เย่เทียนเฉินร่างกายเต็มไปด้วยเลือดสดๆ จนกระทั่งตอนนี้ เขาได้ใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษที่แข็งแกร่งไปแล้ว นั่นก็คือวิชาเนตรประกายทอง ไม่ใช่ว่าเขาไม่แข็งแกร่งพอ แต่เดิมทีซาโต้ก็มีความสามารถไม่ด้อยไปกว่าเขาอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นซาโต้ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปจนไม่นับว่าเป็นมนุษย์ กลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว อีกทั้งยังกินยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมเข้าไปกำใหญ่ ทำให้ยิ่งแข็งแกร่งและวิปลาสมากขึ้น กระทั่งหัวใจถูกแทงทะลุไปแล้วก็ยังไม่เป็นไร
ซาโต้กระทืบลงไปที่ศีรษะของเย่เทียนเฉิน ต้องการกระทืบศีรษะของเย่เทียนเฉินให้แหลกเหลว มองศีรษะของเขาแหลกเป็นเศษเลือดและตายไปทั้งเป็น
กล่าวตามจริง ในใจของซาโต้ตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก และรู้สึกยากที่จะเชื่อ อีกทั้งยังต้องการฆ่าเย่เทียนเฉินมากยิ่งขึ้น เนื่องจากพลังการต่อสู้ที่เย่เทียนเฉินแสดงออกมาแข็งแกร่งมากเกินไปจริงๆ ไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังการต่อสู้ของเขาก่อนที่จะใช้ยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมเลยแม้แต่น้อย บีบบังคับเขาจนไม่เพียงแต่จะต้องฉีดยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมเข้าไป แต่ยังต้องกินยาลงไปอีกคำใหญ่ในสถานการณ์ที่ร่างกายไม่สามารถรับไหว นับเป็นวิธีการรนหาที่ตายโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นในความคิดของซาโต้ เย่เทียนเฉินจำเป็นต้องตาย ต่อให้จะต้องตายไปด้วยกันกับเย่เทียนเฉินก็ไม่อาจปล่อยคนที่สามารถสร้างหายนะให้คนอื่นๆ ในสำนักโฮคุชินอิตโตริวแบบนี้อยู่รอดต่อไปได้ จินตนาการได้เลยว่า หากมีข่าวลือแพร่ออกไปว่า มีคนที่ทำให้ซาโต้ซึ่งเป็นยอดฝีมือสิบอันดับแรกของสำนักโฮคุชินอิตโตริวต้องฆ่าให้ได้โดยไม่เสียดายที่จะตายไปพร้อมกัน เย่เทียนเฉินคงจะทำให้ใครหลายคนตื่นตกใจเป็นการใหญ่
เมื่อต้องเผชิญกับซาโต้ที่ใช้เท้ากระทืบมายังศีรษะของตน เย่เทียนเฉินทำได้เพียงมองเท่านั้น ไม่มีพลังจะโต้ตอบ ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผล บาดเจ็บสาหัสไปมากกว่าสองในสามส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาได้ฝืนใช้ “เนตรประกายทอง” ยิงไปยังซาโต้หวังฆ่าให้ตายแต่ทำไม่สำเร็จ ส่วนซาโต้ก็กินยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมลงไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ประสาทการรับรู้ของเขาเกิดความผิดพลาดไปชั่วคราว ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ในขณะเดียวกันก็ไม่รู้ว่าซาโต้เป็นอะไร หัวใจถูกแทงทะลุแล้วแต่ยังคงมีชีวิตอยู่
ตู้ม!
เงาของเท้าอันใหญ่โตมโหฬารกระทืบลงไปยังศรีษะของเย่เทียนเฉิน อีกพริบตาเดียวก็จะถึงแล้ว แต่เย่เทียนเฉินทำได้เพียงเบิกตามองเงาเท้าอันใหญ่โตนั้นเคลื่อนลงมา กำลังจะบดขยี้ศีรษะของเขาให้แหลกเหลว
“อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องอย่างอนาถดังขึ้น ในตอนนี้เอง จู่ๆ ซาโต้ก็ตะโกนขึ้นมา เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว พบว่าซาโต้ล้มลงไปที่พื้น ร่างกายอันใหญ่โตล้มลงอย่างฉับพลัน ทั่วทั้งร่างมีหมอกสีดำแผ่ออกมา ราวกับเกิดการลุกไหม้จากภายในมาสู่ภายนอก กลิ้งไปกลิ้งมาไม่หยุด ทั่วทั้งร่างมีเลือดสีดำพุ่งออกมา ดูน่าเกลียดและโหดร้ายเป็นอย่างมาก
“อ๊าก…คาเอดะ คาเอดะ ไอ้สารเลว มันหลอกฉัน…” ซาโต้กรีดร้องคำรามออกมา
เย่เทียนเฉินลุกขึ้นยืน มองไปยังซาโต้ที่กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น ทั่วทั้งร่างมีไอเลือดสีดำพุ่งออกมา รอบด้านเดือดพล่านจากภายในสู่ภายนอก ทรมานเป็นอย่างยิ่ง นี่คือผลข้างเคียงหลังจากที่ใช้ยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรม
“แกรู้ไหมว่าที่ประเทศจีนมีคำโบราณอยู่ประโยคหนึ่ง? ทำความชั่วมาก ย่อมพิฆาตตัวเอง!” เย่เทียนเฉินมองซาโต้แล้วพูดอย่างเรียบเฉย
“อ๊าก ฉันเกลียดมัน ฉันไม่พอใจ คาเอดะอิจิโร่ คาเอดะ ไอ้ลูกเต่า มันหลอกฉัน…ฉัน…”
ตู้ม!
ซาโต้ผู้น่าเศร้า ในตอนที่ยังไม่ทันพูดจบ ทั่วทั้งร่างก็ลุกโชนขึ้นมา ถูกเปลวเพลิงสีดำกลืนกิน นับว่าเขารนหาที่โดยสิ้นเชิง เดิมทียาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมก็มีผลข้างเคียงอยู่แล้ว เพื่อที่จะฆ่าเย่เทียนเฉินให้ได้เขายังเลือกกลืนลงไปกำมือหนึ่งโดยไม่สนใจอะไร ไม่รู้ว่ามีมากน้อยแค่ไหน นับเป็นการรนหาที่ตายอย่างแท้จริง ส่วนที่คาเอดะอิจิโร่หลอกเขาซาโต้ก็คือ การที่เขานำยาชนิดนี้มามอบให้ซาโต้ เป็นการทำร้ายซาโต้ให้ตายทั้งเป็น ไม่อาจไม่กล่าวว่า คนประเทศชิบะโหดเหี้ยมอำมหิตต่อคนกันเอง
ยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมอย่างฉับพลันที่ประเทศชิบะพัฒนาขึ้นมานี้ มีผลเสียต่อร่างกายของมนุษย์เป็นอย่างมาก ล้วนอยู่ในขั้นตอนการพัฒนามาโดยตลอด แต่คนประเทศชิบะล้วนโหดเหี้ยมอำมหิต กระทั่งสามารถฆ่าฟันทำร้ายกันเองได้ นั่นเป็นเรื่องที่ปกติอย่างหาใดเปรียบ เพื่อที่จะพัฒนาพลังการต่อสู้ของร่างกายของตน พวกเขาไม่เสียดายที่จะสละทุกสิ่งทุกอย่าง ต่อให้เป็นตัวเองก็ตาม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย ขอเพียงสามารถบรรลุจุดประสงค์ได้ พวกเขาล้วนไม่เลือกวิธีการ
พันธุกรรมของซาโต้ปรับเปลี่ยนไปเพราะยา นี่เป็นสิ่งที่คาเอดะอิจิโร่มอบให้แก่เขา ซึ่งในนี้คาเอดะอิจิโร่บอกเขาเพียงว่ายาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมสามารถทำให้ความสามารถของเขายกระดับขึ้นได้ในเวลาเพียงพริบตา ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้รู้สึกถึงพละกำลังในช่วงอายุยี่สิบปีอีกด้วย แต่ไม่ได้พูดว่ามีผลข้างเคียงอะไร ทั้งไม่ได้บอกว่าหากใช้ยามากเกินไปจะทำให้ตาย เห็นได้ชัดว่าคาเอดะอิจิโร่คาดเดาไว้แล้วว่าซาโต้จะใช้ยานี้ ดังนั้นจึงจงใจไม่พูดถึงความอันตรายให้ชัดเจน
บางทีคาเอดะอิจิโร่คงคิดจะหยิบยืมความสามารถของซาโต้ฆ่าเย่เทียนเฉินให้ตาย หรือบางทีคาเอดะอิจิโร่อาจจะคิดทำร้ายซาโต้ ถือโอกาสนี้ทำให้ตนได้เข้าไปสู่ตำแหน่งผู้อาวุโสของสำนักโฮคุชินอิตโตริว และกลายเป็นคนที่กุมอำนาจอยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุใด ความอำมหิตของคาเอดะอิจิโร่ก็เป็นสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน
เย่เทียนเฉินมองซาโต้ที่นอนอยู่บนพื้น กลิ้งไปมาทั้งยังกรีดร้องไม่หยุด เขาส่ายหน้าด้วยความเห็นใจ นี่ทำให้เขาเข้าใจในสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือ ความสามารถทั้งหมดที่ได้มาด้วยวิธีลัดมักไม่ยืนยาว อย่างเบาก็ทนทุกข์ทรมานอย่างหนักก็กลืนกินตัวเอง ซาโต้ก็เป็นเช่นนี้ หลังจากที่ฉีดยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันลงไปแล้วความสามารถก็ยกระดับขึ้นในพริบตา ดูแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ซัดเย่เทียนเฉินจนไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบโต้แม้แต่น้อย เกือบจะฆ่าเย่เทียนเฉินได้อยู่แล้ว เพียงแต่ตัวเขาเองสูญเสียสติสัมปชัญญะ กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่ใช่คนไม่ใช่สัตว์ ไม่รู้โดยสิ้นเชิงว่าตัวเองเป็นใคร ภายใต้สภาพแบบนี้ เขากำลังเผาผลาญพลังชีวิตของตน เพียงแต่เป็นไปอย่างเชื่องช้า นอกจากนี้ซาโต้ยังถูกเคล็ดวิชาพลังพิเศษอันเหนือระดับของเย่เทียนเฉินซึ่งก็คือวิชาเนตรประกายทองเข้าไป บีบบังคับให้เขาบ้าคลั่ง เขาไม่เชื่อจริงๆ ว่าหลังจากที่ตนฉีดยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันไปแล้วจะไม่สามารถฆ่าเย่เทียนเฉินได้ เขาที่อยู่ในสภาพบ้าคลั่งจึงใช้ยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันไปอีกกำมือใหญ่ พลิบตาเดียวก็ได้รับพลังที่แข็งแกร่งหาใดเปรียบ เพียงแต่ผลสุดท้ายกลับเป็นการเผาไหม้ตัวเองจนตาย น่าอนาจจนไม่อาจมอง
“อ๊าก…ฉันไม่ยอม…” ซาโต้ตะโกนเสียงดัง เพียงแต่เขาได้เผาผลาญพลังชีวิตจนหมดสิ้นไปแล้ว เปลวเพลิงสีดำนี้ลุกไหม้จากภายในสู่ภายนอก เผาไหม้อวัยวะภายใน เลือดเนื้อ รวมไปถึงกระดูกของซาโต้ ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ช่วยเขาไม่ได้
ในเวลาเพียงไม่ถึงสองนาทีซาโต้ก็กลายเป็นเถ้าถ่านกองหนึ่งโดยสิ้นเชิง ทั่วทั้งร่างถูกแผดเผาไม่เหลือกระทั่งเศษเนื้อ เหลือไว้เพียงรอยประทับรูปคนบนพื้น
“แกไม่ได้ตายด้วยมือของฉัน แต่ตายด้วยมือของตัวแกเอง นี่เป็นจุดที่น่าเศร้าที่สุดของแกแล้ว!” เย่เทียนเฉินกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ
ในตอนเย่เทียนเฉินเดินออกมาจากหุบเขาหมอกทมิฬ พบกับจางหลาน ชางหลาง และหลัวเหว่ยเคอ พวกเขาทั้งสามมีร่างกายที่เต็มไปด้วยการบาดเจ็บ แต่นับว่าสามารถฆ่าราชานักฆ่าทั้งสามคนที่เหลือไปได้ ทำลายคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนที่มาลอบโจมตีทหารหน่วยรบพิเศษของชายแดนไปได้
ในตอนที่จางหลาน ชางหลาง และหลัวเหว่ยเคอเห็นเย่เทียนเฉินซึ่งมีบาดแผลอยู่เต็มร่าง กระทั่งเรียกได้ว่าน่าอนาจจนไม่อาจมองนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเย็นยะเยือก เย่เทียนเฉินแข็งแกร่งขนาดไหนพวกเขาทั้งหมดต่างก็รู้ดี ทำให้พาลคิดไปว่าคู่ต่อสู้ของเย่เทียนเฉินจะร้ายกาจขนาดไหนกัน ซาโต้ ชายชราคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ
หานเจี๋ยยืนอยู่บริเวณไม่ไกลมาโดยตลอด ฝีมือของเธอไม่แข็งแกร่งพอจึงไม่สามารถช่วยอะไรได้ ในตอนที่พวกจางหลานฆ่าราชานักฆ่าทั้งสามคนแล้ว หานเจี๋ยก็ยิ่งเป็นห่วงเย่เทียนเฉิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินเสียงต่อสู้ที่ดังออกมาจากหุบเขา อีกทั้งยังมีเสียงกรีดร้อง หรือกระทั่งเสียงพื้นดินสั่นสะเทือน หานเจี๋ยก็ยิ่งเป็นห่วง เธอรู้ว่าซาโต้แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนกระทั่งไม่อาจจินตนาการได้ เย่เทียนเฉินจะเอาชนะได้หรือไม่เป็นเรื่องที่ไม่อาจคาดเดาจริงๆ
“เทียนเฉิน…ฮือๆ!” ในตอนที่หานเจี๋ยเห็นว่าเย่เทียนเฉินมีบาดแผลอยู่เต็มร่าง มีเลือดชุ่มเสื้อผ้า เธอก็ไม่สามารถระงับอารมณ์ของตนได้อีกต่อไป พริบตาเดียวก็โถมตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเย่เทียนเฉิน ร้องไห้ออกมาเสียงดัง ผู้ชายคนนี้ เพื่อที่จะช่วยเธอ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นผู้ชายคนนี้ยังหล่อและมีจิตใจเด็ดเดี่ยว ต่อให้เป็นผู้หญิงที่ใจแข็งมากกว่านี้ ในชั่วขณะนี้ก็ถูกทำให้ละลายไปแล้ว
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร มันผ่านไปแล้ว!” เย่เทียนเฉินตบไหล่ของหานเจี๋ย พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ในตอนนี้จางหลานก็มองเย่เทียนเฉินด้วยความแปลกใจเช่นกัน ในสายตามีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ตอนแรกเธอคิดว่าเย่เทียนเฉินเป็นผู้ชายที่ปากเสียและแปลกประหลาดคนหนึ่ง สรุปคือไม่อาจพึ่งพาได้ แต่ตอนนี้พบว่าผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ ไม่อาจดูถูกได้เลย เมื่อเทียบกับผู้ชายที่ยโสโอหังไม่เห็นใครอยู่ในสายตา จะทำอะไรก็สามารถรับผิดชอบได้ แต่ในเวลาสำคัญกลับทำอะไรไม่ได้แล้ว เย่เทียนเฉินยังมีความเป็นเอกลักษณ์ของเขา มีหลักการและวิธีการในการกระทำเรื่องราวต่างๆ ของเขา เมื่อผู้ชายคนนี้จริงจังขึ้นมา กระะทั่งเทพแห่งความตายก็ยังทำได้แค่มองแล้วเดินจากไป
นี่คือมุมมองของจางหลานที่มีต่อเย่เทียนเฉินซึ่งเปลี่ยนแปลงไปโดยไม่รู้ตัว เธออดไม่ได้ที่จะนับถือผู้ชายคนนี้ขึ้นมา ในตอนที่ผ่อนคลายก็มีลักษณะเหมือนอันธพาล หยอกล้อก่นด่าอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น แต่เมื่อจริงจังขึ้นมาก็มีเสน่ห์ที่ต่างกันออกไป มักจะทำให้ผู้คนรู้สึกถึงเสน่ห์และความประทับใจที่เหนือคาด
“ขอโทษด้วย ต้องโทษฉัน ฉันไม่ดีเอง…” หานเจี๋ยร้องไห้ออกมา ในใจของเธอรู้สึกผิด ทั้งยังรู้สึกซาบซึ้งใจต่อเย่เทียนเฉิน ผู้ชายที่มาช่วยเธอโดยไม่สนใจทุกสิ่งทุกอย่าง
“วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นไร คืนนี้เข้าหอได้ไม่มีปัญหา!” เย่เทียนเฉินพูดออกมาแล้วหัวเราะ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเย่เทียนเฉิน หานเจี๋ยก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดง จ้องมองผู้ชายคนนี้อย่างดุดัน บาดเจ็บจนมีสภาพแบบนี้แล้วยังมีใจมาล้อเล่นอีก
“น้องชาย นายร้ายกาจมากจริงๆ กระทั่งซาโต้ก็ถูกนายฆ่าไปแล้ว ความสามารถเหนือกว่าพวกเราไปมาก!” หลัวเหว่ยเคอมองเย่เทียนเฉินแล้วกล่าวชื่นชม
“ความสามารถของผมพอๆ กับซาโต้ หรือกระทั่งด้อยกว่าเขาเล็กน้อยด้วยซ้ำ ที่เขาแพ้เป็นเพราะเขาไม่มั่นใจในตัวเอง และยังถูกคนของตัวเองทำร้ายจนตาย ไม่งั้นผมคงเอาชนะเขาไม่ได้!” เย่เทียนเฉินส่ายหน้าแล้วกล่าวขึ้น
เย่เทียนเฉินไม่ใช่คนที่ยโสโอหัง เขาเพียงแค่ทำท่าทางยโสต่อหน้าศัตรูที่ยโสเท่านั้น นี่ก็เพื่อกดดันพลังของศัตรู บางครั้งจึงจำเป็นต้องทำ แต่ในใจของเขาเข้าใจดี ความสามารถของซาโต้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา ต่อให้เขาไปถึงจุดสูงสุดของขอบเขตพลังแล้ว และยังสามารถใช้พลังในขอบเขตจักรพรรดิได้เล็กน้อย ก็ไม่สามารถฆ่าซาโต้ได้ ดังนั้นนี่จึงทำให้เย่เทียนเฉินยิ่งตัดสินใจอย่างแน่วแน่มากขึ้นว่าจะต้องทะลวงขอบเขตพลังให้ได้ ทำให้ความสามารถของตนแข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากบนโลกใบนี้ยังมีคนที่แข็งแกร่งกว่าซาโต้อยู่ เมื่อถึงตอนนั้นการต่อสู้คงดุเดือดรุนแรงมากขึ้น และโหดเหี้ยมอำมหิตมากขึ้น จนถึงขั้นทลายภูผาป่นพสุธา