เย่เทียนเฉินได้ล้างแค้นให้สหายศึกที่ตายไปที่ป่าหมอกดำแล้ว นับว่าทำตามคำสาบานที่เขาได้ให้ไว้ในใจกับสหายร่วมรบจนสำเร็จ ภายในตึกใหญ่ที่เป็นรังของกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิต กลายเป็นสนามแห่งความตาย จนถึงตอนที่เย่เทียนเฉินจากไปอย่างไม่แยแส ก็ยังไม่มีใครพบว่าคนในตึกแห่งนี้ตายไปหมดแล้ว
ตอนนี้หลิ่วหรูเหมย หย่งชุนไท่ หลิวอวี่ เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋น ทั้งหมดห้าคน กำลังนั่งอยู่ในรถลีมูซีนคันหนึ่ง มุ่งไปยังสถานที่แลกเปลี่ยน ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งซึ่งอยู่รอบนอกของรัฐวอชิงตัน
พวกเขาไม่ได้นำคนไปมากนัก นอกจากหลิ่วหรูเหมยที่ไม่มีฝีมือในการต่อสู้ ก็มีแค่หย่งชุนไท่ หลิวอวี่ เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นสี่ยอดฝีมือ การเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายในครั้งนี้เป็นไปได้ว่าจะต้องเจอกับผู้มีพลังพิเศษที่แข็งแกร่ง บอดี้การ์ดธรรมดาทั่วไปไม่อาจทำอะไรได้เลย แล้วเหตุใดจะต้องให้คนเหล่านี้ตามไปสละชีพด้วยล่ะ
“คุณหนู เตรียมเฮลิคอปเตอร์เรียบร้อยแล้ว พอได้รับข้อมูลที่แท้จริงมา ก็ให้พวกเรารีบไปโดยทันที พวกเราจะคุ้มครองคุณกลับไปด้วยชีวิต” หลิวอวี่มองหลิ่วหรูเหมยพลางกล่าวอย่างจริงจัง
หลิ่วหรูเหมยหยักหน้า เธอรู้ว่าคราวนี้ไม่ใช่การล้อเล่น และไม่ใช่เวลาที่จะมาใช้อารมณ์ ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลลับครั้งนี้ เรื่องใดก็ตาม ชีวิตของใครก็ตาม รวมถึงตัวเธอเอง ล้วนไม่นับเป็นอะไรได้ ขอเพียงสามารแลกเปลี่ยนได้ข้อมูลลับที่แท้จริงมาและนำกลับไปยังประเทศจีนได้ ก็จะสามารถทำให้ศักยภาพทางการทหารของจีนพัฒนาขึ้นอีกขั้น จินตนาการได้เลยว่าสำคัญมากขนาดไหน
คำพูดของหลิวอวี่กล่าวไว้ได้ชัดเจนมาก นั่นคือพอแลกเปลี่ยนข้อมูลมาได้ พวกเขาสี่คนจะคุ้มครองเธอสุดชีวิตเพื่อให้เธอจากไป ต่อให้ทั้งหมดต้องสละชีวิตอยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรต้องเสียดาย เพื่อสามารถคุ้มครองหลิ่วหรูเหมยขึ้นเครื่องไปได้ เพื่อรับประกันว่าข้อมูลลับจะถูกส่งกลับไปยังประเทศโดยราบรื่น
“อืม ไม่รู้ว่าเย่เทียนเฉินจะตามมาได้อย่างราบรื่นรึเปล่า!” หลิ่วหรูเหมยกล่าวออกมาอย่างกังวล
เย่เทียนเฉินตามไปฆ่าโกสต์และชาโดว์ แต่ความหมายเช่นนั้นราวกับต้องการถอนรากถอนโคนกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตก็มิปาน เข้าถ้ำเสือเช่นนี้อันตรายยิ่งนัก ช่วยไม่ได้ที่หลิ่วหรูเหมยจะเป็นห่วง แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่า ความสัมพันธ์ของเธอกับเย่เทียนเฉินเริ่มตั้งแต่ที่เขาแอบดูเธออาบน้ำ ก็ล่วงเลยมาปีกว่าแล้ว ตอนที่ทั้งสองได้พบกันอีกครั้งต่างก็ไม่มีใครยอมใคร ทะเลาะกันไม่ขาด แต่ตอนนี้เธอค่อยๆ เป็นห่วงเจ้าคนชั่วนั่นบ้างแล้ว บางทีนี่คงเป็นโชคชะตาสินะ
“คุณหนูหลิ่ว คุณไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าหนูนั่นหรอก เขาต้องไม่เป็นไรแน่” เจียงเหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ใช่แล้ว ฝีมือของเขายังเหนือผมไปมาก จะต้องกำจัดกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตได้แน่” เปยอวิ๋นเปิดปากกล่าว
หลิ่วหรูเหมยพยักหน้า ถึงช่วงเวลาอันสำคัญแล้ว หลายครั้งที่ผ่านมานี้หากไม่ได้เย่เทียนเฉิน เธอคงตายไปนานแล้ว จะมาพูดถึงเรื่องสำเร็จภารกิจได้อย่างไร? ดังนั้นในใจของหลิ่วหรูเหมยจึงไม่ต้องการให้เย่เทียนเฉินเกิดเรื่อง ไม่ว่าจะด้วยความใส่ใจต่อเพื่อนร่วมงาน หรือจะเพราะในใจของหลิ่วหรูเหมยเริ่มมีความรักอันน้อยนิดต่อเย่เทียนเฉิน สิ่งนี้ก็ล้วนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือทุกคนสามารถมีชีวิตรอดกลับไปได้ นี่เป็นความคิดที่แท้จริงในใจของหลิ่วหรูเหมย
“พวกเรามาทวนแผนกันอีกรอบดีกว่า เพื่อให้แน่ใจว่าการแลกเปลี่ยนครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ ส่วนไอ้หนูเย่เทียนเฉิน จะห่วงใครก็ได้แต่ไม่ต้องไปห่วงเขา!” หย่งชุนไท่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
จากแผนการที่พวกหย่งชุนไท่คิดวิเคราะก์มา เมื่อรถไปถึงเมือง ยังไม่ต้องเข้าไป ให้รออยู่ด้านนอกก่อน เมื่อถึงเวลาแลกเปลี่ยนจึงค่อยตรงไปยังสถานที่แลกเปลี่ยน เมื่อการแลกเปลี่ยนสำเร็จหย่งชุนไท่จะคุ้มครองหลิ่วหรูเหมยออกไป ส่วนหลิวอวี่ เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นอยู่รั้งท้าย เพื่อให้ความอันตรายที่สุดตกอยู่ที่ตัวพวกเขาทั้งสาม
“หย่งชุนไท่ ผมไม่มีข้อโต้แย้งอะไรต่อแผนการในครั้งนี้ครับ” หลิวอวี่กล่าวอย่างหนักแน่น
หย่งชุนไท่พยักหน้า หลายปีมานี้ ความภักดีที่หลิวอวี่มีต่อตระกูลหลิ่ว ทุกคนล้วนมองเห็น ทุกครั้งที่ปฏิภารกิน เขาล้วนแต่อยู่ด้านหน้าสุด ครั้งนี้ก็ไม่เว้น
“ฉันตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนแปลงสักเล็กน้อย รอให้คุณหนูได้รับข้อมูลมาก่อน แล้วให้เสี่ยวเจียงกับเสี่ยวอวิ๋นคุ้มครองคุณหนูขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ฉันกับหลิวอวี่จะรั้งท้ายเอง” หย่งชุนไท่กล่าวพลางมองเจียงเหมิงและเฟยอวิ๋น
“หย่งชุนไท่ พวกเราไม่กลัวตาย นี่คือภารกิจของพวกเรา ทำตามแผนเดิมเถอะครับ” เจียงเหมิงรีบกล่าว
“ใช่แล้วครับ หย่งชุนไท่ คุณอย่าได้ดูเบากองทัพเหยี่ยวของเราเราไป ความตายนับเป็นอะไรได้ จะต้องฆ่าผู้มีพลังพิเศษให้ได้สักหลายคนหน่อย” เฟยอวิ๋นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เห็นความแน่วแน่ของพวกเขา หย่งชุนไท่ก็ไม่ได้กล่าวอะไร อย่างไรเสียก็ต้องคุ้มครองหลิ่วหรูเหมยขึ้นเครื่องด้วยแรงทั้งหมดที่มี มิฉะนั้นความยากลำบากทั้งหมดจะต้องสูญเปล่า
เวลาเที่ยงคืน พวกหลิ่วหรูเหมยได้มาถึงเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่าเมืองชีคแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาจอดรถไว้ด้านนอกไม่ได้เข้าไป คอยสังเกตการณ์ทุกการเคลื่อนไหวภายในเมือง
เมืองชีค แท้จริงแล้วเป็นเขตพัฒนาแห่งหนึ่งบริเวณชายขอบของรัฐวอชิงตัน ทั้งเมืองมีถนนสายเดียว สองข้างทางมีคฤหาสน์เล็กๆ วางเรียงราย ถนนยาวประมาณหลายหมื่นเมตร กลางถนนมีความกว้างห้าเมตร เป็นเมืองที่ค่อนข้างพิเศษ
“ไม่ได้การแล้ว ทำไมเมืองนี้ถึงไม่มีคนอยู่เลย ขนาดไฟในคฤหาสน์ก็ยังไม่มี?” หลิวอวี่ขมวดคิ้วกล่าวออกมาอย่างกังวล
“ที่นี่เดิมทีก็ไม่มีคนอาศัยอยู่ เพิ่งจะเข้ามาพัฒนาได้ไม่นาน เห็นได้ชัดว่ามีการซุ่มโจมตีของอีกฝ่ายแน่นอน ทุกคนระวังตัวไว้ด้วย” หลิ่วหรูเหมยเปิดปากกล่าว
สามารถใช้วลีที่ว่า “รู้ทั้งรู้ว่าในภูเขามีเสือก็ยังเต็มใจเข้าไป” มาอธิบายการมาประเทศMเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลลับของพวกหลิ่วหรูเหมยได้ ไม่มีคำไหนเหมาะไปกว่านี้อีกแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายจะซุ่มโจมตี จะมีผู้มีพลังพิเศษที่แข็งแกร่งปรากฏตัวออกมา แต่พวกเขาก็ยังต้องมา เหตุผลหนึ่งก็คือประเทศจจีนต้องการข้อมูลลับนี้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังรู้ดีว่าถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว มันไม่ใช่วิสัยของชาวจีนอย่างพวกเรา
“ไปเถอะ ได้เวลาแล้ว!” หย่งชุนไท่มองนาฬิกาแล้วกล่าวออกมา
หลิ่วหรูเหมย หลิวอวี่ เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นต่างพยักหน้า หย่งชุนไท่เดินนำไป ส่วนพวกเขาเดินตามหลัง เข้าไปยังเมืองชีค
ระหว่างทางมาพบผู้คนเลย กล่าวได้ว่านี่เป็นเมืองร้างแห่งหนึ่งที่สร้างได้อย่างงดงาม คฤหาสน์ทั้งสองข้างทางทั้งหมดต่างก็ออกแบบตามบ้านสไตล์ฝรั่งเศส
ในวินาทีที่พวกหย่งชุนไท่เหยียบย่างเข้าสู่เมืองชีคนั้น ภายในคฤหาสน์หลังสุดท้าย ชายชาวต่างชาติคนหนึ่งลืมตาขึ้น คนคนนี้ก็คือซิลลี่ มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายสายหนึ่ง กล่าวออกมาอย่างเย็นชาว่า “ไม่คิดว่าไอ้ตะวันออกไม่กลัวตายกลุ่มนี้มันจะกล้ามา ทำตามแผนซะ พอได้ข้อมูลมาก็ฆ่าพวกมันให้หมด”
“ครับ!”
เมื่อเห็นผู้มีพลังพิเศษข้างกายจากไป ซิลลี่ก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาอย่างพึงพอใจ นั่งไขว่ห้างพิงอยู่บนโซฟา เขาแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งมากจริงๆ ตอนที่พวกหยุ่งชุนไท่ทั้งห้าคนเดินเข้ามาก็รับรู้ได้แล้ว ทั้งยังสามารถวิเคราะห์ความสามารถของพวกเขาได้จากพลังที่ผันผวนบนร่างกายของพวกเขาทั้งห้า แม้ว่าในหมู่พวกเขา หย่งชุนไท่ หลิวอวี่ เจียงเหมิงและเปยอวิ๋น ทั้งสี่คนนี้จะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะให้เขาลงมือ นี่ทำให้ซิลลี่วางใจ ดูท่า “ปีศาจตะวันออก” ในข่าวลือคนนั้นก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรปานนั้น แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ เย่เทียนเฉินยังมาไม่ถึง
เมื่อพวกเขาทั้งห้าเดินมาถึงใจกลางเมืองก็มีคนสามคนเดินเข้ามาเบื้องหน้า หนึ่งในนั้นคือด็อกเตอร์พีน่าซึ่งรับผิดชอบการแลกเปลี่ยนข้อมูลจากทางฝั่งประเทศM สองคนด้านข้างเป็นชายฉกรรจ์สวมสูทสีดำ ไม่รู้ว่าเป็นบอดี้การ์ดหรือเป็นผู้มีพลังพิเศษ
“ด็อกเตอร์พีน่า ฉันคือหลิ่วหรูเหมยเจากประเทศจีย รับผิดชอบกการแลกเปลี่ยนข้อมูลในครั้งนี้” หลิวหรูเหมยเดินขึ้นหน้าไปพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แหม ผู้หญิงตะวันออกช่างสวยจริงๆ เลยนะครับ” ด็อกเตอร์พีน่าอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว ผมร่งจนหมดหัวแล้ว แต่ยังคงมองหลิ่วหรูเหมยด้วยดวงตาอันเปล่งประกาย
“ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ ภาษาจีนของคุณไม่เลวเลยสามารถไปศึกษาได้ที่ประเทศจีนของพวกเรา” หลิ่วหรูเหมยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ถ้ามีโอกาสจะไปแน่นอนครับ งั้นพวกเรามาเริ่มแลกเปลี่ยนกันเถอะ” ด็อกเตอร์พีน่าเปิดปากกล่าว
หลิ่วหรูเหมยพยักหน้า หยิบแผ่นชิปขนาดเล็กมากๆ แผ่นหนึ่งออกมาจากเสื้อผ้ารัดรูปของเธอ ภายในชิปมีข้อมูลเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาอาวุธหนักชนิดหนึ่งของจีนบรรจุอยู่ ส่วนด็อกเตอร์พีน่าก็หยิบชิปออกมาแผ่นหนึ่ง นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีนิวเคลียร์ที่แข็งแกร่งของประเทศM แม้ว่าจะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ แต่สำหรับประเทศจีนแล้วนับว่าเป็นส่วนที่ขาดไปจึงสำคัญเป็นอย่างมาก
เมื่อรับชิปที่ด็อกเตอร์พีน่าส่งมาแล้ว หลิ่วหรูเหมยก็หยิบคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาออกมาทันที รีบเสียบชิปเข้าไปและอ่านข้อมูลลับของเทคโนโลยีนิวเคลียร์ที่อยู่ข้างในพลางกลั่นกรองข้อมูลไม่หยุด พวกหย่งชุนไท่เห็นดังนั้นก็รู้สึกตึงเครียด สุดท้ายหลิ่วหรูเหมยพยักหน้า ยืนยันว่าไม่มีปัญหา ทุกคนถึงสามารถวางใจลงได้บ้าง ต่อไปก็ต้องดูกันว่าจะสามารถถอยกลับไปได้อย่างครบสามสิบสองหรือไม่
“ได้พบกับสาวตะวันออกสวยๆ อย่างคุณ ทำให้ผมรู้สึกเป็นเกียรติ์มากสนใจไปดื่มกันสักแก้วไหมครับ?” สองตาของด็อกเตอร์พีน่ายังคงเปล่งประกาย ใช้ภาษาจีนที่ไม่ค่อยดีกล่ามถามด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะด็อกเตอร์ แต่ดิฉันยังมีธุระ คงต้องขอตัวไปก่อน ยินดีที่ได้ทำงานร่วมกันค่ะ” หลิ่วหรูเหมยกล่าวยิ้มๆ
“งั้นก็ได้ครับ หวังว่าครั้งหน้าพวกเราจะยังได้เจอกันอีก”
การแลกเปลี่ยนนับว่าประสบความสำเร็จ ไม่ได้มีสถานการณ์ไม่คาดคิดอะไรเกิดขึ้น แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้พวกหยุ่งชุนไท่วางใจ กลับทำให้ระวังตัวมากขึ้นไปอีก นี่เป็นข้อมูลลับสุดยอดของเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ไม่ใช่อะไรที่จะแลกได้ด้วยเงิน อีกฝ่ายกลับไม่ลงมือตอนที่ทำการแลกเปลี่ยน แสดงว่าต้องมั่นใจเป็นอย่างมากว่าพวกเขาจะเอาข้อมูลเทคโลโนยีนิวเคลียร์กลับไปไม่ได้
“ทำตามแผน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม คุ้มครองคุณหนูไปก่อน” หย่งชุนไท่กล่าวเสียงเข้ม
“ครับ!” หลิวอวี่ เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นตอบเสียงเบาพลางพยักหน้า
หย่งชุนไท่เดินไปคุ้มครองหลิ่วหรูเหมยด้านหน้าสุด เพิ่งจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ข้างหน้าของพวกเขาก็ปรากฏเงาคนสี่คนออกมาจากอากาศ ทั้งสี่สวมชุดสำหรับปฏิการตอนกลางคืนสีดำ มีเพียงดวงตาที่โผล่ออกมาจ้องมองพวกเขา
“ฆ่า!”
หนึ่งในนั้นส่งสัญญาณมือ อีกสามคนข้างๆ ก็พุ่งเข้าไปยังพวกหย่งชุนไท่ ทั้งคล่องแคล่วและเด็ดขาด ไม่มีการเคลื่อนไหวส่วนเกินเลยแม้แต่น้อย เพื่อที่จะฆ่าพวกหลิ่วหรูเหมยและทำให้พวกเขาไม่มีทางกลับประเทศจีนไปได้
…………………………………………………….