได้อย่างชัดเจน ต้นไม้แต่ละต้นถูกตัดไปแล้ว การต่อสู้นี้เรียกได้ว่าน่าหวาดกลัวมาก
ซู่ม!
เงาคนร่างหนึ่งกระโดดขึ้น ปรากฏเป็นเส้นโค้งอันงดงามภายใต้แสงจันทร์กลางท้องฟ้า มือขวาออกกระบวนท่าเป็นกรงเล็บ นี่เป็นชายฉกรรจ์ที่สวมชุดลายพรางคนหนึ่ง มองด้วยตาก็สามารถเห็นกล้ามเนื้อบนร่างกายของเขาได้ มากเพียงพอที่จะเห็นว่าพลังการต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งขนาดไหน เต็มไปด้วยความรู้สึกของพลังอันแข็งแกร่งจริงๆ
ซู่ม!
อีกด้านหนึ่ง มีเงาคนอีกคนนึงพุ่งมาเช่นเดียวกัน ดาบใหญ่ในมือขวาระเบิดลำแสงออก ปราณดาบอันแข็งแกร่งทำให้อากาศสั่นสะเทือน ยิ่งไปกว่านั้นยังปรากฏรอยแยกของอากาศอีกด้วย น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ทั่วทั้งท้องฟ้าเต็มไปด้วยใบไม้ที่ปลิวว่อน ดูเละเทะอย่างหาที่เปรียบมิได้
ตู้ม!
คนทั้งสองใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของตนจนระเบิดลำแสงสดใสออกมากลางอากาศ นี่ไม่ใช่เพียงการดวลกันของกระบวนท่าเท่านั้น ที่สำคัญก็คือการปะทะกันของพลัง เสียดแทงเสียจนทำให้ผู้คนลืมตาไม่ขึ้น
หลังจากการต่อสู้กัน ดูเหมือนทั้งสองจะไม่ได้รั้งรอที่จะใช้พลังกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดใส่กันและกัน ต้องการดวลกันถึงขั้นเป็นตาย
“กรงเล็บมังกรฟ้า!” ชายฉกรรจ์ที่สวมชุดลายพรางตะโกนออกมาเสียงดัง ใช้กรงเล็บขวาโจมตีเซนโทอินจากบนลงร่าง
“เพลงดาบสายฟ้าแห่งสำนักโฮคุชินอิตโตริว!” ชายชุดดำที่ดวลกับเขาก็ใช้ภาษาจีนงูๆ ปลาๆ ตะโกนออกมาเช่นเดียวกัน
ครืน!
นี่คือการดวลกันที่แข็งแกร่งที่สุด เย่เทียนเฉิน ชางหลาง และหลัวเหว่ยเคอต่างยืนอยู่ห่างไปร้อยเมตร แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งจนถึงขั้นทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างได้ เมื่อดูจากสภาพแวดล้อมรอบด้านที่ต้นไม้ใหญ่ถูกโจมตีจนหักทั้งหมดก็สามารถมองออกแล้วว่า หากคนธรรมดาเข้าไปใกล้คงทำได้เพียงถูกฟันจนเนื้อแหลกเหลวเท่านั้น สองคนนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
“คนชุดดำคนนั้นแข็งแกร่งมาก ถึงกับสามารถต่อสู้กับหลีหวังที่แข็งแกร่งที่สุดได้โดยไม่ตกเป็นรองเลยแม้แต่น้อย!” หลัวเหว่ยเคอสูดหายใจเย็นยะเยือกแล้วพูดขึ้น
“ดูท่าทางคนคนนี้จะเป็นคนที่ใช้ดาบปักอาไท่จนตาย ความสามารถไม่ได้ด้อยไปกว่านายกับฉันเลย” ชางหลางพยักหน้าแล้วพูดขึ้น
เย่เทียนเฉินมองไปด้านหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาเห็นการต่อสู้ระหว่างชายที่สวมชุดลายพรางและคนชุดดำเมื่อครู่นี้ทั้งหมดแล้ว แม้แต่เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะถอนใจด้วยความตื่นตะลึง คนทั้งสองแข็งแกร่งมากจริงๆ ต่อให้ตอนนี้พลังของเขาจะยกระดับขึ้นจนถึงระดับสูงสุดของขอบเขตจอมราชันแล้วก็ตาม สองคนนี้ก็สามารถต่อสู้กับเขาได้
จากข้อมูลของหลีหวังที่ชางหลางอธิบายให้เย่เทียนเฉินฟังคร่าวๆรวมกับจากการสังเกตของตน เขาดูออกว่าความสามารถของหลีหวังคงจะอยู่ในระดับขุนพลทัพฟ้าชั้นกลาง พวกเขาต่างเป็นคนที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาของพรรควรยุทธโบราณ ความสามารถของหลีหวังไปถึงขอบเขตนักรบอาวุโสแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้ก้าวเข้าไปโดยสิ้นเชิง แต่ขอบเขตพลังใดๆ ก็ตาม ขอเพียงสามารถสัมผัสได้เล็กน้อยก็แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวแล้ว
ในตอนที่เย่เทียนเฉิน ชางหลาง และหลัวเหว่ยเคอพุ่งเข้าไปใกล้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว พบว่ากรงเล็บที่มือขวาของหลีหวังแทงทะลุหน้าอกของคนชุดดำคนนั้น และดาบใหญ่ที่มือขวาของคนชุดดำก็แทงเข้าไปที่หน้าอกของหลีหวังเช่นกัน ทั้งสองยืนเผชิญหน้า จับจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่มีใครขยับ และไม่มีใครลงมืออีก ในตอนนี้เอง พวกเขารู้ว่าตนเองไม่สามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้แล้ว และพวกเขาต่างก็ไม่อยากให้ตนเองตายโดยที่อีกฝ่ายยังมีชีวิตรอดและกลายเป็นขวากหนามให้กับคนที่อยู่ข้างหลังตน
“แกแข็งแกร่งมากสามารถทำร้ายฉันเซนโทอินที่เป็นยอดฝีมืออันดับยี่สิบของสำนักโฮคุชินอิตโตริวได้ แกควรจะภาคภูมิใจแล้ว!” คนชุดดำพูดกับหลีหวังด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“งั้นเหรอ? ในประเทศจีนของฉัน ฉันก็เป็นแค่คนไม่สำคัญคนหนึ่งที่ไร้ชื่อเสียงเท่านั้น ท่าทางความสามารถในการต่อสู้ของประเทศจีนของฉันจะชนะพวกประเทศชิบะของแกไปไกลมาก มีความคิดที่จะบุกรุกเข้ามาแบบนั้นก็มีแต่จะทำให้คนจำนวนมากถูกส่งมาตายเท่านั้น!” มุมปากของหลีหวังมีเลือดไหลออกมาแต่กลับยังคงพูดด้วยรอยยิ้มเรียบเฉย
ตู้ม! หมัดของหลัวเหว่ยเคอต่อยไปยังเซนโทอิน เขาย่อมอยู่ข้างหลีหวัง คิดจะช่วงหลีหวังย่อมต้องโจมตีเซนโทอิน
ไหนเลยจะรู้ว่า ในตอนที่หลัวเหว่ยเคอต่อนออกไป หลีหวังจะตะโกนออกมาเสียงดัง “อย่าขยับมั่วซั่ว…”
แต่ว่าสายไปแล้ว หลัวเหว่ยเคอเองก็เป็นยอดฝีมือที่มีความสามารถแข็งแกร่งเหนือระดับเช่นเดียวกัน เมื่อลงมือก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น รวดเร็วและรุนแรงอย่างมาก จนกระทั่งปะทะเข้ากับศีรษะของเซนโทอิน ต้องการที่จะทำให้ศีรษะของเขาเละเป็นแตงโม
ตู้ม!
เสียงดังลั่นฟ้า หลัวเหว่ยเคอถูกแรงกระแทกจนกระเด็นออกไปทั้งร่าง อีกฝ่ายระเบิดความบ้าคลั่งออกมา ด้านข้างถึงแม้จะถูกหลีหวังควบคุมเอาไว้แต่คนที่กำลังจะตายมัคจะดิ้นรนสุดชีวิต ระเบิดพลังความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ฝ่ามือด้านซ้ายซึ่งมีพลังมากพอที่จะทลายภูเขาได้ตบไปที่หลัวเหว่ยเคอ ในตอนที่ยังไม่ถูกตัวหลัวเหว่ยเคอก็ถูกแรงกระแทกจนปลิวออกไปแล้ว เป็นพลังที่น่าหวาดกลัวถึงขีดสุด