ตอนที่ 3 ลาจาก
สองวันหลังจากมีเสียงประหลาดและประตูเปิด
ช่วงบ่าย
หลินหยางเตรียมตัวจะไปที่จะออกเดินทาง
“ไม่ไปไม่ได้เหรอ” ยายพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“ไม่ต้องเป็นห่วงมันหรอก ลูกผู้ชายต้องเข้มแข็งหลานเราก็โตแล้ว” ตากล่าว
หลินหยางได้คุยกับตาของตนจัดเตรียมวางแผนการใช้เงินเป็นที่เรียบร้อย เขาตั้งใจว่าหลังจากได้เงินจะนำมารักษายายของตนให้หายป่วยไข้ และนำเงินที่เหลือไปสร้างบ้านใหม่
“ตายาย รักษาตัวด้วยนะ” หลินหยางกล่าวใบหน้าเปื้อนยิ้ม กว่าเขาจะกล่อมสองตายายให้เห็นด้วยนั้นใช้เวลาอยู่นานเลยทีเดียว
“แต่ว่า..” หญิงชรามีใบหน้าหดหู่
“ไม่ต้องเป็นห่วงผมจะกลับมาแน่นอน” หลินหยางยิ้มและหันหลังเดินจากไปอย่างหนักแน่น มิหันกลับมามองอีกเป็นครั้งที่สองเพราะเกรงว่าตนจะใจอ่อน
สองตายายมองแผ่นหลังหลานชายอันเป็นที่รักเดินจากไปอย่างหนักหน่วง
หลังจากมาถึงประตูหน้ามหาวิทลัยที่ใกล้บ้านพักของเขาที่สุด ก็เจอกับฝูงชนเต็มถนนหลังจากกะด้วยสายตาน่าจะมีไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นคน
พอเดินแหวกเข้ามาก็เจอจุดลงทะเบียน หลินหยางเข้าไปลงทะเบียนชื่อ ที่อยู่ เบอร์ติดต่อ และสถานที่สำหรับส่งเงินไป เขาระบุรายละเอียดจนครบถ้วน
พอลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยพนักงานก็ส่งป้ายหมายเลขให้แก่เขา ไม่ช้าเจ้าหน้าที่ก็นำทางไปต่อแถวที่ยาวเหยียดซึ่งมีแถวอยู่ทั้งหมดสามแถว แต่ละแถวยาวหลายร้อยเมตรทั้งค่อยๆขยับคืบหน้าไปอย่างช้าๆ
“อ๊ากทำไมเข้าไม่ได้วะ” เสียงคนตะโกนกร่นด่าอย่างผิดหวัง
หลินหยางได้ยินดังนั้จึงมองไปยังต้นเสียงนั่นก็หน้าประตูยักษ์นั่นเอง
“เฮ้อ~มีคนเข้าไม่ได้อีกแล้ว” คนข้างหน้าเขาพูดขึ้น
“พี่ชาย ทำไมเขาถึงเข้าไม่ได้หรอ” หลินหยางกล่าวถาม
“อ้อ นายพึ่งมาสินะ ทำไมถึงเข้าไม่ได้งั้นหรอ..ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าแทบไม่มีคนผ่านเข้าไปเลย” เขาตอบกลับ
หลินหยางขมวดคิ้ว
‘แล้วแบบนี้เราจะเข้าได้ไหม?’ หลินหยางคิด
หากเข้าไม่ได้ก็ไม่ได้เงิน ตอนนี้สถานการณ์ทางการเงินของเขายิ่งย่ำแย่อยู่ด้วย ไหนจะค่ารักษาที่วาดฝันเอาไว้ ทั้งตึกรามบ้านช่องก็พังหมดไม่มีที่ซุกหัวนอน ทั้งยังโดนไล่ออกจากงานอีกเนื่องมาจากสถานที่ทำงานของเขาก็พังราบเป็นหน้ากลองเช่นกัน ผลกระทบจากการเกิดแผ่นดินไหวทำให้การสมัครหางานยากเย็นแสนเข็ญ
“น้องชาย ชื่ออะไรหรอ” หลิวลู่ถาม
“ผมชื่อ จางหลินหยางครับ”
“พี่ชื่อเสี่ยวหลิวลู่ เรียกว่าพี่ลู่ก็ได้ ฮ่าๆ”
“น้องหยางมาคนเดียวหรอ” หลิวลู่กล่าว
“ครับ”
“ไม่รู้ว่าหลังประตู จะมีอะไรนะตื่นเต้นจริงๆ ฮ่าๆ” หลิวลู่หัวเราะร่า
สามชั่วโมงผ่านไป แถวของหลินหยางใกล้จะถึงประตูเต็มที ใจเขาเต้นรุนแรงตื่นเต้นหรือหวาดกลัวไม่ทราบแน่
“หมายเลข 8513” ผู้คุมตะโกน
หลิวลู่ยกมือขึ้นทันที
“ขอให้โชคดี” หลินหยางกล่าวอำลา
“น้องก็เช่นกัน” หลิวลู่ยิ้มและค่อยๆเดินเข้าไป ขาของเขาสั่นมากจนเห็นได้ชัดเจน
หลังจากยืนรอมาสามชั่วโมงเห็นคนเข้าได้เพียงสิบส่วนจากร้อยคน
พอหลิวลู่เดินเข้าสู่ประตูบานยักษ์ร่างของมันถูกดูดหายเข้าไปภายในมิเหลือร่องรอยใดๆอยู่อีก
หลินหยางยิ้มมุมปากที่เห็นมันสามารถเข้าไปภายในประตูได้อย่างไม่ผิดหวัง
“หมายเลข 8514!!”
หลินหยางยกมือขึ้นทันใดพลางเดินมาหน้า”ประตูยักษ์”พอมาเห็นใกล้ๆแล้วยิ่งน่าเกรงขามหวาดกลัวชวนขนหัวลุก
มันช่างมีขนาดใหญ่โตมโหฬารยิ่งนัก
เขาเงยศรีษะมองท้องฟ้า มองผู้คนที่พลุกพล่าน รับฟังเสียงรอบกาย สูดหายใจลึกหลับตาและค่อยๆก้าวเท้าย่างเดินเข้าไปในประตูยักษ์ที่มองมิเห็นสิ่งใดนอกจากความมืดมิด…
ตอนที่ 4 แสงสว่าง
วูบบ~
ราวกับตัวเขาถูกดูดจากประตูยักษ์ การมองเห็นถูกริบรอน มองไปรอบข้างมีแต่ความมืดมิดสติเริ่มจางหาย ราวกับอยู่ใต้เหลวลึกที่แสงส่องลงมาไม่ถึงนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เขาเห็น เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆปิดลงช้าๆ
กาลเวลาผ่านไป
หลินหยางค่อยๆลืมตาขึ้นสลึมสลือ
พบว่าตัวเองเปลือยอยู่ไม่ได้ใส่อะไรเลยเขาขมวดคิ้ว แล้วรีบเอามือปิดน้องชายและมองไปรอบๆไม่เจอคนแม้แต่คนเดียวเขาโล่งใจหากมีคน
มาเห็นเขาในสภาพนี้ คงไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหน
พอเขาตั้งสติแล้วสำรวจรอบๆพบว่านี่เป็นห้องสี่เหลี่ยมกว้างพอประมาณ ภายในห้องมีแสงไฟสลัวๆไม่มีหน้าต่างมีเพียงประตูสีดำที่ปิดสนิท
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น
“สวัสดี’ผู้ถูกเลือก’ภายในห้องที่เจ้าอยู่นั้น มีอาวุธ อาหาร เสื้อผ้า และของใช้จำเป็นเตรียมไว้ให้แล้ว ประตูจะเปิดออกภายในสิบชั่วโมงเตรียมตัวให้ดี”
หลังจากได้ยินดังนั้น เขามองไปยังมุมห้องเห็นเสื้อผ้า อาหาร และอาวุธวางเรียงกันอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เขาจึงเดินไปเลือกเสื้อผ้ามาสวมใส่ หยิบถุงผ้าและเอาอาหารยัดใส่จนเต็ม ส่วนมากจะเป็นเนื้อแห้ง ปลาแห้ง และน้ำเขาไม่รู้ว่าจากนี้จะต้องเจอกับอะไรเขาจึงใส่ไปจนเต็มถุง ถึงแม้จะใส่หมดแล้วอาหารก็ยังเหลืออยู่มาก
เมื่อเก็บอาหารและน้ำเสร็จเรียบร้อย เขามองไปยังอีกมุมนึงมันคือคลังแสงดีๆนี่เอง อาวุธต่างๆถูกวางเรียงรายอย่างสวยงาม
มีหลายสิบชนิด ธนู หน้าไม้ ดาบ หอก กริช ค้อน ขวาน มีแม้กระทั่งท่อนไม้และอีกหลายอย่าง แต่กลับไม่มีอาวุธที่ทันสมัยอย่างปืนอะไรเช่นนี้เลย
“นี้จะให้อาวุธไปทำอะไร? ล่าสัตว์หรอ? ปืนก็ไม่มี” เขาคิด
เนื่องจากไม่รู้ต้องเอาไปทำไรเขาจึงเลือกดาบที่ยาวประมาณหนึ่งเมตรและปลอกดาบสะพายหลัง เพราะเขาไม่เคยใช้อาวุธอะไรเลยและคิดว่าดาบใช้งานง่ายที่สุด
หลังจากทำสิ่งที่เสียงประหลาดแนะนำแล้วเขาจึงลองฟันดาบดู
“เบาจริงๆเหมือนในหนังเลย” เขายิ้ม พลางคิดถึงตาและยายที่เคารพรัก จากนั้นเขาจึงนอนพักผ่อนเพราะยังมึนหัวอยู่หน่อยๆ
—————————————————————————————————————————-
ณ บ้านพักชั่วคราว หลังจากหลินหยางออกจากบ้านเพื่อไปเข้าประตูสวรรค์ มีชาย-หญิงชราคู่หนึ่งยืนอยู่หน้าบ้านเหม่อมองท้องฟ้าสีหน้ามิสู้ดีนัก
ทั้งคู่คือตาและยายของหลินหยางนั่นเอง หลังจากที่หลินหยางออกจากบ้านไปเพียงไม่นาน ทั้งคู่ก็ตามเขาไปและแอบมองอยู่ห่างๆ
พอเห็นคนที่โดนประตู’ผลัก’ออกมา ทั้งคู่ต่างก็มีความหวัง หวังว่าหลานของเขาอาจจะไม่ได้เป็นผู้ถูกเลือกให้เข้าไปภายในประตูดำทมิฬนี้
“หมายเลข 8514!!” และแล้วก็มาถึงสิ่งที่ชายหญิงชรารอคอย ตอนนี้ถึงคิวของหลินหยางแล้ว!
หลินหยางเดินเข้าไปใกล้ประตูทีละก้าวทีละก้าวและหายวับเข้าภายในนั้นมิเหลือร่องรอยเลยแม้เพียงนิด
หัวใจพวกเขาแทบหยุดเต้น หลังผ่านไปเนิ่นนานเมื่อเห็นว่าไม่มีใครกลับออกมา ทั้งสองจึงพากันกลับไปยังที่พักของตน
“หยางเอ๋อคงไม่เป็นไรนะ” ยายกล่าวด้วยใบหน้าเศร้า
“ไม่เป็นไรหรอก เขาบอกแล้วว่าเขาจะกลับมา เราต้องเชื่อมั่นในตัวเขา” ตากล่าวพลางยิ้ม แต่ดวงตากลับรู้สึกถึงความโศกเศร้า
“ประตูจะเปิดในอีกสิบนาที”เสียงใสก้องกังวาล
ปลุกหลินหยางสะดุ้งลืมตาตื่น เขาหลับไปนานทีเดียวเขาลุกและยืดเส้นสาย พลางเดินไปหน้าประตูใจเขาเต้นรุนแรง ตื่นเต้น หรือหวาดกลัวไม่แน่ชัด
เขายืนรออย่างจดจ่อ
และแล้วประตูบานนั้นค่อยๆเปิดอ้าออกอย่างช้าช้าๆ มีแสงสว่างจ้าวาบเข้ามากลบแสงสลัวภายในห้องจนมิด