ตอนที่ 379 ทะเลเลือด
หลินหยางต้องการให้หอคอยแห่งนี้เป็นเครื่องมือข่มขู่จากมือที่สามหมายจะสอดแทรกเข้ามามันมิต่างจากเครื่องหมายบ่งบอกเมืองอื่นๆ ว่าบัดนี้มีเมืองหนึ่งกำลังโจมตีถ้ำแห่งนี้อยู่มิให้พวกมันเข้ามายุ่มย่ามวุ่นวาย
ทว่าหอคอยขนาดใหญ่นี้คงไม่สามารถเปลี่ยนความต้องการของศัตรูที่คิดร้ายได้หมด อย่างกลุ่มพันธมิตรสามเผ่าพันธุ์เป็นต้น
หากศัตรูต้องการแย่งชิงมิว่าสิ่งใดก็มิสามารถขว้างกั้นความคิดของพวกมันได้นั่นเอง และหอคอยแห่งนี้ก็เป็นจุดเด่นยิ่งนัก
แม้จะห่างออกไปกว่าหนึ่งกิโลก็สามารถมองเห็นสิ่งแปลกตาที่ผุดขึ้นมาบนที่โล่งกว้างได้อย่างชัดเจน
มองไปยังหอคอยที่พึ่งสร้างเสร็จากฝีมือทีมก่อสร้างและสถานที่พักพิงชั่วคราวที่สร้างจากน้ำพักน้ำแรงของหลิวไห่ ความปราณีตมันช่างแตกต่างกันลิบลับ สิ่งที่สร้างขึ้นด้วยน้ำมือของหลิวไห่นั้นมันไม่ต่างจากการเอาไม้มาวางค้ำกันเอาไว้แล้วเอาผ้ามาคลุม…
หลิวไห่หันหลังกลับไปมองที่พักที่ตนเป็นผู้สร้างขึ้นมาด้วยใบหน้าภูมิอกภูมิใจยิ้มแย้มราวกับว่ามันสร้างสิ่งนี้มาด้วยความยากลำบาก..
“พวกนายพร้อมกันหรือยัง?” หลินหยางกล่าว
“พร้อมแล้วครับ!” เสียงตอบรับจากชายฉกรรจ์กว่าแปดสิบชีวิตดังกระหึ่ม
“ลุย” หลินหยางตะโกนพร้อมับมุ่งหน้าเดินเข้าสู่ปากถ้ำที่มืดมิดเป็นคนแรก
วูบบ~
และแล้วคนสุดท้ายก็เข้ามาในถ้ำค้างคาวปีกเหล็กเป็นที่เรียบร้อย จากจำนวนทั้งแปดสิบชีวิตนั้นมีคนที่เข้ามายังถ้ำค้างคาวเพียงเจ็ดสิบนาย ส่วนอีกสิบนายปักหลักรอคอยอยู่ภายนอกเพื่อป้องกันเหตุการณ์มิคาดคิด
ตอนนี้ภายนอกถ้ำนั้นมีคนกว่าร้อยชีวิตคอยเดินตรวจตราไปมาอยู่ จำนวนกว่าร้อยชีวิตนี้เทียบเท่ากับพันธมิตรสามเผ่าพันธุ์เมื่อวานเลยทีเดียว
“ตั้งแนวป้องกัน” หลินหยางมิรอช้าออกคำสั่งเตรียมพร้อมรบทันที แม้จะเคยต่อสู้กับค้างคาวปีกเหล็กมาแล้วเขาก็มิประมาทคู่ต่อสู้
แนวหน้านำโดยจิ่นเหอและพักพวกอีกห้านายยืนประกบกันอยู่แถวแรกและแถวสองโดยนำโล่เหล็กของตนบังหน้าเอาไว้ต่อกันเป็นสองชั้น
ส่วนแถวที่สามนั้นเดินตามพวกเขาไปปกติยังมิได้ตั้งขบวนป้องกันสามชั้นแต่อย่างใด เนื่องจากตรงจุดนี้ยังนับว่าเป็นจุดปลอดภัยยังไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิตเพราะส่วนใหญ่ค้างคาวปีกเหล็กจะอาศัยอยู่ส่วนกลางของถ้ำ
และพวกมันล้วนหลับลึกไม่ตื่นขึ้นจากภวังค์ง่ายๆดังเช่นคราแรกที่เขาเข้ามาสำรวจกับเจียวซิ่นนั้นแม้จะเดินไปจนสุดทางค้างคาวปีกเหล็กพวกนี้ก็ยังมิตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด หากมิมีคนไปปลุกพวกมันขึ้นมา
หลินหยางขมวดคิ้วเนื่องจากใต้ฝ่าเท้าของเขานั้นมีบางอย่างสีแดงทอดยาวเป็นเส้นสายตรงเข้าไปสู่ส่วนลึกของถ้ำคล้ายกับถูกทาด้วยสีแดงสดใส แต่ทว่ากลิ่นที่คละคลุ้งออกมานี้มิใช่กลิ่นอื่นใดมันคือเลือด! พื้นถ้ำบัดนี้ถูกอาบย้อมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
เดิมทีเขาเคยเจอรอยเลือดบางส่วนแล้วยามเข้ามาตัวคนเดียวเพื่อหาร่องรอยการต่อสู้ของพันธมิตรสามเผ่าพันธุ์และค้างคาวปีกเหล็ก
แต่นั้นมันเป็นของเมื่อวานและมีเพียงไม่มาก บัดนี้พื้นถ้ำนั้นมิใช่พื้นหินดินทรายอีกต่อไป มันเสมือนพวกเขาเหยียบอยู่บนทะเลเลือดเสียมากกว่า
ตอนที่ 380 ลื่นล้ม
พรืด~
หลินหยางยกเท้าของตนขึ้นเพื่อก้าวเดิน
การย่างเท้าตามปกติกลายมีเสียงประหลาดเกิดขึ้นตามมานั่นเพราะว่าเลือดที่เกาะอยู่บนพื้นถ้ำมันยังมิแห้งสนิทมันทับถมกันจนหนาเตอะเมื่อคราที่เขายกเท้าขึ้นกลับมีเลือดเป็นแผ่นติดอยู่บนเท้าของตน
ทั้งกลิ่นเหม็ดน่าสะอิดสะเอียนและเสียงที่น่าขยะแขยง ช่างเป็นบรรยากาศที่น่าขนลุกสยดสยองเสียจริง
แน่นอนมันมิใช่เลือดของค้างคาวปีกเหล็กแต่อย่างใด เนื่องจากพวกเขาเคยบุกเข้ามาคร่าฟันค้างคาวปีกเหล็กมาแล้วหนึ่งครา แม้จะคร่ามันนับร้อยนับพันตัว บางตัวถูกตัดร่างจนขาดครึ่ง
เมื่อนำซากของมันมากองรวมกันก็ยังมิได้กองเลือดมากมายเท่าใดนักนับว่าพอเหมาะกับขนาดตัวของมัน
ส่วนเลือดที่เคลือบเกาะอยู่บนพื้นนี้มันคือเลือดของผู้บุกรุก แต่ทว่าจำนวนเลือดที่ย้อมพื้นถ้ำจนแดงฉานนี้มิทราบต้องใช้เลือดในกายของมนุษย์กี่สิบกี่ร้อยคนจึงจะสามารถละเลงพื้นถ้ำให้กลายเป็นทะเลเลือดได้
หากเป็นดังที่เขาคิดแล้วร่างของผู้เสียชีวิตนั้นหายไปไหนจนสิ้น เหตุใดจึงไร้ร่องรอยการต่อสู้เพื่อยื้อชีวิตของตน เขาคงต้องเข้าไปหาสาเหตุจากค้างคาวปีกเหล็กด้วยตนเอง
พวกเขายืนนิ่งมิได้มุ่งหน้าต่อไปแต่อย่างใด หลินหยางต้องการให้สายตาพวกเขาคุ้นชินกับความมืดเสียก่อน เนื่องจากมิได้จุดไฟเพื่อสร้างแสงสว่าง ภายในถ้ำที่มืดมิดจึงบดบังการมองเห็นอยู่ไม่น้อย
“เดินหน้า” หลินหยางให้สัญญาณหลังจากผ่านไปราวห้านาที
พลโล่แนวหน้ายกเท้าก้าวเดินอย่างเชื่องช้า แถวหลังเองก็ตามไปติดๆเช่นกัน
พวกเขาเดินทัพอย่างมิเร่งรีบเน้นความปลอดภัยเป็นอันดับแรก หลายคนให้ความสนใจไปที่เพดานถ้ำเพื่อมองหาค้างคาวปีกเหล็กที่หลับไหลอยู่นั่นเอง
แคว๊ก~
ยิ่งเดินไปข้างหน้ามากเท่าใดยิ่งมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาให้ได้ยินเป็นระยะ ขบวนทัพมิไขว้เขวยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยความเร็วคงที่มิเร่งและมิชลอลงแต่อย่างใด
“เหวอ”
ตุบบ~
พลทหารแถวแรกผู้ถือโล่นำขบวนจู่ๆมันก็ร้องเสียงหลงออกมา พร้อมกับเสียการทรงตัวทรุดลงบนพื้น ด้วยบรรยากาศที่วังเวงการเสียหลักลงไปล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้นเช่นนี้ทำให้คนอื่นๆตื่นตกใจไม่น้อย
“เป็นอะไร!?” หลิวไห่รีบพยุงมันลุกขึ้นทันทีพร้อมกับถามหาสาเหตุที่ทำให้มันล้มลงอย่างปริศนา
“ม-ไม่มีอะไรครับ ผ-ผมเหยียบไปโดนบางอย่าง..” ชายคนนั้นกล่าวด้วยใบหน้าเอียงอาย มันช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก
ผู้คนที่ถูกรับเลือกเป็นพลโล่นั้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีระดับสูงเพิ่มสถานะไปที่พละกำลังเป็นหลัก แต่กลับมาเสียการทรงตัวล้มพับในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเสียนี่..
หลิวไห่ก้มมองลงยังไปโน้มตัวยื่นแขนคลำพื้นถ้ำควานหาสิ่งแปลกปลอมที่ชายคนนี้กล่าวถึงแทบมิต้องใช้เวลาอันใดมันก็พบเจอเข้ากับสิ่งของที่กำลังเสาะหาอยู่ เขาหยิบมันขึ้นมาสิ่งของภายในมือของเขานั้นมีขนาดใหญ่จนกำมิรอบ
“น-นี่!” ทหารนายนั้นอุทานออกมาอย่างตื่นตระหนกเมื่อเห็นสิ่งนั้นภายในมือของหลิวไห่ที่หยิบจับขึ้นมาดูจนเห็นชัดเต็มตา มันคือเท้า เท้าของมนุษย์!