เมื่อคืน หลังจากที่เย่เทียนเฉินฆ่าพวกหลี่เถี่ยแล้ว ก็กินบาร์บีคิวและดื่มเบียร์กับหูหลงที่ร้านบาร์บีคิวข้างทางข้างนอก กลับมาถึงบ้านก็รู้สึกว่าท้องยังหิวอยู่ จึงกินเป๋าฮื้อและกุ้งมังกรที่ฉีหรูเสวี่ยใส่ตู้เย็น ทั้งหมดถูกปล้นและจัดการจนสะอาดไม่เหลือ
เย่เทียนเฉินหาวก่อนเปิดประตูห้องนอน เดินออกไปโดยสวมกางเกงขาสั้นและเสื้อกล้าม เพิ่งจะลงไปชั้นล่างก็เห็นฉีหรูเสวี่ยทำหน้าบึ้งตึง จ้องมายังตนเองอย่างโหดร้าย ท่าทีเช่นนั้นราวกับแม่เสือสาว เพียงแต่เป็นแม่เสือที่งดงามเพียงอย่างเดียว
“เย่เทียนเฉิน เจ้าหัวขโมย บอกมา นายแอบกินเป๋าฮื้อกับกุ้งมังกรของฉันใช่ไหม?” ฉีหรูเสวี่ยกล่าวถามพลางใช้ดวงตาอันงดงามจ้องเย่เทียนเฉินอย่างโหดร้าย
“ไม่ใช่สักหน่อย เมื่อคืนฉันกลับมาก็นอนเลย จะมีเวลาว่างไปกินอาหารขยะพวกนี้ที่ไหนเล่า!” เย่เทียนเฉินพูดพลางกรอกตาใส่ฉีหรูเสวี่ย
เมื่อเห็นว่าเย่เทียนเฉินไม่ยอมรับ และเดินไปล้างมือในห้องน้ำด้วยตัวเองแล้ว ฉีหรูเสวี่ยก็โกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากจะใช้ฟันเล็กๆ กัดเย่เทียนเฉินสักหลายคำ รีบใช้สายตาเหยียดหยามมองไปยังเย่เทียนเฉินพลางกล่าวว่า “ถ้าไม่ใช่ว่านายแอบกินแล้วยังจะมีใครอีก คุณป้ากับน้องสาวไม่ทำเรื่องแบบนี้แน่ ต้องเป็นนายแน่นอน ชั่วร้ายมาก ยังจะมาบอกว่าไม่ได้กินของที่ผู้อื่นทำ แอบกินตอนดึกแน่ๆ!”
“ใครแอบกินกัน? อย่าพูดว่าฉันแอบกิน ต้องพูดว่าฉันกินไปแล้ว นั่นเป็นการกินที่เที่ยงธรรมและบริสุทธิ์ใจ เธออย่าลืมว่านี่เป็นบ้านของฉัน ไม่ใช่บ้านของเธอ ไม่ใช่ว่าเธอจะไปแล้วเหรอ? ทำไมยังไม่ไปอีกล่ะ? จะอยู่ถึงเมื่อไร?” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางมองฉีหรูเสวี่ยอย่างอับจนคำพูด
ได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน ฉีหรูเสวี่ยก็รู้สึกว่าจิตใจได้รับการทำร้ายอย่างแรง หากไม่ใช่เพราะตนเองพยายามช่วงชิงความสุขอันอิสระเสรี เหตุใดจะต้องมาอยู่ที่ตระกูลเย่และไม่ยอมจากไปด้วย? จะดีจะร้ายตนเองก็เป็นคุณหนูสูงศักดิ์ เป็นคนมีชื่อเสียงพอๆ กับหลิ่วหรูเหมยที่เป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งจิงตู ยังจะคิดจริงๆ หรือว่าตนเองอยากจะใส่ร้ายเย่เทียนเฉิน?
คิดถึงตรงนี้ ฉีหรูเสวี่ยก็อยากจะออกจากตระกูลเย่ทันที แต่ว่าเห็นท่าทีพออกพอใจของเย่เทียนเฉินที่ดูราวกับว่าอยากไล่ให้ตนเองจากไป ใบหน้าที่เดิมทีโกรธเคืองเป็นอย่างมากของฉีหรูเสวี่ย ก็พลันปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีใครกล้าทำกับเธอฉีหรูเสวี่ยเช่นนี้ ไม่มีชายใดไม่สนใจเธอเช่นนี้ ทำให้ฉีหรูเสวี่ยแอบสาบานในใจอย่างลับๆว่า ‘เย่เทียนเฉิน ไอ้คนไม่มีอีคิว ไม่รู้จักรักหยกถนอมบุบผาสักนิด งั้นก็ดี ฉันจะทำให้นายหลงรักคุณหนูใหญ่อย่างฉัน จากนั้นก็ทิ้งนายซะ ให้นายรู้ถึงความร้ายกาจของคุณหนูอย่างฉัน!’
“เฮอะ นายสนใจฉันเมื่อไรกัน ฉันอยากจะอยู่นานแค่ไหนก็จะอยู่นานเท่านั้น!” ฉีหรูเสวี่ยกล่าวพลางมองเย่เทียนเฉินอย่างเหยียดหยาม มุมปากประดับไปด้วยรอยยิ้มยั่วยุ
“ไม่ได้สิ เธอจะเห็นที่นี่เป็นบ้านของเธอจริงๆ หรือไง? รู้ไว้ด้วยว่านี่คือบ้านฉัน ไม่ใช่บ้านเธอ!” เย่เทียนเฉินรู้สึกเลื่อมใสใบหน้าหนาๆ ของฉีหรูเสวี่ยจริงๆ ไล่ไม่ไปจริงๆ เลย!
“งั้นเหรอ? งั้นนายไปถามความเห็นของคุณป้ากับน้องสาวก่อนเถอะ มีแค่นายคนเดียวที่อยากไล่ฉัน แบบนั้นไม่ได้หรอกนะ” ฉีหรูเสวี่ยพูดพลางทำหน้าทะเล้นอย่างน่ารักใส่เย่เทียนเฉิน
เย่เทียนเฉินมองฉีหรูเสวี่ยอย่างอับจนคำพูด และยังรู้สึกเลื่อมผู้หญิงคนนี้ด้วยใจจริง สวย เซ็กซี่ แต่กลับดุร้ายป่าเถื่อน ไม่เหมือนกับหญิงชั้นสูงคนอื่นๆ ทนไม่ได้กับความอยุติธรรมแม้เพียงครึ่งส่วน โดยเฉพาะปากที่หลอกลวงแม่และน้องสาวจนอยู่หมัด ทำให้ตอนนี้ตำแหน่งฐานะของตนเองในบ้านด้อยลงทุกวัน ทั้งหมดล้วนแต่เป็นฉีหรูเสวี่ยทำ
“ฉันขี้เกียจสนใจเธอแล้ว ตอนนี้ฉันจะถ่ายหนัก เธอจะเข้าไปกับฉันไหม?” เย่เทียนเฉินกล่าว จงใจทำให้ฉีหรูเสวี่ยรู้สึกรังเกียจ
“นาย…น่ารังเกียจ หยาบคาย ไอ้คนชั้นต่ำ ฉันจะแจ้งความจับนายเดี๋ยวนี้เลย ในเมื่อนายไม่ต้อนรับฉันให้เข้ามาอยู่ งั้นก็อย่ากินอาหารที่ฉันทำ ถ้ากล้าแอบกินอีกล่ะก็ นายก็ไปเป็นหมาซะ!” ฉีหรูเสวี่ยกล่าวอย่างโหดร้าย
ปัง!
เย่เทียนเฉินไม่โต้เถียงกับฉีหรูเสวี่ยอีก ฝีปากของผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งมาก คนธรรมดาไม่อาจต่อกรด้วยได้ จึงเดินเข้าไปในห้องน้ำและปิดประตู ตอนนี้เขากำลังคิดอยู่ว่า ตนเองได้ฆ่าหลี่เถี่ยที่เป็นหัวหน้ากลุ่มอิทธพลใต้ดินไปแล้ว ตระกูลฉินควรจะมีปฏิกริยาอย่างไร? เทปบันทึกเสียงทั้งสามกล่องนั้น ไม่ทราบว่าข้างในมีเนื้อหาอะไรอยู่ รอหลังจากที่กินข้าวเช้าเสร็จ จะลองไปฟังดูสักหน่อย
ตอนที่กินข้าวเช้า เย่เทียนเฉินย่อมพบกับการปฏิบัติที่ไม่ยุติธรรม ไข่เจียวที่ฉีหรูเสวี่ยทำมีแค่สองฟอง ไม่มีส่วนของเย่เทียนเฉิน ทำให้เย่เทียนเฉินโกรธจนแทบจะคว่ำจาน นี่มันเกินไปแล้ว เดิมทีตนเองเป็นคนกินเยอะอยู่แล้ว ตอนที่ฉีหรูเสวี่ยยังไม่มา แม่ก็ทำอาหารอร่อยทุกวันทุกมื้อ หลังฉีหรูเสวี่ยมา ส่วนใหญ่ก็มีเธอเป็นคนทำอาหาร เนื่องด้วยเย่เทียนเฉินผิดใจกับฉีหรูเสวี่ย ดังนั้นเขาย่อมถูกรังแกในเรื่องอาหารแน่นอน
สุดท้ายก็เป็นหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่ที่นำส่วนของตนเองให้เย่เทียนเฉิน ถึงทำให้เย่เทียนเฉินกับฉีหรูเสวี่ยหยุดการปะทะฝีปากกันได้ แต่เย่เทียนเฉินจะกินส่วนของแม่อย่างสบายใจได้ที่ไหนกัน จึงเดินออกไปจากคฤหาสน์ เตรียมไปซื้ออาหารเช้าข้างนอกกิน
ซื้อปาท่องโก๋มาสองตัว รวมกับน้ำเต้าหู้หนึ่งแก้ว เย่เทียนเฉินกินไปพลางเดินเล่นในเขตคฤหาสน์ไปพลาง เดินไปจนถึงด้านนอกประตูของร้านเป้ยเฟิงเซวียนโดยไม่รู้ตัว คิดว่าไม่มีเรื่องอะไร จึงเดินเข้าไปข้างใน เห็นว่าข้างในมีคุณชายอยู่ไม่น้อย กำลังถกกันถึงประเด็นโด่งดังสองประเด็นที่เพิ่งจะเกิดขึ้นในจิงตู ประเด็นร้อนสองประเด็นนี้ต่างก็มีความเกี่ยวข้องกับเย่เทียนเฉินทั้งสิ้น
เย่เทียนเฉินหาตำแหน่งที่ไม่มีใครพบเช่นเดิมก่อนจะนั่งลง กินปาท่องโก๋ไปพลางดื่มน้ำเต้าหู้ไปพลาง ฟังคำสนทนาของคุณชายที่อยู่ในเขตคฤหาสน์เหล่านี้ เขาพบว่าที่นี่สามารถได้ยินข่าวสารที่มีค่าไม่น้อยเลยจริงๆ ดูแล้วภายหลังคงต้องมาบ่อยๆ
“พวกนายได้ข่าวไหม? เมื่อคืนนี้หลี่เถี่ยที่เป็นหัวหน้ากลุ่มอิทธิพลใต้ดินของจิงตู ถูกคนฆ่าตายไปแล้ว!”
“ถูกคนฆ่าตาย? ใครเป็นคนทำ? จะร้ายกาจเกินไปรึเปล่า?”
“ร้ายกาจแค่ไหนงั้นเหรอ ได้ยินว่าข้างในคฤหาสน์ที่หลี่เถี่ยอาศัยอยู่ รวมหลี่เถี่ยแล้ว ที่ตายไปก็มีสามสิบกว่าคน พวกนั้นทั้งหมดเป็นนักฆ่าอัจฉริยะ ทุกคนพกปืน ฝีมือแข็งแกร่ง ไม่คิดเลยว่าทั้งหมดจะถูกคนฆ่าไปแล้ว!”
“ส่วนที่ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงไม่ใช่ตรงนั้น แต่เป็นหลี่เถี่ยกับลูกน้องสามสิบกว่าคนของเขา ทั้งหมดถูกฆ่าตายภายในคฤหาสน์ คิดไม่ถึงว่ารอบๆ กลับไม่มีใครได้ยินเสียงปืนและเสียงต่อสู้เลยสักคนเดียว ช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน!”
การถกกันของคุณชายเหล่านี้ เย่เทียนเฉินได้ยินทั้งหมด มุมปากปรากฏรอยยิ้มสายหนึ่ง ดูท่าแล้วหลังจากที่พลังพิเศษของตนทะลวงไปถึงระดับจอมราชันแล้ว พลังเขตแดนปิดกั้นที่ใช้ก็ถึงระดับที่สามารถปิดล้อมได้อย่างแน่นหนาแล้ว แม้ว่าขอบเขตจะยังไม่มาก แต่ในขอบเขตที่มีผลก็สามารถปิดกั้นเสียงทั้งหมดที่เอ่อล้นออกมาได้ หากว่าสามารถทะลวงขอบเขตพลังได้อีกครั้ง ก็จะสามารถขยายขอบเขตให้ใหญ่มากยิ่งขึ้น
“ข่าวนี้ไม่ถือว่าเป็นข่าวใหญ่ ฉันยังมีอีกข่าวหนึ่งที่น่าตกตะลึงกว่าอีก พวกนายจะฟังไหม?” ตอนนี้ ชายวันรุ่นตัวอ้วนตุ๊ต๊ะคนหนึ่งกล่าวถามพลางยิ้ม
“อะไรน่าตกตะลึง?”
“นายโม้รึเปล่า ยังที่ข่าวที่ครึกโครมยิ่งกว่าหลี่เถี่ยหัวหน้ากลุ่มอิทธิพลใต้ดินของจิงตูถูกฆ่าอีกเหรอ?” มีคนกล่าวถามอย่างไม่เชื่อ
ชายร่างอ้วนยิ้มอย่างจองหอง มองคุณชายคนอื่นๆ หลายคนที่นั่งอยู่แล้วกล่าวว่า “ข่าวพวกนี้ของพวกนาย จริงๆ มันล้าหลังไปแล้ว หลี่เถี่ยเป็นสุนัขรับใช้ของตระกูลฉินนั้นไม่ผิด แต่ว่าคนที่มีความแค้นกับหลี่เถี่ยนั้นมีเยอะ ถูกฆ่าไปก็ไม่แปลก ไม่แน่ว่าจะเป็นเหมือนที่พวกนายคิดหรอก ที่ว่ามีคนต้องการต่อต้านตระกูลฉิน”
“งั้นนายพูดมาสักหน่อยสิ ข่าวของนายที่ชวนตกตะลึงมันคืออะไรกันแน่?”
“ฉันคิดว่าเป็นไปไม่ได้หรอก ข่าวของกลุ่มพวกเราไม่นับว่าล้าหลังแล้ว จิงตูมีเรื่องอะไร พวกเราจะไม่รู้เหรอ?”
“ชิ ข่าวนี้ของพวกนาย มันไม่มีประเด็นอะไรให้พูดแล้ว ฉันจะบอกพวกนายตามจริง เมื่อคืนนี้ลั่วเทากับลั่วเหลยถูกคนฆ่าตาย อีกอย่างคนลงมือยังทิ้งข้อความไว้ที่สถานที่เกิดเหตุแถวหนึ่ง พวกนายเดาดูสิว่าเป็นใคร?” ชายร่างอ้วนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อะไรนะ? ไม่จริงใช่ไหม ลั่วเหลยกับลั่วเทาถูกคนฆ่าแล้ว?”
“พระเจ้า ใครกล้าฆ่าคนตระกูลลั่ว ลั่วซงเฉิงไม่ใช่คนเคี้ยวง่าย นี่จะต้องทำให้เกิดความโกลาหลแน่!”
“เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง ข่าวใหญ่ระเบิดขนาดนี้ ทำไมพวกเราไม่เคยได้ยิน?”
เย่เทียนเฉินได้ยินข่าวนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปชั่วครู่ เขาไม่ได้คาดการณ์ว่าอู๋เสวี่ยจะฆ่าลั่วเหลยและลั่วเทาจริงๆ เดิมทีคิดว่าอู๋เสวี่ยไม่กล้าไป บางทีอาจจะต้องพิจารณาดูสักหน่อย คิดไม่ถึงว่าจิตใจของคนๆ นี้จะกล้าหาญ และยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย ตอนนี้เกรงว่าตนเองต้องพิจารณาสักหน่อยว่าจะช่วยหยางไห่พ่อบุญธรรมของอู๋เสวี่ยออกมาจากคุกได้อย่างไร ไม่สามารถผิดคำพูดกับผู้อื่นได้!
“เรื่องนี้ถูกตระกูลลั่วปิดไว้ เพราะคนที่ฆ่าลั่วเทากับลั่วเหลย แม้ว่าอำนาจอิทธิพลในจิงตูจะไม่มาก หรืออาจพูดได้ว่าเบื้องหลังครอบครัวไม่ยิ่งใหญ่ แต่ว่าการกลับมาของคนๆ นี้ ทำให้กลุ่มอำนาจต่างๆ ตรวจสอบเขาอย่างลับๆ แล้ว พวกนายสามารถเดาได้ว่าคนๆ นี้เป็นใคร…” ชายร่างอ้วนยิ้มพลางกล่าวอย่างสบายๆ ไม่รีบร้อน
“คนๆ นี้จะรุนแรงเกินไปรึเปล่า ถึงกับกล้าฆ่าลั่วเหลยกับลั่วเทา ลั่วซงเฉิงขึ้นชื่อเรื่องถือหางพรรคพวกของตัวเอง จะต้องฆ่าคนๆ นี้เพื่อแก้แค้นหลายชายของเขาแน่!”
“คนๆ นี้เป็นใครกันแน่? กล้าทำเรื่องที่สั่นสะเทือนไปทั้งจิงตู ต้องไม่ธรรมดาแน่!”
“หรือว่าจะเป็น…เป็นเย่เทียนเฉิน?”
ในที่ก็มีคนฉลาดเดาว่าเป็นเย่เทียนเฉิน เนื่องจากหลังจากที่เย่เทียนเฉินกลับมายังจิงตู เรื่องราวมากมายกลายเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจินตนาการได้ขึ้นมา โดยเฉพาะใครๆ ก็รู้ถึงความบาดหมางของเย่เทียนเฉินกับตระกูลลั่ว ไปอัดลั่วเหลยที่เทียนซ่างเหรินเจียนด้วยตัวเอง ทำให้ผู้คนต้องรู้สึกตกใจจนแทบจะกลืนลิ้น หากกล่าวว่าเป็นเย่เทียนเฉินที่ฆ่าลั่วเหลยกับลั่วเทาจริงๆ ถ้าเช่นนั้นที่พึ่งของเขาคืออะไร? เบื้องหลังคือใคร? คงไม่สามารถคิดว่าฆ่าหลานสองคนของตระกูลลั่วแล้วก็ช่างมันหรอกนะ!
“เป็นไปไม่ได้ ต่อให้เย่เทียนเฉินร้ายกาจกว่านี้ และกล้าฆ่าลั่วเหลยและลั่วเทา อำนาจของตระกูลลั่วก็ยิ่งใหญ่กว่าตระกูลเย่ไม่น้อย หากว่าเย่เทียนเฉินทำจริงๆ เกรงก็แต่ว่าตระกูลเย่ต้องพบกับภัยพิบัติแล้ว!” มีคนสูดหายใจเข้าพลางกล่าวออกมา
“ก็ไม่แน่หรอก มีข่าวลือมาตลอดว่าหลังจากที่เย่เทียนเฉินกลับมาก็เปลี่ยนไป เริ่มจากที่เขายกเลิกการหมั้นและทำร้ายลั่วเหลยกับลั่วเทา ก็สามารถเห็นได้ชัดแล้ว หรือว่าบางทีอาจเป็นเขาทำจริงๆ…”
“ตกลงเย่เทียนเฉินเป็นคนทำหรือไม เรื่องนี้ยังไม่สามารถตัดสินได้ แต่ข้อความที่เย่เทียนเฉินทิ้งไว้ที่สถานที่เกิดเหตุนั้น ประโยคนั้นช่างจองหองสิ้นดี” ชายร่างอ้วนกล่าวดึงความอยากรู้อยากเห็นของทุกคน
“ข้อความอะไร?”
“เจ้าหมอนี่ฆ่าคนแล้วยังทิ้งข้อความไว้ด้วยเหรอ?”
“พระเจ้า หะ…โหดเกินไปแล้ว”
“แม่งเอ้ย นายรีบพูดมาเร็ว มันทิ้งข้อความอะไรไว้?”
คนทั้งกลุ่มถูกชายร่างอ้วนยั่วยวนความอยากรู้อยากเห็น ขนาดเย่เทียนเฉินก็รู้สึกแปลกใจ หลังจากที่อู๋เสวี่ยฆ่าลั่วเหลยกับลั่วเทาแล้วทิ้งข้อความอะไรไว้กันแน่?
………………………………………………..