เทพอสูรสยบโลกา – ตอนที่ 471-472

ตอนที่ 471 อาหาร(ตอนปลาย)

 

มิทราบเป็นโชคดีของมันที่หลุดรอดจากเงื้อมมือของสัตว์ประหลาดตัวนั้นที่มิเลือกมันเป็นเป้าหมายหรือเป็นโชคร้ายที่ทำให้มันต้องมาเห็นภาพอันน่ากลัวขนลุกขนพองสยองเกล้านี้ ภาพดังกล่าวคงจะติดตามันไปอีกนานเลยทีเดียว

 

‘อย่าพึ่งถามอะไรมากความ เงียบไว้ก่อนเป็นดีมิงั้นเราคงตกเป็น’อาหาร’ของเจ้าตัวนั้นเหมือนกับเหยื่อรายก่อนหน้าเป็นแน่’ ชายคนนั้นกล่าวตัดบท

 

หลังจากได้ฟังเรื่องราวจากปากผู้เห็นเหตุการณ์ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่ลึกๆเช่นกัน

 

มิต้องกล่าวถึงการต่อสู้ใดๆ บัดนี้แม้จะขยับตัวยังยากลำบาก หากเขาตกเป็นเป้าหมายของ’เจ้านั่น’ที่พวกมันล้วนกล่าวถึง เขาเองก็ยังมิทราบจะหาทางรักษาชีวิตของตนได้เช่นไร

 

ตอนนี้ก็คงเป็นดังที่มันกล่าว ภาวนาให้สัตว์ประหลาดตนนั้นมิเลือกเขาเป็นเป้าหมายรายต่อไปก็เพียงพอ

 

ชายผู้มาเยือนพยักหน้าหงึกงักเห็นด้วยกับความคิดดังกล่าว  มันมิอยากตกเป็นอาหารให้สัตว์เดรัจฉานทานจนอิ่มท้อง

 

พวกเขาทั้งสามนอนราบไปกับพื้นไม่ส่งเสียงพูดคุยใดๆสืบต่อ พยายามมิให้ตนเองเคลื่อนไหวร่างกายจนเกิดเสียงเป็นจุดสนใจ

 

เวลาผ่านไปนับสิบนาที ทั้งสามคนยังมิมีใครเปิดปากเลยแม้แต่น้อย กลับกันบรรยากาศยิ่งอึมครึมมากขึ้นกว่าเดิมนับทวีคูณ ในยามที่ทั้งสามเงียบกริบไร้การสื่อสาร

 

หลินหยางได้ยินเสียงรอบข้างได้อย่างชัดเจนทำให้ตัวเขาได้รู้ซึ้งถึง’อาหาร’ที่ถูกจับมาเหล่านี้ มันมีเสียงซุบซิบจากสนทนากัน บางคราก็เสียงขยับเขยื้อนเคลื่อนร่างกาย

 

แม้แต่เสียงร้องไห้ก็ยังได้ยินมาแว่วรำไร เชลยที่ถูกค้างคาวปีกเหล็กจับมานั้นมีอยู่มากกว่าร้อยชีวิตเสียอีก

 

หากจุดที่อยู่ปัจจุบันคือส่วนลึกสุดของถ้ำดั่งที่เขาคิด ด้วยความกว้างของผนังและเพดานถ้ำการที่มีคนรวมกันอยู่ถึงร้อยคนก็คงมิใช่ปัญหา

 

กร๊วบบ~

 

และนั่นมิใช่มีแค่เพียงเสียงของเหล่าฝูงชนผู้อัปโชคเท่านั้น เสียงการรับประทานอาหารจากสิ่งมีชีวิตที่พวกมันล้วนขนานนามว่าสัตว์ประหลาดนั้นแว่วพัดมาตามลมอยู่ตลอดเวลา

 

แม้เวลาจะผ่านมากว่าสิบนาทีแล้วแต่สัตว์ประหลาดตนนั้นยังคงกัดกินร่างกายของสตรีผู้เคาะห์ร้ายอย่างไม่หมดไม่สิ้น

 

ทั้งยังส่งเสียงอันสยดสยองให้แก่เหล่าอาหารที่ยังมีชีวิตได้รับฟังอยู่อย่างต่อเนื่อง พวกเขาทั้งสามพยายามมินึกคิดจินตนาการถึงการรับประทานอาหารของมัน

 

ตอนนี้ร่างกายของเขาฟื้นสภาพมาได้ส่วนหนึ่ง พอจะสามารถเคลื่อนที่ด้วยตนเองได้อย่างไม่ลำบากดั่งเก่า

 

แต่ด้วยสภาพปัจจุบันอย่าว่าแต่พญาค้างคาวเลย แม้แต่ค้างคาวตัวจิ๋วศัตรูคู่อาฆาต เขายังมิมั่นใจเลยว่าจะสามารถต่อกรกับมันได้โดยที่ตนเองไม่ตกตายไปเสียก่อน

 

เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างช้าๆ พวกเขาต้องทนฟังเสียงกัดแทะกระดูกของเจ้าสัตว์ประหลาด รวมถึงเหล่าอาหารที่ยังมีชีวิตร่วมประสานเสียงแห่งความหดหู่ เมื่อได้ฟังเสียงเหล่านี้ช่างให้ความรู้สึกถึงความสิ้นหวังไปโดยปริยาย ราวกับวันนี้คือวันสิ้นโลกก็มิปาน

 

 

 

ตอนที่ 472 ผิดปกติ(ตอนต้น)

 

ผ่านไปราวห้านาทีในที่สุดสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็ทานอาหารของมันเสร็จสรรพเป็นที่เรียบร้อย

 

‘ว่าแต่นายชื่ออะไรหรอ’ ชายข้างกายเขากล่าวถาม สีหน้าของมันซีดขาวร่างกายของมันเปียกโชกไปด้วยเหงื่อแม้สถานที่แห่งนี้จะหนาวเหน็บก็ตาม

 

‘หือ?’ หลินหยางดวงตาเบิกกว้างจ้องมองใบหน้าของชายคนนั้นด้วยความฉงน

 

ตอนนี้เขาเห็นตัวของมันแล้ว!

 

เขาหันศรีษะมองไปรอบๆตัวด้วยความสงสัยบัดนี้เขาสามารถมองเห็นพื้นถ้ำที่อาบย้อมไปด้วยเลือดของสิ่งมีชีวิตที่เกาะสะสมจนแห้งแข็งกรังเป็นปึกแผ่น

 

 

มองไปยังร่างกายของชายตรงหน้าเห็นใบหน้าของมันอย่างชัดเจนมิได้เลือนลางเหมือนดังก่อน

 

มันเป็นชายฉกรรจ์มีอายุร่างกายของมันท้วมอยู่เล็กน้อย หากกะจากสายตาคงมิต่ำกว่าสามสิบแต่มิเกินสี่สิบ

 

มองไปยังเหนือศรีษะของตนมีชายอีกคนมันนอนกุมศรีษะสั่นงันงกอยู่ หากมิผิดพลาดมันคงคือชายผู้ที่วิ่งหนีหลบภัยมารวมกลุ่มกับพวกเขาเป็นแน่

 

ใบหน้าของมันเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดและเศษดินรวมถึงคราบน้ำตา เสื้อผ้าของมันสกปรกเลอะเทอะ ต้นเหตุคงมาจากตัวมันที่ล้มลุกคลุกคลานเคลื่อนย้ายตัวเองมาหาพวกเขา

 

ร่างกายของมันผอมกะหร่องมิค่อยมีเนื้อหนังมังสาเท่าที่ควรแต่ใบหน้าของมันเยาว์วัย หากดูจากรูปร่างหน้าตาของมันคงมีอายุราวยี่สิบถึงยี่สิบสองปี มิได้ห่างจากเขามากนัก

 

‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี้ย’ หลินหยางคิด ตอนนี้เขาสามารถมองเห็นในระยะครึ่งเมตรได้อย่างชัดเจน ผิดกับเมื่อครู่ที่แม้แต่คืบเดียวยังเห็นเป็นภาพเลือนลางเสียด้วยซ้ำ

 

เดิมทีแทบจะไร้การมองเห็นไปแล้วเสียด้วยซ้ำทำให้เผลอคิดไปว่าดวงตาของตนนั้นมืดบอดมิสามารถมองเห็นแสงสีได้อีกต่อไป

 

จนถึงเมื่อครู่ยามที่พวกเขาทั้งสามเงียบสนิทแน่นิ่งมิขยับตัว เขาเองก็นอนนิ่งมิได้หันไปมองสิ่งใดจึงมิได้สังเกตุว่าการมองเห็นของตนกลับคืนมาได้อย่างไร

 

แต่ทว่าการที่สามารถมองเห็นได้ในระยะเพียงครึ่งเมตรนี้มิใช่ความสามารถสูงสุดของเขา เพราะตามปกติแล้วในถ้ำค้างคาวแห่งนี้ตัวเขาสามารถมองเห็นได้ในระยะสองเมตร สำหรับคนธรรมจะมีระยะการมองเห็นได้หนึ่งเมตรเท่านั้น

 

ตัวเขาที่มีทักษะดวงตาเหยี่ยวระดับสาม ความกว้างไกลของสายตาจึงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม

 

‘เอ็งเป็นอะไร แค่ถามชื่อก็มิได้รึ’ ชายวัยกลางคนกล่าวถามใบหน้าของมันแฝงไปด้วยความแปลกใจ

 

มันเพียงแค่ไถ่ถามถึงชื่อเสียงเรียงนามเท่านั้น หลินหยางกลับมีปฏิกิริยาที่แปลกประหลาดลุกลี้ลุกลน ทั้งยังจ้องมองมันตั้งแต่หัวจรดเท้าคล้ายกับมิพอใจมันเสียอย่างนั้น..

 

‘ม-ไม่มีอะไร ผมชื่อหลินหยาง’ หลินหยางรีบดึงสติกลับมาตอบกลับมันทันที

 

‘ผ-ผมชื่อเต๋อหลง’ ชายที่อยู่เหนือพวกเขาทั้งสองเอ่ยวาจาประกาศชื่อของตนตามหลินหยางไป

 

ตอนนี้ร่างกายของมันดูเหมือนจะค่อยๆกลับมาเป็นปกติบ้างแล้วมิได้สั่นเป็นเจ้าเข้าดังเก่า อาจเป็นเพราะเสียงอันสยดสยองชวนหดหู่สิ้นหวังนั้นเงียบหายไปแล้วก็เป็นได้

 

‘อืม’ ชายข้างกายหลินหยางพยักหน้า

 

‘ส่วนตัวข้านั้นมีชื่อว่าหลี่จิ้ง’ มันกล่าว

 

‘!’ ทันใดนั้นเองราวกับนึกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ หลินหยางจ้องมองมันสองคนสลับกันมิวางตา พร้อมกับใช้ทักษะดวงตาเหยี่ยวตรวจสอบค่าสถานะของพวกมันทันที

เทพอสูรสยบโลกา

เทพอสูรสยบโลกา

Score 7.1
Status: Ongoing Released: N/A Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง เทพอสูรสยบโลกาประเทศจีน ปี ค.ศ. 2025 จู่ๆ เกิดแผ่นดินไหวขึ้นทั่วโลก และ มี”ประตู” ประหลาดเกิดขึ้นทั่วทุกเมืองใหญ่ทั่วโลก พร้อมกับเสียงปริศนา “มนุษย์เอ๋ย พวกเจ้าอยากเปลี่ยนแปลงโชคชะตาหรือไม่ อำนาจ เงินทอง วาสนา ความมั่งคั่ง หากอยากเปลี่ยนแปลง เชิญเข้ามาที่ประตูนี้ จักต้อนรับพวกเจ้า” เรื่องราวแห่งตำนานกำลังจะเริ่มขึ้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset