ไม่ลงมือก็ว่าไปอย่าง พอลงมือก็ทำให้ผู้คนตกตะลึง เย่เทียนเฉินใช้หนึ่งหมัดโจมตีผู้มีพลังล่องหนคนนั้นจนตาย และได้รับข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งของสำนักงานใหญ่แห่งหน่วยสืบราชการลับพลังพิเศษของประเทศM เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ตอนที่แซนเบเกอร์เห็นเย่เทียนเฉินก็พลันตกใจจนหน้าซีด แม้ในฝันเขาก็คิดไม่ถึงว่าภายในคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วแห่งนี้จะได้พบกับเย่เทียนเฉินอีกครั้ง วันนั้นที่ป่าหมอกดำ เย่เทียนเฉินเข้าโจมตีตอบโต้ ฆ่าล้างสมาชิกชั้นยอดของกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตของพวกเขา หากไม่ใช่ว่าตัวเขาแซนเบเกอร์ฉลาด เห็นความผิดปกติได้ก่อน เกรงว่าคงกลายเป็นศพไปนานแล้ว
หย่งชุนไท่ได้รับบาดเจ็บจากมีดอยู่หลายแผล แต่กลับโจมตีต่อสู้กับสมาชิกแห่งสิบปีศาจทั้งสามคนต่อไป ตอนนี้เหล่าคนที่เผชิญหน้ากับเย่เทียนเฉินนอกจากแซนเบเกอร์แล้ว ยังมีสมาชิกสิบปีศาจอีกสี่คน เรื่องน่าเศร้าก็คือ เจ้าคนนั้นที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ คิดว่าชายวัยรุ่นชาวตะวันออกร่างผอมบางคนนี้แค่ทำเป็นเก่งไปอย่างนั้น จึงพุ่งเข้าไปหาเย่เทียนเฉินอย่างรวดเร็ว และถูกฆ่าตายไปแล้ว ตายโดยที่ตาทั้งสองเบิกกว้าง มีฐานะเป็นถึงกองกำลังสิบปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิต แต่กลับถูกผู้อื่นฆ่า นี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจคาดคิดได้ไปตลอดกาล
เมื่อนำศพของสมาชิกหนึ่งในสิบปีศาจโยนลงพื้นไปตามใจแล้ว เย่เทียนเฉินก็เดินไปยังสี่คนที่เหลือด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ปรากฏร่องรอยแห่งความโกรธอยู่เลย มีเพียงบรรยากาศกดดันที่ทำให้ผู้คนรู้สึกแทบจะแหลกสลาย หย่งชุนไท่ที่เห็นฉากนี้ ในใจก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อสักครู่เธอเข้าใจเย่เทียนเฉินผิด หากไม่ใช่เพราะคำพูดของเย่เทียนเฉิน เธอคงตายไปแล้ว ตอนนี้เย่เทียนเฉินฆ่าสมาชิกของสิบปีศาจไปคนหนึ่ง จะไม่ให้สั่นสะท้านได้อย่างไร
ความสามารถของหย่งชุนไท่กล่าวได้ว่าอยู่ในห้าอันดับแรกของจีน อย่างน้อยในหมู่พรรควรยุทธโบราณก็นับว่าเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง กระทั่งเป็นถึงคนระดับปรมาจารย์ เธอถูกเจ็ดในสิบปีศาจรมถึงแซนเบเกอร์ล้อมโจมตี แม้ว่าจะสามารถ ใช้ฝีมืออันเยี่ยมยอด ถึงกับฆ่าไปได้สามคน ไม่อาจเรียกได้ว่าไม่แข็งแกร่ง แต่ก็ยังคงถูกมีดฟันจนได้รับบาดเจ็บ หากต้องการฆ่าสมาชิกของสิบปีศาจอย่างสบายๆ เช่นเย่เทียนเฉิน เกรงว่ากระทั่งหย่งชุนไท่ก็ไม่แน่ว่าจะทำได้
“ทำไม ทำไมเป็นแก?” แซนเบเกอร์เห็นเย่เทียนเฉินเดินเข้ามาก็ก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง พลางกล่าวถามออกไปอย่างตะกุกตะกัก
“แซนเบเกอร์ ครั้งที่แล้วแกหนีไปได้ ครั้งนี้หนีไม่ได้แน่ เพราะว่าสหายรบที่ตายไปของฉัน ต้องการให้ฉันล้างแค้นแทนพวกเขา” เย่เทียนเฉินกล่าวเสียงเรียบ เดินเข้าไปหาแซนเบเกอร์ช้าๆ
แซนเบเกอร์เป็นคนเดียวในที่นี้ที่เคยพบเย่เทียนเฉินมาก่อน และรู้ถึงความสามารถของอีกฝ่ายดี ตอนนั้นที่ป่าหมอกดำ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เทียนเฉิน ไม่ได้เจอกันสองเดือนกว่า เขาก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย แข็งแกร่งจนถึงระดับที่ไม่อาจประเมินได้ สามารถใช้คำว่าล้ำลึกเกินหยั่งถึงมาอธิบายได้เท่านั้น
“มาช่วยกันฆ่าเขาก่อน ไม่งั้นพวกเราตายแน่” แซนเบเกอร์ได้สติกลับมา เขาตกใจจนหน้าผากปรากฏเหงื่อนเย็นๆ พลางตะโกนบอกกับสิบปีศาจอีกสามคนที่เหลือ
อีกสามคนที่เหลือแม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังคำสั่งของแซนเบเกอร์ แต่ว่าพวกเขาก็มองออกว่าชายวัยรุ่นชาวตะวันออกผู้นี้แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับสามารถฆ่าเพื่อนของตนได้ ทำให้พวกเขารู้สึกขนลุกอยู่ในใจ ถ้าหากว่าพวกตนบุกเข้าไปสู้กับชายชาวตะวันออกคนนี้เดี่ยวๆ จะมีจุดจบที่การถูกฆ่าตายเช่นกันหรือไม่?
ท้ายที่สุดสิบปีศาจที่เหลืออีกสามคนก็มองหน้ากันครู่หนึ่ง เลิกล้มการล้อมโจมตีหย่งชุนไท่พลันพุ่งเข้าไปยังเย่เทียนเฉินจากสามทิศทางราวสายฟ้าฟาด พวกเขาเตรียมจะร่วมมือกันฆ่าเย่เทียนเฉิน เห็นได้ชัดว่ามองอีกฝ่ายเป็นศัตรูตัวฉกาจที่มาจากจีนในครั้งนี้
ตอนที่สามคนที่เหลือพุ่งเข้าไปฆ่าเย่เทียนเฉินอย่างเต็มกำลังอยู่นั้น แซนเบเกอร์ก็เลือกหนทางละทิ้งพวกพ้องอีกครั้งหนึ่ง หมุนกายวิ่งไปยังประตูคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย แนวป้องกันในใจของเขาได้พังทลายลงแล้ว คิดว่าตนเองไม่ใช่คู่มือของเย่เทียนเฉินโดยสิ้นเชิง หากไม่หนีก็มีเพียงเส้นทางแห่งความตายให้ก้าวเดิน
“ไม่จริงมั้ง แซนเบเกอร์ แกนี่มันไร้น้ำใจขนาดนี้อีกแล้ว ส่งเพื่อนร่วมทีมไปตายแล้วตัวเองหนี?” เย่เทียนเฉินเห็นแซนเบเกอร์หันตัววิ่งหนีก็กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“เฮอะ แกไม่มีทางรอดออกไปจากประเทศMได้แน่ คอยดูแล้วกัน…” แซนเบเกอร์กล่าวคำพูดทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง พลันหนีไปดั่งกระต่ายที่ถูกนายพรานไล่ล่า พริบตาก็พุ่งเขาไปในความมืด
เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว เขาไม่ยอมให้แซนเบเกอร์หนีไปแน่ เพียงแต่ตอนนี้จำเป็นต้องจัดการสามคนที่เหลือนี้ก่อน
ฉัวะ!
ใบมีดฟันลงมายังศีรษะของเย่เทียนเฉินหวังตัดหัวเขาให้ขาด สายตาเย่เทียนเฉินเย็นเยียบ ตอนนี้เขาระเบิดพลังในขอบเขตจอมราชันออกมาทั้งหมดและเข้าสู่โหมดต่อสู้ขั้นสูงสุด เมื่อเผชิญหน้ากับมีดที่ฟันลงมาที่ศีรษะของตน ร่างกายของเย่เทียนเฉินก็กระพริบวูบ จับข้อมือขวาของสิบปีศาจคนหนึ่งที่ลงมือกับตนเองเป็นคนแรกสุด
เปรี๊ยะ!
เย่เทียนเฉินหักข้อมือขวาของเขาอย่างรุนแรง ในขณะเเดียวกันยามที่คนผู้นั้นยังไม่ทันได้มีปฏิกริยาอะไร ก็ใช้มีดของอีกฝ่ายเองแทงลงไปยังหัวใจของเขา ทะลุจากหน้าอกไปถึงหลัง สิบปีศาจอีกสองคนที่เหลือต่างก็ตกใจจนหาที่เปรียบที่มิได้ แต่ก็ยังไม่ได้ทิ้งมีดในมือแล้ววิ่งหนีไป พวกเขาล้วนเป็นยอดฝีมือ ต่างก็รู้ดีถึงหลักการอย่างหนึ่ง นั่นคือหากเผชิญหน้ากับยอดฝีมือเช่นเย่เทียนเฉินไม่มีโอกาสให้หนีอย่างเด็ดขาด หากไม่ล้มเขาให้ได้ พวกตนจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นจึงตะเบ็งเสียงออกมาคำหนึ่ง พลันเข้าโจมตีจุดสำคัญของเย่เทียนเฉินอย่างเต็มกำลัง
เมื่อลงมือเย่เทียนเฉินก็ไม่คิดจะออมมือ เข้าสู่โหมดสังหารตั้งนานแล้ว กระทั่งเตรียมฆ่าคนของกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตทั้งหมด เนื่องจากเขามิอาจลืมความตายของสหายร่วมรบได้ มิอาจลืมหลิวเหว่ยที่ล้มลงเบื้องหน้าตน มีเพียงการฆ่าคนของกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตทั้งหมดเท่านั้น ถึงจะล้างแค้นให้เหล่าสหายรบของตนได้
มือขวาจับมีดทหารไว้แน่น แทงทะลุไปยังหน้าอกของคนที่พุ่งมาลงมือกับตนด้านหน้าสุด พลางนำศพของเขาไปต้อนรับอีกสองคนที่เหลือ หนึ่งในนั้นกระโดดขึ้นสูงเมตรกว่า มีดทหารในมือส่องประกายเย็นเยียบพุ่งไปยังหน้าอกของเย่เทียนเฉิน พลังพิเศษระดับจอมราชันในร่างกายของเย่เทียนเฉินเอ่อล้นไปตามแนวที่มองไม่เห็น พลันกลายเป็นรูปลักษณ์ของฝ่ามือมหึมา จับคนที่กระโดดขึ้นไปในอากาศไว้แน่น ทำให้เขาตกใจจนหน้าซีด
หย่งชุนไท่และหลิ่วหรูเหมยเองก็มองฉากนี้อย่างเหลือเชื่อ พวกเธอย่อมมองไม่เห็นพลังพิเศษที่รวมกลุ่มเป็นรูปลักษณ์ฝ่ามืออันมหึมานั้นแน่นอน เห็นเพียงแต่ว่าคนที่กระโดดขึ้นไปในอากาศและต้องการลงมือฆ่าเย่เทียนเฉินคนนั้น จู่ๆ ก็หยุดนิ่ง และถูกเขาแทงทะลุอกเช่นเดียวกันศพของคนแรกที่ถูกเย่เทียนเฉินนำมา
ตอนนี้ บนมีดทหารที่เย่เทียนเฉินถืออยู่ในมือมีศพของสมาชิกสิบปีศาจอยู่สองศพแล้ว คนที่เหลือคนสุดท้ายพลันหน้าซีด เหงื่อออกท่วมหัว กลุ่มสิบปีศาจเป็นตัวตนที่มีความสามารถแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิต สมาชิกทั้งสามร่วมมือกันโจมตี แต่ก็ยังดูเหมือนว่าจะไม่มีใครหนีพ้นจากชะตาแห่งความตายไปได้ ความสามารถเช่นนี้ต่อให้เป็นหย่งชุนไท่ที่เป็นถึงปรมาจารย์แห่งพรรควรยุทธโบราณก็ไม่มี
แต่เบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน พวกเขาสมาชิกทั้งสามแห่งสิบปีศาจ ราวกับมดปะทะช้าง ไม่สามารถทำอะไรได้โดยสิ้นเชิง ขอเพียงเย่เทียนเฉินโจมตีกลับก็จะต้องมีคนตาย
“รีบเข้ามาเร็วๆ เถอะ ฉันยังต้องตามไปฆ่าแซนเบเกอร์อีก ไม่อาจปล่อยให้เจ้าหมอนั่นหนีรอดไปได้หรอกนะ” เย่เทียนเฉินกล่าวกับคนที่เหลือด้วยรอยยิ้ม
คนคนนั้นรู้สึกพังทลายโดยสิ้นเชิง จะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่า ชายอายุน้อยที่มักจะมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ให้ความรู้สึกไม่เป็นภัยอันตราย แต่ยามเมื่อเขาโกรธ ยามเมื่อเขาโมโห ยามเมื่อเขาลงมือ กลับฆ่าคนราวผักปลา นี่เป็นชายที่ถูกมัจจุราชสิงสู่โดยสิ้นเชิง กล่าวได้ว่าตัวเขาก็คือมัจจุราช
“ปีศาจ แก แกมันเป็นปีศาจแห่งแดนตะวันออก…” คนที่เหลือคนนั้นกล่าวด้วยร่างกายอันสั่นเทา
สำหรับผู้ที่มีฝีมือแข็งแกร่ง และยิ่งสำหรับผู้ที่ผ่านการฆ่าคนมากนับไม่ถ้วนแล้ว ความตายนั้นไม่น่ากลัว แต่ว่ายามเมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่ทำให้เขาไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะตอบโต้ ทำได้เพียงรอคอยการถูกฆ่า ความสิ้นหวังและความไม่ยินยอมพร้อมใจเช่นนั้น ถึงจะทำให้ผู้คนหวาดกลัว
“ฉันไม่ใช่ปีศาจ ความจริงฉันคนนี้เป็นมิตรมากเลยทีเดียว ก็แค่คนของประเทศMอย่างพวกแกมีอคติก็เท่านั้น” เย่เทียนเฉินกล่าวอย่างสบายๆ ใบหน้ายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มไม่เสื่อมคลาย
“ไอ้ปีศาจตะวันออก แกคือปีศาจตะวันออก…” คนที่เหลือตะโกนลั่น พลางพุ่งเข้าไปทางเย่เทียนเฉิน เพียงแต่น่าเสียดายที่จุดจบของเขาก็เหมือนเดิม ไม่อาจเป็นคู่มือของเย่เทียนเฉินที่ใช้พลังสู้รบขั้นสูงสุดของขอบเขตพลังระดับจอมราชัน ถูกเย่เทียนเฉินใช้มีดทหารในมือขวาแทงทะลุไปเช่นเดียวกัน
สมาชิกสิบปีศาจทั้งสามคนของกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตถูกเย่เทียนเฉินฆ่าตาย แม้กล่าวไปแล้วจะดูยืดเยื้อซับซ้อน แต่ความจริงใช้เวลาไปเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที นี่ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ แต่เป็นเพราะเย่เทียนเฉินโกรธจึงลงมืออย่างเต็มกำลัง โดยใช้ความสามารถระดับสูงสุดของขอบเขตพลังระดับจอมราชัน ต่อให้เป็นเป็นพวกเขาสิบปีศาจก็ยังยากจะขวาง ทั้งสามถูกเสียบราวพรวนน้ำเต้า เมื่อเย่เทียนเฉินปล่อยมือขวา ทั้งสามก็ยังคงยืนอยู่บนพื้นไม่ล้มลง มองแล้วทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดผวายิ่งนัก
หลิ่วหรูเหมยนิ่งอึ้งอยู่กับที่ กระทั่งยอดฝีมือเช่นหย่งชุนไท่ก็ยังถูกฉากนี้ทำให้ตกใจจนนิ่งไป เย่เทียนเฉินคนนี้เป็นอันธพาลหรือมัจจุราชกันนแน่ ยามได้ลงมือ มักจะทำให้วิญญาณของผู้คนต้องสั่นสะท้าน
“หย่งชุนไท่ไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะครับ ยัยสมองหมูก็อยู่ที่นี่อย่าขยับไปไหนล่ะ ฉันไปแปบเดียวเดี๋ยวก็กลับ!”
เย่เทียนเฉินกล่าวจบ ก็พุ่งทะยานไปยังทิศทางที่แซนเบเกอร์หนีไปเพื่อตามไปโจมตี อีกฝ่ายไม่มีทางออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วได้อย่างเด็ดขาด เนื่องด้วยพลังพิเศษแห่งการรับรู้ของเย่เทียนเฉินได้ปิดล็อคไปทั่วทั้งคฤหาสน์นานแล้ว ใครก็ไม่อาจหนีไปได้
ณ ตอนนี้แซนเบเกอร์วิ่งไปยังคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่อยากตาย ไม่อยากถูกเย่เทียนเฉินฆ่าเหมือนกับสิบปีศาจ เหมือนกับมดที่โดนบี้ตาย ในขณะเดียวกันก็สั่นสะท้านในใจไม่หยุด เวลาที่ไม่ได้เจอกันประมาณสองเดือน เย่เทียนเฉินก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ฆ่าสมาชิกสิบปีศาจราวกับหั่นผัก นี่มันพลังการสู้รบระดับใดกัน ต่อให้มีเขาแซนเบเกอร์อีกสิบคน ก็ยังต้องตาย
“โกสต์ ช่วยฉันด้วย!” แซนเบเกอร์วิ่งไปยังประตูของคฤหาสน์ตระกูลหลิ่ว เจอโกสต์และสมาชิกสิบปีศาจอีกสองคนกำลังสู้กับหลิวอวี่ เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นอยู่ ก็พลันถอนหายใจออกมาแล้วตะโกนออกไปด้วยเสียงอันดัง
โกสต์ชะงักไปครู่หนึ่ง ปล่อยหมัดใส่หลิวอวี่บังคับให้เขาถอยหลังไปหลายก้าว ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเมื่อไร ทำไมแซนเบเกอร์ถึงได้วิ่งกลับมาคนเดียวราวกับเจอมัจจุราชไปได้?
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมแก…”
โพละ!
ศีระษะและร่างกายของแซนเบเกอร์ถูกแยกออก คำพูดของโกสต์ยังไม่ทันจบ แซนเบเกอร์ก็กลายเป็นศพไร้หัว โกสต์ตกตะลึง อดไม่ได้ที่จะมองไปยังฝั่งตรงข้าม พบเพียงเงาคนรางๆ เงาหนึ่ง เดินมาทางด้านนี้ช้าๆ แผ่กระจายบรรยากาศทรงอำนาจออกมาจนผู้คนสั่นสะท้าน
……………………………………………………………..