เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ – ตอนที่ 351 ได้รับกระบี่อวี๋ฉาง

กระบี่อวี๋ฉาง กระบี่ฆ่าบิดาสังหารจักรพรรดิ ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างจะไม่อาจขวางกั้นพลังอำนาจของมันได้ ขอเพียงกระบี่ออกจากฝัก ก็จะต้องมีลมปราณพุ่งสู่ท้องฟ้า ไม่ว่าคุณจะเป็นจักรพรรดิหรือเป็นบิดาล้วนต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ดูแล้วไม่มีมนุษยธรรมแม้แต่น้อย โหดเหี้ยมมาก ถึงกับไม่สมควรจะเป็นกระบี่ที่มีอยู่ในโลกนี้ กระทั่งสายสัมพันธ์และมนุษยธรรมเบื้องต้นที่สุดก็ยังไม่ต้องการ กระบี่แบบนี้ถ้าไม่ทำลาย แล้วจะทำอะไรได้อีก?

แต่ในตอนที่เย่เทียนเฉินเตรียมจะใช้ฝ่ามือทำลายกระบี่อวี๋ฉาง เบื้องหน้าของเขาก็ปรากฏภาพเหตุการณ์สองอย่าง หนึ่งคือการสังหารจักรพรรดิ หนึ่งคือการสังหารบิดา เรื่องทั้งหมดของกระบี่ที่สังหารจักรพรรดิฆ่าบิดาล้วนทำเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ช่วยเหลือชีวิตในโลกนี้ นี่ไม่ใช่มนุษยธรรมแต่เป็นคุณธรรม เป็นคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ที่เห็นชีวิตในโลกสำคัญ

พลังของพี่พลังพิเศษของเย่เทียนเฉินไหลเข้าไปในกระบี่อวี๋ฉาง ไม่เหมือนกับตอนที่สยบกระบี่ไท่อาที่ได้รับแรงสะท้อนขนาดนั้น มันไหลเข้าไปในตัวกระบี่อวี๋ฉางอย่างสบายๆ ภายในกระบี่อวี๋ฉางยังคงมีปราณกระบี่ที่แตกต่างกัน บางทีอาจจะเป็นปราณกระบี่ต้นกำเนิดของกระบี่อวี๋ฉาง และยังมีเงาคนที่เหมือนกับในกระบี่ไท่อาทุกกระเบียดนิ้วอยู่ด้วย นี่คงจะเป็นวิญญาณของบุคคลในตำนานที่ใช้กระบี่เทพบรรพกาลทั้ง 10 เล่มคนนั้น หากเย่เทียนเฉินเดาไม่ผิด ในกระบี่บรรพกาลทั้ง 10 เล่ม ในกระบี่ทุกเล่มจะต้องมีวิญญาณของคนคนนั้นอยู่ นั่นคือรอยประทับดั้งเดิมของเขา กระบี่บรรพกาลทั้ง 10 เกิดจากการหลอมของเขา ดังนั้นการควบคุมแรกสุด ย่อมเป็นรอยประทับดั้งเดิมที่เขาหลงเหลือไว้

เย่เทียนเฉินรู้สึกแปลกใจกับบุคคลในตำนานที่ใช้กระบี่บรรพกาลทั้ง 10 เล่มนี้มาก และรู้สึกนับถือด้วย แต่หากต้องการควบคุมกระบี่บรรพกาลทั้ง 10 เล่มนี้ จำเป็นต้องกำจัดรอยประทับดั้งเดิมของคนในตำนานคนนี้ที่อยู่ในกระบี่ไปก่อน กล่าวคือต้องฆ่าไม่ให้เติบโต หรือบางทีอาจจะไม่ต้องใช้วิธีเช่นนี้ก็สามารถควบคุมกระบี่บรรพกาลทั้ง 10 เล่มได้ อย่างไร ก็ตามเย่เทียนเฉินไม่ใช่คนที่ชอบหลงเหลือของของผู้อื่นไว้ ในตอนที่อยู่ดาวสิ้นโลก เขาเคยสร้างเคล็ดวิชาสังหารมามากมาย ตัวอย่างเช่น “หมัดพี่ชายสุดหล่อ” ที่มีพลังแข็งแกร่ง ยังมี “เนตรประกายทอง” ที่กระทั่งตัวเขาเองในตอนนี้ก็ยังไม่อาจควบคุมได้ดีนัก

ในตอนที่สยบกระบี่ไท่อาเย่เทียนเฉินแสดงท่าทีของตนออกไปอย่างชัดเจนแล้ว เขาไม่รับสืบทอด 10 กระบี่บรรพกาลที่คนในตำนานเคยใช้ แต่ทำการหลอมรวมด้วยตัวเอง 10 กระบี่บรรพกาลอาจจะไม่ได้สร้างมาจากมือของบุคคลในตำนานคนนั้น เพียงแต่เขาได้กลายเป็นคนที่ใช้งานคนแรกสุดเท่านั้น เย่เทียนเฉินกำจัดรอยประทับของเขาไปแล้ว และนำกระบี่บรรพกาลทั้ง 10 มาใช้ด้วยตนเองอย่างแท้จริง ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้ก่อนหน้านี้แม้แต่ครึ่งส่วน นี่ร้ายกาจเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าทำให้กระบี่บรรพกาลทั้ง 10 เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องก่อนหน้านั้นแม้แต่ครึ่งส่วน เย่เทียนเฉินเพียงต้องการตัวกระบี่ ไม่ต้องการปราณกระบี่ด้านใน เขาใช้ด้วยตัวเองได้

กล่าวให้ชัดเจนเสียหน่อย 10 กระบี่บรรพกาลไม่ทราบว่าถูกสร้างขึ้นจากผู้ใด และเป็นไปได้มากว่าจะปรากฏขึ้นในยุคสมัยที่แตกต่างกัน ในตอนที่เกิดเป็นกระบี่ ในตัวกระบี่ก็แฝงไปด้วยปราณกระบี่ของฟ้าดิน เพียงแต่ถูกบุคคลในตำนานคนแรกสยบและประทับตราของตนลงไปในตัวกระบี่ เพื่อควบคุมกระบี่บรรพกาลทั้ง 10 เล่มเท่านั้น เย่เทียนเฉินกำจัดรอยประทับของคนคนนี้ไปแล้ว จึงสามารถใช้กระบี่เทพที่ได้รับมาได้อย่างสมบูรณ์

เห็นได้ชัดว่าหากต้องการกำจัดรอยประทับในกระบี่เทพบรรพกาลทั้ง 10 เป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก มิฉะนั้นผ่านมาหลายปีขนาดนี้ 10 กระบี่บรรพกาลอย่างน้อยก็ต้องผ่านเวลามาหลายพันปี ในนี้ถูกผู้แข็งแกร่งของโลกจำนวนหนึ่งใช้งาน แต่พวกเขาก็ไม่ได้กำจัดรอยประทับของบุคคลในตำนานด้านในไป เพียงพอที่จะเห็นได้ว่าบุคคลในตำนานนั้นร้ายกาจขนาดไหน ทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะจินตนาการจริงๆ

ผู้แข็งแกร่งผู้หนึ่งที่เคยมี 10 กระบี่เทพบรรพกาล เท่ากับสยบอาวุธเทพทั้ง 10 ไปได้เพียงผู้เดียว และยังนำกระบี่เทพทั้ง 10 มาสร้างเป็นค่ายกลกระบี่ มีพลังอำนาจในการสังหารเทพมาร คนคนนี้จะอ่อนแอหรือ? ถูกเรียกว่าบุคคลในตำนาน คำนี้เกรงว่าจะไม่เกินไปเลย

ในตอนนี้เอง พลังความคิดของเย่เทียนเฉินก็เข้าไปในกระบี่อวี๋ฉาง ในตอนที่เขาเห็นเงาคนที่หันหลังให้เขานั้น ยังคงหวาดระแวงอยู่มาก ต่อให้มีเพียงเงาประทับเล็กน้อยอยู่ในกระบี่ก็ยังไม่กล้าลำพองใจ นี่เป็นรอยประทับของบุคคลในตำนานที่เคยใช้ 10 กระบี่บรรพกาล เกรงว่าบนโลกใบนี้ คนที่กล้าดูเบาเขาคงจะไม่มี

ตู้ม!

บรรยากาศอันบ้าคลั่งม้วนตลบขึ้นมา เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว พลังพิเศษที่ถูกเขาส่งเข้าไปในกระบี่อวี๋ฉางกลายเป็นฝ่ามืออันใหญ่ ตบเข้าไปที่เงาคนที่ยืนหันหลังให้เขา ต้องการใช้กระบี่อวี๋ฉางอย่างสมบูรณ์ก็ต้องทำเหมือนกับกระบี่ไท่อา คือกำจัดรอยประทับดั้งเดิมที่อยู่ด้านในไปอย่างสิ้นเชิงและสะอาดสะอ้านหมดจดเพื่อให้ตนเองใช้ ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงไม่เกรงใจ เมื่อลงมือก็ลงมือเต็มที่ ต้องการสยบอย่างสมบูรณ์

ถ้าหากตอนนี้มีคนมาเห็นเย่เทียนเฉินจะต้องแปลกใจมากแน่นอน เนื่องจากเย่เทียนเฉินในตอนนี้นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น มือขวากำด้ามกระบี่อวี๋ฉาง ไม่ขยับเขยื้อน หลับตาอยู่อย่างนั้น ดูเหมือนกำลังครุ่นคิด แต่ความจริงกำลังผ่านการต่อสู้ที่อันตรายที่สุดอยู่

ไหนเลยจะรู้ว่า ในตอนที่ฝ่ามือของเย่เทียนเฉินตบลงไปยังวิญญาณที่ยืนหันหลังให้ตน วิญญาณนั้นจะลงมือต่อต้าน แต่ในตอนที่พลังของทั้งสองปะทะกัน พลังทำลายล้างทั้งหมดในตัวกระบี่อวี๋ฉางก็พุ่งออกมาครอบคลุมวิญญาณเอาไว้ หยุดวิญญาณที่จะลงมือกับเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เดิมทีคิดว่าจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก คิดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาสำคัญจะเกิดเรื่องแบบนี้ พลังทำลายล้างในตัวกระบี่อวี๋ฉางถึงกับช่วยตนรับมือกับรอยประทับของคนในตำนานคนนั้น

คิดไปมา โอกาสแบบนี้หาได้ยากยิ่ง หากพลาดไปก็จะต้องกลายเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก และอาจจะตายได้ ดังนั้นการเคลื่อนไหวของเย่เทียนเฉินก็ไม่ได้ชักช้า ใช้ฝ่ามือตบลงไปยังศีรษะของวิญญาณนั้น ทำให้มันสลายไปครึ่งหนึ่ง นี่ทำให้เย่เทียนเฉินต้องสูดหายใจเย็นยะเยือก ตนเองลงมือเต็มกำลังแล้ว เพียงพอที่จะทำให้ภูเขาใหญ่ๆ ลูกหนึ่งแหลกเหลวได้ แต่เมื่อตบลงไปบนวิญญาณนั้น ถึงกับไม่สามารถทำให้สลายไปได้ ช่างอยู่เหนือความคาดหมายจริงๆ

“บุคคลในตำนานนี้แข็งแกร่งจริงๆ นี่แค่เพียงรอยประทับวิญญาณเล็กๆ เท่านั้น และไม่รู้ว่าผ่านไปกี่พันปีแล้ว ถึงกับมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้เชียว ถ้าอย่างนั้นตัวตนจริงๆ ของเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน?” ในใจของเย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะลอบทอดถอนใจขึ้นมา

วิญญาณนั้นเองก็คิดไม่ถึงอย่างเห็นได้ชัด ในตอนที่เขาจะฆ่าเย่เทียนเฉิน ไม่ปล่อยให้กระบี่เทพที่ตนใช้ต้องหายไป พลังทำลายล้างภายในตัวกระบี่อวี๋ฉางจะถึงกับช่วยเย่เทียนเฉินรับมือกับตน ฝ่ามือนี้ทำให้เขาเสียหายอย่างหนัก ไม่สามารถรักษารอยประทับจิตวิญญาณเอาไว้ได้อีกต่อไป เนื่องจาก 10 กระบี่บรรพกาล ในกระบี่ทุกเล่มล้วนมีปราณกระบี่ดั้งเดิมของตนอยู่ กระบี่เทพบรรพกาลทั้ง 10 สามารถดำรงอยู่และกลายเป็นอาวุธเทพได้ หากต้องการใช้กระบี่เทพบรรพกาลทั้ง 10 ก็ต้องทำเหมือนกับเย่เทียนเฉิน คือสยบและหลอมรวมพลังของตนเองเข้ากับกระบี่ รวมเข้ากับพลังดั้งเดิม แต่จะทำให้ถึงขั้นนี้ได้ย่อมยากมาก หากต้องการสยบพลังงานต้นกำเนิดในตัวกระบี่ เดิมทีก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว เนื่องจากในหมู่กระบี่ 10 เทพบรรพกาลทุกเล่มล้วนร่องรอยพลัของผู้แข็งแกร่งที่อยู่ ต่อให้มียอดฝีมือที่หาได้ยากมาสยบปราณกระบี่ดั้งเดิมภายในตัวกระบี่ได้ แต่หากต้องการหลอมรวมและได้รับการยอมรับจากกระบี่อวี๋ฉางนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก การยอมรับนี้ไม่ใช่ว่ายิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งทำได้ ในความคิดเห็นของเย่เทียนเฉิน คนในตำนานที่เคยใช้กระบี่เทพบรรพกาลทั้ง 10 ก็คงไม่เคยเห็นการยอมรับของกระบี่เหล่านี้ เขาต้องนำพลังของตนหลอมรวมเข้าไป มิฉะนั้นปราณกระบี่ดั้งเดิมของกระบี่อวี๋ฉางคงไม่โจมตีรอยประทับของบุคคลในตำนานหรอก

ถูกปราณกระบี่ดั้งเดิมภายในตัวกระบี่อวี๋ฉางกับขังเอาไว้จนไม่สามารถลงมือได้ และถูกฝ่ามือของเย่เทียนเฉินตบลงที่หัว วิญญาณพลันอ่อนแอลงไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้สลายไปทันที เย่เทียนเฉินจ้องวิญญาณนั้น ต้องการมองเห็นใบหน้าคนคนนั้นให้ชัดเจน ทำแบบนี้ถึงจะรู้ว่าบุคคลในตำนานมีหน้าตาอย่างไร แต่ในที่สุดก็มองไม่เห็น พร่าเลือนมาก

“ผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว เจ้ายังไม่ยอมรับข้าจริงๆ หรือเจ้าจะยอมรับคนหนุ่มคนนี้?” วิญญาณพูดออกมาอย่างเรียบเฉยประโยคหนึ่ง ในตอนที่พูดออกมา วิญญาณก็สลายไป หลงเหลือไว้เพียงปราณกระบี่ดั้งเดิมของกระบี่อวี๋ฉางที่ห้อมล้อมเย่เทียนเฉินเอาไว้

เย่เทียนเฉินรับรู้ได้ถึงสัญญาณที่ดีที่กระบี่อวี๋ฉางมีต่อตนเอง หรือจะเป็นเหมือนกับที่วิญญาณของคนในตำนานนั้นพูดจริงๆ กระบี่อวี๋ฉางยอมรับตนแล้ว นี่เป็นการประจบประแจงหรือเปล่า?

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อได้รับกระบี่เทพมาอีกเล่มหนึ่งเย่เทียนเฉินก็รู้สึกยินดีมาก ถึงแม้จะคิดไม่ถึงแต่ก็ยังคงรีบหลอมรวมพลังของตนเข้าไป กระบี่ทุกเล่มใน 10 กระบี่บรรพกาลมีพลังและอำนาจที่น่าเหลือเชื่อ ได้รับมาสองเล่มในเวลารวดเร็วเช่นนี้ เย่เทียนเฉินจะไม่ดีใจได้อย่างไร?

เพียงไม่นานเย่เทียนเฉินก็นำพลังพิเศษของตนหลอมรวมเข้าไปในตัวกระบี่อวี๋ฉาง ยิ่งไปกว่านั้นยังทำการหลอมรวมความรู้สึกของตนเข้าไปด้วย ต้องการใช้กระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางได้อย่างสมบูรณ์ และยังคงหลอมรวมไม่หยุด ขอเพียงมีความคิดกระบี่ก็จะออกจาฝัก นี่เป็นก้าวแรก ความจริงนี่ไม่ใช่เรื่องน่าอัศจรรย์อะไร แต่เป็นควบคุมกระบี่ ใช้พลังความคิดของตนนั่นก็คือพลังจิตมาทำให้วัตถุหรือสิ่งของที่เคลื่อนไหวไปตามการชี้นำของตน ในสังคมปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่ที่ใช้พลังพิเศษในขั้นแรกได้ก็สามารถทำได้แล้ว เพียงแต่เป้าหมายไม่เหมือนกัน รูปลักษณ์ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากต้องการจะควบคุมกระบี่ 10 บรรพกาลซึ่งเป็นกระบี่เทพที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดก็ยากลำบากมาก

ประมาณครึ่งชั่วโมงผ่านไป เย่เทียนเฉินก็ลืมตาขึ้น เขาไม่ได้หลอมรวมพลังดั้งเดิมของตนเข้ากับปราณกระบี่ดั้งเดิมของกระบี่อวี๋ฉางอย่างสมบูรณ์ แต่กำลังใคร่ครวญว่าเสี้ยวหยาต้มบะหมี่เสร็จแล้วหรือยัง ไม่อยากให้เด็กคนนี้รอนาน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เธอต้องรู้สึกโดดเดี่ยว ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงเก็บกระบี่อวี๋ฉางมา เก็บมันเข้าไปในช่องว่างเก็บของของตน ให้มันอยู่ด้วยกันกับกระบี่ไท่อา หากต้องการใช้กระบี่เทพอย่างสมบูรณ์นั้นไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในวันสองวัน ยังต้องการเวลาหลอมรวมและฝึกฝนให้นานถึงจะถูก

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

Status: Ongoing
นิยายแฟนตาซี แปลจีน เกิดใหม่ ต่อสู้ ผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้ามาเกิดใหม่ในร่างของ ‘เย่เทียนเฉิน’ หน่วยรบพิเศษผู้ไม่เอาถ่าน ระหว่างกำลังปฏิบัติภารกิจคุ้มกันตัวผู้บัญชาการสาวหานเจี๋ยกลับประเทศ แม้การเกิดใหม่ครั้งนี้จะทำให้พลังระดับเทพเจ้าลดเหลือเพียงระดับราชัน แต่ขณะที่เผชิญหน้ากับกองกำลังผู้ก่อการร้ายข้ามชาติที่ได้รับมอบหมายให้มาสังหารคนทั้งคู่ เย่เทียนเฉินในร่างใหม่ได้ใช้ความสามารถจากการดูดซับพลังปราณ แสดงฝีมือการต่อสู้อันเป็นเลิศออกมา สร้างความประหลาดใจให้ทั้งศัตรูและมิตรสหายโดยทั่วกัน ประตูสู่การเป็นสุดยอดนักรบเปิดออกแล้ว! แต่เย่เทียนเฉินคนใหม่ยังต้องไล่สะสางปัญหาที่ร่างเดิมก่อเอาไว้เสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นการล้างแค้นญาติพี่น้องผู้ชั่วช้า รับมือกับคู่แข่งทางการเมืองของบิดา หรือกอบกู้ชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลจากความอัปยศในอดีต ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อจะได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวอันอบอุ่นเสียที

Comment

Options

not work with dark mode
Reset