ตอนที่ 473 ผิดปกติ(ตอนปลาย)
ชื่อ หลี่จิ้ง เผ่า มนุษย์ อาชีพ ผู้เริ่มต้น
ระดับ 2
สถานะ
พลัง 1.1
ป้องกัน 1
ความเร็ว 1
วิญญาณ 1
ทักษะ —
คำอธิบาย :สมรรถภาพทางกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ
เมื่อตรวจสอบหลี่จิ้งไปเป็นที่เรียบร้อยส่งผลให้คิ้วทั้งสองข้างของเขาขมวดเข้าหากันแน่นเป็นปม
มิรอช้าเขาใช้ทักษะดังกล่าวไปยังเป้าหมายอีกรายนั่นคือเต๋อหลง
พบว่าระดับของมันนั้นอยู่ที่ระดับหนึ่งมิได้แปลกแตกต่างไปจากคนปกติเท่าใดนัก แต่เมื่อถึงตอนนี้สีหน้าของหลินหยางกลับมืดมนลงอย่างเห็นได้ชัด
เดิมทีเขาคิดว่าหลี่จิ้งที่สามารถมองได้มากกว่าเขานั้นอาจเป็นเพราะว่ามันมีทักษะบางอย่างที่ช่วยเหลือ
แต่แล้วเมื่อใช้ทักษะตาเหยี่ยวตรวจสอบมันกลับพบว่ามันไม่มีแม้ทักษะที่ครอบครองอยู่แม้แต่ทักษะเดียว นั่นแสดงว่าตัวมันนั้นเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ
รวมถึงเต๋อหลงที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเหยื่อรายเมื่อครู่ ตอนได้รับฟังเขาน่าจะฉุกคิดถึงความผิดปกติ เพราะมันสามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบและสามารถนำมาเล่าให้พวกเขาฟังได้ไม่ผิดเพี้ยน
นั่นแสดงว่ามันเองก็มีระยะการมองเห็นได้ในระดับนึงเช่นกัน หากมิผิดจากที่คิดพวกมันทั้งสองคนนี้คงสามารถมองได้ในระยะหนึ่งเมตรรอบกายของตน
เมื่อเป็นเช่นนี้ตัวเขาที่ครอบครองทักษะตาเหยี่ยวแต่กลับมีระยะการมองเห็นที่สั้นกว่าพวกมันถึงครึ่งจึงผิดแปลกยิ่งนัก
นี่เท่ากับว่าร่างกายของเขามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นโดยที่ตัวเขาเองยังมิทราบสาเหตุ…
หลินหยางคลำมือของตนไปมาทั่วร่างกายเสาะหาบาดแผลที่ตนอาจได้รับโดยไม่รู้ตัว
แต่ไม่ว่าจะจุดไหนมุมใดก็มิพบร่องรอยของการบาดเจ็บเลยแม้รอยขีดข่วนยังมิมีเสียด้วยซ้ำ ยิ่งทำให้เขาร้อนใจครุ่นคิดหนักถึงสาเหตุที่ดวงตาของตนเสื่อมสภาพลงเช่นนี้
‘น้องหยาง…’
‘?’ เวลาผ่านไปนานเท่าใดมิทราบ จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงร้องเรียกนามของตนจึงทำให้หลุดพ้นโลกส่วนตัวที่กำลังใช้ความคิดเสาะหาต้นสายปลายเหตุอยู่
เขาเงยหน้ามองไปยังต้นตอเสียงดังกล่าวและเป็นใครไปมิได้นอกจากหลี่จิ้งและเต๋อหลงที่กำลังจ้องมองมันด้วยสีหน้าสงสัยแปลกใจ หลินหยางพึ่งรู้สึกตัวว่าตนเองนั้นทำตัวแปลกประหลาดมิพูดจามานานเท่าใดแล้วก็มิทราบ
‘เอ่อ…’ หลินหยางยิ้มแห้งแก้เขินปัดเป่าความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดทิ้งเสีย ตอนนี้สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้ให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก
‘พี่หลี่ พี่ถูกจับมาอยูที่นี่นานหรือยัง?’ เขาเอ่ยถามด้วยความไคร่รู้ เขาต้องรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุดเสียก่อน
จนถึงบัดนี้เขาเพียงแค่ทราบว่าตนเองนั้นพลาดท่าเสียทีให้แก่ค้างคาวตัวจิ๋วจนถูกจับเป็นมารวมไว้ในส่วนลึกของถ้ำเพื่อนำมาเป็นอาหารเลี้ยงปากท้องของสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่เขายังมิเคยเห็นตัวมัน
เขาต้องการเบาะแสของศัตรูยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ทั้งจำนวน ขนาดตัว ระดับ หรือแม้กระทั่งจำนวนผู้รอดชีวิตที่พอจะเป็นกำลังรบให้เขาร่วมต่อสู้ฟันฝ่าหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้
ตอนที่ 474 เรื่องเล่า(ตอนต้น)
‘นานเท่าไหร่หรือ? คงมากกว่าหนึ่งวันแต่มิเกินสอง’ มันตอบกลับ
‘ส่วนผมน่าจะเกินสองวันไปแล้ว’ เต๋อหลงกล่าว สีหน้าของมันมิค่อยสู้ดีนัก
นี้คงเป็นเหตุผลที่ร่างกายของมันซูบผอมซีดเซียวอิดโรย ดูท่ามันคงจะตกอยู่ในความหวาดกลัวดั่งนรกนี้มาร่วมสองวันแล้ว
ในยามที่ถูกนำพาตัวมายังสถานที่แห่งนี้ ตัวมันมิได้มีสิ่งของใดติดตัวเลยแม้อาหารและน้ำ มีเพียงแค่เสื้อผ้าที่สวมใส่เท่านั้น
ฉะนั้นสองวันที่ผ่านมายังไม่มีสิ่งใดตกถึงท้องของมันเลย ตอนนี้ร่างกายของมันผอมแห้งแทบจะเห็นกระดูกอยู่แล้ว
โครกก~
และแล้วเสียงยืนยันคำบอกเล่าของมันก็ดังขึ้นมา มันคือเสียงร้องของกระเพาะอาหารของเต๋อหลงนั่นเอง มันยิ้มแห้งอย่างเขินอายใช้สองมือกุมหน้าท้องของตนไว้
หลินหยางควานมือเข้าไปในอกเสื้อเสาะหาบางอย่าง ไม่นานเขาก็แขนกลับมาพร้อมกับเนื้อแห้งและถุงน้ำขนาดพกพาในมือ
‘!’ เต๋อหลงมีสีหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด มิทันไรสีหน้าของมันก็ปรับเปลี่ยนเต็มไปด้วยความปิติสุขยินดี มันใช้สายตาออดอ้อนจ้องมองหลินหยางดังแมวน้อยผู้น่าสงสาร
หากมองไปยังหลี่จิ้งจะพบว่าบัดนี้มุมปากของมันมีน้ำลายสายนึงกำลังไหลหยดย้อยลงมาจนถึงคาง…
หลินหยางนำสิ่งของในมือส่งให้แก่พวกมันทั้งสองทันที
ทุกครายามที่ออกจากเมืองเขาจำต้องนำอาหารแห้งและน้ำพกติดตัวเผื่อไว้ในยามฉุกเฉินทุกครั้งและมิใช่แค่เขาเท่านั้นแต่เหล่าชายฉกรรจ์ทุกคนจำเป็นต้องนำติดตัวออกไปด้วย
ซึ่งจำนวนที่พกมาหากดื่มกินอย่างประหยัดจะสามารถประทังความหิวไปได้สองถึงสามวัน พวกเขาเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์มิคาดฝันที่มิทราบว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใดหรือตอนไหน
มิรอช้าทั้งสองคนเร่งรีบยัดอาหารเข้าปากทันทีราวกับว่าจะกลัวใครมาแย่งพวกมันทานอย่างไรอย่างนั้น แม้จะเป็นเนื้อตากแห้งรสชาติมิได้ดีเด่อันใด แต่นี่คืออาหารมื้อแรกของพวกมันในสถานที่ที่น่าหดหู่นี้
ตอนนี้หลินหยางเองก็เริ่มรู้สึกถึงความหิวขึ้นมาบ้างจึงร่วมทานอาหารไปกับพวกมันทั้งสาม
ตั้งแต่ตบเท้าออกจากเมืองมายามรุ่งสางตอนนี้แม้ไม่ทราบช่วงเวลาที่แน่ชัดแต่สมควรจะอยู่ในยามบ่าย
เขาที่ปักหลักต่อกรกับค้างคาวปีกเหล็กมาอย่างยาวนานจนเหน็ดเหนื่อยหมดแรงถึงขั้นสิ้นสติ จึงหยิบจับอาหารเข้าปากเติมเต็มท้องที่ว่างเปล่า ในระหว่างนั้นเขายังคงสอบถามเรื่องราวความเป็นมาพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย
ทางด้านหลี่จิ้งมันผ่านเข้าประตูสวรรค์มากว่าสามเดือนแล้ว เมืองของมันตั้งอยู่มิไกลห่างจากจุดนี้มากเท่าใด เมืองของมันอยู่อาศัยกันอย่างสงบสุขล่มเย็น มิได้ออกไปสู้รบปรบมือกับเมืองใดในระแวกข้าง โชคดีที่เมืองมันสามารถครอบครองแหล่งน้ำเอาไว้ได้จึงมีปลาและน้ำเอาไว้ประทังชีวิตทุกวี่วัน
พวกมันหลบเลี่ยงปัญหาอยู่ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ประชากรผู้ที่มีฝีมือพอจะสามารถต่อสู้ได้จึงมีเพียงระดับหนึ่งและสองกันทั้งสิ้น
จนกระทั่งครบรอบสามเดือนให้หลัง ในวันที่เมืองใหม่ แหล่งอาหารและขุมทรัพย์ล้วนผุดโผล่ขึ้นมานับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นคือถ้ำค้างคาวปีกเหล็กที่พวกมันลงความเห็นกันว่ามิย่างกายเข้าใกล้เป็นอันขาด