การต่อสู้อันดุเดือดของเย่เทียนเฉินและเถี่ยฉุยนั้นกล่าวได้ว่าน่าใจหายใจคว่ำ เกินจินตนาการของคนเช่นลั่วซงเฉิงไปแล้ว และก็ทำให้พวกเขาเหล่านี้ที่เคยได้ยินเรื่องวรยุทธของพรรควรยุทธโบราณเพิ่งจะเข้าใจ ศิลปะการต่อสู้ของจีนและวัฒนธรรมนั้นกว้างขวางลึกล้ำเช่นเดียวกัน การต่อสู้ระหว่างพวกเขายังคงโหดเหี้ยมดุดัน การประมือระหว่างพวกเขามีอำนาจถล่มฟ้าทลายดิน
ความจริงแล้ว วรยุทธของพรรควรยุทธโบราณล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน ก็ค่อยๆ ลางเลือนไปจากสายตาผู้คน กระทั่งถูกผู้คนจำนวนมากลืมเลือน ส่วนใหญ่ต่างก็ไม่รู้ การต่อสู้ของยอดฝีมือศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริงห่างไกลจากการต่อสู้ในหนังในละครมาก ทำให้ผู้คนสั่นสะท้านยิ่งกว่า ทั้งยังมีความครึกโครมมากกว่า
“ไอ้หนูนายแข็งแกร่งจริงๆ” เถี่ยฉุยมองเย่เทียนเฉินพลางกล่าว
“หัวหน้าหน่วยมังกรฟ้าอย่างคุณก็ร้ายกาจมาก ผมคิดจะสู้ต่อไป ก็คงยากที่จะตัดสินแพ้ชนะ ไม่สู้ทิ้งความคลุมเครือไว้ ภายหลังค่อยสู้กันอีกเป็นไง?” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางมองเถี่ยฉุยด้วยรอยยิ้ม
เมื่อสักครู่นี้เถี่ยฉุยใช้พลังเต็มที่แล้ว สองมือกลายเป็นฝ่ามือคล้ายกับคมดาบสองเล่ม ปกคลุมด้วยพลังลมปราณอันแข็งแกร่ง ฟันไปยังไหล่ทั้งสองของเย่เทียนเฉินโดยตรง ส่วนเย่เทียนเฉินก็ไม่อาจไม่กระตุ้นพลังพิเศษระดับจอมราชันภายในร่างเพื่อต่อต้าน หลังจากการปะทะสุดท้าย เถี่ยฉุยถอยหลังไปเกือบสิบก้าว เสื้อผ้าบริเวณไหล่ทั้งสองของเย่เทียนเฉินถูกฟันขาด พลังภายในสองสายที่ก่อตัวเป็นคมดาบนั้นไม่ได้ทำร้ายร่างกายของเย่เทียนเฉิน เพราะถูกเย่เทียนเฉินใช้พลังพิเศษระดับจอมราชันเปลี่ยนรูปเป็นม่านพลังและป้องกันไว้ด้านนอก แต่ยังคงถูกฟันจนเสื้อผ้าบริเวณไหล่ทั้งสองขาด แสดงให้เห็นว่าคมดาบอันก่อรูปจากพลังภายในของเถี่ยฉุยนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน
เถี่ยฉุยมองเย่เทียนเฉิน เขารู้ว่าเย่เทียนเฉินยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ ในใจก็สั่นสะท้าน ตอนนี้กระทั่งเขาก็มองไม่ออกแล้ว ไม่รู้ว่าเย่เทียนเฉินคนนี้แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่ เมื่อก่อนเขายังสงสัยอยู่บ้างว่าตกลงแล้วใช่เย่เทียนเฉินที่ฆ่าคนของกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตทั้งหมดหรือไม่ ตอนนี้ดูแล้ว ก็มีความสามารถเช่นนั้นจริงๆ
ในสายตาของคนที่ดูการต่อสู้อยู่ด้านข้าง ฝีมือของเย่เทียนเฉินและเถี่ยฉุยนั้นประโคมกันอย่างเท่าเทียม ใครอยากจะเอาชนะใครล้วนแต่ยากลำบาก ส่วนใครจะแข็งแกร่งกว่ากันแน่นั้น มีเพียงในใจของพวกเขาทั้งสองคนที่กระจ่างชัด
“ฉันไม่ได้ชนะนาย ดังนั้นนนับฝตามคำพูดของฉัน เรื่องนี้ฉันจะไม่ยุ่งแล้ว แต่ว่า ฉันอยากจะเตือนนาย อย่าให้มันเกินไปนักล่ะ ไม่งั้นจบไม่สวยแน่!” เถี่ยฉุยกล่วเตือนด้วยความหวังดี
เย่เทียนเฉิน แม้ว่าคนๆ นี้จะพูดจาโอหัง และทำอะไรไม่จริงจังอยู่บ้าง แต่ความประทับใจที่เถี่ยฉุยมีต่อเย่เทียนเฉินก็ไม่ได้เลวร้ายมากนัก เนื่องจากอย่างน้อยเย่เทียนเฉินก็ดีกว่าไอ้เฒ่าชราลั่วซงเฉิงไม่น้อย
“ขอบคุณ เดินดีๆ นะครับ ไม่ส่งนะ!” เย่เทียนเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มพลางโบกมือ
เห็นเถี่ยฉุยหมุนตัวเดินจากไป ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ลั่วซงเฉิงก็พลันร้อนรนขึ้นมา เขาตกใจจนปากอ้าตาค้างไปตั้งนานแล้ว ตอนที่เย่เทียนเฉินกล้าออกปากท้าทายเถี่ยฉุย เขาหวังว่าเถี่ยฉุยจะสามารถสั่งสอนเย่เทียนเฉินอย่างโหดเหี้ยมได้ จากนั้นก็จับเขาไป ขอเพียงนำตัวเย่เทียนเฉินไปได้ ตนเองก็สามารถทำให้เย่เทียนเฉินอยู่ไม่สู้ตาย
ไหนเลยจะรู้ว่าเย่เทียนเฉินจะต่อสู้กับเถี่ยฉุย และสู้จนเอาชนะหัวหน้าหน่วยมังกรฟ้าอย่างเถี่ยฉุยไปได้อย่างไม่ชัดเจนนัก ทำให้หน้าผากของลั่วซงเฉิงปรากฏเหงื่อเย็นออกมา หากกล่าวถึงอายุ ปประสบการณและโลกที่พบเห็น ล้วนแต่มากกว่าเย่เทียนเฉินมากทั้งนั้น เรื่องที่จะทำให้เขาต้องสั่นสะท้านจนนิ่งอึ้งได้ย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดาๆ แน่นอน
แต่ว่า การต่อสู้ของเถี่ยฉุยและเย่เทียนเฉิน ทำให้ในใจของลั่วซงเฉิงสั่นสะท้าน ถึงขั้นสั่นไหว
เถี่ยฉุย หัวหน้าหน่วยมังกรฟ้า ผู้รับผิดชอบทหารองครักษ์แห่งจิงตู ฝีมือไล่ตามสามราชันนักรบที่ความสามารถแข็งแกร่งที่สุดในจีนไปติดๆ ถ้าหากมีคนบอกว่าฝีมือของเถี่ยฉุยไม่แข็งแกร่ง เช่นนั้นก็คงจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะจนฟันร่วง
ส่วนการต่อสู้ของเย่เทียนเฉินกับเถี่ยฉุย นึกไม่ถึงว่าจะไม่แพ้ และยังมีแนวโน้มที่จะชนะเถี่ยฉุยออยูลางๆ นี่จะทำให้ลั่วซงเฉิงไม่ตกใจได้อย่างไร ณ ช่วงเวลานี้ เขามีความรู้สึกอย่างหนึ่งจริงๆ นั่นเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจบหรือบางทีเรื่องนี้ ตนเองไม่ควรจะถือหางพวกพ้องจริงๆ และก็ไม่ควรส่งนักฆ่าอู๋เสวี่ยไปลอบสังหารเย่เทียนเฉิน มิฉะนั้นคงไม่ทำให้หลานชายทั้งสองของตนถูกฆ่า จนเกิดเป็นสภาพการณ์ปัจจุบันนี้
“เถี่ยฉุย ทำไมคุณไม่จับไอ้ขยะนี่? อย่าลืมหน้าที่ของตัวเองสิ!” ลั่วซงเฉิงกล่าวพลางมองเถี่ยฉุยอย่างดุดัน
เถี่ยฉุยชะงักไปชั่วครู่ หันกลับมามองลั่วซงเฉิง ความประทับใจที่เขามีต่อลั่วซงเฉิงนั้นไม่ดีเลย แต่ว่าคิดถึงความรับผิดชอบของตนเอง ก็ยังไม่หวังให้ตระกูลลั่วกับตระกูลเย่ปะทะกัน ถึงตอนนั้นต่างก็จัดการไม่ง่ายเลย อีกอย่างเย่เทียนเฉินเป็นคนที่ทำให้ผู้คนมองไม่ออกคาดเดาไม่ได้ หากลั่วซงเฉิงต้องการใช้อำนาจบาตรใหญ่จริงๆ มีความเป็นไปได้มากว่าที่จะพบกับวิกฤตก็คือตระกูลลั่ว ไม่ใช่ตระกูลเย่ที่ตกต่ำจนกลายเป็นตระกูลชั้นสาม
“ช่างมันเถอะ เรื่องนี้เป็นตระกูลลั่วของคุณที่ทำไม่ถูกก่อน หากว่าต้องแก้แค้นล่ะก็ คุณก็ลงมือเอง พวกเราจะทำตามกฏระเบียบปกติ!” เถี่ยฉุยกล่าวอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“คุณ…เถี่ยฉุย…”
จะอย่างไรลั่วซงเฉิงก็คิดไม่ถึงว่า เถี่ยฉุยจะไม่อยู่ ข้างตนเอง เดิมทีลั่วซงเฉิงเรียกตัวเถี่ยฉุยมา ก็เป็นเพราะอยากยืมอำนาจของเถี่ยฉุย เขาคิดว่า ไม่ว่าจะอย่างไร อำนาจของตระกูลลั่วของตนก็ทิ้งห่างตระกูลเย่มาก ต่อให้เป็นคนโง่ก็ดูออก เรื่องนี้ไม่ว่าจะอย่างไร เถี่ยฉุยควรจะเข้าข้างตนเอง ไหนเลยจะรู้ว่า เถี่ยฉุยจะต้องการจากไปในตอนนี้ ไม่ช่วยตนเองกล่าวสักประโยคเลย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะการปรากฏตัวของเย่เทียนเฉิน ทำให้แผนการของเขารวนไปหมด ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำโดยสิ้นเชิง
ความจริงแล้วที่เถี่ยฉุยมา ก็เพราะภาระหน้าที่ของตนเอง ตระกูลลั่วและตระกูลเย่ต่างก็เป็นตระกูลในจิงตู ลั่วซงเฉิงก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่และถือหางพรรคพวกเป็นอย่างมาก หากเกิดการบาดเจ็บล้มตายของใครเข้าล่ะก็ เขาก็หนีไม่พ้นความรับผิดชอบ จะอย่างไรก็ไม่อยากไปยืนอยู่ฝั่งไหนเลย ตอนนี้เห็นเย่เทียนเฉินออกมา เขาก็รู้ว่าลั่วซงเฉิงคุกคามอะไรตระกูลเย่ไม่ได้อีกแล้ว ขอเพียงแค่เย่เทียนเฉินไม่ลงมือจนลั่วซงเฉิงตายก็จะดีมาก
“อย่าตะโกนเลย ลั่วซงเฉิง เอาทหารถือปืนของนายไปซะ อย่าบังคับให้ฉันต้องลงมือต่อยคนแก่” เย่เทียนเฉินกล่าวประโยคนั้น กลับทำให้ลั่วซงเฉิงโหรธจนกระอักเลือด
อัดคนแก่? เขาลั่วซงเฉิงเป็นใคร?รองผู้บัญชาการทหารระดับเขต และมีความหวังว่าจะได้เข้าเป็นคณะกรรมาธิการทหาร เย่เทียนเฉินปฏิบัติราวกับเป็นคนแก่ธรรมดาๆ สิ่งนี้สำหรับเขาถือเป็นการดูถูกและเหยียดหยามอย่างหนึ่ง
“เย่เทียนเฉิน ฉันไม่ปล่อยแกไปแน่ ไม่ปล่อยคนตระกูลเย่ของแกทุกๆ คน หลานชายของฉันจะต้องไม่ตายเปล่า จะต้องให้ตระกูลเย่ของแกชดใช้ด้วยเลือด!” ลั่วซงเฉิงโกรธจนสองตาแดงก่ำ เปิดปากกล่าวออกมาอย่างดุดัน
เย่เทียนเฉินไม่สนใจการข่มขู่จองลั่วซงเฉิง วันนี้ก็แตกหักกับอีกฝ่ายแล้ว ขอเพียงลั่วซงเฉิงกล้าลงมือกับตระกูลเย่ เขาเย่เทียนเฉินก็จะไปฆ่าคนที่ตระกูลลั่วจริงๆ ตอบแทนสิ่งที่ได้รับกลับไปเช่นเดียวกับที่เขาทำ จัดการกับคนเช่นลั่วซงเฉิง ใช้เหตุผล ใช้กฏหมาย นั้นล้วนไม่ได้ผล มีเพียงใช้วิธีการของเหล็กและเลือดเท่านั้นถึงจะปราบปรามเฒ่าชราคนนี้ได้
“อย่างนี้แล้วกัน หลานสองคนของแกไม่ใช่ว่าตายไปแล้วเหรอ? คนอื่นๆในตระกูลเย่ของฉัน แกห้ามยุ่งเด็ดขาด ไม่งั้อาจจะมีคนตระกูลลั่วของแกตายเพื่อชดใช้ ถ้าหากแกอยากระบายสักหน่อยล่ะก็ ฆ่าสองคนนั้นก็ได้ ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน…” เย่เทียนเฉินมองลุงใหญ่เย่มู่ไป๋และลุงสองเย่เฮ่อกั๋วพลางกล่าว พวกเขาสร้างปัญหาให้ครอบครัวของตน ในช่วงเวลาสำคัญที่สุดและวิกฤตที่สุด ไม่เพียงแต่ไม่คิดช่วยเหลือ กลับทำให้เรื่องแย่ลงไปอีก คนประเภทนี้ไม่จัดการไม่ได้
ได้ยินคำกล่าวของเย่เทียนเฉิน ใบหน้าของเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วห็พลันเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำและซีดเซียวเล็กน้อย ตกใจจนสั่นไปทั้งร่าง สภาพการณ์ในวันนี้ ใครต่างก็มองออกว่า คนที่อยู่ที่นี่ ต่อให้เป็นผู้อาวุโสเย่หย่วนซาน เกรงว่าก็ไม่สามารถหยุดลั่วซงเฉิงได้ คนๆ นี้เดิมทีก็ต้องการฆ่าฟันที่บ้านหลักตระกูลเย่ หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของเย่เทียนเเฉินและใช้วิธีการรุนแรงแข็งกร้าว เกรงว่าตอนนี้บ้านหลักตระกูลเย่ก็คงจะมีคนตายไปนานแล้ว แต่เย่เทียนเฉินพูดเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าบอกให้เย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วไปตายหรอกหรือ? ทั้งสองคนพลันตกใจจนสีหน้าซีดขาวแล้ว
“แก…เย่เทียนเฉิน แกมันหลานอกตัญญูของตระกูลเย่ของพวกเรา แกกล้าไม่เคารพผู้ใหญ่เรอะ?” เย่มู่ไป๋คำรามเสียงดังอย่างโกรธแค้น
“น้องสาม ดูลูกชายแกคนนี้สิ ดื้อรั้นขนาดไหน ตระกูลเย่ของพวกเรามีคนไม่เอาไหนเช่นนี้ อัปยศจริงๆ!” เย่เฮ่อกั๋วเองก็รับกล่าวพลางมองเย่เทียนเฉินอย่างโหดร้าย
เย่เทียนเฉินสบถออกมาครั้งหนึ่ง ในเมื่อพวกคุณไม่เป็นลุงใหญ่ลุงสองดีๆ แล้วก็ไม่เห็นผมเป็นหลานของพวกคุณ ทำไมผมจะต้องเกรงใจพวกคุณด้วยเล่า? ทุกทีก็พุ่งเป้าไปที่พ่อผม ตอนนี้ก็พุ่งเป้าที่ผม ถ้ผมไม่ตอบโต้ พวกคุณจะไม่ทำให้ผมและครอบครัวเดือดร้อนหรอกหรือ?
ผู้ใหญ่แน่นอนว่าควรเคารพ แต่ว่าสำหรับคนแก่ที่เกะกะระรานเช่นนั้น กระทั่งพวกที่แก่แต่ไร้คุณธรรม แล้วยังใช้อำนาจบาตรใหญ่ บางทีก็ต้องต่อต้านบ้าง มิฉะนั้นนับวันพวกเขาจะยิ่งรู้สึกว่าตนเองนั้น “เป็นผู้ใหญ่”
“ไม่เคารพผู้ใหญ่? พวกคุณสมควรเป็นผู้ใหญ่ของผมงั้นหรือ? ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่ดีแล้วรึยัง? หากว่าตระกูลเย่ของเราจะต้องอัปยศ พวกคุณสองคนก็เป็นคนผิดของตระกูลเย่ พุ่งเป้ามาที่พ่อของผมทุกที่ บีบคั้นเขา ตำหนิเขา พ่อของผมนิสัยดี ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกคุณ แต่ว่าผมเย่เทียนเฉิน หัวใจและสมองไม่ได้กว้างขวางขนาดนั้น สรุปแล้วพวกคุณไม่เห็นผมเป็นญาติ ผมก็ไม่จำเป็นต้องมองพวกคุณเป็นครอบครัว!” เย่เทียนเฉินไม่รอให้เย่หงพ่อของตนได้เปิดปากกล่าวก็ชิงกล่าวปะทะไปก่อน
เพียงแค่ประโยคง่ายๆ ไม่กี่ประโยคเท่านั้น เพียงแค่ประโยคถามกลับง่ายๆ ไม่กี่ประโยคเท่านั้น ก็ทำให้เย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วพูดอะไรไม่ออก อับอายจนใบหน้าแดงก่ำ ในเวลาปกติพวกเขาสองคนตำหนิและบีบคั้นน้องสามเย่หง ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ส่วนผู้อาวุโสเย่หย่วนซานก็ลืมตาข้างปิดตาข้าง ไม่อยากให้ครอบครัวไม่กลมเกลียว และก็ไม่ได้สนใจ ตอนนี้เย่เทียนเฉินเปิดโปง กล่าวออกมาทั้งหมด ช่วงขณะนั้นทั้งโกรธทั้งอาย
“ผู้อาวุโส พ่อดู นี่คือหลานของตระกูลเย่…”
“พ่อ ไม่ช้าก็เร็วหลานคนนี้นำพาความเสียหายมาให้ตระกูลเย่ของพวกเรา ไม่ลงโทษตามกฏบ้านไม่ได้นะครับ”
เย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วถูกทำให้โกรธจนอับจนหนทาง ทำได้เพียงพึ่งพาเย่หย่วนซานผู้เป็นบิดาให้ลงโทษเย่เทียนเฉิน
“หุบปาก ไสหัวไปซะ พวกแกสองคนยังทำให้ตระกูลเย่ของฉันขายหน้าไม่พออีกเหรอ?” เย่หย่วนซานคำรามพลางมองลูกชายใหญ่และลูกชายคนที่สองของตนเองอย่างโหดร้าย
เย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วตกใจจนชะงักงัน พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเย่หย่วนซานผู้เป็นบิดาที่ไม่โกรธมากนาน ครั้งนี้จะโกรธรุนแรงถึงเพียงนี้ เย่เทียนเฉินฆ่าหลานทั้งสองของตระกูลลั่ว ลั่วซงเฉิงนำทหารมาล้อมบ้านหลักตระกูลเย่ด้วยตัวเอง มีความเป็นไปได้ที่จะเปิดศึกฆ่าฟัน กล่าวได้ว่าเย่เทียนเฉินนำพาภัยพิบัติอันเลวร้ายมาสู้ตระกูลเย่ แต่ว่า ผู้อาวุโสเย่หย่วนซานไม่กล่าวโทษเย่เทียนเฉิน กลับตะโกนด่าพวกเขาทั้งสอง ทำให้พวกเขาสองคนโง่งมจนคลำสมองไม่เจอ
“ผู้อาวุโสเย่ หลานชายทั้งสองของผมไม่อาจตายเปล่าได้ ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ผมจะทวงคืนความยุติธรรม ไม่งั้นผมทำได้เพียงฆ่าคนที่บ้านหลักตระกูลเย่แล้ว อย่ามาโทษผมก็แล้วกัน!” ลั่วซงเฉิงแม้ว่าจะไม่มั่นใจ แต่กลับกล่าวออกมาย่างแสดงอำนาจ
…………………………………………………………………