ตอนที่ 1 ประตูสู่สวรรค์
ยามเย็น
“ผมกลับก่อนนะครับ” ร้านสะดวกซื้อหน้ามหาลัยแห่งหนึ่ง พนักงานหนุ่มคนนึงนามหลินหยางพึ่งจะเลิกงานกล่าวลานายจ้างตรงกลับบ้านพักของตน ลึกเข้าไปในซอยข้างร้านดังกล่าวมีบ้านเก่าแก่ทรุดโทรมหลังหนึ่ง
“ตายาย ผมกลับมาแล้ว” หลินหยางกล่าว
“กลับมาแล้วหรอ งานเป็นยังไงบ้าง” มีชายวัยชราคนนึงออกมาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มกล่าวถาม สีหน้าดูมีเมตตา ชายคนนี้คือตาของหลินหยางชื่อ จางจิวเมิ่ง
“ดีครับ คนไม่เยอะมากเท่าไหร่” หลินหยางยิ้มกล่าว
“เดี๋ยวต้องไปทำงานอีกแล้วหรอ” หญิงชราใบหน้าซีดเซียวกล่าวขึ้น หญิงชราคนนี้คือยายของหลินหยางนั่นเองเธอมีชื่อว่า จางลี่จู
“ครับยายเริ่มงานตอนหนึ่งทุ่ม เดี๋ยวผมทำอาหารให้กินนะ”หลินหยางพูดพลางเปิดตู้เย็น ภายในตู้เย็นมีเพียงผักกาดขาวและผักบุ้งนิดหน่อย เขาหุงข้าวผัดผักขาวและผักบุ้งที่มี นำอาหารเสริฟวางอยู่บนโต๊ะกลมที่ทรุดโทรมเนื่องจากใช้งานมานาน
“หลานควรพักบ้างนะอย่าทำงานหนักเกินไป” หญิงชรากล่าวด้วยใบหน้าหดหู่เนื่องเพราะเธอนั่งอยู่บนรถเข็นและสายตามองเกือบไม่เห็นและเพราะสถาณะทางการเงินที่ยากจน จึงไม่มีเงินค่ารักษาพยาบาลเธอรู้สึกผิดทุกครั้งที่ต้องเห็นหลานชายที่เธอรัก ไม่ได้เรียนต่อมุ่งมันทำงานตั้งแต่เช้ากลับบ้านดึกทุกวันมีเวลาพักผ่อนเพียงสี่ถึงห้าชั่วโมงต่อวันเท่านั้นเพื่อหาเงินมาจุนเจือใช้จ่ายภายในครอบครัว
“ผมไม่เป็นไรหรอกยาย” หลินหยางยิ้มกล่าว
หลังจากกินข้าวเสร้จเหลือเวลาอีกสิบนาทีก่อนที่งานต่อไปของเขาจะเริ่มขึ้น เขาเตรียมตัวทันทีมุ่งตรงไปที่คลับแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากที่บ้าน เขาเดินผ่านมหาวิทยาลัยที่ยังมีผู้คนมากมายเดินพลุกพล่านไปมา
ระหว่างนั้นเองเขาเหม่อมองท้องฟ้าอยู่ชั่วครู๋
“พ่อ แม่ไม่ต้องห่วงนะผมจะทำงานเก็บเงินรักษายาย ผมไม่ยอมให้พวกท่านลำบากแน่”หลินหยางพึมพำกับตัวเองพลาง เพราะพ่อและแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อสองปีก่อน
หลังจากยืนเหม่อได้มินานเขาก็ก้าวขาเดินหน้าต่อไป เขามิได้ให้ความสนใจแก่คนที่เดินพลุกพล่านเหล่านั้นเลย
ครืด~
‘หืม?’ หลินหยางหยุดเดินชั่วครู่มองไปพื้นใต้ฝ่าเท้าของตน เพราะเมื่อครู่เขารู้สึกว่าผืนดินใต้ฝ่าของตนมีการสั่นสะเทือนเล็กน้อย แต่ทว่ามันมิใช่เพราะเขาคิดไปเองแต่อย่างใด ผ่านไปมิถึงหนึ่งวินาทีเกิดการสั่นสะเทือนของเปลือกโลกสร้างแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ขึ้น
ณ ตอนนั้นเอง แผ่นดินโคลงเคลงมีเพียงเสียงกรีดร้องของผู้คนรอบตัวเขาดังขึ้นมาจนฟังมิได้ศัพท์ เวลาผ่านไปเกือบห้านาที จึงค่อยๆเบาลงและหยุดไปกลับสู่สภาพปกติ
หลินหยางใบหน้าแตกตื่นตั้งตัวมิทันกับสิ่งที่เกิดขึ้นกระทันหันนี้เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง
“นั่นอะไรน่ะ?” มีเสียงชายคนหนึ่งกล่าวขึ้น
หลินหยางจึงหันไปมองยังปลายทางด้วยความสงสัย
และแล้วก็พบเข้ากับสิ่งที่มิสมควรมีอยู่บนโลกแห่งนี้ สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปตลอดกาล
เขาขยี้ตาหนึ่งคราและเพ่งมองมันใหม่เพราะยังมิเชื่อสายตาของตน สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้มันคือ”ประตู” ประตูขนาดยักษ์ที่โผล่ขึ้นมากลางถนนท่ามกลางฝูงชนที่ยืนล้อมรอบ มันมีขนาดสูงราวสิบเมตรกว้างกว่าห้าเมตรราวกับตึกเลยทีเดียว
หลินหยางตะลึงงันสับสนกับสิ่งที่ตนเห็น นั่งเหม่อมองดูประตูบานยักษ์ด้วยความฉงน
ไม่ช้าเสียงรอบข้างเริ่มกลับมาจอแจ ดึงสติของเขากลับเข้าร่าง
ทันใดนั้นเขานึกขึ้นได้รีบวิ่งกลับไปที่บ้านของตนทันทีและพบว่าตาและยายที่ตนเคารพรักนั้นยืนอยู่ไร้อาการบาดเจ็บ เขาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เห็นทั้งคู่
ปลอดภัย
“ตายายเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” หลินหยางกล่าวถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เลย แต่ว่าบ้านพังลงมาหมดเลย…” ยายตอบกลับพลางมองบ้านพักแห่งเดียวของพวกเขาด้วยน้ำตาคลอ
“แค่ทั้งสองไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” หลินหยางยิ้มแย้มกล่าวปลอบใจ
ผ่านไปหนึ่งวันหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว มีการรายง่านข่าวว่าแผ่นดินที่เกิดขึ้นนี้มีความรุนแรงถึงระดับเก้าริกเตอร์และแผ่นดินไหวครานี้เกิดขึ้น…ทั่วโลก!
แต่มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้น นั่นคือแผ่นดินไหวที่รุนแรงจนบ้านเรือนถล่มทลายไปนับแสนนับล้านหลังคาเรือน ทว่ากลับไม่มีผู้เสียชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว และที่แปลกกว่านั้นคือทุกพื้นที่ที่เกิดแผ่นดินไหวนี้กลับมี”ประตู”ที่สูงถึงสิบเมตรกว้างกว่าห้าเมตรโผล่ขึ้นมาจากที่ไหนมิทราบ ตั้งอยู่ทั่วเมืองใหญ่ต่างๆทั่วโลก
เหตุกาณณ์แปลกประหลาดเหล่านี้ที่ไม่มีแม้แต่ผู้บาดเจ็บล้มตายราวกับปาฏิหาริย์ ทั้งยังมีประตูปริศนาที่ผุดขึ้นมาทั่วทั้งโลกเมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป ผู้คนจึงเรียกขานประตูบานยักษ์นี้ว่า”ประตูสวรรค์”
ตอนที่ 2 เสียงประหลาด
ผ่านไปสามวันหลังการเหตุการณ์แผ่นดินไหวและ”ประตูสวรรค์”ปรากฏ
รัฐบาลมีการจัดบ้านพักชั่วคราวให้แก่ผู้ที่บ้านพักเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว
หลินหยางกำลังนั่งดูทีวีกับตาและยายของเขา ในบ้านพักชั่วคราวเนื่องเพราะการแผ่นดินไหวเขาจึงไม่ได้ไปทำงาน โชคดีที่เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีอยู่เพียงน้อยนิดในบ้านของเขามิได้เสียหายไปด้วย
“หลังจากมีหน่วยงานต่างๆได้ตรวจสอบประตูแล้วแต่ไม่พบเบาะแสอะไรเลย มันมาจากไหน เกิดขึ้นมาได้ยังไง เพราะอะไร รู้เพียงว่ามันสร้างมาจากหินและจากการคาดคะเนคาดว่ามีอายุไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นปีและประตูนี้ยังไม่สามารถเปิดได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม” นักข่าวรายงาน
ผ่านไปชั่วอึดใจ จู่ๆก็มีเสียงที่ก้องกังวาล ดังขึ้นมา
“มนุษย์เอ๋ย พวกเจ้าอยากเปลี่ยนแปลงโชคชะตาหรือไม่ อำนาจ เงินทอง วาสนา ความมั่งคั่ง หากพวกเจ้าต้องการ เชิญเข้ามา ประตูนี้จักต้อนรับพวกเจ้า”
หลังจากเสียงหายไปหลินหยางยังคงมึนหัวมองไปที่ตาและยายทั้งสองเองมีสีหน้าตื่นตกใจ
“ข่าวด่วนค่ะตอนนี้”ประตู”ได้เปิดออกแล้วค่ะ หลังจากมีเสียงประหลาดไม่ทราบที่มาดังขึ้น ตอนนี้”ประตู”ที่ปิดสนิทกลับเปิดออกแล้ว ขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบและอย่าพึ่งเข้าใกล้ประตู เพื่อความปลอดภัยของท่าน” ข่าวในทีวีรายงาน
หลินหยางจึงเดินออกไปดู”ประตู”ยักษ์นี้ที่ห่างจากบ้านพักชั่วคราวของเขามิไกลนัก บัดนี้มันเปิดอ้าออกแล้วจริงๆ แต่ทว่าไม่ว่าจะมองยังไงก็มิสามารถมองลอดผ่านเข้าไปดูสิ่งที่อยู่หลังประตูบานยักษ์ได้เลย มันมืดมิดให้บรรยากาศน่าหวาดกลัว รอบประตูบานยักษ์นัน้มีทหารล้อมรอบอยู่ทุกทิศทางป้องกันมิให้ประชาชนเข้าใกล้มัน
เมื่อไม่เหคุผลให้อยู่ต่อเขาจึงตัดสินใจกลับไปยังบ้านพักของตน
“ประตูสวรรค์งั้นหรอ” หลินหยางพึมพำ
วันต่อมา
ตอนนี้เวลายามบ่ายหลินหยางมาที่บ้านเก่าของเขา มันถล่มลงมาจากแผ่นดินไหว เขายืนเหม่อมองซากบ้านที่เขาอยู่มาตั้งแต่เกิด
“เห้ยนั้นมันหลินหยางนี่หว่า” หลินหยางหันไปมองด้านหลังพบเข้ากับต้นตอของเสียง
มันคือหลงเจี้ยง นักศึกษามหาวิทยาลัยหน้าร้านสะดวกซื้อที่หลินหยางทำงานอยู่
มันเดินตรงมาหาหลินหยางพร้อมกับเทียนฉินคู่หูของมัน
“มีอะไร” หลินหยางขมวดคิ้วกล่าวอย่างไม่เป็นมิตรมากนัก เพราะหลงเจี้ยงนั้นนับว่าเป็นพวกเด็กเกนักเลงคนนึงทั้งพ่อของมันก็มีมีอิทธิพลในแถบนี้อยู่ไม่น้อย พวกนี้ชอบมาซื้อบุหรี่และสุมหัวกันอยู่ที่ร้านค้าที่เขาทำงาน
“แค่เดินผ่านมาหนะ โอ้นี่บ้านเละเลยนี้ ฮ่าๆๆ” หลงเจี้ยงหัวเราะลั่นสีหน้าแสดงออกถึงการเยาะเย้ย
หลินหยางไม่สนใจและเดินกลับที่พักของตน เขาไม่ได้ตอบโต้เพราะมิอยากมีปัญหาตามมา เหตุนั้นเพราะพ่อของหลงเจี้ยงมันมีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับโครงการบ้านพักชั่วคราวที่เขารวมถึงตาและยายอาศัยอยู่นั่นเอง ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือไม่หากอยู่ให้ห่างมันไว้ย่อมไม่เสียหาย
ณ บ้านพักชั่วคราว
“หลังจากการประชุมโลกวาระการประชุมครั้งนี้คือเรื่องเสียงประหลาดและประตูปริศนา ผู้นำแต่ละประเทศตัดสินใจจะส่งคนเข้าไปข้างในประตู เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับมัน ผู้ที่สมัครเข้าไปด้านในจะได้รับเงินตอบแทนหนึ่งล้านหยวน!” นักข่าวรายงาน
ที่ต้องให้เงินตอบแทนนั่นก็เพราะ”ประตู”นี้ไม่มีอะไรสามารถตรวจสอบได้เลยและหลังประตูยังมิทราบจะต้องเจอกับอะไร
หลินหยางตะลึงงันหลังจากได้รับฟังข่าวที่น่าเหลือเชื่อ
‘หนึ่งล้านหยวน! แค่แสนเดียวก็สามารถรักษายายได้แล้ว’ หลินครุ่นคิด
เวลาผ่านไปตกกลางคืน
เขานอนกลิ้งไปมาบนพื้นแทบมิสามารถข่มตาหลับลงได้เลย ท้ายสุดแล้วเขาก็ได้ตัดสินใจทำบางสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเขาไปตลอดกาล
รุ่งเช้า
หลินหยางยืนอยู่ต่อหน้าสองตายายที่ตนเคารพรัก
“ผมจะสมัครเข้าไปในประตูสวรรค์” หลินหยางกล่าวอย่างหนักแน่น