การต่อสู้กับซาโต้ทำให้เย่เทียนเฉินยิ่งรู้สึกได้ถึงความสำคัญของพลังที่เพิ่มมากขึ้น บางทีบนโลกนี้อาจไม่มีการดำรงอยู่ของผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิ แต่ยังมีบุคคลที่เป็นดั่งเสือหมอบมังกรซ่อนอยู่มากมายแน่นอน
ซาโต้ซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่มีฝีมืออยู่ในสิบอันดับแรกของสำนักโฮคุชินอิตโตริว ความสามารถแท้จริงที่เขามีไม่อ่อนด้อยไปกว่าเย่เทียนเฉินโดยสิ้นเชิง ในตอนที่ทำการต่อสู้ เย่เทียนเฉินสู้เต็มที่แล้ว และดูเหมือนว่าจะใช้พลังที่เหยียบย่างเข้าสู่ขอบเขตจักรพรรดิออกไป แต่ยังคงไม่สามารถฆ่าซาโต้ได้ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของซาโต้ แต่การตายของซาโต้เป็นสิ่งที่ตัวของเขาสร้างขึ้นเอง ในตอนที่ฉีดยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันเข็มแรกเข้าไป พลังของเขาเพิ่มมากขึ้น โจมตีเย่เทียนเฉินจนดูเหมือนว่าเย่เทียนเฉินจะไม่มีพลังตอบโตแล้ว เย่เทียนเฉินจึงต้องใช้วิชาต้องห้ามของตนที่ชื่อว่าวิชาเนตรประกายทองออกไปจนหัวใจของซาโต้ทะลุเป็นรู บีบบังคับให้ซาโต้บ้าคลั่งจนกระทั่งกลืนยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันลงไปขนานใหญ่
หลังจากที่ซาโต้กลืนยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมลงไปคำใหญ่ เย่เทียนเฉินก็ทำได้เพียงตกอยู่ในฐานะที่ถูกโจมตีจนเกือบจะถูกฆ่าตายอยู่แล้ว ไม่ทราบว่าขอบเขตพลังของซาโต้เพิ่มขึ้นกี่เท่า ซึ่งนี่ต้องใช้พลังชีวิตของตนในการแลกเปลี่ยน ต้องการฆ่าเย่เทียนเฉินให้ตาย กล่าวได้ว่าเป็นการเผาไหม้พลังชีวิตของตนเพื่อการโจมตีครั้งสุดท้าย ผลลัพธ์ของข้อแลกเปลี่ยนนี้ก็คือ หลังจากต่อสู้เขาก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก สุดท้ายจึงตกลงสู่จุดจบที่ทำลายตัวเองจนตาย กระทั่งศพก็ไม่หลงเหลือ
เย่เทียนเฉินรู้สึกร้อนใจ เขามีทัศนคติที่ผิดพลาดไปแล้ว ตอนนี้เขาพบว่าบนโลกใบนี้มียอดฝีมือที่เป็นดั่งเสือหมอบมังกรซ่อนอยู่จำนวนหนึ่ง หากพูดถึงสำนักโฮคุชินอิตโตริวที่ซาโต้สังกัดอยู่ ซาโต้นับว่าเป็นยอดฝีมือระดับผู้อาวุโสซึ่งอยู่ในสิบอันดับแรก เหนือเขายังมีบุคคลที่ร้ายกาจยิ่งกว่าอยู่ เฉกเช่นจักรพรรดิดาบที่ชางหลางเคยพูดถึงกับเย่เทียนเฉิน
จักรพรรดิดาบเป็นเจ้าสำนักของสำนักโฮคุชินอิตโตริว หากพูดถึงข้อมูลของจักรพรรดิดาบที่กองทัพจีนมีอยู่ในมือนั้น รู้เพียงว่ามีคนเช่นนี้อยู่เท่านั้น หน้าตาเป็นอย่างไร เตี้ยสูงอ้วนผอม อายุเท่าไหร่ ความสามารถแข็งแกร่งแค่ไหน สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ทราบ กระทั่งจักรพรรดิดาบชื่ออะไรก็ยังไม่เคยรู้
นี่ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกลึกลับมาก จักรพรรดิดาบเป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระดับสูงอย่างแน่นอน ความสามารถย่อมแข็งแกร่งจนถึงขั้นทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้าน จากการคาดเดาของพวกชางหลางในเบื้องต้น ควรจะอยู่ในระดับนักรบศักดิ์สิทธิ์หรืออาจจะสูงกว่าเล็กน้อย หรือว่าจักรพรรดิดาบซึ่งเป็นเจ้าสำนักของสำนักโฮคุชินอิตโตริวคนนี้จะทะลวงไปถึงขอบเขตของนักรบจักรพรรดิแล้ว? ถ้าเช่นนั้นควรจะน่าหวาดกลัวขนาดไหนกัน?
ยิ่งคิดมาถึงตรงนี้เย่เทียนเฉินก็ยิ่งร้อนใจอยากที่จะทะลวงขอบเขตพลังของตน การประมือกับสำนักโฮคุชินอิตโตริวเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ยิ่งไปกว่านั้นประเทศชิบะไม่เคยล้มเลิกความคิดที่จะทำร้ายประเทศจีนของพวกเรา จะต้องมีสักวันหนึ่งที่จะเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างสองประเทศ หากจักรพรรดิดาบลงมือนั่นย่อมเป็นวิกฤติการทำลายล้างที่ยากจะจินตนาการได้ ดังนั้นเย่เทียนเฉินจำเป็นต้องทะลวงขอบเขต เพื่อรอที่จะต่อสู้กับจักรพรรดิดาบในอนาคต
เย่เทียนเฉินที่ใช้วิชา “เนตรประกายทอง” ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาสังหารที่แข็งแกร่งไปแล้ว ในดวงตาทั้งสองมีน้ำตาเลือดอยู่เต็มดวงตา นี่เป็นผลข้างเคียงของเคล็ดวิชาสังหารที่แข็งแกร่ง ตั้งแต่ที่เย่เทียนเฉินได้เรียนรู้ในยามค่ำคืนที่มีพายุฝนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สมบูรณ์ ในตอนที่ความสามารถของซาโต้เพิ่มขึ้นจนไม่สามารถต่อต้านได้ เย่เทียนเฉินจำเป็นต้องใช้เคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งนี้ทำให้หัวใจของซาโต้ทะลุเป็นรู บางทีอาจเป็นเพราะพลังทำลายล้างของเคล็ดวิชานี้ยิ่งใหญ่เกินไป สามารถทะลุทุกสรรพสิ่งได้และมีพลังทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง จึงได้รับความอิจฉาจากสวรรค์ ไม่ยอมให้เย่เทียนเฉินเรียนรู้ได้อย่างสมบูรณ์
ในสภาพที่ยังไม่สมบูรณ์เช่นนี้ ทุกครั้งที่เย่เทียนเฉินใช้ยังมีความรู้สึกที่ราวกับจะทะลวงฟ้าดินได้ หากเรียนรู้ได้สำเร็จ ไม่ใช่ว่าจะสามารถทะลวงจักรวาลให้เป็นรู ฆ่าคนนับร้อยล้านคนได้ในเวลาเพียงชั่วพริบตาหรือ?
“เอาล่ะ ไม่เป็นไรแล้ว พวกเรากลับไปที่เมืองกันเถอะ ฉันว่าสภาพของพวกเราทุกคนจำเป็นต้องได้รับการรักษาสักหน่อย!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้มพลางตบไหล่ของหานเจี๋ย
“อืม!” หานเจี๋ยน้ำตาคลอเบ้า มองรอยแผลทั่วทั้งร่างของเย่เทียนเฉิน รู้สึกปวดใจยิ่งนัก
“ไอ้หนู แกไม่เป็นไรใช่ไหม ต้องให้ฉันแบกแกหรือเปล่า?” ชางหลางอดไม่ได้ที่จะถามด้วยรอยยิ้ม
“ปกติผมไม่ชอบให้ผู้ชายแบก แต่ถ้าเป็นผู้หญิงแบก ผมก็จะลองคิดดู!” เย่เทียนเฉินมองไปทางจางหลาน พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
บนร่างของจางหลานก็มีรอยเลือดเช่นกัน และได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ราชานักฆ่าของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทั้งสี่คนไม่สามารถดูถูกได้ แต่ละคนมีความสามารถแข็งแกร่ง โชคดีที่คนทั้งสี่ไม่ได้ร่วมมือกันต่อสู้ มิฉะนั้นอาศัยคนทั้งสามที่ไม่คุ้นเคยกันเช่นจางหลาน ชางหลาง และหลัวเหว่ยเคอ จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“หน้าไม่อาย ผู้ชายตัวโตต้องการให้ผู้หญิงแบก ไม่อายรึไง?” จางหลานมุ่ยปากเล็กๆ ของตน เป็นการกระทำที่น่ารักมาก ริมฝีปากล่างยื่นออกมาเล็กน้อย
“ฮี่ๆ เธออย่าลืมการเดิมพันระหว่างพวกเราล่ะ เมื่อไหร่จะทำตามสัญญา? ตอนนี้เลยหรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินเห็นท่าทางน่ารักของจางหลานก็อดไม่ได้ที่จะพูดหยอกล้อไปหลายประโยค หัวเราะฮี่ๆ แล้วพูดขึ้นด้วยท่าทางอันธพาลเป็นอย่างมาก
จางหลานรู้สึกจนใจจริงๆ กระทั่งเธอที่เป็นผู้หญิงแปลกก็รู้สึกสิ้นไร้คำพูดจนถึงขีดสุด รู้สึกหดหู่โดยสิ้นเชิง เย่เทียนเฉินคนนี้เพิ่งจะผ่านการต่อสู้เป็นตายมา ในตอนที่ต่อสู้เขาเป็นเทพสังหารที่ฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า ไม่ว่าใครก็รู้สึกถึงความโหดเหี้ยมและความแข็งแกร่งของเขา แต่ตอนนี้ถึงกับมีท่าทางอันธพาลเกียจคร้านขึ้นมา การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ผู้คนร้องไห้ไม่ออกหัวเราะไม่ได้จริงๆ แต่ไม่อาจไม่ยอมรับว่าผู้ชายเช่นนี้มีแรงดึงดูดต่อผู้หญิงมาก มีเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์
“บาดเจ็บไปทั้งตัวแล้ว รักษาชีวิตนายให้ได้ก่อนค่อยว่ากันเถอะ!” จางหลานกรอกตาใส่เย่เทียนเฉินอย่างเป็นเอกลักษณ์แล้วพูดขึ้น
“นี่ คนสวย คำพูดนี้ของเธอไม่นับนะ เกิดเป็นคนจะใจร้ายแบบนี้ไม่ได้!” เย่เทียนเฉินรีบพูดขึ้นมา
“หึ ฉันขี้เกียจจะสนใจนายแล้ว!”
จางหลานทำหน้าเซ็งใส่เย่เทียนเฉิน บิดก้อนของตนคล้ายกับกำลังยั่วยุเย่เทียนเฉินอย่างไรอย่างนั้น ทำให้เย่เทียนเฉินอับจนคำพูดเป็นอย่างมาก
“พี่ พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม?” จางหลานเดินไปข้างกายหานเจี๋ยแล้วถามขึ้นด้วยความใส่ใจ
“พี่ไม่เป็นไร หลานหลาน เธอมาได้ยังไง?” หานเจี๋ยถามด้วยความแปลกใจ
สิ่งที่ทำให้หานเจี๋ยรู้สึกแปลกที่สุดก็คือ จางหลานซึ่งเป็นญาติผู้น้องของตนถึงกับสวมใส่เสื้อผ้าเหมือนคนเมืองที่งดงามและเซ็กซี่เป็นอย่างมากมาที่เขตดึกดำบรรพ์อย่างป่าหมอกดำ ในสถานที่ที่เป็นภูเขารกร้างว่างเปล่าแห่งนี้นับเป็นภาพที่ดูมีเอกลักษณ์มากจริงๆ
“ฉันได้ข่าวมาจากทางบ้าน ก็เลยรีบมาที่นี่ทันที พี่ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว!” จางหลานพูดแล้วยิ้มหวาน
ครอบครัวของหานเจี๋ยเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวทหาร ถึงแม้อำนาจจะไม่สูง แต่ก็มีตำแหน่งสำคัญ ดังนั้นเมื่อหานเจี๋ยเกิดเรื่องจางหลานจึงได้รู้ทันที เธอกับญาติผู้พี่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็กๆ สนิทสนมกันยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆ เสียอีก ดังนั้นจึงมีเหตุการณ์ที่สาวสวยผมลอนคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าเหมือนคนเมืองมาที่ป่าหมอกดำ บางครั้งจางหลานก็เหลวไหลไร้สาระ ไม่เสียทีที่เย่เทียนเฉินตั้งฉายาให้เธอว่า “สาวแปลก”
“พวกเราไปกันเถอะ ที่นี่อยู่นานไม่ได้!” หลัวเหว่ยเคอมองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้น
พวกเย่เทียนเฉินพยักหน้า เดินมุ่งไปยังนอกป่าหมอกดำ ในตอนที่ขึ้นนั่งรถจี๊ปทหาร เย่เทียนเฉินนั่งเอนอยู่ที่ตำแหน่งที่นั่งด้านหลัง หานเจี๋ยและจางหลานนั่งอยู่ข้างเขาทั้งซ้ายขวา ส่วนชางหลางมีหน้าที่ขับรถ หลัวเหว่ยเคอนั่งอยู่ตรงตำแหน่งข้างคนขับ
เย่เทียนเฉินเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุดในหมู่ทุกคน ไหล่ซ้ายขวาทั้งสองด้าน กระดูกไหล่และกระดูกไหปลาร้าถูกฟันหักไปแล้ว เลือดเนื้อเละเทะ อีกทั้งบริเวณเอวท้องก็มีบาดแผลลึกอยู่แห่งหนึ่ง หานเจี๋ยที่ได้เห็นรู้สึกร้อนใจมาก
เดิมทีเมื่ออยู่ในสภาพเช่นนี้เย่เทียนเฉินควรจะน่าอนาจมาก กระทั่งควรจะหมดสติไปแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่มีความรู้สึกอะไรมากนัก นี่ทำให้เย่เทียนเฉินเองรู้สึกแปลกใจ เขาอดไม่ได้ที่จะหลับตาลง มองเข้าไปในร่างกายผ่านพลังพิเศษของตัวเองอย่างเชื่องช้า พบว่าที่บาดแผลบริเวณไหล่ซ้ายขวาและบริเวณท้องกำลังสมานตัวด้วยความเร็วในระดับที่ดวงตามองไม่เห็น นี่จะเหนือคาดเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้เขาไม่มีความสามารถแบบนี้ คนเพียงคนเดียวที่เคยพบและมีความสามารถแบบนี้ก็คือจางอีเต๋อซึ่งเป็นผู้มีพลังพิเศษในสายรักษา ไม่เพียงแต่มีความสามารถแข็งแกร่ง พลังการรักษาตนเองก็เหนือระดับอีกด้วย เป็นอะไรที่แปลกมากจริงๆ
ทันใดนั้นเย่เทียนเฉินพลันเข้าใจขึ้นมา เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมตนได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้แต่ยังไม่มีความรู้สึกมากนัก ท่าทางจะมีสาเหตุมาจากร่างกายพิเศษของจางรั่วถง เธอเป็นหลานสาวของจางอีเต๋อ จะต้องได้รับการสืบทอดพลังอันแปลกประหลาดที่สามารถรักษาตัวเองได้แบบนี้มาจากจางอีเต๋ออย่างแน่นอน กระทั่งอาจจะร้ายกาจกว่าจางอีเต๋อด้วยซ้ำ มิฉะนั้นคงไม่สามารถทำให้ในร่างกายของเย่เทียนเฉินมีพลังการรักษาตัวเองเช่นนี้อยู่ได้
นี่อดไม่ได้ที่จะทำให้เย่เทียนเฉินคิดถึงจางรั่วถงขึ้นมา บางทีสิ่งที่จางรั่วถงมอบให้เขาคงไม่ง่ายแค่ทำให้เขารักษาตัวเองได้เท่านั้น แต่ยังมีสิ่งที่เขาคิดไม่ถึงอีกจำนวนหนึ่งด้วย หากอาศัยแค่ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างชายหญิงทำให้เย่เทียนเฉินมีความสามารถในการรักษาบาดแผลของตัวเองได้แบบนี้ นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“รั่วถง ฉันจะไม่ทำผิดต่อเธอเด็ดขาด!” เย่เทียนเฉินลอบคิดอยู่ในใจ ไม่ว่าเขาในตอนนี้จะชอบจางรั่วถงหรือไม่ จะมีความรู้สึกของชายหญิงกับจางรั่วถงหรือไม่ แต่ผู้หญิงคนนี้เสียสละเพื่อตนเองมากมายขนาดนั้น เพียงแค่ส่วนนี้เขาก็ต้องดูแลเธอไปชั่วชีวิตแล้ว นี่คือเรื่องที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งสมควรกระทำ และเป็นความรับผิดชอบที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งสมควรมี
“เทียนเฉิน นายไม่เป็นไรจริงๆ ใช่ไหม? รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” หานเจี๋ยถามขึ้นด้วยความรู้สึกร้อนใจ เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินที่มีเลือดท่วมตัว เธอก็รู้สึกเป็นกังวล
“ฉัน…”
“พี่ พี่ไม่ต้องไปสนใจเจ้าหมอนี่หรอก พี่ดูดวงตามีชีวิตชีวาทั้งสองของเขาสิ เหมือนเป็นอะไรหรือเปล่า? ไม่ตายหรอก!” จางหลานขัดคำพูดของเย่เทียนเฉิน พูดขึ้นด้วยความเสียดสีเป็นอย่างมาก
เย่เทียนเฉินรู้สึกอับจนคำพูดโดยสิ้นเชิง เดิมทีเขายังคิดจะทำสำออยสักหน่อย แต่ถูกสาวแปลกอย่างจางหลานขัดเอาแบบนี้แล้ว เหมือนกับว่าจางหลานตั้งตัวเป็นศัตรูของเขาโดยเฉพาะ โจมตีเขาไปทุกเรื่อง คอยแขวะเขาตลอด
“ยัยแปลก ตอนนี้ฉันจะบอกเธอด้วยความจริงจังจริงใจและโกรธเคือง เรื่องที่เธอเดิมพันกับฉันจะต้องทำตามสัญญาให้ได้ อย่าได้หลีกเลี่ยงเด็ดขาด ถ้ากล้ามาแขวะฉันอีก ระวังฉันจะเพิ่มกำไรล่ะ!” เย่เทียนเฉินมีท่าทางเหมือนเด็กน้อย จ้องมองไปยังจางหลานแล้วพูดขึ้นอย่างดุดัน
“แล้วยังไงล่ะ? นายรักษาอาการบาดเจ็บให้หายดีก่อนแล้วค่อยพูดเถอะ คุณหนูอย่างฉัน แต่ไหนแต่ไรก็พูดคำไหนคำนั้น ใช่แล้ว ฉันเองก็อยากจะบอกนายเรื่องหนึ่งเหมือนกัน นั่นก็คือ…นายก็เป็นนายแปลกเหมือนกันนั่นแหละ ฮ่าๆ!” ในตอนที่จางหลานพูด ตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างเบิกบานใจ หัวเราะอย่างดีใจและหวานหยาดเยิ้ม