เย่เทียนเฉินได้รู้ข้อมูลจำนวนหนึ่งจากบทสนทนาระหว่างสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณทั้งสามอย่างตงฟางเมิ่ง เซี่ยอวี่เหอ และเทียนซวงเอ๋อร์ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าในหมู่คนทั้งสี่ คนที่มีความสามารถลึกล้ำไม่อาจหยั่งถึงมากที่สุดก็คือชิงเฉิงเยว่และตงฟางเมิ่ง กระทั่งเซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์ก็แข็งแกร่งพอๆ กัน พวกเธอทั้งสี่คนมาจากพรรควรยุทธโบราณคนละพรรค ล้วนเป็นลูกศิษย์รุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งของพรรควรยุทธโบราณ
ตงฟางเมิ่งเป็นลูกศิษย์ของพรรคสุสานโบราณ คัมภีร์ดรุณีหยกของพรรคสุสานโบราณเป็นเคล็ดวิชาที่ไม่ด้อยไปกว่าคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นเลย แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ด้านพรรคสระหยกที่ชิงเฉิงเยว่สังกัดอยู่มีเคล็ดวิชาสังหารอันรุนแรงที่สุดอยู่ซึ่งก็คือวิชาฝ่ามือสะท้านฟ้า ตงฟางเมิ่งเป็นศิษย์ของพรรคมีดบิน ใช้มีดบินสยบทั่วทั้งใต้หล้า รวมกับที่เดิมทีเธอเป็นผู้มีพลังพิเศษคนหนึ่ง ความสามารถพลังพิเศษแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เมื่อรวมเข้ากับเคล็ดวิชาของพรรคมีดบิน พลังโจมตีและพลังป้องกันจึงร้ายกาจมาก ส่วนพรรคเทียนซู่ฉีที่เทียนซวงเอ๋อร์สังกัดอยู่ เดิมทีเป็นพรรคที่รวบรวมข่าวสารและความลับต่างๆ เป็นสำคัญ แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ในยามที่สู้กับเซี่ยอวี่เหอ เทียนซวงเอ๋อร์จะใช้การโจมตีของคัมภีร์เพลิงน้ำแข็งที่สูญหายไปนาน นี่เป็นเคล็ดวิชาที่เล่าขานกันว่าสามารถแช่แข็งทั่วทั้งใต้หล้าได้ ยิ่งไปกว่านั้นมีเพียงคนที่เกิดในปีหยินเดือนหยินเวลาหยินนาทีหยินวินาทีหยินเท่านั้นถึงจะทำการฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ได้
เช่นนี้ก็หมายความว่า เทียนซวงเอ๋อร์เป็นคนที่เหมาะแก่การฝึกคัมภีร์เพลิงน้ำแข็ง เธอเป็นคนที่เกิดในปีหยินเดือนหยินเวลาหยินนาทีหยินวินาทีหยิน เย่เทียนเฉินที่คอยหลบอยู่บนต้นไม้ใหญ่ แอบมองการต่อสู้ระหว่างเซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์ด้านล่างมาโดยตลอด ในใจรู้สึกสั่นสะท้านหาใดเปรียบ เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงทั้งสี่คนของพรรควรยุทธโบราณจะแข็งแกร่งและร้ายกาจขนาดนี้ เดิมทีคิดว่าผู้หญิงทั้งสี่ต่างเป็นสาวงาม สิ่งปกติของสาวงามก็คือ ต่อให้ผู้หญิงทั้งสี่คนนี้ร้ายกาจขนาดไหนก็ต้องมีขีดจำกัด ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะผิดไปแล้ว ความสามารถของสาวงามทั้งสี่แห่งพรรควรยุทธโบราณเหนือกว่าที่เย่เทียนเฉินจินตนาการนัก ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการรู้ที่สุดก็คือตงฟางเมิ่งแข็งแกร่งขนาดไหน และผู้หญิงลึกลับอย่างชิงเฉิงเยว่ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมาจะมีหน้าตางดงามอย่างไร?
การต่อสู้เมื่อครู่นี้ของเซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์เกิดขึ้นในเวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ความสามารถทางการต่อสู้ที่คนทั้งสองระเบิดออกมาทำให้เย่เทียนเฉินตื่นตกใจไปนานแล้ว กระทั่งตงฟางเมิ่งที่นั่งหลับตาขัดสมาธิอยู่ด้านข้างไม่เอ่ยปากพูดอะไรมาโดยตลอดก็ยังอดไม่ได้ที่จะลืมตามอง เธอคิดมาตลอดว่าการประลองในครั้งนี้ชิงเฉิงเยว่เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอ คิดไม่ถึงว่าพลังการต่อสู้ของเซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์จะไม่อ่อนแอไปกว่าเธอเลย
มือขวาของเซี่ยอวี่เหอสั่นสะท้านอย่างรุนแรง หลังจากมือขวาที่ถูกแช่แข็งเกิดการสั่นไหวก็สามารถทำลายเพลิงน้ำแข็งของเทียนซวงเอ๋อร์ไปได้ ทั่วทั้งร่างปรากฏไอสังหารออกมาไม่น้อย การดิ้นรนเมื่อครู่นี้เรียกได้ว่าเซี่ยอวี่เหอเสียเปรียบเล็กน้อย เพียงแต่นี่เป็นจุดที่เซี่ยอวี่เหอโกรธเกรี้ยวที่สุด เธอไม่เห็นความเป็นความตายของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ แต่กลับเห็นชื่อเสียงของพรรคมีดบินสำคัญกว่าชีวิตเธอ
เซี่ยอวี่เหอถูกท่านอาจารย์เลี้ยงดูตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ท่านอาจารย์ก็เหมือนกับพ่อของเธอ คอยสั่งสอนเซี่ยอวี่เหอมาโดยตลอด เซี่ยอวี่เหอที่เติบโตมาในพรรคมีดบินเห็นที่นั่นเปรียบเหมือนบ้านของเธอ ดังนั้นสำหรับคนคนหนึ่ง บ้านย่อมสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด เซี่ยอวี่เหอไม่อนุญาตให้มีเรื่องใดมาทำลายชื่อเสียงของพรรคมีดบินแม้แต่น้อย และยิ่งไม่อนุญาตให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเธอ ดังนั้นหลังจากทำลายเพลิงน้ำแข็งแล้วก็ไม่สนใจว่ามือขวาจะขยับได้หรือไม่ จะใช้พลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาได้หรือไม่ แต่เซี่ยอวี่เหอกลับเริ่มลงมือแล้ว
ชั่วพริบตานั้น ทั่วทั้งป่าเต็มไปด้วยเงาของมีดบิน และเต็มไปด้วยปราณมีด ต่อให้มีลมพัดหญ้าขยับเล็กน้อยก็ถูกปราณมีดฟันจนกระจุย ในตอนนี้เซี่ยอวี่เหอบ้าคลั่งไปแล้ว ต่อให้เป็นเทียนซวงเอ๋อร์ที่ถือดาบน้ำแข็งและโล่น้ำแข็งอยู่ในมือก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองก้าว เธอสัมผัสได้ถึงเจตนาสังหารอันรุนแรง นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้ว ตงฟางเมิ่งต้องการฆ่าเธอจริงๆ การโจมตีนี้ไม่เบาแน่นอน จะต้องแข็งแกร่งและเฉียบคมยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น
เย่เทียนเฉินหลบอยู่บนต้นไม้ใหญ่ เมื่อเห็นตงฟางเมิ่งที่มีความสามารถเพิ่มขึ้นในฉับพลันก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว บางทีในความเห็นของเขาก็เป็นเช่นนี้ สี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณ ชิงเฉิงเยว่และตงฟางเมิ่งแข็งแกร่งที่สุด เซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์รองลงมา แต่หลังจากที่เทียนซวงเอ๋อร์ใช้เคล็ดวิชาที่เรียนมาจากคัมภีร์เพลิงน้ำแข็ง ดูเหมือนความสามารถของเทียนซวงเอ๋อร์ก็ไม่อ่อนแอขนาดนั้น บางทีอาจเทียบได้กับชิงเฉิงเยว่และตงฟางเมิ่งด้วยซ้ำ ส่วนเซี่ยอวี่เหอ ความสามารถส่วนตัวยังแข็งแกร่งไม่พอ การที่เธอร้ายกาจขนาดนี้ล้วนเป็นเพราะเธอเป็นผู้มีพลังพิเศษและยังฝึกฝนเคล็ดวิชาของพรรคมีดบินด้วย เมื่อผ่านการหลอมรวมมาสิบกว่าปีจนสามารถนำพลังพิเศษไปหลอมเข้ากับพลังภายในของพรรควรยุทธโบราณได้จึงปรากฏพลังที่แข็งแกร่งเช่นนั้นออกมา แต่นี่จำกัดอยู่กับความสามารถส่วนตัว ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไรล้วนอ่อนแอกว่าเล็กน้อย
แต่ตอนนี้พลังที่เซี่ยอวี่เหอระเบิดออกมาไม่เกี่ยวข้องกับคำว่าอ่อนแอโดยสิ้นเชิง ร้ายกาจเป็นอย่างมาก กระทั่งเย่เทียนเฉินก็สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวระลอกหนึ่ง ผู้หญิงที่ดูแล้วมีร่างกายผอมบางอ่อนแอกลับไม่ใช่ผู้หญิงที่ไร้ความสามารถเหมือนไม้ประดับพวกนั้น ในตอนนี้ทำให้เย่เทียนเฉินต้องเก็บท่าทีล้อเล่นกลับมาแล้ว เขาเข้าใจดีว่าสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณไม่มีแม้แต่คนเดียวที่หาเรื่องได้ เก็บท่าทีล้อเล่นกลับมาแล้วใส่ใจให้ดีเถอะ!
“หึ เธอคิดว่าทำแบบนี้แล้วแข็งแกร่งมากหรือไง? ยังห่างกันมากนัก!”
เทียนซวงเอ๋อร์แค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง เพิ่งจะพูดออกมา โล่และดาบน้ำแข็งก็ถูกเก็บไป ในขณะเดียวกันก็ประสานมือทั้งสองเข้าด้วยกัน บริเวณกลางฝ่ามือมีประกายน้ำแข็งอันเย็นยะเยือกปรากฏขึ้นระลอกหนึ่ง ผลักออกไปทางด้านเซี่ยอวี่เหอ ภาพอันน่าตื่นตะลึงอุบัติขึ้นแล้ว ทุกทีที่ประกายเย็นยะเยือกบริเวณฝ่ามือทั้งสองของเทียนซวงเอ๋อร์เคลื่อนผ่านล้วนถูกแช่แข็ง กระทั่งอากาศก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น กระทั่งฝุ่นที่ลอยอยู่กลางอากาศ ใบไม้ที่ปลิวว่อนอยู่กลางอากาศก็ถูกแช่แข็งอยู่กลางอากาศเช่นนั้น ดูแล้วงดงามอย่างมาก แต่ก็น่าหวาดกลัวเช่นเดียวกัน นี่เป็นลมปราณระดับไหนกัน สามารถแช่แข็งทุกสิ่งทุกอย่างได้จริงๆ พลังอำนาจที่สามารถแช่แข็งทั่วทั้งโลกได้ หากโดนเข้าเข้าไปไม่เท่ากับตายหรือ?
เพียงแต่พลังอำนาจของเซี่ยอวี่เหอยังคงไม่ลดลง หมัดทั้งสองกำแน่น บนมีดบินทุกเล่มที่ลอยอยู่ข้างกายปรากฏความผันผวนของพลังอันแปลกประหลาดขึ้นมา บางทีนี่อาจจะเป็นพลังพิเศษประเภทหนึ่ง ตงฟางเมิ่งและเทียนซวงเอ๋อร์แปลกใจมาก แต่เย่เทียนเฉินกลับไม่รู้สึกแปลกประหลาด นั่นคือพลังพิเศษ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเซี่ยอวี่เหอจะทำได้ถึงขั้นนี้ สามารถนำพลังพิเศษไปหลอมรวมในมีดบินได้ และด้วยวิธีนี้ ทำให้อย่างน้อยก็มีมีดบินนับร้อยเล่มที่ผสานพลังพิเศษเข้าไป ถ้ามีดเหล่านี้พุ่งเข้าไปมุ่งสังหารศัตรูด้วยกัน พลังอำนาจไม่ใช่อะไรที่จะจินตนาการได้
ฟิ้วๆๆ…
ครืน…
พลังอันแข็งแกร่งปะทะกันอย่างรุนแรง เซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์ดวลกันด้วยเคล็ดวิชาเป็นตาย ด้านหนึ่งคือมีดบินจำนวนนับไม่ถ้วนที่คละเคล้าไปด้วยพลังพิเศษ มุ่งสังหารไปยังเทียนซวงเอ๋อร์ทั้งหมด ส่วนทางด้านเทียนซวงเอ๋อร์ ประกายเย็นยะเยือกที่ระเบิดออกมาจากมือทั้งสองล้วนเคลื่อนไปทางตงฟางเมิ่ง ปะทะเข้าด้วยกันจนสะเทือนฟ้า ทำให้เย่เทียนเฉินอดไม่ได้อยากจะไปให้ไกลสักหน่อย เรื่องที่น่าเศร้าที่สุดในชีวิตมนุษย์ก็คือ หลบแล้วยังโดนปืน คนอื่นสู้กัน คุณดูอยู่ข้างๆ แต่กลับถูกต่อย นั่นเป็นเรื่องน่าขำจริงๆ
สิ่งที่ทำให้คิดไม่ถึงก็คือ การต่อสู้กันครั้งใหญ่ของเซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์ เกิดเสียงระเบิดจากการปะทะกันของพลังเบาๆ เท่านั้น ส่วนเซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์ก็ถูกการผันผวนของพลังอันรุนแรงจากอีกฝ่ายชนกระเด็นออกไป เย่เทียนเฉินรู้สึกแปลกประหลาดยิ่งนัก พลันพบว่าภายในป่าแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยค่ายกลอันแปลกประหลาด สามารถทำให้พลังที่ปะทะกันอย่างรุนแรงเลือนหายไปได้จึงไม่ทำให้ที่นี่เสียหาย
ดูท่าทางการประลองของผู้หญิงทั้งสี่แห่งพรรควรยุทธโบราณจะถูกจัดเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างมานานแล้ว และใคร่ครวญถึงการปะทะกันอย่างรุนแรงของคนทั้งสี่มาแล้วด้วยว่าอาจจะทำลายภูเขาหลังมหาวิทยาลัยหลงเถิง ดังนั้นจึงวางค่ายกลคลุมที่นี่เอาไว้
เมื่อพูดถึงค่ายกล เย่เทียนเฉินก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่และประหลาดใจ ในตอนที่อยู่ดาวสิ้นโลกมีพรรควรยุทธโบราณอยู่เป็นจำนวนมาก พรรควรยุทธโบราณเหล่านี้เทียบได้กับพรรควรยุทธโบราณในโลกปัจจุบันและยังแข็งแกร่งกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ หลังจากที่เย่เทียนเฉินได้มาเกิดใหม่ในโลกใบนี้ก็เคยถามจางอีเต๋อเกี่ยวกับเรื่องของพรรควรยุทธโบราณมาก่อน ในประเทศจีนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ค่ายกลเป็นเรื่องที่ถูกเล่าขานมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลของพรรควรยุทธโบราณหรือค่า ยกลแปรทัพทหารในการต่อสู้สมัยโบราณก็ตาม ค่ายกลเหล่านี้ถูกเล่าขานกันมาอย่างต่อเนื่อง บางค่ายกลใช้ในการป้องกัน บางค่ายกลเป็นวิชาการโจมตีสังหาร ค่ายกลแต่ละอย่างมีความสามารถที่แสดงออกมาแตกต่างกันไป นี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร
การดวลกันครั้งใหญ่นี้ทำให้เซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์กระเด็นออกไป ร่วงลงสู่พื้นอย่างรุนแรง มุมปากของทั้งสองมีเลือดสดๆ ไหลออกมา แต่ที่ทำให้ต้องตกใจก็คือ ในชั่วขณะที่ผู้หญิงสองคนนี้ร่วงลงสู่พื้นต่างไม่มีใครหยุดมือ พลิกตัวขึ้นมาโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตน จากนั้นก็พุ่งเข้าหาอีกฝ่ายมุ่งสังหาร ในตอนนี้ไม่มีอะไรหยุดได้แล้ว และไม่สนใจว่าตงฟางเมิ่งจะเป็นเฒ่าหาปลาคอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์หรือไม่ ระหว่างพวกเธอสองคนเกิดเพลิงแห่งต่อสู้อย่างแท้จริง ไม่คุณตายฉันก็ม้วย
ตู้มๆ ๆ …ในเวลาไม่ถึง 5 นาที เซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์สู้กันไปนับ 100 กระบวนท่าแล้ว ทุกกระบวนท่าสั่นสะเทือนอากาศไปทั่วทุกสารทิศ ในตอนที่พลังปะทะกันทำให้ผู้คนตื่นตะลึงยิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นตงฟางเมิ่งที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนก้อนหินใหญ่หรือจะเป็นเย่เทียนเฉินที่หลบอยู่บนต้นไม้คอยสังเกตความลับทุกอย่างนี้ก็ตาม ต่างพากันจับจ้องโดยไม่ละสายตา มองกระบวนท่าของเซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์ ทำให้เข้าใจและสร้างเสริมประสบการณ์การต่อสู้จริงของตน
ตู้ม!
หลังจากเสียงอันดังสนั่นผ่านไป เซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์ต่างถูกอีกฝ่ายต่อยเข้าคนละหมัดจนกระเด็นออกไปและร่วงลงสู่พื้น จ้องมองอีกฝ่ายอย่างดุดัน ความสามารถของพวกเธอทั้งสองพอฟัดพอเหวี่ยงกัน ต่างแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หน้าอกซ้ายของเซี่ยอวี่เหอถูกเพลิงน้ำแข็งแช่แข็ง ส่วนหน้าอกขวาของเทียนซวงเอ๋อร์ก็มีเลือดไหลออกมา ทั้งสองบาดเจ็บกันไม่น้อย
“ฉันยังไม่มา พวกเธอสองคนก็สู้กันถึงขั้นเป็นตายแล้วเหรอ ถ้าฆ่าพวกเธอไปแบบนี้จะมีความหมายอะไร?”
ในตอนนี้เอง มีเงาร่างงดงามร่างหนึ่งร่วงลงมาจากฟ้า บรรยากาศราวกับเซียนสวรรค์กำลังโบยบิน เย่เทียนเฉินมองจนตกตะลึง บนร่างของผู้หญิงคนนี้ไม่มีการผันผวนของไอสังหารที่แข็งแกร่ง แต่กลับมีความรู้สึกที่ทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้ หรือว่าเธอจะเป็น…