ตอนที่ 549 ลูกแมวน้อย
ไม่ทราบพวกมันเข้าไปเบียดกันได้เยี่ยงไร มันเกินคำว่าอึดอัดไปไกลโข หากมีคนมากขึ้นกว่านี้อีกเห็นทีตัวเขาคงถูกเบียดจนเละเป็นโจ๊ก
หลินหยางชะโงกศรีษะเขย่งเท้าเชิดตัวขึ้นสูงพลางมองไปยังสามถึงสี่คนเบื้องหน้าเพื่อคำนวนเส้นทางที่ต้องไปต่อ ระยะไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดนี้จนถึงหัวแถวกลับกลายยิ่งไกลห่างราวกับปีนป่ายขึ้นสวรรค์
ชายหนุ่มได้แต่ทอดถอนหายใจ ทั้งยังสำนึกคิดที่หลงผิดเบียดส่งตัวเองเข้ามากลางวงล้อมเช่นนี้
อย่างใดก็ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ ด้านหลังของเขาก็ไม่ต่างจากด้านหน้ามากเท่าใด เส้นทางก็ถูกปิดกั้นเอาไว้ด้วยจำนวนคนที่แออัดเช่นกัน
แทนที่จะหาทางกลับสู้มุ่งหน้าไปต่อเสียยังจะดีกว่า ไหนๆตัวเขาก็มุดแทรกผ่านคนมาก็หลายสิบจะมาท้อถอยเอาระหว่างทางได้เยี่ยงไร
หลินหยางลดตัวลงต่ำใช้หัวของตนมุดผ่านช่องว่างอันน้อยที่ไม่น่าจะเพียงพอต่อความต้องการของเขา
และเป็นดังคาดหัวของเขาผ่านช่องว่างนั้นไปได้อย่างน่าอัศจรรย์แต่ทว่าส่วนหัวไหล่ของตนกลับติดอยู่กับที่ไม่สามารถคืบหน้าไปต่อ ลำคอของเขาถูกบีบอัดด้วยท่อนแขนจากชายทั้งสองคนเบื้องหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
ฮึด~
ชายหนุ่มพยายามออกแรงดันเพื่อให้ตนเองสามารถมุดรอดผ่านไปได้ แต่โชคร้ายหัวไหล่ของเขาซ้ายขวาดันติดอยู่ระหว่างแผ่นหลังของชายทั้งสองคนจากทางด้านขวาและซ้าย
เนื่องจากพื้นที่ที่แออัดเช่นนี้คนด้านหน้าของพวกมันเองก็เป็นจุดค้ำจุนร่างกายของพวกมันให้สามารถทรงตัวได้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะออกแรงดันไปเท่าไหร่พวกมันทั้งสองก็แทบไม่ขยับออกไปจากจุดเดิมเลย
หมับ~
หลินหยางใช้มือข้างหนึ่งขึ้นจับต้นแขนของชายทางด้านขวาที่ออกแรงกดต้นคอของเขาจนรู้สึกอึดอัดหายใจลำบาก เขาออกแรงบีบเบาๆเพื่อให้มันรู้ตัวและคลายวงแขนออก
“หือ?” ชายฉกรรจ์คนนั้นหันขวับโดยไว เนื่องจากมันรู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังแตะต้องตัวของมันอยู่โดยไม่ได้รับอนุญาติ
มันหันศรีษะควานหาต้นตอและพบเข้ากับมือของชายหนุ่มแต่ทว่ามิเห็นตัว คราแรกมันตกใจเกือบร้องเสียงหลงแต่ทันใดนั้นเองมันก็พบเบาะแสของมือปริศนา เป็นศรีษะของชายคนหนุ่มคนนึงที่โผล่แทรกมากด้านข้างของมันและถูกแขนของมันข้างนึงประกบติดคอของมันอยู่
มันมองดูใบหน้าหลินหยางด้วยความฉงนสงสัยด้วยใบหน้าที่คับคล้ายคับคราว่าเคยพบเจอมาก่อน อนึ่งพวกมันทั้งสองพึ่งจะพบพานกันมายังไม่ถึงสิบนาทีเสียด้วย แต่ตอนนี้มันกลับลืมใบหน้าหลินหยางไปแล้วเสียนี่…
แต่เป็นเพราะหลินหยางในยามนั้นกับตอนนี้แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว สิบนาทีก่อนหน้าชายหนุ่มยังทำเรื่องแปลกผิดมนุษย์มนาอย่างการเลาะหนัง เซาะกระดูก นำซี่โครงมนุษย์มาแยกชิ้นส่วน ประกอบติดกันอย่างกับเล่นตัวต่อ และเจ้าตัวดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกสำนักผิดกับการกระทำดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย
แต่ชายหนุ่มตรงหน้ามันตอนนี้เปรียบดั่งลูกแมวเชื่องๆตัวนึงที่กำลังจ้องมองมันด้วยดวงตาใสแป๋วออดอ้อน ชายคนเดียวแต่ต่างสถานที่ต่างสถานการณ์กลับต่างกันสุดขั้ว เป็นสองบุคคลิกที่มิควรอยู่ในร่างเดียวกันเลยจริงๆ
ตอนที่ 550 อารมณ์ร้าย(ตอนต้น)
ชายฉกรรจ์คนนี้จะจำหลินหยางมิได้จึงมิได้แปลกอันได
ปฏิกิริยาท่าทางที่แสดงออกของหลินหยางไร้ซึ่งพิษภัย ยามเมื่อพินิจมองใบหน้าหลินหยางอย่างถี่ถ้วนแล้วรู้สึกคันไม้คันมืออยากรังแกแมวน้อยตัวนี้สักครา มองดูใบหน้าหลินหยางที่หงอจนเกินเลย เพราะเหตุใดมิทราบทำให้อารมณ์จุดเดือดของมันพุ่งขึ้นสูง
“ทำอะไรวะ” ชายฉกรรจ์กล่าววาจาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ใบหน้าของมันดูไม่ค่อยจะรับแขกสักเท่าไหร่ หางคิ้วของมันชี้ขึ้นฟ้าดั่งดาบจันเสี้ยวพร้อมกับดวงตาดุจดั่งเหยี่ยวก้มมองลงหลินหยางด้วยความโกรธ
“ข-ขอทางหน่อยครับ” หลินหยางสะดุ้งโหยงกับเสียงของชายฉกรรจ์ที่กล่าวตวาดใส่ตนอย่างเกรี้ยวกราด พลางแหงนคอขึ้นมองสบสายตาพลางกล่าวตะกุกตะกักผงกหัวหงึกขอโทษขอขมาแก่มัน
ด้วยความเบียดเสียดกันจนอึดอัดนี้ส่งผลให้อารมณ์ของผู้คนระอุทะลุจุดเดือด ตอนนี้เพียงแค่ถูกสะกิดเพียงปลายก้อย ลาวาในจิตใจพวกมันก็พร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ
สำหรับโลกภายนอกนั้นบัดนี้แม้จะไม่รู้ฤดูกาล ไม่มีปฏิทินหรือนาฬิกาบอกเวลา หรือคืนวันที่ชัดเจน สภาพอากาศตั้งแต่เข้าข้ามผ่านประตูสวรรค์มาในวันแรกที่พบเจอนั้นก็มีแต่ความเหน็บหนาวเย็นยะเยือก
คล้ายกับว่าบนสวรรค์แห่งนี้นี่คือฤดูหลักที่มีอยู่ทุกวี่วันไม่สับเปลี่ยน ความหนาวเหน็บนั้นสามารถคร่าชีวิตผู้คนได้เลยทีเดียวหากมันผู้นั้นไม่สวมใส่เครื่องนุ่งห่ม
ยิ่งแย่ไปกว่านั้นสำหรับในถ้ำที่มืดถึบไม่มีแสงเดือนแสงตะวันสอดส่อง อุณหภูมิภายในถ้ำนั้นลดต่ำลงกว่าภายนอกสี่ถึงห้าองศา
แต่สำหรับถ้ำมดไฟนั้นนับว่าเป็นสถานที่ที่เปรียบดั่งสรวงสวรรค์โดยแท้จริง ความร้อนรุ่มที่ส่งออกมาจากมดไฟแต่ละตัวส่งผลให้ชั้นบรรยากาศอบอุ่นสบายไม่หนาวและร้อนเกินไป แต่หากเข้าใกล้ร่างของพวกมันมากเกินไปจากความอบอุ่นอาจกลายเป็นถูกแผดเผากันเลยทีเดียว
แต่ทว่าถ้ำค้างคาวแห่งนี้เปรียบดั่งขุมนรกสุดกู่ มันหนาวเย็นเยียบขั้วหัวใจ ยิ่งผนวกกับความชื้นที่เกิดขึ้นจากค้างคาวทั้งหลายแหล่ รวมถึงแอ่งเลือดที่เอ่อนองเต็มภาคพื้นจนแห้งเกาะติดซึ่งก็มาจากน้ำมือของค้างคาวและมวลมนุษย์ที่ปะทะฝีมือกันมานั่นแล
ส่งเสริมสภาพอากาศภายในหนาวขึ้นเกือบสองเท่า หากสามารถวัดอุณหภูมิได้ละก็คงไม่สูงเกินไปกว่าห้าองศาอย่างแน่นอน เผลอๆอาจจะเหยียบลงไปถึงศูนย์องศาเลยก็เป็นได้
แต่ความหนาวเหน็บเย็นเยียบจนเสียดแทงไขกระดูกนี้กลับไม่มีผลพวงต่อผู้คนที่แออัดกันอยู่ แขนขาลำตัวและใบหน้าของพวกมันแต่ละคนแทบจะหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว ส่งลมหายใจอันร้อนผ่าวราดรดต้นคอกันแทบทุกคน
หากสังเกตุให้ดีจะพบว่าตามเนื้อตัวร่างกายของพวกมันล้วนมีเหงื่อเม็ดโตอาบชโลมจนเปียกชุ่ม
ต้นสายปลายเหตุก็มาจากจำนวนคนที่มากจนเกินพอดีแถมยังเบียดเสียดตัวติดกันเป็นก้อนไร้ซึ่งช่องว่างแย่งอากาศหายใจกันอย่างชุลมุน
จึงมิแปลกที่ชายฉกรรจ์คนนี้จะอารมณ์เดือดเลือดพล่านเพียงแค่หลินหยางสะกิดตัวมันอย่างนุ่มนวล