ตอนที่ 193 เอลฟ์
เช้าตรู่
ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มทอแสงสอดส่องไปทั่วผืนฟ้าปัดเป่าความมืดมิดมลายหายไป
หลินหยางและพวกรอคอยเมืองพันธมิตรอย่างใจจดใจจ่อทั้งภาวนามิให้เมืองอื่นในบริเวณโดยรอบมาหมายปองแหล่งอาหารจุดนี้ หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาคงมิใช่เพียงต้องปราบสัตว์ยักษ์ทั้งสองแต่ต้องสู้รบกับกองกำลังอื่นด้วย หากเกิดเรื่องแบบนี้ย่อมไม่ดีแน่
ไม่นานกองกำลังเสริมที่รอคอยก็มาถึง มองเห็นจากไกลๆเหล่าเอลฟ์เดินมาอย่างเป็นระเบียบนำทัพมาโดยลี่จู
“ทางพวกนายก็พบเหมือนกันหรอ?” หลินหยางกล่าวถาม เมื่อเหล่าเอลฟ์มาถึงสิ่งแรกที่พวกมันกล่าวคือพวกเขาก็พบแหล่งอาหารเช่นกันแต่มิใช่แหล่งที่ใหญ่โตอันใด
พวกเขาเจอคลองน้ำที่เหมือนกับคลองน้ำอันเดิมมิผิดเพี้ยนซึ่งมีกบยักษ์ระดับสิบคอยเฝ้าอยู่ซึ่งมิได้สร้างปัญหาในการครอบครองของพวกเขาแต่อันใด ไม่นานมันก็ตกตายลงภายใต้เงื้อมมือของเหล่าเอลฟ์และสามารถครอบครองแหล่งน้ำแห่งนั้นได้อย่างง่ายดาย
หลินหยางที่ได้ฟังจึงยิ้มแย้มเบิกบาน แม้คลองน้ำที่มีปลาอาศัยอยู่นั้นจะมีมิมากมายนักหากใช้สอยอย่างประหยัดก็เพียงพอสามารถเลี้ยงคนได้เกือบร้อยคนในหนึ่งวันเลยทีเดียว เมื่อนำปลามาแบ่งกันทั้งสามเมืองภาระเรื่องอาหารของเมืองหลินหยางก็ได้รับการบรรเทาลงไปได้หนึ่งส่วนสิบซึ่งก็ถือว่าไม่น้อย
ยิ่งมีอาหารมากเท่าใดก็ยิ่งดีมากเท่านั้นยิ่งตรงหน้าของเขาบัดนี้ยังมีแหล่งอาหารขนาดใหญ่ที่สุดอยู่อีกเพราะภายในหนึ่งวันจะมีวัวตัวอ้วนออกมาทั้งหมดยี่สิบสี่ตัว
หากสามารถยึดครองถ้ำวัวนี้ได้พวกเขาจะหมดปัญหาเรื่องการขาดแคลนอาหารทันที แถมยังมีอาหารเหลือเพียงพอเก็บเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินอีกต่างหาก
อีกอย่างคือร่างกายของกบพิษที่เลือดของมันมีฤทธิ์กรัดกร่อนสูงซึ่งหลินหยางเคยเห็นประสิทธิภาพของมันมาแล้ว เพราะเขาเคยใช้พิษมาก่อนโดยตัวทดลองในครั้งนั้นคือเมืองของฉือเฉียว
แม้จะผสมลงไปในสุราเพียงเล็กน้อยก็รุนแรงยิ่งนัก หากเสร็จสิ้นการครอบครองถ้ำวัวหลินหยางคงต้องเร่งรีบไปยังแหล่งน้ำที่ลี่จูค้นพบเพื่อทำการกู้ซากกบพิษนำไปเก็บรักษาเพื่อใช้ประโยชน์ในภายภาคหน้า
เมื่อเอลฟ์มาถึงพวกเขาเห็นกอลิล่าทั้งห้าที่ยังคอยเฝ้าหินก้อนยักษ์อยู่ ดูร่างกายของมันกำยำเป็นมัดกล้ามแสดงออกถึงพละกำลังอันแข็งแกร่งแม้ตัวมันจะมิใหญ่โตเท่าออร์คแต่จำนวนพวกมันที่มีมากถึงห้าตัวจึงเป็นอุปสรรคในการต่อสู้ทำให้เหล่าเอลฟ์ยังอดกังวลมิได้ เมื่อได้รับรู้ระดับของมันจากคำบอกกล่าวของหลินหยางจึงทำให้พวกเขาระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม
หลินหยางจัดวางแผนให้จุดยืนรับมือของเหล่าเอลฟ์ ครานี้พวกเขามิสามารถใช้การโจมตีสามทิศทางเหมือนตอนปราบออร์คได้เพราะกอลิล่าเป็นสัตว์ที่มีสติปัญญาพวกมันทั้งห้าอาจแยกแตกฝูงและพุ่งโจมตีคนละทิศทางก็เป็นได้
หลินหยางจึงวางแผนการรบดังเช่นการต่อสู้กับฉือเทียน นั่นคือให้เหล่าเอลฟ์คอยสนับสนุนด้วยการโจมตีระยะไกล โดยมีทีมก่อสร้างคอยเสริมทัพด้วยเครื่องยิงธนูและรถขว้างหินที่ยังมิเคยได้ออกศึกใดๆ
ตอนที่ 194 สงครามน้ำลาย
“ท่านหลินหยางพวกเราเริ่มเลยไหม” ลี่จูกล่าวเมื่อได้รับมอบหมายจากหลินหยางเป็นที่เรียบร้อยเขาเร่งรีบใจร้อนอยากจะปราบเจ้ากอลิล่าตัวใหญ่เสียให้ไว
เพราะหากครอบครองถ้ำวัวแห่งนี้ได้พวกเขาก็จะได้ส่วนแบ่งที่มากมายมหาศาลสามารถเลี้ยงปากท้องเหล่าเอลฟ์ทั้งเมืองได้เลยทีเดียว
“เดี๋ยวก่อนยังมากันไม่ครบ” หลินหยางกล่าวพลางยิ้ม
“หืม?” ลี่จูเมื่อได้ยินจึงสับสน พลางชะเง้อมองกลุ่มคนของหลินหยางพลางใช้ความคิด เพราะตอนนี้จากที่เห็นคนทั้งหมดนี้คือกองกำลังที่สามารถสู้รบได้ที่หลินหยางมี
‘อ้อฉางเปา’ พลางนึกขึ้นได้เขาคิดว่าคงเป็นฉางเปาที่พึ่งเข้าเป็นเมืองภายใต้การปกครองของหลินหยาง ลี่จูจึงรอคอยต่อไป
หลินหยางที่มองเห็นปฏิกิริยาของลี่เขาจึงยิ้มแห้งๆ เขาคิดว่าลี่จูคงเข้าใจผิดเป็นแน่แต่เขาก็มิได้อธิบายเกี่ยวกับคนแคระไป หากลี่จูทราบก่อนเขาคงไม่ยอมร่วมมือกับคนแคระเป็นแน่
แม้แต่ตอนที่เรียกประชุมเหล่าผู้นำพันธมิตรเมื่อเอลฟ์หนุ่มลี่จูเจอะเจอกับคนแคระเคราเฟิ้มลู่คงพวกเขาทั้งสองยังจ้องมองกันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อของอีกฝ่าย
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเสนอความคิดที่ดีมากเพียงใดไม่ว่าจะเอลฟ์หรือคนแคระพวกเขาก็จะขัดคอกันเองโต้แย้งปัดข้อเสนอของอีกฝ่ายทิ้งไปไม่ใยดีหักหาญน้ำใจกันอย่างไม่ไว้หน้า
แม้ความเข้าใจผิดของทั้งสองฝ่ายจะได้รับการแก้ไขไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่มิได้ทำให้ความเกลียดชังของสองเผ่าพันธุ์ที่มีต่อกันลดลงแต่อย่างใด..
ไม่นานก็มีกลุ่มคนเดินเข้ามาจากระยะไกลๆมองเห็นมิชัดเจนรูปร่างตัวเล็ก หลินหยางเมื่อเห็นพวกเขาจึงยิ้มออกมาเพราะพวกเขาคือเหล่าคนแคระนั่นเอง
ตอนนั้นเองเมื่อเหล่าคนแคระเดินตรงเข้ามาลี่จูที่มองเห็นใบหน้าของเขาหน้ากลัวขึ้นเรื่อยๆ
“พวกแกมาทำอะไรที่นี่” ลี่จูกล่าว
“พวกข้ามาแล้ว” ลู่คงมิสนใจคำพูดของลี่จูหันไปกล่าวกับหลินหยาง เขามองเหล่าเอลฟ์เพียงปลายหางตาเท่านั้น
“เฮอะเหล่าเอลฟ์อ้อนแอ้นพวกนี้จะไปทำอะไรได้ เจ้าหนุ่มหลินหยางเจ้าให้พวกมันกลับไปซะอยู่ไปก็เกะกะเปล่าๆ” คนแคระเคราเฟิ้มคนหนึ่งกล่าวออกมา
“หา!?” เอลฟ์หนุ่มคนหนึ่งเมื่อมันได้ยินผมสีเงินยาวถึงกลางหลังพริ้วไสว ใบหน้าของมันแดงก่ำเลือดขึ้นหน้าร่างกายอยากปะทะ
“ท่านหลินหยาง คนแคระตัวเตี้ยพวกนี้ทำอะไรไม่ได้หรอกแค่จะเดินยังลำบากเลยท่านบอกพวกมันให้กลับไปซะ” เอลฟ์คนหนึ่งตอบโต้ใบหน้าเยาะเย้ย
“เจ้าว่าอะไรนะ” เหล่าคนแคระเมื่อถูกถากถางเริ่มมีน้ำโห
“จะเอาหรือไง” เหล่าเอลฟ์ก็ไม่น้อยหน้าทำสงครามน้ำลายกันอย่างคุกรุ่น หากมิมีกองกำลังของหลินหยางคั่นระหว่างกลางพวกเขาคงรบราฆ่าฟันกันไปแล้วเป็นแน่
คนแคระและเอลฟ์เหล่านี้กร่นด่าทะเลาะ กองกำลังของหลินหยางที่ได้ฟังคำด่าของพวกเขาก็แทบกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่มันช่างตลกเสียจริง
‘เฮ้อ’ หลินหยางถอนหายใจยืนเงียบใบหน้ามืดมน เขาอยากให้ทั้งสองเผ่าพันธุ์นี้หันมาจับมือเป็นพันธมิตรกันอย่างจริงจังเสียทีแต่ดูท่าเขาจะคิดง่ายเกินไป พวกมันเมื่อเจอหน้ากันทีไรกัดกันเหมือนสุนัขก็มิปาน