ขึ้นเครื่องบิน สามคำนี้ถูกเย่เทียนเฉินพูดออกมาได้เน้นมาก ทั้งยังปะปนไปด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ทำให้หลิ่วหรูเหมยที่อยู่ข้างๆ หน้าแดง ดวงตาอันงดงามทั้งสองมีความโกรธเจืออยู่ เพียงพอที่จะฆ่าเย่เทียนเฉินได้เลย เห็นได้ชัดว่าเจ้าหมอนี่ตั้งใจ ตั้งใจพูดคำเหล่านี้ออกมา ทำให้คนเองรับไม่ได้จนหน้าแดง
ส่วนเจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ยิ่งโกรธจนแทบจะลงมืออัดเย่เทียนเฉินแรงๆ สักยก พวกเขาต่างก็เป็นชายหนุ่มที่บริสุทธ์ผุดผ่อง รวมกับบนเครื่องยังมีหลิ่วหรูเหมยสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงอยู่ด้วย เกรงว่าจะมีแค่เย่เทียนเฉินคนเดียวที่หน้าด้านถึงขั้นนี้ ไม่คิดถึงภาพลักษณ์ของตนเอง พูดคำว่า ‘ขึ้นเครื่องบิน’ สามคำที่ทำให้คนคนคิดลึก ออกมาได้
“เจ้าคนลามก ไร้ยางอาย สกปรก!” หลิ่วหรูเหมยจ้องเย่เทียนเฉินแล้วกล่าวด้วยความโมโห
“แกนี่นะ ช่วยรักษาภาพลักษณ์ของผู้ชายหน่อยจะได้ไหม?”
“ไม่น่านั่งเครื่องลำเดียวกับแกเลยจริงๆ”
เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นก็รู้สึกรับเย่เทียนเฉินไม่ได้ เจ้าหมอนี่ทำไมถึงได้ไม่มีความพิถีพิถันเอาเวียเลย จะบอกว่าเย่เทียนเฉินเหลาะแหละน่ะหรือ เจ้าหมอนี้พอจริงจังขึ้นมาก็ราวกับเทพแห่งความตายที่ไม่มีใครกล้าหาเรื่อง จะบอกว่าเข้มงวดจริงจังน่ะหรือ เจ้าหมอนี่พอนึกสนุกขึ้นมา ก็ทำให้คนหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
“ฉันว่าความคิดของพวกนายหลายคนนี้ทำไมมันถึงสกปรกขนาดนี้นะ? ทำไมไม่เหมือนกับฉันที่บริสุทธิ์ขาวสะอาดราวกระดาษ? ความหมายของฉันก็คือ ตอนนี้พวกเราควรจะเข้าเขตประเทศ M แล้ว จะมีคนแอบขึ้นเครื่องบินมาโจมตีหรือเปล่า โจมตีให้เครื่องบินของพวกเราตก ถึงตอนนั้นไม่มีร่มชูชีพ ตกลงไปต้องร่างกายแหลกเป็นผุยผงแน่เลย!” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางแสดงท่าทางอับจนคนพูดต่อหน้าคนอื่นๆ
“เจ้าคนอันธพาล นายจะหุบปากได้ไหม? ปากเสียจริงๆ” หลิ่วหรูเหมยถูกเย่เทียนเฉินทำให้โมโหจนทนไม่ไหว อยากจะตีคนคนนี้แรงๆ สักยก
“ช่างเถอะ ท้องฉันหิวแล้ว ไม่คุยกับพวกความคิดสกปรกอย่างพวกเธอแล้ว”
เย่เทียนเฉินแสดงออกราวกับคนอื่นๆ ความคิดสกปรก มีเพียงเขาคนเดียวที่บริสุทธิ์ที่สุด เดินไปข้างฌต๊ะอาหารเล็ก นั่งลงตรงข้ามหย่งชุนไท่ กับหญิชายคนนี้ ความประทับใจของเย่เทียนเฉินนับว่าไม่เลวเลย ไม่ว่าจะอย่างไรก็เป็นคนชรา ยังต้องให้ความเคารพ อีกทั้งหย่งชุนไท่เป็นหัวหน้าพรรคหมัดหย่งชุนคนที่เก้าสิบสอง เป็นยอดฝีมือพรรควรยุทธโบราณ ไม่อาจมองเธอเป็นหญิงชราทั่วๆ ไปได้
“ดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่ม?” หย่งชุนไท่กล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“กาแฟแล้วกันครับ จะได้ไม่ง่วงอีก ผมกลัวว่าจะถูกผู้อื่นลอบกัด” ตอนที่เย่เทียนเฉินกล่าวได้มองไปทางหลิ่วหรูเหมย ทำให้หลิ่วหรูเหมยโกรธจนแทบอยากจะพุ่งไปกัดเจ้าหมอนี่สักหลายๆ ครั้ง
หย่งชุนไท่ส่งกาแกที่ชงเสร็จแล้วแก้วหนึ่งให้เย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินรับมาแล้วจิบไปหนึ่งอึกพลางกล่าวว่า “ขมกำลังดี เลื่อนให้เป็นของตัวอย่างเลย”
“นายยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลย…” หย่งชุนไท่กล่าวพลางมองเย่เทียนเฉิน
“คำถามอะไรครับ?” เย่เทียนเฉินถามอย่างสงสัย
“นายเป็นศิษย์ของพรรคไหน?” หย่งชุนไท่ถามต่อ
ตอนที่หย่งชุนไท่ลอบโจมตีเย่เทียนเฉินอย่างฉับพลับ เย่เทียนเฉินตอบโต้กลับอย่างดุเดือดรุนแรง หนึ่งหมัดซัดไปกลางฝ่ามือของหย่งชุนไท่ ทำให้หย่งชุนไท่ที่ฝึกฝนหมัดหย่งชุนมาหลายสิบปีถูกซัดจนถอยกลังไปหลายก้าวจึงจะยืนอย่างมั่นคงได้ ส่วนเย่เทียนเฉินกลับยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่สะทกสะท้าน นี่ทำให้หย่งชุนไท่ตกตะลึงเป็นอย่างมาก พลันสงสัยว่าเย่เทียนเฉินอาจจะเป็นศิษย์ผู้สืบทอดของพรรควรยุทธโบราณพรรคหนึ่งก็เป็นได้
ยิ่งเย่เทียนเฉินอายุไม่ถึงยี่สิบปี ก็ถึงกับสามารถสู้กับหย่งชุนไท่ได้ พลังต่อสู้ระดับนี้เพียงพอที่จะทำให้ใครก็ตามต้องสั่นสะท้าน และทำให้หย่งชุนไท่รู้สึกแปลกใจมาก พรรควรยุทธโบราณพรรคไหนกันที่ถึงกับสอนศิษที่แข็งแกร่งระดับเย่เทียนเฉินออกมาได้ เส้าหลิน? บู๊ตึ๊ง? หรือจะเป็นหัวซาน?
“ผมไม่มีอาจารย์ เรียนรู้ด้วยตัวเอง” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางยิ้มอย่างหลอกล้อ
“คนหนุ่มสาวในจีนเหมือนนายที่มีพลังการต่อสู้ในระดับนี้มีน้อยมากเหลือเกิน ควรจะอุทิศตนทำเพื่อประเทศให้มากเสียหน่อย” หย่งชุนไท่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“โธ่ ผมก็แค่อยากจะเสพสุขกับชีวิตอันสงบสุขก็เท่านั้น จนใจที่เกิดมาหล่อเกินไป เลยทำให้ผู้คนสนใจ ผมไม่สนใจเรื่องยุทธภพตั้งนานแล้ว แต่ยุทธภพยังคงต้องการตำนานของผม…” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางแสดงท่าทีจนใจ
“แหวะ…” เจียงเหมิงและเฟยอววิ๋นที่อยู่ข้างๆ แทบจะอ้วก รู้สึกนับถือความหน้าหนาของเย่เทียนเฉินจริงๆ ไม่รู้จักอับอายเลยสักนิด
หย่งชุนไท่กลับมองเย่เทียนเฉินยิ้มๆ เธอมีฐานะเป็นยอดฝีมือที่มีวิชาของพรรควรยุทธโบราณ อ่านคนมานับไม่ถ้วน และยิ่งกว่านั้นยังเคยเห็นผู้แข็งแกร่งที่มีนิสัยแปลกประหลาดมาบ้าง เพียงแต่น้อยนักที่จะพบคนที่อายุน้อยและฝีมือแข็งแกร่งเช่นเย่เทียนเฉิน ดังนั้น ตอนที่เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นหรือกระทั่งหลิ่วหรูเหมย ใช้สายตาที่ไม่สามารถอธิบายได้หรือกระทั่งสายตาเหยียดหยามเล็กน้อยมองเย่เทียนเฉิน คิดว่าเย่เทียนเฉินก็แค่คนที่ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษและเป็นคนที่ทำอะไรตามแต่ใจ หย่งชุนไท่กลับรู้สึกว่าเย่เทียนเฉินไม่ธรรมดา
“คราวนี้พวกที่เราต้องเจอนอกจากองค์กรทหารรับจ้างที่แข็งแกร่งจากประเทศ M แล้ว มีความเป็นไปได้ว่าจะยังมียอดฝีมือจากหน่วยพลังพิเศษเฉพาะกิจอีกด้วย เรื่องผู้มีพลังพิเศษคิดว่าเธอคงเข้าใจดี ความสามารถเช่นนั้น แข็งแกร่งจนทำให้คนสิ้นหวัง” หย่งชุนไท่กล่าวพลางมองเย่เทียนเฉินอย่างจริงจัง
เย่เทียนเฉินดื่มกาแฟไปอึกหนึ่ง ในใจคิดว่า หย่งชุนไท่คนนี้ไม่เลวเลยจริงๆ อย่างน้อยก็มีจิตใจรักชาติ ในยุคนี้คนที่มีความสามารถมีไม่น้อย แต่ว่าคนที่มีจิตใจรักชาติไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนนั้นมีน้อยมากเหลือเกิน ไม่ว่าจะพูดอย่างไร หย่งชุนไท่ตรงหน้าคนนี้ควรค่าแก่การเคารพนับถือจริงๆ
“คุณยายครับ พวกคุณสนใจแค่เรื่องธุรกิจก็พอแล้ว ส่วนเรื่องทหารรับจ้างกับผู้มีพลังพอเศษพวกนั้น ให้ผมจัดการเอง” เย่เทียนเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มพลางลูบผม
“ไอ้หนูแกไม่คิดว่าตัวเองพูดจาอวดดี้เกินไปหน่อยเรอะ?” เฟยอวิ๋นที่อยู่ด้านข้างได้ยินเย่เทียนเฉินก็กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“ให้ตายสิ ถ้าไม่ฟังกัน แกก็ไปหยุดทหารรับจ้างกับผู้มีพลังพิเศษพวกนั้น ฉันไปซื้อขายข้อมูลลับเอง” เย่เทียนเฉินกรอกตาใส่เฟยอวิ๋นพลางกล่าว
“เฮอะ ไปก็ไปสิวะ ฉันจะทำให้แกรู้ถึงความร้ายกาจของกองทัพเหยี่ยวของพวกเรา” เฟยอวิ๋นสบถ
“พวกนายอย่าเถียงกันเลย ครั้งนี้พวกเรามีแผนการตั้งนานแล้ว ประมาณแปดโมงเช้า เฮลิคอปเตอร์ของพวกเราจะลงจอดที่วอชิงตัน ที่นั่นมีคฤหาสน์ใหญ่ของตระกูลหลิ่วของพวกเราอยู่หลังหนึ่ง จะใช้เป็นที่พักของพวกเราชั่วคราว วันนั้นพวกเราไม่สามารถทำการแลกเปลี่ยนได้ ต้องรอถึงเที่ยงคืนถึงจะไปยังสถานที่ที่จะทำการแลกเปลี่ยน พวกเราเชื่อว่าระหว่างทางก่อนถึงจุดแลกเปลี่ยน จะต้องมีคนลอบโจมตีพวกเรา ถึงตอนนั้นจะมีการต่อสู้รุนแรงเกิดขึ้นแน่” หลิ่วหรูเหมยมองเย่เทียนนเฉิน เปิดปากกล่าวอย่างจริงจัง
“งั้นหย่งชุนไท่ คุณหนูหลิ่ว พวกคุณมีแผนอะไรไหมครับ? พวกเราจะปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด” เจียงเหมิงหยักหน้ากล่าว
“โทษที ไม่ต้องจัดวางหน้าที่อะไรให้ฉันนะ ฉันตั้งแต่เกิดก็เป็นพวกไม่ชอบการผูกมัดอะไร คนอื่นตั้งอายาให้ฉันว่า หล่อเดียวดายหนึ่งหมื่นลี้!” เย่เทียนเฉินรีบกล่าว
“นาย…”
“เทียนเฉิน กำหนดการของพวกเราเป็นเช่นนี้ หลังจากที่ถึงวอชิงตันแล้ว พวกเราจะอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลหลิ่วทั้งวัน คอยระวังการเปลี่ยนแปลงให้ดี นอกจากพวกเราหลายคนแล้ว ยังมียอดบอดี้การ์ดของตระกูลหลิ่วอยู่อีกกลุ่มหนึ่งด้วย เชื่อว่าสามารถรับประกันความปลอดภัยเธอได้ไม่ยาก หลังจากที่ถึงตอนกลางคืน มีฉัน เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นสามคนบุกทะลวงเข้าไปก่อน เพื่อเปิดทางจากการลอบโจมตีของทหารรับจ้างและผู้มีพลังพิเศษ ส่วนนายคุ้มครองคุณหนูไปซื้อขายข้อมูลลับ” หย่งชุนไท่เปิดปากกล่าว
“ไม่เอาน่า? หย่งชุนไท่ หน้าที่ความรับผิดชอบที่ใหญ่ที่สุดของพวกคุณเอามาให้ผมเถอะ แนวโน้มที่ระหว่างทางจะมีการลอบโจมตีสูงมาก แต่ไปทำการซื้อขายข้อมูลอันตรายที่สุด ที่นั่นต้องมีศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดรออยู่แน่ๆ ถ้าหากหลิ่วหรูเหมยมีแขนขาน้อยลงไปสักข้างล่ะก็ อย่ามาถามหาความความรับผิดชอบจากผมนะครับ” เย่เทียนเฉินแสร้งทำเป็นตกใจพลางกล่าว
“ถ้าหากนายคิดนายไม่มีฝีมือ ก็ไปยืนอยู่ข้างๆ ซะ ให้ฉันคุ้มครองคุณหนูหลิ่วไปซื้อขายเอง” เฟยอวิ๋นกล่าวกับเย่เทียนเฉินอย่างตรงไปตรงมา
“ยืนอยู่ข้างๆ เด็กน้อยเล่นขายของรำไง มาสร้างความวุ่นวายอะไร ไม่ต้องการชีวิตแล้วหรือ?” เย่เทียนเฉินเห็นเฟยอวิ๋นเป็นเด็กน้อยไปแล้วโดยสิ้นเชิง
เฟยอวิ๋นโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน หากไม่ใช่ว่าคิดถึงงานใหญ่และคิดถึงว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ ไม่อาจฝ่าฝืนวินัยได้ เขาคงลงมือกับเย่เทียนเฉินไปนานแล้ว เพียงแต่น่าเสียดาย เขาไม่รู้ว่า เมื่อลงมือ เขาที่เป็นสมาชิกหัวกะทิของกองทัพเหยี่ยวจะต้องเจอกับการตอบโต้ที่ไม่เคยเจอมาก่อน
“พวกเราเชื่อมือนาย ไม่มีปัญหาแน่นอน” หย่งชุนไท่มองเย่เทียนเฉินพลางกล่าว
“แต่ว่าผมคนนี้ไม่ชอบทำตามกฏข้อบังคับ ถ้าต้องเดินตามกำหนดการของพวกคุณ ใช้วิธนั้นดำนอนการ ผมว่าผมรู้สึกไม่พอใจ ถึงตอนนั้นจะกระทบกับความสามารถของผมนะครับ” เย่เทียนเฉินส่ายหัว
หย่งชุนไท่คิดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเปิดปากกล่าวว่า “ถ้าเป็นเช่นนี้ ตอนกลางคืนการดำเนินการพาคุณหนูไปทำการซื้อขาย นายสามารถทำตามใจตัวเองได้เลย ฉันหวังว่านายสามารถพิจารณาถึงสิ่งสำคัญได้ สามารถพาคุณหนูสำเร็จภารกิจได้ และไม่ถูกคนต่างชาติพวกนี้ดูถูกเอานะ”
เย่เทียนเฉินย่อมรู้สึกได้ถึงความเชื่อมั่นที่หย่งชุนไท่มีต่อตนเอง ในสายตาของเขา หย่งชุนไท่เป็นหญิงชราที่ไม่เลวคนหนึ่ง เพียงแต่เขาคนนี้ไม่ชอบทำให้เรื่องมันเครียดจนเกินไป ยิ่งเรื่องที่ทำให้ผู้คนเครียดมากขึ้น เขาก็ยิ่งชอบผ่อนคลายมากขึ้น มีเพียงการผ่อนคลาย จึงจะทำให้คนใจเย็น คิดวิธีการที่ดียิ่งขึ้นออกมาได้ แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาได้
ชาติก่อน เย่เทียนเฉินมีความเคยชินอย่างหนึ่ง ทุกครั้งก่อนที่จะเจอกับศัตรูตัวฉกาจและมีการต่อสู้ถึงขั้นเป็นตาย เขาจะดื่มเหล้าบ้าง กินข้าวบ้าง ร้องเพลงบ้าง ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือหาสถานที่ที่ไม่มีร่องรอยของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นภูเขาสูงก็ดี แม่น้ำก็ดี หรือกระทั่งสนามรบที่กลายเป็นซากปรักหักพัง ขอเพียงเงียบสงัด มีสถานที่สงบเงียบผืนหนึ่ง ก็ล้วนแต่เป็นตัวเลือกของเย่เทียนเฉิน เขาจะหาสถานที่เช่นนี้และไม่คิดอะไ นอนตามสบายอยู่บนพื้น รับรู้ถึงแดนสุขาวดีอันสุขสงบในส่วนลึกในใจ ทำให้เขาสามารถผ่อนคลายร่างกายและจิตใจอันเหนื่อยล้าจากการปกป้องเผ่าพันมนุษย์และการต่อสู้ตลอดเวลา
“ถ้าเป็นแบบนี้ จะฝืนใจยอมรับไปแล้วกัน เพียงแต่ว่าถ้าหากใครบางคนไม่ฟังคำแนะนำของผม มีแขนขาน้อยลงไปบ้าง หรือทำให้ภารกิจไม่สำเร็จล่ะก็ อย่ามาโทษผมก็แล้วกัน!” เย่เทียนเฉินตั้งใจมองไปยังหลิ่วหรูเหมยพลางกล่าว
“นาย…เจ้าคนชั่ว นายคิดว่านายเจ๋งนักรึไง คิดว่าดูเบาไม่ได้มากเรอะ? ฉันไม่เชื่อหรอกว่าถ้าไม่มีนาย ฉันจะทำภารกิจไม่สำเร็จ” หลิ่วหรูเหมยยู่ปากเล็กๆ อันน่ารัก เปิดปากกล่าวอย่างดื้นรั้น
“ตามใจเถอะ อย่างไรฉันก็มาเที่ยว ทำภารกิจไม่สำเร็จ สำหรับฉันไม่มีความหมายมากมายหรอก ถึงตอนนั้นใครบางคน อย่าร้องไห้ขี้มูกโป่งก็พอ…ใช่แล้ว ยังมีพวกนายสองคนอีก อย่าคิดว่าเป็นสมาชิกกองทัพเหยี่ยว แล้วจะคิดว่าตัวเองเจ๋งนะ ทหารรับจ้างของประเทศ M โดยเฉพาะผู้มีพลังพิเศษ แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ถึงตอนนั้นถูกอัดเหมือนหมู อย่ามาขอให้ฉันแก้แค้นแทนพวกนายก็แล้วกัน!”
เย่เทียนเฉินมองหลิ่วหรูมอง เจียงเหมิง และเฟยอวิ๋น กล่าวคำเหล่านี้จบก็ไม่สนใจสายตาที่ราวกับจะกินคนของพวกเขาทั้งสาม ทิ้งตัวลงบนที่นั่งของตน นอนหลับอย่างสบายอกสบายใจ
…………………………………………………………..