ผู้หญิงที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน สวยสุดยอด สวยจนถึงขั้นมิอาจบรรยายได้ สวยล่มบ้านล่มเมือง มัจฉาจมวารีปักษีตกนภา ใช้คำเหล่านี้มาบรรยายเธอก็ล้วนแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
จากความคิดเห็นอันยอดเยี่ยมของเย่เทียนเฉินที่มีต่อผู้หญิงคนนี้ ไม่อาจไม่ยอมรับความสวยงามของเธอ ดวงตากระจ่างใส ร่างกายไร้ไขมันส่วนเกิน คิ้วงามดั่งใบหลิว เอวคอดงูน้ำ ดั่งนางฟ้าลงจากสวรรค์ บริสุทธิ์ดั่งหยกงาม สดใสจนผู้คนหลงใหล
พัดในมือเจ้าถือไว้ในหัตถ์
คอยโบกพัดดูประหนึ่งกล้วยไม้ขาว
สายรัดหยกคล้องเอวดูพร่างพราว
อาภรณ์เจ้าดุจว่ามาจากสวรรค์
ยลนวลนางพรางคิดให้ฉงน
หรืออัปสรร่วงหล่นมาจากสรวงนั่น
ยลปรางนวลแย้มสรวลให้งงงัน
งามกว่าดาวทั้งสวรรค์ก็มิปาน
“ฉันกันเธอเราสองคนไม่มีอะไรต้องพูดกัน ฉันเย่เทียนเฉินไม่ใช่คนยิ่งใหญ่อะไร ขอโทษที ฉันลาออก!” เย่เทียนเฉินกล่าวจบก็เดินตรงไปยังด้านนอกของเครื่องบิน
“หยุดนะ เย่เทียนเฉิน นายมันขี้ขลาด เรื่องเมื่อปีนั้น ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจ และไม่อยากให้นายได้รับความอัปยศเช่นนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะฉันไปขอความเมตตาจากพ่อกับแม่ นายตายไปนานแล้ว”
ขอบคุณสำหรับความเมตตาของเธอ งั้นพวกฉันหายกัน บายบาย!”
เย่เทียนเฉินยังคงไม่อยากมองผู้หญิงคนนี้ให้มากขึ้นแม้เพียงสักนาที แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะสวยจนทำให้ผู้คนต้องหายใจติดขัด สวยจนกระทั่งำหรับเขาในชาติก่อนที่เป็นชายที่ขึ้นเตียงหับหญิงงามนับไม่ถ้วน ก็ต้องชมเชย และเขายังคงไม่อยากจะมีความสัมพันธ์ใดๆ ก็ตามกับผู้หญิงคนนี้ ความอัปยศที่ย่ำแย่ที่สุดมาจากเธอ เรื่องเมื่อปีนั้นยังปรากฏชัดเจนในสมอง ต่อให้เย่เทียนเฉินในตอนนี้ไม่ใช่เย่เทียนเฉินเมื่อปีนั้น แต่เขาที่ได้มาเกิดใหม่อีกครั้ง ถือว่าเรื่องพวกนี้ทั้งหมดกลายเป็นเรื่องของตนเองไปนานแล้ว ครอบครัวของตน คนในครอบครัวของตน เขาปกป้องด้วยชีวิต
ตอนที่เย่เทียนเฉินเพิ่งจะเดินไปถึงประตูของเฮลิคอปเตอร์ เงาร่างคนหลังค่อมคนหนึ่งก็โผล่ออกมา สะบัดมือโจมตีไปยังลำคอของเย่เทียนเฉิน การเคลื่อนไหวรวดเร็วเป็นอย่างมาก เร็วดั่งสายฟ้า พลังก็รุนแรงมาก
เมื่อรู้สึกถึงไอสังหารอันคมกริบสายหนึ่ง นัยน์ตาของเย่เทียนเฉินก็เย็นวาบ ยืนอยู่ตรงประตูไม่ขยับเขยื้อน รอจนกระบวนท่าโจมตีกล่องเสียงนั้นมาถึงก็พลิกตัวทั้งตัว ปล่อยหมัดออกไปหนึ่งหมัก
ตู้ม!
เสียงหนึ่งดังสนั่น เย่เทียนเฉินรู้สึกว่าหมัดของตนเองราวกับต่อยลงบนแผ่นเหล็กก็มิปาน นี่เป็นการแลกหมัดครั้งแรกตั้งแต่ที่เขาได้มาเกิดใหม่ในเมือง มีความรู้สึกว่าคนที่โจมตีเขาอย่างกระทันหันคนนี้แข็งแกร่งมาก
เงาร่างนั้นที่ถูกเย่เทียนเฉินปล่อยหมัดโจมตีออกไป ถอยหลังไปสองก้าวจึงจะหยุดอย่างมั่นคง ใช้ดวงตาที่ประหลาดใจเป็นอย่างมากมองไปยังเย่เทียนเฉิน เธอเองก็คิดไม่ถึงเลยว่า ฝีมือของชายวัยรุ่นคนนี้จะร้ายกาจขนาดนี้ เมื่อคืนชางหลางบอกว่าจะมีวัยรุ่นคนหนึ่งที่แข็งแกร่งมากมาคุ้มครองคุณหนูไปยังประเทศmเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลลับ ตอนที่ชางหลางบอกว่าวัยรุ่นคนนี้เพิ่งจะอายุยี่สิบปี เธอยังพูดกับชางหลางอย่างไม่สะทกสะท้านไปหลายประโยค วันนี้ดูท่าแล้ว เด็กที่ชางหลางส่งมาคนนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาราวกับมีเรื่องบางอย่างกับคุณหนูอย่างไรอย่างนั้น
“อายุน้อยอยู่แต่ฝีมือไม่เลวเลย เป็นคนของสำนักไหนกัน?” หญิงชรายืนที่ลอบโจมตีเย่เทียนเฉินไม่สำเร็จอยู่ตรงข้ามกับเย่เทียนเฉิน กล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
เย่เทียนเฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจ คนที่ลอบโจมตีเขาถึงกับเป็นหญิงชราคนหนึ่ง ดูๆ แล้วอายุอย่างน้อยก็ประมาณหกสิบกว่าปี ร่างกายงองุ้มเล็กน้อย แต่กลับมีฝีมือที่ทำให้ผู้คนต้องประหลาดใจ อีกทั้งหมัดเมื่อสักครู่นี้ต่อยลงบนกลางฝ่ามือของหญิงชรา เย่เทียนเฉินรู้สึกถึงพลังภายในอันแข็งแกร่งที่แอบซ่อนอยู่ ต่อให้ตอนนี้หญิงชราคนนี้ยืนอยู่ด้านหน้าตนโดยไม่ขยับเขยื้อน กระทั่งลมหายใจก็เหมือนคนปกติ แต่เย่เทียนเฉินกลับรู้สึกได้ถึงพลังลมปราณอันแข็งแกร่งที่ไหลเวียนอยู่บนร่างกายของเธอ
“ดูแล้วคุณคงเป็นยอดฝีมือของพรรควรยุทธโบราณ อย่าขวางผมเลย ผมไม่ทำร้ายคนแก่” เย่เทียนเฉินกล่าวเสียงเรียบ
“เย่เทียนเฉิน ท่านนี้คือหย่งชุนไท่ หัวหน้าพรรคคนที่เก้าสิบสองของหมัดหย่งชุน”
“มียอมฝีมือคุ้มครองเธอแล้วนี่ ก็ยิ่งไม่ต้องการฉันแล้วล่ะ ฉันกับเธอไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกัน ลาก่อน!”
“เด็กน้อยเอ๋ย ไม่ว่าระหว่างนายกับคุณหนูจะมีความเข้าใจผิดอะไรกัน ฉันก็หวังว่าจะมองเรื่องของประเทศชาติเป็นสำคัญ วางบุญคุณความแค้นส่วนตัวลงก่อน รอให้สำเร็จภารกิจค่อยแก้ไขกัน ได้ไหม?” หย่งชุนไท่กล่าวกับเย่เทียนเฉินด้วยรอยยิ้ม
เย่เทียนเฉินมองหย่งชุนไท่ครู่หนึ่ง เขาเป็นคนที่ค่อนข้างให้ความเคารพผู้อาวุโส เพียงแต่ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ ทำให้เขาคบค้าสมาคมด้วยไม่ลงจริงๆ ความอัปยศที่สุดในชีวิตมาจากเธอ ตอนนี้ถึงกับจะให้ตนเองไปคุ้มครองเธอ มิน่าล่ะเมื่อวานไม่ว่าจะอย่างไรชางหลางก็ไม่ยอมบอกว่าคนที่ต้องคุ้มครองเป็นใคร ที่แท้ก็คือหลิ่วหรูเหมย นี่จะให้เย่เทียนเฉินไปต่อได้อย่างไร
“ขอโทษด้วยครับ ผมไม่สนใจเรื่องสำคัญของประเทศชาติ” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางยักไหล่
ตอนนี้เอง หลิ่วหรูเหมยเดินมาเบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน คลายคิ้วอันงดงามของตนเองพลางขยับริมฝีปากอันเซ็กซี่ช้าๆ ร่างกายสูงร้อยเจ็ดสิบหกเซ็นติเมตรที่มีส่วนเว้าโค้ง เมื่อสวมใส่รองเท้าส้นสูงสีแดงดูเซ็กซี่คู่หนึ่ง โชว์ข้อเท้างามขาวนวล ก็สูงพอๆ กับเย่เทียนเฉินพอดี
“นายคิดว่าฉันอยากมางั้นหรือ? นายคิดว่าฉันไม่อยากอยู่บ้านว่างๆ เสพสุขกับชีวิตงั้นหรือ? ครั้งนี้เกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของจีนทั้งประเทศ เกี่ยวพันถึงการยะระดับศักยภาพทางการทหารของจียทั้งหมด เกือบร้อยปีมานี้ ประเทศจีนของเราพัฒนาขึ้นท่ามกลางการกดขี่รังแก ได้รับความทุกข์ยากลำบากมาเท่าไร ชนรุ่นก่อนสละชีพไปมากน้อยเท่าไร นายรู้บ้างรึเปล่า?” หลิ่วหรูเหมยจ้องเย่เทียนเฉินเขม็ง ดูเหมือนจะใช้สัจธรรมเรื่องชนชาติมากล่อมเกลาเย่เทียนเฉิน
“นี่เป็นเรื่องของพวกเธอ ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันบอกแล้ว ฉันใช่คนยิ่งใหญ่อะไร”
ถูกผู้หญิงคนหนึ่งสั่งสอน ในใจเย่เทียนเฉินรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเป็นผู้หญิงคนนี้ที่พูดราวกับว่าเขาไม่มีความรักในชนชาติอย่างไรอย่างนั้น ต้องทรายว่าในชาติก่อน เผ่าพันธุ์มนุษย์อ่อนแอ สัตว์อสูรกลายพันธุ์อาละวาดไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นซอมบี้หรือสัตว์ประหลาด กระทั่งผู้บำเพ็ญตบะ ต่างก็ปรากฏตัวออกมาไม่น้อย ที่นั้นไม่มีคุณธรรมในเรื่องชาติพันธุ์อะไร และยิ่งไม่มีปัญหาระหว่างประเทศ แต่เป็นปัญหาเรื่องความเป็นความเป็นความตายของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เย่เทียนเฉินที่ในชาติก่อนเป็นผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้าก็ได้ปกป้องความปลอดภัยของเผ่าพันธุ์มนุษย์ มิอาจนำมาเทียบได้กับคุณธรรมเรื่องชาติพันธุ์ระหว่างประเทศได้โดยเด็ดขาด
“นาย…เย่เทียนเฉิน เรื่องเมื่อปีนั้นฉันก็ไม่ได้สืบสวนต่อแล้ว ทำไมนายถึงยังพะวงใจอยู่ตลอดด้วย อีกอย่างเรื่องนี้มีจุดน่าสงสัยมากมาย หลายปีมาน้ฉันทำการค้นหามาตลอด ค้นหาคนร้ายที่ใส่ร้ายนายกับฉัน…” หลิ่วหรูเหมยมองเย่เทียนเฉินอย่างโหดเหี้ยมพลางกล่าว
ได้ยินประโยคนี้ของหลิ่วหรูเหมย เย่เทียนเฉินก็ชะงักไปชั่วครู่ เขาไม่ใช่คนที่ไม่เข้าใจหลักการเหตุผล เพียงแต่ไม่อยากเกี่ยวกับกับหลิ่วหรูเหมยให้มากมาย จะว่าอย่างไรดี ผู้หญิงคนนี้ที่เคยนำความอัปยศมาสู่เขา ผู้หญิงที่เคยทำให้ตระกูลเย่มิอาจเงยหน้ามองผู้คนในเมืองหลวง เขาไม่อยากมีความสัมพันธ์อะไรกับเธออีกต่อไปแล้วจริงๆ
แต่ว่า คำพูดสุดท้ายของหลิ่วหรูเหมย พูดถึงจุดสำคัญ เมื่อคืนหลังจากที่เย่เทียนเฉินได้ยินการวิพากษ์วิจารณ์ของเย่เฉี่ยนเหวิน ก็รู้สึกว่าเรื่องที่ตนเองแอบดูหลิ่วหรูเหมยอาบน้ำเมื่อปีนั้นมีลับลมคมใน มีจุดน่าสงสัยมากมาย เหมือนกับถูกคนใส่ร้ายจริงๆ หลิ่วหรูเหมยถุงกับตรวจสอบเรื่องเช่นนี้ บางทีวันนั้นที่ถูกเหยียดหยามที่ตระกูลหลิ่ว อาจจะไม่ใช่ความตั้งใจของเธอจริงๆ ก็เป็นได้
“เมื่อปีนั้นไม่ใช่ฉันที่ให้คุณปู่ไปกดดันตระกูลเย่ของนาย อีกอย่างถ้าหากไม่ใช่ว่าฉันขอความเมตตาจากคุณปู่ล่ะก็ นายคงตายไปแล้ว ฉันจำได้ว่าวันนั้นหลังจากที่นายจากไป ฉันยังกลับไม่ถึงบ้าน เรื่องที่นายเข้ามาในห้องอาบน้ำของฉัน ก็ถูกคนอื่นบอกกับที่บ้านแล้ว นายคิดว่ามีแต่นายที่ได้รับความอัปยศหรือไง? ชื่อเสียงของผู้หญิงอย่างฉันไม่ต้องการแล้วหรือ?” หลิ่วหรูเหมยกล่าว ดวงตาอันงดงามของเธอแฝงไปด้วยหยาดน้ำตา
เย่เทียนเฉินมองหลิ่วหรูเหมยครู่หนึ่ง แม้ว่าจะอยากอยู่ให้ไกลจากผู้หญิงคนนี้ แต่ว่าเธอพูดด้วยความจริงใจ พูดอย่างมีเหตุผล โดยเฉพาะเมื่อเห็นท่าทางน้ำตาคลอของเธอ ทำให้รู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง ผู้ชายคนนี้ก็เป็นเช่นนี้ จะมองผู้หญิงออกได้ที่ไหนกัน โดยเฉพาะผู้หญิงที่สวยจนทำให้ลมหายใจสะดุด ใครก็ไม่อาจเห็นท่าทางร้องไห้น้ำตาไหลของเธอได้
หลายปีมานี้ หลังจากที่ระหว่างเย่เทียนเฉินและหลิ่วหรูเหมยเกิดเรื่องนั้นขึ้น เย่เทียนเฉินก็กลายเป็นตัวตลกของทั่วทั้งเมืองหลวง และกลายเป็นเศษสวะและลูกหลานไม่เอาไหนที่มีชื่อเสียง นำมาซึ่งความอัปยศที่ไม่อาจลบล้างแก่ตระกูลเย่ ส่วนหลิ่วหณุเหมย หญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงคนนี้ ก็ได้รับเสียงซุบซิบนินทามากมาย เดิมทีผู้ชายที่ตามจีบเธอนับอย่างไรก็นับไม่หมด ตั้งแต่เรื่องนั้นเกิดขึ้น คนเหล่านี้ก็ตีตัวออกห่าง ต่อให้คิดอยากจะใกล้ชิดอีกครั้ง ก็ไม่กล้าเข้าใกล้ คำพูดของคนช่างน่ากลัวอย่างแท้จริง บางครั้งการซุบซิบนินทายังน่ากลัวเยิ่งกว่าการใช้มีดฆ่าคนเสียอีก
“งั้นเธอตรวจสอบถึงไหนแล้ว?” เย่เทียนเฉินกล่าวมถามออกมาทันที
เห็นว่าในที่สุดเย่เทียนเฉินก็ไม่จากไป หลิ่วหรูเหมยก็มีสีหน้าอ่อนโยนขึ้นมา ถอนหายใจครั้งหนึ่งพลางกล่าวว่า “ตอนนี้เพียงแค่สงสัย ยังไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรม ฉันรู้สึกว่านายกับฉันสองคน ต่างก็ถูกผู้อื่นใช้เป็นหมาก ถูกคนอื่นวางแผน ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมคนอื่นถึงต้องการวางแผนทำร้ายเราสองคน ก็ยังไม่รู้”
“เพิ่งเคยเจอเธอตรวจสอบมานานขนาดนี้ ยังตรวจสบไม่พบอะไรเลยสักอย่าง ไม่รู้ว่าเธอไม่เต็มที่ หรือเป็นคนของเธอหลิ่วหรูเหมยที่ไม่มีความสามารถ” เย่เทียนเฉินกล่าวอย่างอับจนคำพูด
“นาย…ฉันดีกว่านายแล้วกัน ผู้ชายตัวโตๆ คนหนึ่ง สมงสมองไม่มีเลยสักนิด ถูกคนใส่ร้ายก็ไม่รู้ แล้วยังมาเล่นตัวกับฉันอีก ฉันไม่ได้สอบสวนเรื่องที่นายแอบดูฉันอาบน้ำก็ไม่เลวแล้ว” หลิ่วหรูเหมยคำรามใส่เย่เทียนเฉินอย่างไม่สบอารมณ์
“ชิ ใครอยากมองกัน ไม่ใช่ว่าก็เหมือนกันหมดรึไง? แล้วก็ไม่เห็นว่าก้นของเธอจะใหญ่กว่าผู้หญิงอื่นสักเท่าไรเลย เย่เทียนเฉินกล่าวอย่างไม่พอใจ”
กล่าวตามจริงแล้ว ระหว่างเย่เทียนเฉินและหลิ่วหรูเหมยไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกันใหญ่โต เพียงแต่เมื่อปีนั้นเย่เทียนเฉินมองหลิ่วหรูเหมยอาบน้ำโดยไม่ตั้งใจ จึงเห็นร่างเปลือยกายของเธอ นี่จึงทำให้เมืองหลวงเกิดความครึกโครมและเกิดเรื่องขึ้นมาหลายเรื่อง อีกอย่างหากมองจากตอนนี้ พวกเขาทั้งสองคนเป็นไปได้มากว่าจะถูกคนใส่ร้าย มีคนใช้แผนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ใช้กลอุบายกับพวกเขา เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร และทำอย่างนี้ทำไม
“นาย เย่เทียนเฉินไอ้คนลามก ฉันไม่จบกับนายแน่”
หลิ่วหรูเหมยอายจนหน้าแดง หยิกแขนเย่เทียนเฉินอย่างรุนแรง คนคนนี้ถึงกับพูดถึงขนาดก้นของเธอตรงๆ นี่ทำให้เธออายมากเลยนะ
“หลังจากที่สำเร็จภารกิจนี้แล้ว พวกเราตระกูลหลิ่วก็เตรียมจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน แม้ว่าตระกูลหลิ่วจะอยู่เงียบๆ มาตลอด แต่ก็ใช่ว่าใครก็สามารถมารังแกได้ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของคุณหนู ส่วนนาย อยากจะตรวจสอบให้ชัดเจนเพื่อคืนความถูกต้องให้ตัวเองหรือไม่ ก็แล้วแต่เถอะ!” ในตอนนี้เองหย่งชุนไท่ก็เปิดปากกล่าว
“ยายแก่ คำพูดนี้ของคุณผมฟังไม่เข้าหูจริงๆ หมายความว่าไง? มีแต่คุณหนูตระกูลคุณที่มีชื่อเสียงมีเกียรติ์มีศักดิ์ศรี ผมเย่เทียนเฉินไม่มีมีรึไง? ดี ผมจะไปประเทศ M เป็นเพื่อนพวกคุณสักครั้ง หลังจากกลับมาจะจับคนร้ายนั่น จะดูแลมันเป็นอย่างดี!” เย่เทียนเฉินกล่าวอย่างไม่พอใจ
……………………………………………………..