ตอนที่ 563 ปีศาจแวมไพร์(ตอนเจ็ด)
ชายขี้ขลาดกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นพลางยกแขนข้างซ้ายขึ้นวางบนบ่าของชายผมยาวตรงหน้า พร้อมกับออกแรงบีบอย่างแรงจนชุดของชายผมยาวรายนี้ยับย่นอย่างเห็นได้ชัด นิ้วมือแต่ละนิ้วจิกลงบนหัวไหล่ของชายตรงหน้าจนเป็นรอยยุบ
ส่วนมือขวาของมันกำลังกุมบางอย่างอยู่บริเวณทรวงอกของตนเอง สิ่งที่กำลังใช้มือของตนกุมอยู่มันคือข้อมือ!
มิผิดชายขี้ขลาดผู้นี้กำลังใช้มือขวาจับข้อแขนข้างหนึ่งที่อยู่ตรงช่วงบริเวณทรวงอกของมันอยู่และผู้เป็นเจ้าของข้อมือดังกล่าวก็คือชายผมยาวคนที่อยู่ตรงหน้า
ตัวของพวกมันทั้งสองคนแทบจะติดกันจนไม่เหลือช่องว่างอยู่แล้ว ฉะนั้นหากเป็นผู้อื่นละก็คงมองมิเห็นรายละเอียดที่เกิดขึ้นเป็นแน่
แล้วข้อมือของชายผมยาวนั้นไฉนจึงไปวางทาบทับอยู่บนทรวงอกของชายขี้ขลาดผู้นี้ได้เล่า?
แต่สำหรับหลินหยางที่ตัวติดกับพวกมันทั้งสองคนนั้นมีหรือจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปรงที่เกิดขึ้น แต่ทว่า…เขาเห็นเพียงแค่ข้อมือเท่านั้น อวัยวะสำคัญที่เชื่อมต่อกับส่วนข้อนั้นหายไป มือของมันหายไป!!
“อย่าบอกนะว่า…ให้ช่วยหลีกทาง ว่ะฮ่าๆๆ” ชายคนนึงกล่าวขึ้นพลางปรายหางตามองมายังหลินหยางราวกับล้อเลียน
“มันเป็นอะไรของมันวะ” ผู้คนรอบข้างเอ่ยวาจา บ้างก็ถามไถ่ต้องการคำตอบแก่ชายขี้ขลาด บ้างก็หัวเราะเยาะราวกับเป็นเรื่องตลก ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนคิดว่ามันมิสติแตกเป็นบ้าก็แกล้งอำให้พวกมันตกใจ
“อ..อย่า..ท-…” ชายคนนี้ส่งเสียงออกมาอีกคราเสียงของมันจะขาดหายไปเป็นบางช่วงไม่ประติดประต่อฟังมิได้ศัพท์ ใบหน้าของมันแตกตื่นหาสิ่งใดเปรียบ เหงื่อเม็ดโตค่อยๆไหลจากที่สูงลงที่ต่ำ ดวงตาเบิกกว้างอีกเพียงนิดก็คงจะสามารถถลนออกนอกเบ้าตาของมันได้แล้ว มุมปากบนและล่างอ้ากว้างแยกห่างกันจนแทบฉีก
หลินหยางขมวดคิ้วเนื่องตัวเขาพินิจมองดูการเคลื่อนไหวของชายทั้งสองในระยะเผาขน ในยามที่ชายขี้ขลาดผู้นี้ส่งเสียง มันเป็นช่วงพอดีกับที่ร่างกายของชายผมยาวขยับเขยื้อน หัวไหล่ของชายผมยาวรายนี้ขยับเคลื่อนถอยหลังเล็กน้อย
แต่น่าแปลกชายขี้ขลาดผู้ร้องเสียงหลงราวกับคนบ้า มันกลับขยับเคลื่อนตัวเข้าตามติดชายผมยาวทั้งที่ปฏิกิริยาปกติของมนุษย์นั้นควรจะถอยห่างจากสิ่งที่ทำอันตรายให้แก่มิใช่หรือ?
แต่ชายขี้ขลาดรายนี้กลับทำสิ่งที่ตรงกันข้ามมันขยับตัวเข้าประชิดกับชายผมยาวจนแนบเนื้อ ราวกับร่างกายของพวกมันทั้งสองถูกเชือกมัดติดกันอย่างใดก็มิปาน แขนของมันที่จับไหล่ของชายผมยาวอยู่คล้ายกับไร้เรี่ยวแรงมันค่อยๆไถลลงผ่านลำตัวชายผมยาวและห้อยตกลงข้างตัวของมันเอง
หมับ~
หลินหยางคว้ามือจับไปบนต้นแขนของชายผมยาว โดยใช้แขนข้างขวาของตนที่มีสภาพสมบูรณ์ปกติ
“นายทำอะไร” ชายหนุ่มกล่าววาจาเสียงทุ้มสายตาจ้องเขม็งไปยังชายตรงหน้า
ชายผมยาวผู้ตกเป็นเป้าสายตาของหลินหยาง มันเอียงคอลงเล็กน้อยคล้ายกับว่ามันจ้องมองนิ้วมือทั้งห้าที่กำลังจับอยู่ต้นแขนของตนเองอยู่
“อ๊ากกก~” ราวกับคำพูดของหลินหยางเป็นเพียงลมพัดผ่าน ชายผู้ขี้ขลาดส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดทรมานในเวลาเดียวกันที่ร่างกายส่วนบนของชายผมยาวขยับไปด้านหลังเล็กน้อยมิถึงคืบ
ตอนที่ 564 ปีศาจแวมไพร์(ตอนแปด)
ปึด~
“ปล่อยเขาซะ!” หลินหยางออกแรงบีบลงไปบนต้นแขนของชายผมยาวทั้งยังกล่าววาจาต้องการให้ชายผมยาวรายนี้หยุดสิ่งที่กระทำอยู่ ถึงแม้จะไม่ทราบว่ามันทำอะไรกับชายขี้ขลาดแต่นั่นก็มิใช่เรื่องสำคัญ ปัญหาตอนนี้ก็คือชายผมยาวรายนี้กำลังทำบางอย่างที่ทำให้ชายขี้ขลาดคนนี้เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
ชายหนุ่มออกแรงบีบอย่างหนักหน่วงจนต้นแขนของชายผมยาวรายนี้เกิดรอยยุบตามนิ้วมือแต่ละนิ้ว
‘หือ?’ หลินหยางขมวดคิ้วทั้งสองเข้าหากัน มันน่าแปลกใจยิ่งนักเมื่อเขาได้สัมผัสตัวมัน ร่างกายของมันมิได้แข็งแรงดุจดั่งหินผาอย่างที่เขาคิด เขาที่ออกแรงบีบมือยังสามารถบีบรัดเนื้อหนังต้นแขนของมันให้ยุบลงไปได้ตามแรงบีบ ทั้งที่ตัวเขาไม่มีค่าสถานะพละกำลังเลยเสียด้วยซ้ำ
ยิ่งมายิ่งน่าสงสัย ทั้งที่แผ่นหลังของมันแข็งกร้าวสามารถสะท้อนการโจมตีเขาได้เสียด้วยซ้ำ แต่ช่วงต้นแขนที่ซึ่งสมควรมีกล้ามเนื้อมากกว่าส่วนนั้นกลับอ่อนปวกเปียกราวกับกล้ามเนื้ออิสตรี
คิ..คิ..คิ๊คิ๊~
มีเสียงประหลาดที่มิเหมือนเสียงอันเกิดจากมนุษย์ เป็นเสียงที่พวกมันมิเคยได้ยินมาก่อน เสียงนี้ยามรับฟังช่างหลอกหลอนน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
ต้นกำเนิดเสียงมาจากชายผมยาวนี้เอง ปากของมันขยับคล้ายกับส่งเสียงซุบซิบนินทา ฟังดูแล้วคล้ายกับเสียงหัวเราะอยู่อย่างใดอย่างนั้น ซึ่งตั้งแต่ถือกำเนิดลืมตาขึ้นมาบนโลกก็คงยังไม่มีใครคนไหนเคยได้ยินเสียงหัวเราะที่น่าสยดสยองถึงเพียงนี้
เสียงที่ผ่านออกมาฟังอย่างใดก็หาใช่คำพูดจาภาษามนุษย์ไม่ แถมน้ำเสียงแหบพร่าน่าขนลุกขนพองราวกับเป็นเสียงเพรียกเรียกจากนรก
‘!?’ หลินหยางขมวดคิ้วหลังจากได้ฟังน้ำเสียงของชายผู้นี้ซึ่งไม่ยอมเปิดปากมาตั้งแต่เริ่มจนจบ เดิมทีเขาคิดว่ามันเป็นหูหนวกหรือเป็นใบ้พูดไม่ได้เสียอีก แต่ไม่ช้าความคิดดังกล่าวก็ถูกปัดตกไป
เพราะโลกใบนี้ที่ถูกเรียกอย่างโอ่อ่าสวยหรูว่า ‘สวรรค์’ นั้นมิผิดเกินจริงไปจากนามเรียกขานเลย โรคภัยไข้เจ็บที่หมอเทวดา ราชาแพทเทวะทั่วทั้งโลกล้วนส่ายหน้าปฏิเสธมิสามารถรักษา
ไม่ว่าจะพิกลพิการตั้งแต่กำเนิดหากมิแขนขาดขาด้วนก็ล้วนหายเป็นปลิดทิ้งเพียงแค่ก้าวข้ามผ่านประตูสวรรค์มาเหยียบย่ำบนโลกใบใหม่
ภายในเมืองของเขาก็มีผู้คนที่หายจากอาการโรคภัยเหล่านี้อยู่ถมเถนับไม่ถ้วน จึงปฏิเสธมิได้ว่าสถานที่แห่งนี้สมควรเหมาะสมกับคำว่าสวรรค์แล้วจริงๆ แต่สำหรับคนหนุ่มสาวที่มีร่างกายปกตินั้น มันคงไม่ต่างไปจากนรกสักเท่าใด โดยเฉพาะเหล่าเด็กน้อยที่ไม่รู้ประสีประสาอะไรถูกทิ้งขว้างโยนเข้ามาในประตูเพื่อผลประโยชน์ของผู้ใหญ่
ฉะนั้นเหตุผลเดียวที่ตั้งแต่หลินหยางพบชายผมยาวรายนี้จนถึงเมื่อครู่ยังไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากมันก็เป็นเพราะว่าเจ้าตัวเองจงใจไม่ยอมปริปากเอื้อนเอ่ยคำใดออกมานั่นเอง
และคำแรกที่ออกมาจากปากมันดันคับคล้ายคับคราเป็นเสียงหัวเราะที่ไม่เสนาะหูเอาเสียเลย