ตอนที่ 13 ต้นไม้ยักษ์(ตอนปลาย)
ภายในหมู่บ้านเอลฟ์
“แถวนี้พอจะมีสถานที่ล่าสัตว์ หาอาหารหรือน้ำบ้างไหมครับ” หลินหยางถามอย่างสุภาพ
“เราไม่ทราบเลย พวกเราพึ่งมาอยู่ได้สามวันเอง” หัวหน้าหมู่บ้านเอลฟ์ตอบ
‘สามวัน?’
“หรือว่าพวกคุณก็มาจาก’ประตู’งั้นเหรอ” หลินหยางถาม
“ใช่ หรือว่าท่านก็มาจากประตูเหมือนกัน” เอลฟ์ชราแปลกใจ หลินหยางก็เช่นกัน
“น่าตกใจจริงๆคิดว่ามีแต่พวกเราที่ผ่านเข้ามาจากประตู กลายเป็นว่าเอลฟ์ก็มาจากประตูเหมือนกัน” คนของหลินหยางคุยกัน
“โลกที่พวกเราจากมา ได้ถูกเผ่าคนแคระโจมตี ตอนแรกพวกเราก็เป็นฝ่ายได้เปรียบและไล่พวกมันกลับไปได้
แต่พวกคนแคระผู้ชั่วร้าย กลับไปร่วมมือกับมนุษย์มาโจมตีพวกเรา ราชาของมนุษย์ที่น่ารังเกียจนั้นต้องการตัวองค์หญิงของเผ่าเราจึงได้ร่วมมือกับคนแคระ” หัวหน้าหมู่บ้านเอลฟ์กล่าว
“ตอนที่พวกเรากำลังจะพ่ายแพ้ ก็มีแผ่นดินไหวและมีประตูยักษ์โผล่ขึ้นมากับข้อความแปลกๆดังขึ้น พวกเราเหล่าเอลฟ์เห็นว่าอยู่ต่อ คงต้องตกเป็นเชลยของพวกมันแน่จึงตัดสินใจเข้าประตูกันทั้งหมด หลังจากเข้ามากลับต้องแยกจากกัน ราชาเอลฟ์และองค์หญิงจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ทราบ” เขากล่าวด้วยความเศร้าสลด
“…” หลินหยางนั่งเงียบ เขายังมิได้ปริปากไถ่ถามซักคำ เจ้าเอลฟ์ตนนี้ก็เหล่าเกียรติประวัติของมันให้ฟังเสียหมดเปลือก…
‘เอลฟ์กับคนแคระหรอ’โลกที่จากมา’เกรงว่าจะไม่ใช่โลกเดียวกับที่เขาอยู่ เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นเอลฟ์ตัวเป็นๆ’ หลินหยางคิด
“ผมคิดว่าพวกเราควรจะมาแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ได้จากโลกนี้กัน” หลินหยางพูดขึ้น
“ข้าก็คิดเช่นนั้น” เอลฟ์ชราตอบ หากพวกเขาทั้งสองต้องต่อสู้กันคงมีแต่การสูญเสีย
“ตอนนี้ใกล้มืดแล้ว พวกผมขอตัวกลับเมืองก่อนผู้คนในเมืองคงจะเป็นห่วงกันแล้ว” หลินหยางพูดพลางเตรียมตัวกำลังจะกลับ
หลังจากกำลังจะเดินออกจากหมู่บ้านเอลฟ์
กรี๊ซซซซ~~~
ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังก้องกังวาลบนผืนนภา มันมาจากนกยักษ์นั้นเอง
เขาเห็นมันกำลังบินมาทางพวกเขาสามตัว พวกเขาจึงเฝ้าดูมันบินผ่านหมู่บ้านเอลฟ์ไปโดยไม่สนใจใยดี
‘หืม? หากเราสามารถจับมันได้ เราคงมีอาหารกินไปอีกหลายอาทิตย์เลยมั้งเนี้ย’ หลินหยางมองตาม
เพราะมันตัวใหญ่กว่าคนเสียอีก
“จิ่นเหอไปกับผมที่เหลือกลับไปที่เมืองก่อน ผมจะตามนกไป” หลินหยางกล่าว
“ครับพี่หยาง”
หลังจากนั้นหลินหยางและพวกล่ำลาชาวเอลฟ์และวิ่งตามนกยักษ์ไปกับจิ่นเหออย่างรวดเร็วมิปล่อยให้มันคลาดสายตา
“นกพวกนี้ไวจริงๆ” ยิ่งตามพวกมันยิ่งห่างออกไป
‘พี่หยาง พี่วิ่งไวกว่าอีก’ จิ่นเหอคิดในใจ
เพราะตอนนี้เขาห่างกับหลินหยางออกไปเรื่อยๆ เนื่องจากหลินหยางเพิ่มค่าสถานะความเร็วทั้งหมดที่เขาเลื่อนระดับ เขาจึงรวดเร็วกว่าคนทั่วไป 20%
หลังจากวิ่งตามร่วมสิบนาที พวกเขาก็เห็นนกยักษ์ค่อยๆชลอความเร็วบินต่ำลงและลงสู่พื้นด้านหน้า หลินหยางและจิ่นเหอจึงก้มตัวต่ำและแอบมองห่างๆ
ทันใดนั้นเองจิ่นเหอและหลินหยางดวงตาเบิกกว้างสีหน้าปิติยินดีราวกับพบเจอขุมทรัพย์ที่ใฝ่ฝันหามานานแสนนาน เพราะจุดที่นกยักษ์ร่อนลงนั้นมันคือแหล่งน้้ำ!
“แม่น้ำ!” หลินหยางอุทาน
“นกพวกนี้คงจะมาหาอาหารแน่ๆ” จากนี้พวกเราคงไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำแล้วเขาหัวเราะในใจ
นกยักษ์ทั้งสามตัวบินโฉบไปมาบนผืนน้ำ ไม่นานพวกมันก็บินกลับไปทางเดิมพวกมันคงมาจับปลากลับไป
“พวกเราไปดูกัน” เขากล่าวกับจิ่นเหอ
หลังจากเดินมาถึงริมน้ำพบว่าแม่น้ำที่ว่า เป็นคลองน้ำที่กว้างและยาวพอสมควร
‘พวกเราคงไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารไปอีกนาน’ หลินหยางคิดขึ้น
เพราะภายในน้้ำที่ใสสะอาดเขามองเห็นฝูงปลาได้ชัดทีเดียว ขนาดยืนอยู่ริมน้ำยังสามารถมองทะลุปรุโปร่งจนสุดความลึกของแหล่งน้ำนี้ มองเห็นฝูงปลาได้ชัดเจนคลองนี้คงอุดมสมบูรณ์ไม่น้อย
หลินหยางแสยะยิ้ม
ทันใดนั้นเองผิวน้ำเกิดการกระเพื่อมที่รุนแรงและมีกบยักษ์ขนาดมหิมาโผล่พ้นน้ำขึ้นมา!
มองมิผิดมันคือกบยักษ์จริงๆ
กบตัวนี้ตัวอ้วนใหญ่มีผิวขรุขระสีดำขนาดตัวของมันราวกับรถยนต์ก็มิปาน
มันกระโดดขึ้นมากินฝูงปลาที่พวกเขากำลังมองอยู่
“เห้ย!!” หลินหยางตกใจ
“พวกเราถอยก่อนเร็ว” รีบดังตัวจิ่นเหอวิ่งหนีออกจากจุดนี้ทันทีพวกเขาวิ่งกลับทางเดิม
หลังจากวิ่งออกมาไกลจนมิอยู่ในระยะอันตรายแล้ว
“พวกเราต้องรีบฆ่ากบนั่น หากไม่ฆ่ามันปลาในน้ำนั่นคงเสร็จมันหมดแน่”
“ตอนนี้เรากลับเมืองกันก่อน” หลินหยางกล่าว
“ครับพี่หยาง”
ตอนที่ 14 ร่วมมือ
เมื่อหลินหยางและจิ่นเหอกลับมาที่เมือง
พวกเขาก็เล่าเรื่องที่เจอให้ทุกคนฟังทั้งหมู่บ้านเอลฟ์และแหล่งน้ำอันอุดมสมบูรณ์รวมถึงกบยักษ์ที่อาศัยอยู่ใต้แหล่งน้ำนั้นเช่นกัน
“พวกเราจะมีปลากินกันแล้วใช่ไหม” ชายคนนึงพูดอย่างตื่นเต้น พวกเขากินเพียงเนื้อแห้ง ปลาแห้งที่ได้มาและใกล้จะหมดเต็มที
“เจ้าบ้า มันมีกบยักษ์เฝ้าอยู่พวกเราจะไปจับปลาได้ไง” ชายคนนึงตวาด
หลังจากได้ฟังเรื่องราวต่างๆในโลกภายนอกทั้งเรื่องกบยักษ์รวมถึงนกยักษ์และเอลฟ์ ตอนนี้พวกเขาเริ่มชินชากลมกลืนไปกับโลกที่แปลกประหลาดนี้แล้ว หากมีสัตว์ยักษ์โผล่มาอีกพวกเขาคงไม่แปลกใจอีกต่อไป
“พรุ้งนี้พวกเราจะไปหมู่บ้านเอลฟ์และร่วมมือกันกำจัดกบและนกยักษ์” หลินหยางกล่าว หลังจากเขาตัดสินใจเช่นนี้ก็ไม่มีส่งเสียงคัดค้านเลยแม้แต่คนเดียว เพราะตอนนี้พวกเขาต้องการอาหารมาประทังชีวิตมากกว่าสิ่งอื่นใด
ซิ่นก้งและเหมยเหมยมารายงานผลการฝึก ทีมระยะประชิดหลายคนเริ่มแสดงฝีมือขึ้นมาบ้าง ซึ่งตอนนี้การฝึกซ้อมกำลังคนส่วนใหญ่หันมาใช้ดาบกันแล้วทั้งสิ้น เพราะหอก ค้อนและขวานนั้นใช้งานยากเกินไป
ทีมระยะไกลเองก็มีหลายคนเริ่มจับเคล็ดได้และยิงเข้าเป้ามากขึ้น
หลินหยางได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มอย่างพอใจ
หลังจากทานอาหารกันเสร็จ พวกเขาก็แยกย้ายกันไปนอนพัก ทั้งนี้พวกเขายังจัดทีมเฝ้ายามไว้สามทีมสลับกันเพื่อป้องกันเหตุด่วนเหตุร้าย
เหมยเหมยเดินมาหาหลินหยางที่กำลังง่วนกับการนอนเหม่อมองดวงดาวบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่
“เหมยน้อยมีอะไรเหรอ” หลินหยางกล่าวถาม
“หนูขอนอนด้วยได้ไหมค่ะ” เธอตอบด้วยใบหน้าไร้เดียงสา
‘หืม?’ เขาสับสนชั่วครู่แต่เมื่อมองไปยังใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเธอเขาจึงมิได้คิดต่อให้มากความ
“ตามสบาย” หลินหยางยิ้มตั้งแต่ที่เข้ามาภายในประตูก็มีเพียงไม่กี่คนที่เขาไว้วางใจ เหมยเหมยก็เป็นหนึ่งในนั้น
เขาต้องระวังตัวทุกอย่างเพราะที่นี่ไม่มี “กฏ” หากพวกเขาแพ้การต่อสู้ พวกเขาก็ต้องตายสถานเดียวนั่นคือกฏหมู่
ช่วงเช้าหลินหยางและทีมระยะใกล้ทั้งสิบสองคนกำลังเตรียมตัวเพื่อเดินทางไปยังหมู่บ้านเอลฟ์
“หากมีเรื่องอะไร ให้ส่งคนไปตามผมหรือไปขอความช่วยเหลือจากหมู่บ้านเอลฟ์ หากมีใครก่อจราจล…” หลังจากพูดถึงตรงนี้ หลินหยางส่งสายตาไปมองเทียนหนิงเจี้ยนและพวก
“ให้จับตัวไว้หรือฆ่าได้ทันที” พวกมันหลังจากได้ฟังก็ตัวสั่นก้มหน้าเพราะพวกมันกลัวตายนั่นเอง
“ครับพี่หยาง” หลิวเจี่ยตอบอย่างหนักแน่น
ชายคนนี้คือหนึ่งในทีมก่อสร้าง หลังจากเข้าร่วมได้ไม่นานเขาถูกหลินหยางแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทีมเนื่องจากเขาเคยทำงานก่อสร้างก่อน เขาจึงภาคภูมิใจไม่น้อย
ตั้งแต่วันที่ตั้งทีมก่อสร้างขึ้นมาพวกเขาก็โค่นต้นไม้ที่ล้อมรอบเมืองนี้ไปหนึ่งต้นทำการแปรรูปลำต้นมาสร้างกำแพง
เนื่องจากหลินหยางเห็นว่ากำแพงสำคัญกว่าที่พักอาศัยจึงต้องสร้างก่อนเป็นอันดับแรก
ทีมก่อสร้างจึงใช้ขวานและดาบที่ได้มาสร้างกำแพงทดแทนในส่วนต้นไม้ที่ถูกตัดไป คาดว่าจะเสร็จภายในวันนี้ซึ่งยังต้องทำอีกเยอะเลยทีเดียวเพราะพวกเขาพึ่งทำกำแพงล้อมรอบเมืองไปยังมิถึงหนึ่งส่วนสิบ
หลินหยางและพวกออกเดินทางมาถึงหมู่บ้านเอลฟ์
“ผมขอพบหัวหน้าหมู่บ้านหน่อย” เขากล่าวกับยามเฝ้าหมู่บ้าน
“ท่านหลินหยางนั้นเอง เดียวเราจะไปตามหัวหน้ามาให้” เอลฟ์เฝ้ายามกล่าว
‘เอลฟ์ตัวเป็นๆหน้าอย่างสวยอ่ะ’ คนด้านหลังหลินหยางซุบซิบกัน เนื่องจากมันพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก พอได้เห็นกับตาตนเองเอลฟ์เหล่านี้สวยกว่าทีมสำรวจบอกเล่าเมื่อวานอีก
“ผู้ชายต้องแข็งแรงสิ ร่างกายอ้อนแอ้นแบบนั้นจะไปทำอะไรได้” ชายคนนึงกล่าว เขาชื่อหลิวไห่เป็นหนึ่งในทีมระยะใกล้ที่สู้กับมดไฟ เขาคือผู้บาดเจ็บที่ถูกมดไฟกัดเขาให้นั้นเอง และได้รับหนังสือทักษะหลอมไฟ ระดับ 1 ร่างกายเขากำยำกล้ามเป็นมัด
“แต่พี่หยางก็ร่างกายบอบบางนะ” ชายคนนึงกล่าวเสียงเบา
“เจ้าโง่ พี่หยางจะไปเหมือนเจ้าพวกนั้นได้ยังไง” หลิวไห่กล่าวพลางมองแผ่นหลังหลินหยางด้วยความชื่นชม วันแรกมาถึงก็ต้องต่อสู้กับมดไฟ หลินหยางที่ร่างเล็กกลับมีจิตใจกล้าหาญนำทีมต่อสู้ไม่กลัวความตายและฆ่ามดไฟไปถึงเจ็ดสิบชีวิต แม้แต่ตัวเขาเองฆ่าไปเพียงสิบกว่าตัวก็เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าท้ายที่สุดมันก็พลาดท่าถูกมดไฟกัดเข้าให้จนได้
“ใช่เจ้าโง่ ถ้าไม่มีพี่หยางพวกเราจะได้ยืนคุยกันอย่างนี้เหรอ ฮ่าๆ” ซิ่นก้งเสริม
หลังจากนั้นไม่นาน หัวหน้าหมู่บ้านเอลฟ์ก็เดินออกมาต้อนรับ
“โอ้ท่านนี้เอง ท่านพาคนมาตั้งมากมายมีอะไรหรือ” เอลฟ์ชรากล่าว
“ผมเจอคลองน้ำห่างไปทางนั้นห้ากิโลเมตร แต่มันมีนกยักษ์และกบยักษ์อยู่ พวกท่านอยากจะร่วมมือกันไหมพวกเราจะได้มีน้ำ และปลา
ประทังชีวิต” หลินหยางโน้มน้าว
“โห ท่านหลินหยางท่านนี่ใจดีจริงๆแบ่งน้ำและปลาให้เราด้วย แน่นอนพวกเราไม่ปฏิเสธ” เอลฟ์ชรากล่าวด้วยใบหน้าตื่นเต้น เพราะอาหารและน้ำของพวกเขาก็จะหมดแล้วเหมือนกัน
‘เฮ้อ เอลฟ์พวกนี้อยู่รอดมาได้ยังไงแค่พูดประโยคเดียวกลับร่วมมือง่ายๆไม่แปลกใจที่พวกเขาพ่ายแพ้ให้กับคนแคระ ในโลกที่เขาจากมา’ หลินหยางคิดพลางส่ายหัว