ตอนที่ 483 ตกลง
ความตั้งใจเดิมของเขานั้นต้องการเสาะหาผู้ที่มีวิชาการต่อสู้ติดตัวที่สามารถมาเป็นกำลังรบได้ร่วมด้วยช่วยกันฝ่าฟันออกไปจากถ้ำที่มืดมิดออกไปสู่แสงสว่าง
‘สามหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว’ หลินหยางคิด
ระยะการมองเห็นของเขาเองยังมิได้กลับคืนมาเต็มที่หากยังคงรูปคลำหาทางเดินอย่างทุลักทุเลต่อไปรังแต่จะทำให้ดำเนินการสำเร็จช้าขึ้นกว่าเก่า
ถ้าพวกมันร่วมแรงช่วยเหลือกันอย่างปากว่าจริงละก็ การที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ย่อมง่ายมากขึ้นกว่าเดิม
ถึงจะไม่ทราบก็ตามทีว่าเจ้าสัตว์ประหลาดที่หลากหลายคนเรียกขานนี้มันเป็นตัวตนเช่นใดกันแน่
รวมถึงเจ้าสิ่งมีชีวิตเท่าปกปักษ์เฝ้ารักษาทางออกอยู่นี้มันมีระดับสูงหรือทักษะมากเพียงใดในครอบครอง และด้วยจำนวนคนร่วมเดินทางถึงสามนี้ความเสี่ยงที่เขาได้รับเองก็จะแบ่งออกเป็นสามส่วนเช่นกัน
การเดินทางตัวคนเดียวโดยที่มิรู้เหนือรู้ใต้เช่นนี้มันก็สุ่มเสี่ยงอยู่พอสมควร หากมีคนที่รู้เส้นทางที่แน่ชัดนำทางให้มันย่อมดีกว่าอยู่แล้ว
ถึงพวกมันทั้งสองมิได้มีระดับสูงฝีมือเก่งกาจดั่งเหล่าทีมระยะใกล้และทีมจู่โจมจากเมืองของเขา แต่พวกมันเองก็เคยผ่านการฝึกซ้อมรบมาก่อนแล้วจากโลกใบเดิมที่เคยอาศัยอยู่ เพราะพวกมันทั้งสองเป็นทหารนั่นเอง
แต่ด้วยการฝึกซ้อมของพวกมันนั้นแทบจะไร้ประโยชน์เลยทีเดียวเมื่อเข้ามาพานพบในโลกใบใหม่
อาวุธที่พวกมันถนัดที่สุดคือปืนไฟที่สามารถเข่นฆ่าศัตรูได้อย่างต่อเนื่องและง่ายดายเพียงแค่กระดิกนิ้ว ด้วยเหตุนี้มีหรือพวกมันจะให้ความสนใจยุทธโธปกรณ์ที่ล้าสมัย
แต่ตอนนี้สิ่งที่มีนั้นกลับบีบบังคับให้ลืมการฝึกฝนที่เคยมีทิ้งไปเสียและหันมาจับต้องสิ่งที่พวกมันไม่เคยคาดฝัน ทั้งดาบ หอก ขวาน หรือธนูนั่นเอง
แต่ชายชาติทหารเหล่านี้ก็มิได้ฝึกฝนกันไปให้เสียเปล่า จิตใจของพวกมันได้รับการหล่อหลอมให้แข็งแกร่งดุจเหล็ก บุกฝ่าผ่านด่านอันตรายมาหลายหลาย
แม้ฝีมือการต่อสู้จะด้อยกว่าเหล่าทีมระยะใกล้และทีมจู่โจม แต่ประสบการณ์ที่สั่งสมมาของพวกมันมิได้ด้อยค่าไปกว่ากันมากนัก
‘ตกลง’ เขากล่าวยืนยันความต้องการของตน
‘แต่ว่า…หากพวกนายทั้งสองเกะกะขวางทางหรือเป็นตัวถ่วง ผมไม่รีรอที่จะทิ้งพวกนายไว้ข้างหลัง’ เขากล่าวเสริม
ตั้งแต่พบพวกมันจนถึงตอนนี้มือซ้ายของเขายังคงจับด้ามดาบอยู่ตลอดเวลา
หากมีคราใดที่พวกมันทั้งสองแสดงพิรุทเล่นลูกไม้ตุกติก ศรีษะของพวกมันคงมิพ้นต้องหลุดออกจากบ่าไปเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นเป็นแน่
แม้มันจะเป็นมิตรมิได้แว้งกัดเขาตามหวังแต่หากเมื่อใดที่เขามิสามารถต่อกรกับสัตว์ประหลาดที่ปักหลักอยู่ได้ เขาก็มิลังเลที่จะใช้มันทั้งสองคนเป็นเหยื่อล่อให้เขาเอาตัวรอด
ถึงอย่างไรพวกเขาทั้งสองฝ่ายก็มิได้รู้จักมักคุ้นกันอยู่ ทั้งยังเป็นศัตรูคู่แค้นกันอยู่เป็นทุนเดิม
‘ได้ ได้แน่นอน!’ พวกมันทั้งสองขานตอบด้วยความปิติยินดี
ตอนที่ 484 อีกครั้ง
‘เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ’ หลินหยางกล่าว ตอนนี้เขาเองก็ใช้เวลามาเนิ่นนานพอสมควรแล้ว
พวกเขาทั้งสามเคลื่อนย้ายตัวทันทีแนบไปกับผนังถ้ำมุ่งตรงไปยังเส้นทางอันคดเคี้ยว เป้าหมายก็คือทางออก!
การเดินทางในครั้งนี้มีความเร็วเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า หลินหยางมิจำเป็นต้องย่องเท้าก้าวเดินอีกต่อไป
ก่อนหน้าที่เพราะมิทราบว่าทางตรงหน้าจะสิ่งใดรอเขาอยู่จึงก้มต่ำเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้าระมัดระวัง
แต่ตอนนี้ด้วยการนำทางของชายทั้งคู่ที่เคยเดินผ่านมาแล้วหนึ่งครั้งทำให้การเดินทางนั้นรวดเร็วทันใจ ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงจุดมุ่งหมาย
ชายทั้งสองที่เดินนำอยู่ด้านหน้ามันหยุดฝีเท้าลงทันที เขาจึงหยุดพร้อมกับมองลอดไประหว่างมันทั้งสองพบเจอกับเงาขมุกขมัวบางอย่างที่มองดูมิค่อยชัดเจนมากนัก เงาดำนั้นมีรูปร่างคล้ายกับเมฆครึ้มก้อนเล็กก้อนหนึ่ง
มันล่องลอยไปซ้ายวนกลับมาขวาสลับไปมาอย่างเชื่องช้าในระดับความสูงหนึ่งเมตรจากพื้นดิน
หลินหยางเดินแทรกแหวกระหว่างกลางพวกมันทั้งสองตั้งใจจะเดินตรงเข้าไปหาสิ่งแปลกปลอมที่กีดขวางเส้นทางหลบหนีนั้น
แต่ทว่ายังมิทันได้ก้าวพ้นตัวของชายทั้งสอง พวกมันทั้งคู่ใช้แขนเหนี่ยวรั้งลำตัวหลินหยางพันธนาการเขามิให้ขยับเคลื่อนที่ต่อไปได้อีก
‘จะทำอะไร!’ หลินหยางกล่าวถามอย่างสงสัย ตัวเขาตั้งใจจะเข้าไปในระยะสายตาของตนเพื่อดูกับตาถึงสิ่งที่พวกมันล้วนหวาดกลัว
รวมถึงใช้ทักษะดวงตาเหยี่ยวเพื่อตรวจสอบข้อมูลของสิ่งมีชีวิตตนนี้ ใช้อ้างอิงสำหรับเตรียมการรับมือกับมันนั่นเอง แต่ก่อนที่จะได้ทำกลับถูกเจ้าสองคนนี้ขัดขวางเอาไว้เสียก่อน
‘อย่าเข้าไปใกล้มัน’ ชายร่างท้วมกล่าว
‘แท้จริงแล้วพวกผมเคยเผชิญหน้ากับเจ้านั่นมาแล้วครั้งนึง-‘
อ๊ากกก~
ชายผู้มีระดับสี่ยังมิทันได้กล่าวจบประโยค กลับมีเสียงจากมนุษย์แหกปากร้องตะโกนลั่นจะสะท้อนกึกก้องกระทบผนังไปมา
‘!?’ ชายทั้งสองคนฟุบตัวนอนราบไปกับพื้นทันที ช่างเป็นปฏิกิริยาที่รวดเร็วยิ่ง
หลินหยางตกตะลึงกับการกระทำของพวกมันอยู่ชั่วครู่ มินานเขาเองก็ทิ้งตัวลงนอนราบตามพวกมันไปติดๆ
เสียงร้องแห่งความหวาดกลัวและเจ็บปวดดังกล่าวเกิดขึ้นได้ไม่นานนักมันก็เงียบหายไป
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดผู้เป็นเจ้าของเสียงนั้นมิได้แหกปากออกมาอีกเลย ดูเหมือนมันจะตกเป็นเป้าหมายของสิ่งมีชีวิตปริศนาที่ใช้มันผู้นั้นเป็นอาหารประทังความหิว
‘มันเริ่มอีกแล้ว’ ชายร่างท้วมกระซิบกระซาบบางเบาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือหวาดหวั่น
ช่วยด้วยย~
ฉึกก~
สิ้นจากเสียงแรกไปกว่านานนมนับสิบนาที จึงเริ่มมีเสียงแห่งความสิ้นหวังดังขึ้นมาจากอาหารรายที่สอง
‘..’ หลินหยางขมวดคิ้วแนบแน่น เสียงของเหยื่อรายนี้ได้ยินชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่งนัก ได้ยินแม้กระทั่งเสียงบางอย่างที่ถูกฉีกกระชากและสิ่งที่ฉีกขาดออกจากกันนั้นคงหนีไม่พ้นร่างกายของมนุษย์เป็นแน่
นี่เท่ากับว่าจุดที่กำลังเกิดเหตุการณ์การสังหารโหดนี้อยู่ห่างจากพวกเขาทั้งสามคนมิใกล้มิไกลเท่าใด