ตอนที่ 179 ประลองยุทธ
หลินหยางเดินไปยังประตูเมืองด้วยความสงสัย เขามิทราบเหตุใดคนจากระแวกอื่นจึงมาขอพบเช่นนี้
หลินหยางขึ้นไปบนกำแพงมองดูไปยังคนด้านล่าง มันมีทั้งหมดสามคนเป็นชายร่างกายผอมบางร่างเล็กทั้งสามพวกเขาดูอายุรุ่นราวสี่สิบปี หลังจากใช้ทักษะดวงตาเหยี่ยวตรวจสอบพวกมันล้วนมีระดับสี่กันทั้งสิ้นไม่มีทักษะใดๆติดตัวแม้แต่ทักษะเดียว เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงให้คนเปิดประตูเมือง
เมื่อเห็นประตูเมืองใหญ่ยักษ์ค่อยๆแง้มออกจนกว้างพอจะให้พวกมันทั้งสามเข้าไปได้ พวกมันจึงเดินตรงเข้าไปภายในเมืองหลินหยางอย่างมิรีรอ
“ผู้นำของพวกนายอยู่ไหน” ชายร่างผอมเมื่อข้ามผ่านประตูเมือง มันมองเห็นคนที่ยืนเรียงกันอยู่หนึ่งในนั้นคือหลินหยาง เทียนหนิงเจี้ยนและเหล่าทหารเวรยาม
“ผมเอง พวกคุณมีอะไร” หลินหยางกล่าวถามหาจุดประสงค์ของพวกมัน
“เจ้าคือผู้นำของเมืองนี้?” เมื่อมันเห็นหลินหยางที่ร่างกายดูธรรมดามิได้กำยำใหญ่โตผิดจากที่มันคาด มันจึงมองเขาหัวจรดเท้าอย่างสงสัย เพราะดูจากเมืองที่สร้างต่อเติมจากเมืองเดิมขนาดมันใหญ่กว่าเดิมถึงสี่เท่า เมื่อข้ามผ่านประตูเมืองเห็นสภาพภายในเห็นคนเดินกันอย่างพลุกพล่าน
มีกลุ่มคนที่กำลังก่อสร้างที่พัก เหล่าชายชาตรีกำลังซ้อมดาบ เหล่าสตรีกำลังยิงธนู เด็กเล็กวิ่งกันอลหม่าน คนชราเกาะกลุ่มพูดคุย ดูจากสายตามีคนไม่ต่ำกว่าสามร้อยคนเป็นแน่ พวกมันจึงสับสนเล็กน้อยที่ชายตรงหน้าร่างกายดูคล้ายมิแข็งแรงคนนี้กลับเป็นผู้นำของเมืองแห่งนี้
“พวกคุณมาหาผมด้วยเรื่องอะไร” หลินหยางมิได้ตอบรับ กล่าวถามออกไป
“อ้อ” ชายร่างผอมดึงสติและสายตากลับมา
“สามเดือนข้างหน้าเมื่อครบหนึ่งปีเมืองของเราจะจัดงานประลองยุทธขึ้นพวกเจ้าสนใจจะไปไหม” ชายคนนั้นกล่าวใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร มันปรับเปลี่ยนหน้าตาไวอย่างยิ่ง เมื่อครู่มันยังมองเขาหัวจรดเท้าคล้ายกับประเมินร่างกายของเขา
‘งานประลอง?’ หลินหยางคิด เหตุใดมันต้องจัดงานประลอง มิใช่สิ่งที่ผู้อ้างตนเป็นพระเจ้าจัดขึ้น แต่เป็นมนุษย์ผู้อาศัยและผ่านเข้ามายังประตูแห่งนี้เป็นผู้จัดด้วยตนเอง
“มีของรางวัลที่เจ้าต้องสนใจแน่นอน” เมื่อชายร่างผอมเห็นท่าทีของหลินหยางกำลังครุ่นคิดมันจึงกล่าวออกไป
หลินหยางเมื่อได้ยินก็หูผึ่งทันที
“ของรางวัลอะไร” หลินหยางกล่าวออกสงบท่าทีมิแสดงออกมากเกินไป
“หนังสือ-ทักษะ-ระดับสาม” ชายร่างผอมหรี่ตากล่าวทีละคำอย่างชัดถ้อยชัดคำราวกับว่านี่คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ค้ำฟ้า
ตามคาด หลินหยางเมื่อได้ฟังก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้พลางคิดในใจ พวกมันจัดงานประลองยุทธขึ้นเพื่อแย่งชิงทักษะระดับสามนี้ คล้ายกับเอามาแจกก็มิปานดูท่าพวกมันจะมีหนังสือทักษะหลายเล่มเป็นแน่ช่างอิจฉาเสียจริง
“อ้อค่าเข้าร่วมคนละสิบเหรียญเงิน” ชายร่างผอมกล่าวเมื่อเห็นท่าทีตื่นเต้นที่ปิดไม่มิดของหลินหยาง
“…” เมื่อครู่เขายังคิดว่าพวกมันร่ำรวยมีหนังสือทักษะเป็นของรางวัล แต่ตอนนี้คงต้องคิดเสียใหม่เพราะพวกมันเก็บค่าเข้าร่วมงานเสียนี่ หากมีคนเข้าร่วมกว่าพันคนแสดงว่าพวกมันได้เหรียญเงินไม่ต่ำกว่าหมื่นเหรียญเป็นแน่ พวกมันช่างชาญฉลาดเสียจริง
ตอนที่ 180 ของรางวัล
หลินหยางยังคงใช้ความคิด งานจะมีขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้าซึ่งก็ครบรอบหนึ่งปีพอดีและจะมีร้านค้าขายสิ่งของตามกำหนดการ
สำหรับสิ่งของในร้านเขาได้สอบถามซู่ฟางและฉางเปาเรียบร้อย ได้ข้อมูลมาไม่น้อยเขาจึงพอทราบว่าภายในมีหนังสือทักษะขายอยู่เช่นกัน แต่มีเพียงหนังสือทักษะระดับหนึ่งเท่านั้น ส่วนราคานั้นก็แพงแสนแพงนั่นคือเล่มละหนึ่งร้อยเหรียญเงิน
เหรียญสีดำที่ได้มาจากการฆ่าเหล่ามอนสเตอร์จนถึงตอนนี้เขามีอยู่เจ็ดร้อยเหรียญเท่านั้น เนื่องจากการต่อสู้ศึกสงครามสิ่งของที่ได้มาจากมอนสเตอร์หรือยึดมาจากร่างผู้เสียชีวิตเขาจะแบ่งปันอย่างเท่าเทียมกันให้แก่เหล่าพี่น้องสหายร่วมรบมิขาดเกิน ส่วนที่เหลือเป็นเศษมิสามารถแบ่งได้อย่างลงตัวบางครั้งก็จะเก็บเอาไว้เป็นส่วนกลาง
เพราะฉะนั้นหนังสือทักษะระดับหนึ่งภายในร้านค้าที่ราคาแพงเหล่านี้หลินหยางมิได้คิดหยิบจับซื้อพวกมันแม้แต่น้อย ส่วนหนึ่งมาจากราคาที่แพงเกินไปของมัน อีกอย่างคือมันเป็นเพียงหนังสือทักษะระดับหนึ่งเท่านั้นแม้จะสามารถเพิ่มระดับได้จากการใช้แต้มทักษะแต่มันก็สิ้นเปลืองเกินไปและตัวของเขาเองตอนนี้มีทักษะระดับสี่กว่าสองทักษะ
‘หนังสือทักษะระดับสาม’ หลินหยางครุ่นคิดแม้จะไม่ทราบว่าเป็นทักษะประเภทใดแต่ทักษะที่มีถึงระดับสามเช่นนี้ย่อมไม่ต่ำทรามเป็นแน่ ยิ่งคิดยิ่งดึงดูดใจของเขายิ่งนัก
“พวกผมตกลง” หลินหยางตัดสินใจจึงกล่าวออกไป แม้จะไม่สามารถได้รับชัยชนะได้ทักษะระดับสามของรางวัลที่ล่อใจอันนี้มาครอบครอง แต่ยังไงเขาก็ยังอยากไปดูการประลองยุทธอยู่ดี อาจจะได้เบาะแสข่าวสารเรื่องราวแปลกใหม่เพิ่มเติมขึ้นมาบ้างสำหรับสิ่งเหล่านี้ราคาเพียงแค่สิบเหรียญเงินเท่านั้นนับว่ามิได้มากมายอันใด
“ดี” ชายร่างผอมเมื่อเห็นว่าได้รับการตอบรับมันจึงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
หลินหยางให้เทียนหนิงเจี้ยนจดบันทึกเกี่ยวกับสถานที่จัดงาน ดูแล้วห่างกับเมืองของเขาเกือบสองร้อยกิโลเลยทีเดียวไกลออกไปทางเมืองของฉือเฉียวซึ่งเป็นเมืองที่อยู่มานานกว่าหนึ่งปี แสดงว่าชายร่างผอมเหล่านี้ล้วนมาจากเมืองเหล่านั้นพวกเขาล้วนอยู่มาแล้วอย่างเต็มก็หนึ่งปีขึ้นไปเป็นแน่
เพราะพวกเขาเก็บค่าเข้างานเป็นเหรียญเงินแสดงว่าต้องทราบคุณค่าของมันที่สามารถจับจ่ายใช้สอยสิ่งของที่มีประโยชน์จากร้านค้าได้
เมื่อพูดคุยกันต่อนิดหน่อยพวกมันจึงขอตัวจากลา หลินหยางมองไปยังพวกมันเดินทางไปยังเมืองคนแคระ ดูท่ามันจะตระเวนบอกกล่าวเกี่ยวกับงานประลองยุทธทั่วบริเวณทุกเมืองโดยรอบเป็นแน่
หลินหยางที่มองเห็นเช่นนั้นจึงอดรู้สึกอิจฉาและชื่นชมมิได้ ผู้นำของชายร่างผอมคนนี้ช่างฉลาดหลักแหลมเป็นยิ่งนัก นำเอาของรางวัลที่มิสามารถปฏิเสธได้มาล่อใจแต่อีกนัยพวกเขาก็คล้ายกับขายหนังสือทักษะเล่มนั้นหากมีคนเข้าร่วมมากพวกเขาย่อมได้กำไรไม่น้อย
เมื่อชายร่างผอมทั้งสามเดินหายลับสายตา หลินหยางจึงมายังจุดศูนย์กลางเมืองเรียกรวมตัวผู้คนเพื่อบอกกล่าวแก่เรื่องราวของการประลองยุทธ หลินหยางมิได้บังคับให้พวกเขาเข้าร่วม เขาให้เหล่าชายชาตรีเหล่านี้ตัดสินใจด้วยตนเอง
แต่เมื่อกล่าวถึงงานประลองหลินหยางแทบมิต้องถามหาความสมัครใจเลยแม้แต่น้อย เพราะในแววตาของชายชาตรีเหล่านี้เมื่อได้ยินคำว่าประลอง ดวงตาพวกมันลุกวาวราวกับมีไฟลุกโชนเลือดลมสูบฉีด..