“หย่งชุนไท่ คุณคุณครองคุณหนูไป พวกเราจะหยุดคนพวกนี้เอง”
หลิวอวี่กล่าวพลางพุ่งเข้าไปเป็นคนแรก เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นก็ขยับตัวพร้อมกัน เข้าไปขวางผู้มีพลังพิเศษทั้งสามที่พุ่งเข้ามา
ฉัวะ!
สายฟ้าสายหนึ่งผ่าตรงไปยังหัวของหลิวอวี่ ผู้มีพลังพิเศษที่เขาต่อสู้ด้วยคือผู้มีพลังสายฟ้า มือทั้งสองปรากฏสายฟ้าออกมา คนที่โดนหมัดที่คละเคล้าไปด้วยพลังสายฟ้านี้จะมีอันตรายถึงขั้นร่างแยกออกจากกัน เขาพุ่งเข้าโจมตีไปยังหลิวอวี่ไม่หยุด หลิวอวี่ทำได้เพียงหลบหลีกด้วยอาการตกตะลึง ไม่เพียงแต่ต้องหลบพลังสายฟ้าของอีกฝ่าย แต่ยังต้องคอยหลบหมัดของเขาอีกด้วย ทำอะไรไม่ได้ไปช่วงหนึ่ง
ฟิ้ว!
เจียงเหมิงเพิ่งจะพุ่งเข้าไปเบื้องหน้าของคนทางซ้าย กำปั้นที่แข็งแกร่งดังเหล็กกล้าโจมตีเข้าใจ สายตามองไปยังคู่ต่อสู้ แต่เมื่อหมัดถูกปล่อยออกไป คนที่รอต้อนรับเขาเบื้องหน้ากลับสลายไปในอากาศ พริบตาต่อมาจึงปรากฏข้างกายของเจียงเหมิง ใช้มีดแทงเข้าไปยังเสื้อกล้ามของเจียงเหมิง หากไม่ใช่ว่าเขามีปฏิกริยารวดเร็วและหลบได้ทัน เกรงว่าต้องสิ้นชีพไปแล้ว ผู้มีพลังที่เขาประชันคือผู้มีพลังสายความว่างเปล่า ความพิเศษของผู้มีพลังประเภทนี้คือการเคลื่อนไหวอันแปลกประหลาด ทำให้อีกฝ่ายเดาไม่ออกว่าเขาจะไปโผล่ตรงไหน
เฟยอวิ๋นเจอกับผู้มีพลังพิเศษสายแสงสว่าง หมัดทั้งสองปรากฏแสงสว่างโชติช่วง ทำให้ดวงตาของศัตรูมิอาจลืมขึ้นได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการโจมตีตอบโต้ ทำได้เพียงถอยหลังไปครั้งแล้วครั้งเล่า อีกทั้งในหมัดแสงของผู้มีพลังพิเศษสายแสงสว่างผู้นี้ดูเหมือนจะแฝงไปด้วยพลังความร้อน คล้ายกับเป็นการผสมผลาสระหว่างสายแสงสว่างและไฟ เพียงแต่ไม่ได้แข็งแกร่งมากมายอะไร มิฉะนั้นหากต้องพบกับผู้มีพลังเช่นนี้ อย่าว่าแต่เฟยอวิ๋นเลย กระทั่งเย่เทียนเฉินเองก็ต้องเปลืองแรง
หยุ่งชุนไท่คุ้มครองอบยู่ด้านหลังของหลิ่วหรูเหมย เธอขมวดคิ้ว ดูก็รู้ว่าสภาพการณ์ไม่ดีแล้ว หลิวอวี่ เจียงเหมิง เฟยอวิ๋น ความสามารถของสามคนนี้แข็งแกร่งมาก หากกล่าวตามหลักเหตุผลทั่วไป ย่อมแข็งแกร่งกว่าผู้มีพลังพิเศษสามคนนั้นเสียอีก แต่ว่าพวกเขาสามคนไม่เคยมีประสบการณ์การต่อสู้กับผู้มีพลังพิเศษมาก่อน อีกทั้งวิธีการของอีกฝ่ายก็ค่อนข้างแปลกประหลาด ทำให้พวกหลิวอวี่ทั้งสามคนมือเท้าพันกันไม่อาจทำอะไรได้ ทำได้เพียงหลบและถอยหลังไม่หยุดเท่านั้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะต้องอันตรายถึงชีวิตเป็นแน่
ทันใดนั้น ใบมีดถูกแสงกระทบวูบหนึ่งพุ่งเข้ามา หย่งชุนไท่ที่มีสายตาเฉียบคมมือเท้าว่องไวรีบใช้มือซ้ายดันหลิ่วหรูเหมยไปด้านหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็หันมาใช้มือขวาจับข้อมือของผู้ที่จมตีเข้ามาแน่น
ไม่รู้ว่าเมื่อไร ชายชุดดำที่ยืนอยู่ตรงกลางเข้าประชิดถึงข้างหลังหลิ่วหรูเหมย ไม่มีท่าทางรักหยกถนอมบุษผาเลยแม้แต่น้อง ใช้มีดทหารอันใหญ่โตมหึมาฟันลงไปยังหลิ่วหรูเหมย หากไม่ใช่ว่าหย่งชุนไท่มีความระมัดระวังตัวสูง เกรงว่าเธอคงตายไปแล้ว
“ไม่คิดเลยว่าหญิงแก่ๆ อย่างเธอจะเก่งแบบนี้” ชายผู้เป็นหัวหน้าสบถเสียงเย็น
“อย่าดูถูกคนแก่สิ เดี๋ยวจะลำบากนะ”
“ไปตายซะเถอะ!”
คนที่เป็นหัวหัวจู่ๆ ก็ตะโกนลั่น มีดทหารในมือขวาของเขาปรากฏหนามเหล็กขึ้นเป็นจำนวนมาก หย่งชุนไท่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่มือขวาจึงรีบปล่อยมือที่กำมีดทหารนั้นออก พลันเตะเข้าไปยังบริเวณหน้าอกของอีกฝ่าย
แก๊ง!
หย่งชุนไท่เตะลงไปบนมีดทหาร หนามเหล็กแท่งหนึ่งแทงทะลุรองเท้าผ้าของเธอ เลือดสดๆ พลันไหลออกมาในบันดล แต่หย่งชุนไท่ก็ไม่ได้หยุดมือ เพลงยุทธที่แฝงไปด้วยพลังภายในของหย่งชุนไท่โจมตีออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่ท้า เพียงเพื่อจะยับยั้งการลงมือของอีกฝ่าย
ผู้เป็นหัวหน้าที่หย่งชุนไท่ปะทะด้วยนี้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้มีพลังพิเศษทั้งสี่ เขามีพลังของการเสริมพลังให้อาวุธ กล่าวง่ายๆ คือ ปืนกระบอกหนึ่งหากมาอยู่ในมือเขา สามารถแสดงพลังของปืนใหญ่ออกมาได้ นี่คือความน่ากลัวของผู้มีพลังสายเสริมพลัง
หลิ่วหรูเหมยอยู่อยู่ด้านข้าง รู้สึกร้อนรน ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเอง แต่เป็นเพราะตอนนี้หย่งชุนไท่ หลิวอวี่ เจียงเหมิง และเฟยอวิ๋น ต่างก็ถูกขัดขวาง ทำให้แผนการเดิมรวนไปหมด ถ้าหากไม่สามารนำข้อมูลลับของแทคโนโลยีนิวเคลียร์กลับไปได้ ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าจะต้องเกิดผลร้ายแรงเช่นใด
ตอนนี้เองซิลลี่ที่อยยู่ในคฤหาสน์หลังสุดท้าย กำลังดื่มด่ำกับเหล้าและสูบซิการ์มองดูทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความพึงพอใจ เขาไม่ได้รีบร้อนลงมือ คืนนี้ดวงจันทร์งดงามและน่าเบื่อ ไม่สู้คอยดูเกมสนุกๆ สักเกมจะดีกว่า อีกทั้งผู้มีพลังพิเศษทั้งสี่คนของตนก็กำลังได้เปรียบ การจะโจมตีพวกหย่งชุนไท่ให้พ่ายแพ้ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
“เกมมันๆ เริ่มขึ้นแล้ว ให้พวกเขากางม่านพลังซะ ฉันไม่อยากให้มีคนมากวนอามรมณ์ฉันดูเกม” ซิลลี่กล่าวกับผู้มีพลังพิเศษข้างๆ
“ครับ!”
“ใช่แล้ว ผู้หญิงตะวันออกคนนั้นไม่เลวเลย ฉันไม่เคยเจอผู้หญิงที่สวยงามขนาดนี้มาก่อน สั่งลงไป ไม่ต้องฆ่าเธอ ฉันต้องการจะลิ้มรสสักหน่อย!” ซิลลี่มองหลิ่วหรูเหมย กล่าวพลางยิ้มออกมาอย่างหื่นกระหาย
ผู้มีพลังพิเศษที่ยื่นข้างกายเขาพยักหน้าแล้วจากไป คราวนี้ซิลลี่ไม่ได้พาผู้มีพลังพิเศษมามากมายนัก รวมเขาแล้วก็มีเพียงแปดคนเท่านั้น นอกจากผู้มีพลังพิเศษทั้งสี่ที่ไปสู้กับพวกหย่งชุนไท่ หนึ่งคนคือผู้ติดตามของเขา แล้วยังมีอีกสามคนที่เป็นผู้มีพลังพอเศษสายป้องกัน
แม้ว่าซิลลี่จะไม่เห็นพวกหย่งชุนไท่อยู่ในสายตา แต่เพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาด ในขณะที่ผู้มีพลังพิเศษของตนกำลังสู้อยู่กับพวกหย่งชุนไท่ จึงให้ผู้มีพลังอีกสี่คนที่เหลือไปกางม่านพลังคลุมทั้งเมืองชีคไว้ ม่านพลังป้องกันนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เกรงว่าแม้แต่ระเบิดก็มิอาจโจมตีเข้ามาได้ เป้าหมายนั้นชัดเจนมาก นั่นก็คือเพื่อจะสามารถฆ่าพวกหลิ่วหรูเหมยทั้งหมดได้
แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าซิลลี่เปลี่ยนความคิดแล้ว หย่งชุนไท่ หลิวอวี่ เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋น สี่คนนี้ต้องตาย ส่วนหลิ่วหรูเหมยนั้นสวยงามมากจริงๆ ต่อให้เป็นซิลลี่ที่ร่วมรักกับดาราหญิงสวยๆ ชาวประเทศMมากมายก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ต้องการที่จะดอมดม มิฉะนั้นตามกฏของหน่วยสืบราชการลับพลังพิเศษ ขอเพียงเป็นศัตรูไม่ว่าจะใครก็ตามล้วนต้องฆ่าไม่เว้น
เพียงไม่นานทั่วทั้งเมืองชีคถูกม่านพลังหนาๆ ชั้นหนึ่งปกคลุม ม่านพลังหนาๆ นี้มิอาจดูเบาได้โดยเด็ดขาด คนธรรมดาทั่วไปย่อมไม่อาจโจมตีเข้ามาได้ ต่อให้เป็นระเบิดมือก็ไม่แน่ว่าจะทำได้ ถนนทั้งต้นสายและปลายสาย แต่ละจุดมีผู้มีพลังพิเศษสายป้องกันที่แข็งแกร่งอยู่สองคน เช่นนี้จึงจะสามารถกางม่านพลังได้ ต่อให้พวกหลิ่วหรูเหมยติดปีกก็หนีไม่รอด
ฟู่!
ไหล่ซ้ายของหลิวอวี่ถูกผู้มีพลังสายฟ้าโจมตีเฉียดๆ ทันใดนั้นก็เกิดควันสีดำผุดขึ้น เสื้อผ้าบริเวณไหล่ซ้ายทั้งแทบถูกเผาไหม้ อีกทั้งเขายังรู้สึกได้ว่าไหล่ซ้ายของตนเกิดอาการชา รีดเร้นพลังออกมาไม่ค่อยได้ นี่แค่ถูกโจมตีเฉียดๆ เท่านั้น ถ้าหากถูกหมัดต่อยเข้าเต็มๆ ล่ะก็ เกรงว่าจะถูกทำลายไปทั้งร่างเป็นแน่
ส่วนทางด้านของเจียงเหมิงและเฟยอวิ๋น ต่างก็ได้รับบาดเจ็บ แม้ว่าจะไม่ได้หนักหนาอะไรแค่ก็ยิ่งทำให้ตอบโต้ไม่ได้ ส่วนหย่งชุนไท่ถูกหัวหน้าผู้มีพลังพิเศษคนนั้นพัวพัน อานุภาพของมีดทหารที่ถูกเสริมพลังร้ายกาจเป็นอย่างมาก กระทั่งหย่งชุนไท่ก็ยังต้องป้องกันอย่างระมัดระวังไม่กล้าได้ใจ อีกทั้งมือขวาก็ยังถูกหนามเหล็กแทงทะลุ ส่งผลต่อฝีมือไม่มากก็น้อย พลังการต่อสู้เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ
หลิ่วหรูเหมยที่เห็นทุกอย่างกำลังร้อนใจเป็นอย่างมาก หากเป็นเช่นนี้ต่อไป หย่งชุนไท่ หลิวอวี่ เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋น ทั้งสี่จะต้องตายหมดอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นก็เหลือแต่ผู้หญิงที่รู้วิชามวยหย่งชุนเล็กๆ น้อยๆ เพียงคนเดียว จะไปเป็นคู่มือของเหล่าผู้มีพลังพิเศษที่แปลกประหลาดกลุ่มนี้ไปได้อย่างไร?
“เย่เทียนเฉิน เจ้าคนชั่ว ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ทำไมยังไม่มาอีก!” หลิ่วหรูเหมยมองไปยังปากทาง ตอนนี้เธอทำได้แต่ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ตัวเย่เทียนเฉิน
“ฉันมาแล้วววววววว…”
คำพูดของหลิ่วหรูเหมยเพิ่งหลุดออกจากปาก ก็ได้ยินเสียงตะโกนลั่นของเย่เทียนเฉิน ทันใดนั้นบนศีรษะของหลิ่วหรูเหมยก็ปรากฏเส้นขีดสีดำ อยากจะพุ่งเข้าไปอัดเจ้าหมอนี่สักยกจริงๆ นี่มันเวลาอะไรแล้ว ยังจะมาตะโกนโหวกเหวกอยู่อีก ไม่ใช่ว่ามีเป้าหมายจะเปิดตัวอย่างอลังงการหรอกนะ?
มีที่ไหนกัน กำลังจะฆ่าคนแต่ยังร้องบอกศัตรูว่าฉันมาแล้ว? โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับผู้มีพลังพิเศษที่แข็งแกร่งเหล่านี้ เจ้าหมอนี่บางที่ก็ไม่น่าพึ่งพาเอาเสียเลย
เย่เทียนเฉินขี่มอเตอร์ไซด์คันหนึ่งมายังเมืองชีค เมื่อมาถึง เย่เทียนเฉินที่ชาติก่อนเป็นผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้า ก็ดูออกว่าทั่วทั้งเมืองชีคถูกม่านพลังที่แข็งแกร่งปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง หากไม่ใช่ว่าขอบเขตพลังของตนไปถึงระดับจอมราชันแล้วคงยากที่จะบุกเข้าไป ที่เขาตะโกนโหวกเหวกเสียงดังนั้นก็เพื่อจะรบกวนผู้มีพลังพิเศษที่กำลังกางม่านพลังอยู่ และใช้โอกาสนี้ทำลายม่านพลังของพวกเขา
หลิ่วหรูเหมยยังไม่ทันได้หดหู่จนเสร็จ ก็ได้ยินเสียงสิ่งที่ทำให้เธอยิ่งหดหู่ยิ่งขึ้น เสียงของเย่เทียนเฉิน ในค่ำคืนอันมืดมิด ในเมืองชีคอันว่างเปล่า ค่อนข้างที่จะดังเป็นพิเศษเลยทีเดียว
“หมัดพี่ชายสุดหล่อ!”
ก่อนที่จะตะโกนออกมา เย่เทียนเฉินกระโดขึ้นสูงสามเมตรกว่า ประจันหน้าเข้าสู้ปากทางเข้าเมืองชีค แล้วจึงระเบิดพลังตะโกนขึ้นอีกครั้งหนึ่ง รวบรวมพลังขอบเขตจอมราชันที่หมัดขวา ต่อยลงไปบนม่านพลังที่ส่องแสงสีฟ้าเล็กน้อย
ตู้ม!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ม่านพลังที่ปกคลุมทั่วทั้งเมืองชีคถูกเย่เทียนเฉินทำลายเป็นผุยผงด้วยหมัดเดียว ผู้มีพลังพิเศษทั้งสี่ที่อยู่บริเวณต้นทางและปลายทาง กระอักเอือกล้มลงสิ้นชีพพร้อมๆ กัน เนื่องจากจิตใจทั้งหมดของพวกเขาล้วนอยู่ที่ม่านพลัง มีเพียงการทำเช่นนี้จึงจะสามารถประคองม่านพลังไม่ให้สูญสลายไปได้ พลังหมัดอันแข็งแกร่งของเย่เทียนเฉินต่อยทำลายม่านพลังไป แก่นพลังในสมองของพวกเขาทั้งสี่จึงถูกทำลายจนแตกซ่าน ภายในสมองก็ไม่มีมันสมองอีกต่อไป เพราะเหลวแหลกกลายเป็นของเหลวข้นๆ ไปแล้ว
ทุกคนต่างก็ตกตะลึง โดยเฉพาะผู้มีพลังพิเศษทั้งสี่ที่กำลังได้เปรียบ จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าอยู่ดีๆ จะมีคนโผล่เข้ามาแทรกได้ ทั้งยังใช้เพียงหนึ่งหมัดก็สามารถต่อยทำลายม่ายพลังไปได้ ลังเลไปเพียงชั่วครู พวกเขาก็เริ่มโจมตีอย่างบ้าคลั่งยิ่งขึ้น รู้ดีว่ามียอดฝีมือเข้ามาแทรกจึงต้องการจะฆ่าพวกหย่งชุนไท่ทั้งสี่ก่อนไปสู้กับยอดฝีมือผู้นั้น
ตอนนี้เอง ซิลลี่ที่กำลังนั่งชื่นชมทุกอย่างอยู่ในคฤหาสน์หลังสุดท้ายของถนนก็ตวาดพลันลุกขึ้น เขานั่งไม่ลงอีกต่อไปแล้ว เดิมทีคิดว่าชาวตะวันออกเหล่านี้ยังพอมีฝีมืออยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่คู่มือของเหล่าลูกน้องผู้มีพลังพิเศษของตนโดยเด็ดขาด ไม่ต้องให้ตนเองลงมือก็จัดการได้ ตอนนี้ดูท่าจะไม่ได้เสียแล้ว นี่มันความสามารถระดับไหนกัน?
นอกจากนี้ตอนที่ม่านพลังถูกทำลายเป็นเสี่ยงๆ แก้วเหล้าในมือขวาของซิลลี่ก็แตกเป็นเสี่ยงๆ เช่นกันอานุภาพของ “หมัดพี่ชายสุดหล่อ” ช่างร้ายกาจยิ่งนัก
“ฉันไม่ได้ลงมือมาห้าปีแล้ว ทุกคนคงจะลืมไปแล้วว่าฉันเป็นราชันแห่งความโหดเหี้ยม ถ้างั้น ก็ให้ฉันฆ่าไอ้เศษขยะที่มันสอดมือเข้ามาก็แล้วกัน เรียกคืนฉายานี้สักหน่อย!”
มุมปากของซิลลี่ปรากฏรอยยิ้มโฉดชั่วขึ้นสายหนึ่ง โกรธจนตาทั้งสองมีประกายมีแดงเลือดส่องสว่างออกมา ช่าง้ข่าขวัญผู้คนเสียจริง!
………………………………..