สิ่งที่อยู่ในมือของหลินหยางก็คือร่างของค้างคาวปีกเหล็กระดับสี่ เสียงร้องของมันอ่อนแรงไร้กำลังอย่างยิ่งคล้ายกับใกล้สิ้นชีวีเต็มที สิ่งที่ถูกเขวี้ยงใส่ใบหน้าของแวมไพร์ในคราแรกก็คือร่างของค้างคาวปีกเหล็กเช่นกัน แต่ในครานั้นแตกต่างจากตอนนี้เล็กน้อยเนื่องจากคราแรกมันเป็นซากร่างค้างคาวปีกเหล็กที่สิ้นชีวิตไปแล้ว
แต่ที่อยู่ในมือของหลินหยางบัดนี้มันยังมีชีวิตไม่สิ้นลม แต่ก็คงอีกไม่นานสักเท่าไหร่สำหรับเวลาไปเยี่ยมยมบาลของค้างคาวปีกเหล็กตัวนี้ เพราะมันอ่อนล้าใกล้ตายเต็มที มิทราบมันรอดชีวิตมาได้เยี่ยงไร ทั้งที่อยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบ โชคดีแค่ไหนที่มันไม่ถูกฝูงเท้าเหยียบย่ำจนตายไปเสียก่อน
เขาโยนมันขึ้นบนอากาศสองถึงสามคราเพื่อความคุ้นมือราวกับค้างคาวปีกเหล็กตัวนี้คือลูกบอล
ในความโชคดียังมีโชคร้าย…เพราะตอนนี้มันกำลังจะเป็นกระสุนค้างคาวลูกใหม่ให้หลินหยางขว้างปา!!
หลินหยางเงื้อง้างแขนไปด้านหลังพร้อมกับก้าวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าวหมุนสะบัดแขนปลดปล่อยร่างค้างคาวปีกเหล็กพุ่งตรงในแนวนอนดิ่งมุ่งเข้าหาศัตรู!
ฟิ้ว~
เจ้าแวมไพร์แม้จะพยายามหลบเลี่ยงมากเท่าใดก็มิสามารถหลบพ้นได้หมดจด มันเบี่ยงตัวหลบเข้าหาผนังถ้ำอีกด้านแต่มีหรือร่างกายของมันจะรวดเร็วไปกว่าร่างลูกสมุนที่ถูกเขวี้ยงมาด้วยความเร็ว
ปั่ก~
ร่างของค้างคาวปีกเหล็กถูกเขวี้ยงด้วยความรวดเร็วสูงสุดพุ่งผ่านอากาศเบื้องหน้าราวกับกระสุนปืนใหญ่ กระแทกเข้าใส่ร่างกายของผู้นำตนเองอย่างแวมไพร์ปีศาจอย่างรุนแรง
‘คุณฆ่าค้างคาวปีกเหล็กระดับ 4 หนึ่งร้อยสามสิบเอ็ดตัว’
และแล้วค้างคาวปีกเหล็กที่น่าสงสารก็ตกตายไปอย่างอนาถด้วยแรงปะทะที่หนักหน่วงรุนแรงเกินร่างกายจะทานทน
แวมไพร์ใบหน้าโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุดหลักจากเห็นการกระทำของหลินหยาง
“ฮ่าๆ” หลินหยางเปร่งเสียงหัวเราะร่าอย่างสะใจ เขามิหยุดมือควานหาเศษซากร่างค้างคาวที่บางร่างเละเทะไม่ครบสามสิบสอง บางครั้งก็เจอกับชิ้นส่วนอวัยวะของมนุษย์ เขาไม่ปล่อยให้พวกมันกลายเป็นสิ่งของไร้ประโยชน์ ชายหนุ่มเขวี้ยงปาพวกมันใส่แวมไพร์ปีศาจอย่างสนุกมือ พร้อมกับตีฝีปากด่ากราดเยาะเย้ยหรือหัวเราะดูถูกศัตรูของตนอย่างโหดร้าย
แวมไพร์ปีศาจแม้ไม่เข้าใจภาษาคำกล่าวของศัตรูใจเหี้ยมตรงหน้า แต่มันก็พอทราบว่าวาจาที่ชายหนุ่มเปล่งออกมาเหล่านี้ย่อมไม่ใช่คำชมเสนาะหูอย่างแน่นอน
ผิวกายที่ขาวซีดของมันยิ่งมายิ่งมีสีสัน คล้ายกับมีเลือดไหลเวียนหล่อเลี้ยง ใบหน้าของมันแดงก่ำไม่ทราบเป็นเพราะความโกรธแค้นเดือดดาลถึงขีดสุดหรือเป็นเลือดจากลูกบอลที่หลินหยางปาใส่มันไม่หยุดหย่อนกันแน่
ตูม~
“ค๊าา~” จู่ๆแวมไพร์ปีศาจก็มิอยู่นิ่งเฉยอีกต่อไป มันกระทืบเท้าเสียงดังพร้อมกับกางแขนทั้งสองข้างขนาบร่างกายซ้ายขวา ย่อตัวลงต่ำตั้งท่าเตรียมโจมตี
ฟุบ~
หลินหยางตื่นตกใจขีดสุดรีบทิ้งเศษซากสิ่งของในมือ ชูดาบสั้นขึ้นกึ่งกลางลำตัวตั้งท่าอย่างมั่นคงในพริบตา
ชายหนุ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดรอคอยอย่างจดจ่อ ทั้งสองตั้งท่าพร้อมกับใช้สายตาดุจดั่งเหยี่ยวจ้องมองอีกฝ่ายไม่ลดละไม่อ่อนข้อให้กันเลยแม้แต่น้อย
‘เข้ามาสิ เข้ามาเลย!!’ ในใจหลินหยางลอบนึกคิด สิ่งที่เขารอคอยมาแสนนานผ่านการกระทำยั่วยุศัตรูกำลังจะได้รับการตอบรับแล้ว
ทว่า…
“คิ๊คิคิ” แวมไพร์ปีศาจหาได้โจมตีมาดั่งที่หวังไม่ มันหุบแขนกลับแนบลำตัวยืนตรงพร้อมกับส่งเสียงคล้ายหัวเราะเยาะสีหน้าสนุกสนาน
มันไม่โจมตี!!
หลินหยางยืดตัวกลับสู่สภาวะปกติด้วยใบหน้ามืดหม่น
“ไอ้เวรนี่!” หลินหยางสบถอย่างแค้นเคือง เขาเผลอปล่อยไก่ตัวโตไปเสียแล้ว เจ้าแวมไพร์ตัวนี้มันมิได้มีเจตนาโจมตีตั้งแต่แรก เพียงแค่กลั่นแกล้งทำให้ชายหนุ่มเป็นตัวตลก!
ตูม~
ยังมิทันสิ้นคำกล่าวจู่ๆแวมไพร์ตนนี้ก็กระทืบเท้าตั้งท่าอีกครา ส่งผลให้หลินหยางแตกตื่นไม่รอช้าวางท่าเตรียมตั้งรับทันท่วงที
“คิ๊คิคิคิ๊” ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นตามมา นอกจากมุมปากของแวมไพร์ฉีกกว้างแยกฟันหัวเราะร่า
สีหน้าท่าทางของมันพึงพอใจอย่างยิ่ง เสียงหัวร่อดังต่อเนื่องไม่หยุด มือทั้งสองปรบตีกันชอบใจอย่างสนุกสนาน ยิ่งเห็นปฏิกิริยาของชายหนุ่มมันยิ่งหัวเราะดังขึ้นไปอีก
บัดนี้กลายเป็นเขาเสียเองที่ถูกมันปั่นหัว
หลินหยางขมวดคิ้วเคร่งเครียด ตอนนี้เขาอยากจะเข้าไปสับไอแวมไพร์วิปริตตรงหน้าเป็นหมื่นๆชิ้นยิ่งนัก ทันใดนั้นเองสีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนมีรอยยิ้มขึ้นมุมปาก เนื่องตัวเขานึกคิดแผนการบางอย่างขึ้นมาได้
ตุบ~
“คิ๊!!” แวมไพร์ปีศาจสะดุ้งโหยงแตกตื่นอย่างยิ่งกับเสียงแปลกประหลาดที่เกิดขึ้น ไม่นานมันก็พบว่าเป็นหลินหยางที่กระทืบเท้าหยอกล้อมัน!
ใบหน้าของมันที่พึ่งหัวเราะสนุกสนานชอบใจเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความมืดหม่นค่นแค้น ที่ถูกสวนกลับด้วยการกระทำของตนเอง มันยืนตัวกลับมองตอบชายหนุ่มด้วยความเดือดดาล
“ฮ่าๆๆ” ชายหนุ่มไม่ยอมน้อยหน้าตะเบ็งเสียงหัวเราะกลบเสียงของมันจนสิ้น
ตุบ~
ขณะที่กำลังหัวเราะอย่างสบายใจอยู่นั่นเอง ใบหน้าแปรเปลี่ยนจริงจังฉับพลันพร้อมกับขาหนึ่งข้างก้าวไปข้างหน้ากระทืบลงบนพื้นเสียงดัง ส่งผลให้เจ้าแวมไพร์พึ่งผ่อนคลายได้มินานกลับมาสะดุ้งตกใจอีกคราตั้งท่าเตรียมรับมือ ทว่าเป็นการตั้งท่ารอเก้อไม่ได้รับการตอบสนองจากมนุษย์หนุ่ม เพราะไม่นานก็มีเสียงหัวเราะของหลินหยางตามมา
“คิ๊” มันส่งเสียงพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำกลับมาผ่อนคลายร่างกายอีกครา
ตุบ~
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเดิมดังขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับเท้าหนึ่งข้างของหลินหยางที่ก้าวคืบกระทืบพื้นถ้ำอย่างหนักหน่วงรุนแรง
ครานี้กลับเป็นแวมไพร์ปีศาจที่มีรอยยิ้มประดับมุมปากมันแยกเขี้ยวคล้ายกำลังจะหัวเราะ ใช้สายตาดูถูกมองหลินหยางที่ใช้แผนการเดิมซ้ำซากแถมยังใช้ออกถี่จนเกินไป ผิดกับมันที่หยอกล้อเป็นจังหวะจึงได้ผล ในครั้งนี้มันจึงมิได้หลงกลการข่มขู่ของชายหนุ่ม มันเตรียมหัวร่อเยาะการกระทำอันโง่เขลา
ทว่า…เพียงเสี้ยววินาทีต่อมาใบหน้าของมันก็ต้องแปรเปลี่ยนเป็นแตกตื่นถึงขีดสุดเมื่อมนุษย์ตรงหน้าหาได้หยุดการเคลื่อนไหวไว้เพียงกระทืบเท้าไม่!!
เขาก้าวเท้าสืบต่อออกแรงบีบด้ามดาบภายในมือพร้อมกับแทงมันออกไปสุดแรง!
ฟุ่บ~
ฉั๊วะ~
ปลายดาบพุ่งตรงดิ่งเข้าหาหน้าท้องแวมไพร์แทงทะลุผิวหนังจนมิดด้าม!!
ฟวับ~
ไม่รอคอยปฏิกิริยาตอบโต้ของอีกฝ่าย หลินหยางเบี่ยงวิถีดาบเพิ่มกำลังดันข้อมือไปทางด้านขวาฟันเป็นแนวนอนกรีดหน้าท้องมันเป็นบาดแผลขนาดใหญ่ยาวลึก
กึก~
ปลายดาบถูกหยุดด้วยเกราะป้องกันปริศนาอีกครั้งบริเวณสีข้างเอวของมัน หลินหยางมิดื้อรั้นดึงดาบกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับดีดตัวกระโดดถอยหลังห่างออกจากร่างของแวมไพร์สร้างระยะปลอดภัยดังเดิม
เจ้าแวมไพร์มันพลาดท่าเสียแล้ว
“ค๊าา” แวมไพร์ร้องเสียงดังแสดงออกถึงความเจ็บปวดจากบาดแผลที่พึ่งได้รับ ด้วยการคาดการณ์ผิดพลาดมิคิดฝันว่ามนุษย์ตรงหน้ามิได้หยอกล้อดั่งสองคราก่อนหน้า ทำให้ตัวมันมิทันตั้งตัวปล่อยปละละเลยทิ้งการป้องกันเผยช่องว่างให้ชายหนุ่มสามารถโจมตีได้ถนัดถัดถี่บรรจงเสียบดาบเข้าใส่ร่างกายของมันจนมิดด้าม
“ฮ่าๆๆ” หลินหยางระเบิดเสียงหัวเราะดังสนั่น การลอบโจมตีในครั้งนี้ได้ผลลัพธ์ที่ดีเกิดคาดเดา นี่คือการโจมตีที่พึ่งคิดขึ้นอย่างฉุกลหุก กระทั่งตัวเขาเองยังมิมั่นใจถึงสิบส่วน แต่ใครจะคาดคิดว่าเจ้าแวมไพร์โง่เง่าตนนี้จะชะล่าใจมากถึงเพียงนี้
เสียงหัวร่อหลินหยางมิได้เบาเลย แต่ดูเหมือนแวมไพร์ตนนี้จะหาได้สนใจเสียงเยาะเย้ยนั้นไม่ มันคอตกใช้มือลูบไร้บาดแผลฉกรรจ์บนหน้าท้องของตน บาดแผลนี้ความลึกของมันยากหยั่งถึง มันถูกแทงเข้าจนสุดตัวดาบจนถูกหยุดไว้ด้วยด้ามจับของตัวดาบเองนั่นเท่ากับว่าความยาวของดาบเล่มนี้ก็คือความลึกของบาดแผลมันนั่นแล
ร่างกายช่วงล่างของมันอาบไปด้วยเลือดสีดำเปรอะเปรื้อนจนกลมกลืนไปกับความมืด เลือดยังคงไหลออกมาจากบาดแผลราวกับเขื่อนแตกไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงแต่อย่างใด หากเป็นการแทงธรรมดาคงไม่มีเลือดไหลออกมามากมายถึงเพียงนี้
นั่นเป็นเพราะการโจมตีถัดมาของหลินหยางที่ใช้สันคมดาบกรีดหน้าท้องมันเป็นแผลยาวเหวอะหวะต่างหาก ความลึกเท่าเดิมแถมยังมีความยาวเสริมขึ้นมาอีกจรดสีข้าง บาดแผลของมันเกิดกว่าคำว่าฉกาจฉกรรจ์ไปมากโข
หากเป็นคนทั่วไปมิจำเป็นต้องคว้านลึกลากยาวเทียบเท่ามัน เพียงมีความลึกและยาวเพียงครึ่งเดียวจากบาดแผลบนร่างของแวมไพร์ปีศาจหากผู้ที่มีบาดแผลเฉกเช่นเดียวกับมันเป็นมนุษย์ป่านนี้พวกมันคงตกตายไปสักหลายสิบรอบแล้วเป็นแน่แท้
บัดนี้หลินหยางแทบไม่มีความกังวลใจเหลืออยู่ แม้แวมไพร์ตรงหน้าจะมีความเร็วมากกว่าตนมีระดับสูงส่งทั้งพลังป้องกันอันพิศวงเป็นปริศนา แต่กระนั้นสิ่งที่มันครอบครองอยู่ไม่สามารถสร้างความได้เปรียบเหนือตนเองได้แม้เพียงนิด หลินหยางสามารถลดข้อด้อยของตนด้วยมันสมองใช้ความคิด ส่งผลให้ฝีมือของทั้งสองคู่คี่สูสีไม่ห่างชั้นกันมากนัก