ตอนที่ 479 สำรวจ(ตอนปลาย)
หลังจากรอสักพักหลินหยางค่อยย่องเรียบเคียงผนังถ้ำต่อไป
ตอนนี้เขาออกจากจุดที่หลี่จิ้งและเต๋อหลงอยู่มาได้ราวห้าเมตร
ในระยะห้าเมตรที่เดินผ่านมานี้เขาพบเห็นทั้งเศษซากอัวยวะร่างกายมนุษย์ สิ้นส่วนร่างกายของเผ่าพันธ์ครึ่งสัตว์ครึ่งคนปะปนอยู่
บางครั้งก็พบเห็นคนที่ยังมีชีวิตนั่งตัวสั่นแนบติดกับผนังถ้ำกีดขวางทางเดินของเขา เขาเพียงยิ้มแย้มทักทายมันอย่างเป็นมิตรและเอี่ยวหลบข้ามตัวมันเดินแนบผนังต่อไปมิได้หยุด
เนื่องจากผู้ที่เขาพบเห็นนั้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีร่างกายซูบผอมอ่อนล้าดูไปแล้วแค่เพียงลุกยืนขึ้นพวกมันก็คงแทบไม่มีแรง
อาหารแห้งสำรองที่เพียงพอไว้กินสำหรับสามวันนั้นเขาเอาออกมาทานร่วมกับหลี่จิ้งและเต๋อหลงจนเกือบหมดแล้ว เหลือติดตัวไว้เพียงอีกเล็กน้อยพอเหมาะสำหรับที่จะกินได้อีกหนึ่งมื้อสำหรับหนึ่งคนเท่านั้น
เขาไม่มีอาหารเพียงพอที่จะมาขุนให้พวกที่ไม่มีเรี่ยวแรงเหล่านี้ได้ฟื้นคืนอีกต่อไป หากให้มันเข้าร่วมกลุ่มด้วยก็รังจะเกะกะขวางทางเป็นตัวถ่วงเสียเปล่า สู้ให้เขากระทำการเพียงลำพังเปิดทางหนีให้แก่พวกมันได้ยังง่ายกว่าเสียด้วยซ้ำ
บางคราเขาก็เจอเข้ากับคนที่ดูจะมีสภาพร่างกายสมบูรณ์พร้อมมิได้รับบาดเจ็บทั้งยังมีน้ำมีนวลมิอิดออด
เมื่อตรวจดูพวกมันด้วยทักษะดวงตาเหยี่ยวแล้วเขาก็ต้องส่ายหัว พวกมันมีเพียงแค่ระดับหนึ่งและสองกันทั้งสิ้น ตอนนี้เขาเลิกหวังที่จะงมเข็มหาคนที่จะช่วยเขาอีกต่อไปแล้ว
เขายังคงย่องเดินต่อไปเรื่อยๆ
ผนังถ้ำนั้นมิใช่ทางตรง ตั้งแต่เดินมารู้สึกตัวเขาได้อ้อมวนไปทางด้านขวา ยิ่งเดินไปมาเท่าใดความคดเคี้ยวของมันยิ่งเพิ่มมากขึ้น
เขาแสยะยิ้มขึ้นทันที หากที่นี่คือส่วนลึกสุดของถ้ำ และเขายังคงเดินแนบผนังต่อไปเช่นนี้เขาก็ต้องเจอกับทางออกอย่างแน่นอน!
คิดได้ดังนั้นเขาเร่งฝีเท้าก้าวเดินไวขึ้นทันที ตอนนี้เขาเริ่มมีความหวังมาบ้างแล้ว บางทีอาจมิจำเป็นต้องสู้รบปรบมือกับสัตว์ประหลาดตัวใดเลยก็สามารถกลับออกไปได้อย่างปลอดภัยก็เป็นได้
‘หลินหยาง?’ ทันใดนั้นเองมีเสียงเรียกชื่อของเขาแว่วมาแผ่วบางเบา ส่งผลให้ตัวเขาหยุดชะงักฝีเท้าหันมองรอบกายเสาะหาต้นตอของเรียกพร่ำเรียกชื่อดังกล่าว
‘หลินหยางจริงด้วยว่ะ’ มีเสียงอีกหนึ่งสอดแทรก
หลินหยางจ้องมองไปยังความมืดห่างออกไปจากผนังถ้ำราวหนึ่งเมตรมันคือจุดที่เสียงดังกล่าวส่งออกมา ตอนนี้ระยะการมองเห็นของเขายังมีเพียงแค่ครึ่งเมตรเท่านั้นจึงมิสามารถมองเห็นพวกมันที่เอ่ยปากส่งเสียงอยู่ได้
ตอนนี้ใบหน้าของเขาแปลกใจสับสนความรู้สึกผสมปนเป ในส่วนลึกของถ้ำค้างคาวแห่งนี้ไฉนจึงมีคนที่รู้จักตัวตนของเขาด้วย?
เขาครุ่นคิดชั่วครู่ท้ายสุดก็ผละตัวออกจากผนังถ้ำเดินตรงไปยังต้นตอของเสียงนั้น
‘…’ หลินหยางยืนห่างจากผนังถ้ำราวหนึ่งเมตร
เขายืนเงียบเชียบอยู่กำลังที่จ้องมองไปยังชายสองคนที่นั่งอยู่บนพื้นจ้องตอบมาที่เขาเช่นกัน ที่เขามิกล่าวสิ่งใดเช่นนี้เนื่องจากกำลังเฟ้นหาใบหน้าของพวกมันภายในความทรงจำของตนอยู่…
ตอนที่ 480 พานพบ
‘???’ ไม่ว่าเขาจะนึกเท่าใดก็จำหน้าตาของมันมิได้สักที
ชายทั้งสองคนนี้มันต้องรู้จักเขาเป็นอย่างดีเป็นแน่ มิฉะชั้นตัวเขาที่ห่างจากมันกว่าหนึ่งเมตรบวกกับความมืด มันยังสามารถจดจำเขาได้ทั้งยังเรียกขานชื่อของเขาได้ก่อนที่ตัวเขาจะมุ่งหน้าก้าวผ่านพวกมันไปเสียอีก
แต่ทว่ามิต้องสอบถามถึงชื่อของพวกมัน แม้แต่ใบหน้าค่าตาเขาก็ยังจำมิได้ด้วยซ้ำว่าเคยพบเคยเห็นพวกมันหดแห่งใด…
หลินหยางขมวดคิ้วจ้องมองชายทั้งสองตรงหน้าเขม็ง ยิ่งคิดยิ่งมืดมน แม้แต่เศษเสี้ยวความทรงจำเขาก็ยังจดจำพวกมันมิได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงใช้ตัวช่วยเล็กน้อยด้วยการใช้ทักษะดวงตาเหยี่ยวตรวจสอบพวกมันทั้งสอง
พบว่าพวกมันคนหนึ่งผู้ที่มีร่างกายออกจะท้วมไปเล็กน้อยนั้นมีระดับอยู่ที่ระดับสาม ส่วนชายอีกคนนั้นร่างกายของสมส่วนมิอ้วนมิผอมมีกล้ามเนื้อเหมาะเจาะนั้นมีระดับสี่
ทั้งคู่นั้นมีสิ่งที่เสมือนกันอยู่บางอย่าง นั่นคือมิมีทักษะใดๆติดตัวเลยแม้เพียงทักษะเดียว และคำอธิบายของพวกมันที่ได้รับจากทักษะดวงตาเหยี่ยวก็คือ พละกำลังสูงและเชี่ยวชาญการใช้อาวุธ
และตรงคำอธิบายนี่เองที่คับคล้ายคับคลา เหมือนว่าจะจำได้บ้างลางๆว่าเคยพบกับคนที่มีคำอธิบายเดียวกันกับมัน
‘พวกคุณเป็นใคร?’ ท้ายสุดแล้วหลินหยางจำใจต้องกล่าวถามไปด้วยตนเอง
ถึงแม้ทักษะดวงตาเหยี่ยวจะสามารถล่วงรู้ชื่อเสียงเรียงนามของพวกมันไปแล้ว แต่มันคงจะเป็นเรื่องเสียมารยาทหากเขารู้ชื่อพวกมันทั้งที่จดจำเกี่ยวกับเจ้าของนามนั้นมิได้แม้เพียงนิด
‘นี่นายจำพวกเราไม่ได้รึ?’ ชายท้วมขานตอบ
‘ต้องขอโทษด้วย แต่ผมจำพวกคุณไม่ได้จริงๆ’ หลินหยางกล่าวด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
การจะมาพานพบคนรู้จักในสถานที่อันห่างไกลและมิมีใครย่างกรายเข้ามาเช่นนี้ มิทราบต้องใช้โชควาสนามากเพียงใดจึงจะเจอสักครา แต่เขากลับจดจำสองมันผู้นี้มิได้เสียนี่
‘เมื่อหกเดือนก่อนไง ที่หน้าเมืองของนาย’ ชายผู้มีระดับสี่กล่าวด้วยน้ำเสียงคาดหวัง มันมิได้เฉลยตัวตนของตัวมัน มันหวังให้หลินหยางจดจำมันได้ด้วยตนเอง
‘หน้าเมืองของเขาเมื่อหกเดือนก่อนงั้นหรือ แต่ว่าหกเดือนมันก็นานมาแล้วนา…’ หลินหยางกำลังจะเอ่ยปากถามถึงตัวตนมันอีกครา
หากครานี้มิได้คำตอบตัวเขาคงต้องเลิกให้ความสนใจเสีย เพราะตอนนี้เขายังมีงานที่สำคัญรอคอยให้ดำเนินการอยู่
ทันใดนั้นเองเมื่อนึกถึงคำอธิบายจากทักษะดวงตาเหยี่ยวของพวกมันทั้งสอง เขาจึงฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้
‘หรือว่า…เมืองทหาร?’ หลินหยางกล่าวออกไปแผ่วเบา เขามิค่อยมั่นใจเท่าใดนัก
เมื่อสามเดือนก่อนมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ในช่วงนั้นพวกเขาพึ่งมาถึงสถานที่แห่งนี้ได้เพียงสามเดือนเท่านั้นและเมื่อถึงวันครบกำหนดสามเดือนเต็มก็มีปรากฏการณ์แผ่นดินไหวซึ่งถือว่าเป็นการพบเจอกับเหตุการณ์การมาเยือนของผู้เริ่มต้นครั้งแรก
และในจำนวนเมืองของเหล่าผู้เริ่มต้นนับไม่ถ้วนนั้นมีอยู่เมืองนึงที่อยู่ใกล้เคียงกับเมืองของพวกเขามากที่สุดเพียงแค่หนึ่งกิโลเมตรเท่านั้นและเมืองแห่งนั้นยังมีความแปลกประหลาดแตกต่างจากเมืองอื่นๆ
ความแปลกของเมืองนี้สร้างความได้เปรียบให้แก่พวกมันเองเพราะประชากรของเมืองดังกล่าวนั้นมีแต่มนุษย์เพศชายที่อยู่ในวัยฉกรรจ์ทั้งหมด
หนำซ้ำพวกมันทั้งหมดยังเป็นทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเยี่ยมมีประสบการณ์โชกโชนจากโลกเก่าใบเดิมเสียอีก
เมืองแห่งนั้นคือเมืองของเมิ่งโจวนั่นเอง