เทพอสูรสยบโลกา – ตอนที่ 605

ตูม~

 

หลินหยางกระทืบเท้าอีกคราอาศัยจังหวะที่ศัตรูของตนกำลังง่วนอยู่กับบาดแผลหมายจะโจมตีต่อเนื่องย้ำเติมอีกครา

 

ฟุบ~

 

แวมไพร์ปีศาจสะดุ้งตกใจใช้กรงเล็บฟันอากาศว่างเปล่า ส่งผลให้หลินหยางชะงักชะงันไม่เข้าใกล้

 

ตุบ~

 

ยังไม่ทันตั้งตัวเต็มที่หลินหยางกระทืบเท้าย้ำไปอีกครา

 

วูบ~

 

แน่นอนมันย่อมไม่หลงกลแผนการเดิมซ้ำสอง ตอนนี้มันมิได้เล่นหูเล่นตากับหลินหยางอีกต่อไป มันกางแขนขาตั้งท่าเตรียมต่อสู้อย่างเต็มที่ แม้หลินหยางเพียงกระทืบเท้าหยอกล้อมัน มันก็ยังใช้กรงเล็บคว้านอากาศว่างเปล่าเบื้องหน้าดักทางเอาไว้ไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มได้สำเร็จแผนการ

 

ชายหนุ่มไม่ลดละ เขาทั้งตะโกนกร่นด่ายั่วยุมันสารพัด ทว่าดูเหมือนแวมไพร์โง่ตนนี้จะไม่ให้ความร่วมมืออีกแล้ว แม้จะเอาลูกสมุนสุดรักอย่างร่างของค้างคาวปีกเหล็กเขวี้ยงปาใส่ มันก็หาได้เปลี่ยนท่าทีเสียความเยือกเย็นไม่ ตั้งท่าพร้อมรับมือกับหลินหยางไม่ผ่อนปรนกำลังลง

 

“…” หลินหยางขมวดคิ้วแน่น หากศัตรูไม่เปิดโอกาศเช่นนี้ไม่ต้องถามถึงการโจมตีอันใดเลย แม้แต่จะเข้าใกล้มันเกินครึ่งเมตรยังยากเย็นแสนเข็ญ หากอาวุธที่เขามีตอนนี้มิใช่ดาบสั้นแต่เป็นหอกยาวละก็ระยะห่างเพียงหนึ่งนี้จะไม่ใช่เพียงระยะปลอดภัยแต่เขายังสามารถโจมตีศัตรูได้อีกด้วย สถานการณ์คงไม่ตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกดังที่เป็นอยู่ นั่นก็ทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้นเพราะสิ่งที่ต้องการมันไม่มีอยู่…

 

‘หืม’ ทันใดนั้นเองหลินหยางฉุกคิดขึ้นมาได้ถึงสิ่งประดิษฐ์ระดับมาสเตอร์พีซ อาวุธกระดูกสันหลังมนุษย์!!!

 

ฟุ่บ~

 

ชายหนุ่มไม่รอช้าตวัดดาบสั้นเป็นแนวขวางฟันอากาศเบื้องหน้าพร้อมกับรุกคืบเข้าหาแวมไพร์ปีศาจครึ่งก้าว

 

เคร้ง~

 

ตัวเป้าหมายที่เตรียมรับมืออยู่แล้วไม่เปิดโอกาศให้ชายหนุ่มเข้าประชิด มันคว้านกรงเล็บเข้าปะทะกับดาบสั้นของศัตรูตนเช่นกันพร้อมกับสาวเท้าถอยหลังไปหนึ่งก้าวเต็ม ออกนอกระยะโจมตีของศัตรูตนอย่างรวดเร็ว

 

ฟวับ~

 

หลินหยางก้าวขายาวก้มตัวแทงดาบออกไปบริเวณช่วงเอวของเป้าหมาย

 

วูบ~

 

เจ้าแวมไพร์มีใบหน้าตกใจกับการโจมตีต่อเนื่อง แต่ระยะห่างของทั้งสองแน่นอนไม่ใกล้เลย ทำให้การโจมตีของชายหนุ่มมิสามารถอาจเอื้อมถึงตัวมันได้อย่างใจนึก มันเอี้ยวตัวไปด้านหลังหลบเลี่ยงการโจมตีไปได้อย่างง่ายดายพร้อมกับกระเถิบถอยหลังไปอีกหนึ่งช่วงก้าวเตรียมรับการโจมตีต่อเนื่องครั้งต่อไป

 

“หึ”

 

การโจมตีต่อเนื่องจบลงเพียงสองกระบวนท่าเท่านั้น มนุษย์หนุ่มหาได้รุกคืบโจมตีมันต่ออย่างที่คิดไม่

 

หลินหยางแสยะยิ้มส่งเสียงในลำคอ เขาก้มลงไปบนผืนถ้ำไม่นานนักจึงพยุงตัวลุกขึ้นกับสิ่งของชิ้นใหม่ภายในมือ มันคืออาวุธกระดูกที่เขาต้องการ!

 

การโจมตีทั้งสองคราที่ผ่านไปเมื่อครู่มิใช่การโจมตีหวังผลตั้งแต่แรก เป้าหมายก็คืออาวุธกระดูกสันหลังมนุษย์ที่ตนเป็นผู้ทิ้งขว้างไป หลังจากหลบหลีกและปะทะกับเจ้าแวมไพร์ปีศาจทำให้หลินหยางไกลห่างออกจากจุดที่อยู่ของอาวุธกระดูกชิ้นนี้ไป และเพื่อการนั้นเขาจำต้องเป็นฝ่ายดันเจ้าแวมไพร์ตนนี้ถอยหลังเพื่อกลับเข้ามาเอาสิ่งประดิษฐ์ของตน

 

หลินหยางจับอาวุธกระดูกในมือขวาข้างถนัดของตนกวัดแกว่งไปมาบางเบาสร้างความคุ้นเคย

 

??

 

ใบหน้าของแวมไพร์ปีศาจมีความสงสัยงงงวย กับการกระทำของชายหนุ่ม โดยก่อนหน้านี้มันเห็นหลินหยางมักก้มเก็บสิ่งของบนถ้ำเพื่อนำมาขว้างปาใส่ร่างกายแต่ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อยั่วยุให้มันเสียความเยือกเย็นเท่านั้น เพราะการขว้างปาสิ่งของเหล่านั้นแน่นอนย่อมไม่สามารถสร้างบาดแผลให้แก่ร่างกายของมันได้

 

มันจึงสงสัยอย่างยิ่งกับสิ่งของชิ้นใหม่อาวุธกระดูกชิ้นโตที่อยู่ในมือชายหนุ่ม ดูไปแล้วมันโอนอ่อนแกว่งไปมาด้วยข้อต่อและละข้อ ดูไม่แข็งแรงไร้ความแข็งแกร่งน่าเกรงขาม

 

พวั๊ะ~

 

“คิ๊!!” ทันใดนั้นเองขาข้างขวาของมันก็ถูกฟาดเข้าด้วยอาวุธกระดูกในมือของชายหนุ่มเอาเต็มเปา!

 

ส่งผลให้มันแตกตื่นตกใจหาใดเปรียบ ด้วยระยะที่ยืนอยู่ห่างกันกว่าหนึ่งเมตรมันมิคิดฝันเลยว่าจะถูกโจมตีได้ในระยะนี้ จึงมิได้มีความระมัดระวังตัวเท่าที่ควร

 

ต้นขาที่เป็นจุดถูกโจมตีมีอาการแสบร้อนเจ็บปวดชั่วครู่และค่อยบรรเทาลงจนหายเป็นปลิดทิ้ง

 

“!?” เสี้ยววินาทีต่อมาใบหน้าของมันจากแตกตื่นแปรเปลี่ยนเป็นแแปลกใจไม่นานก็เปลี่ยนสับสน เพราะอาวุธกระดูกชิ้นโตนี้ไม่ทำให้ร่างกายของมันมีบาดแผลเกิดขึ้นเลย แม้แต่เลือดสักหยดก็ไม่มี!

 

แน่นอนหลินหยางย่อมไม่เก็บงำพลังฝีมือไว้แม้แต่เศษเสี้ยว เขาฟาดออกไปด้วยความรุนแรงและรวดเร็วอย่างสูงสุด ปัญหามันมิได้อยู่ที่การโจมตีแต่เป็นตัวอาวุธกระดูกต่างหาก ถึงแม้จะเรียกว่าอาวุธแต่ต้นกำเนิดของมันก็เป็นเพียงกระดูกไร้ค่าเท่านั้น มันมีเพียงมุมเหลี่ยมเศษคมเล็กน้อยและข้อต่อของกระดูกสันหลัง

 

ความเสียหายของอาวุธชิ้นนี้จึงมิสามารถนำมาเปรียบเทียบได้กับดาบสั้นที่ทำจากเหล็กและถูกลับจนคมกริบได้ เพียงอาวุธกระดูกผุพังไหนเลยจะสามารถสร้างบาดแผลให้แก่มันได้

 

“คิ” แวมไพร์ปีศาจเหลือบสายตามองหลินหยางพร้อมกับเสียงหัวร่อดูถูกดูแคลน มันกลับมาตั้งท่าเตรียมสู้รบดังเดิม

 

“หึ” หลินหยางเค่นเสียงในลำคอหาได้สนใจสายตาดูถูกเหยียดหยามของศัตรูไม่ เขาตวัดกระดูกสันหลังมนุษย์ในมุมแคบฟาดออกไปในแนวตรงดิ่งและกระตุกมือดึงกลับมาอย่างรวดเร็ว

 

เพี๊ยะ~

 

เกิดเสียงแสบสันหวาดเสียวขึ้นมาบริเวณโคนต้นขาของแวมไพร์ปีศาจ

 

เจ้าตัวตกเป็นเป้าหมายส่งเสียงในลำคอระบายความเจ็บปวด แม้การโจมตีจากกระดูกสันหลังมนุษย์นี้จะไม่สามารถสร้างบาดแผลเรียกเลือดได้ แต่ความเจ็บปวดอาการแสบร้อนยังคงมีอยู่ แต่เหตุใดแวมไพร์ตนนี้กลับไม่ยอมปัดป้องหลบเลี่ยงการโจมตีดังกล่าว? เพราะมันไม่บาดเจ็บจึงมิหลบงั้นหรือ?

 

มิใช่เลย ตัวมันอยากหลบการโจมตีที่สร้างความเจ็บปวดทางร่างกายให้แก่ตนแทบขาดใจ แต่มันมิสามารถทำได้ต่างหาก ซ้ายขวาก็มีแต่ผนังถ้ำปิดกั้นเส้นทาง ที่ว่างก็มีแต่ด้านหน้าและพื้นที่ด้านหลังเท่านั้นที่มันสามารถขยับไปมาได้

 

การป้องกันยิ่งแล้วใหญ่ร่างกายของมันไม่มีโล่เหล็กกำบังหรือเสื้อเกราะสักชิ้น จะมีก็เพียงแต่เสื้อผ้าขาดหลุดรุ่ยผ่านการถูกดาบสั้นตัดฝ่าฉีกขาดจนไม่เหลือเคร้าโครงเดิม นอกเหนือจากนี้ก็เหลือเพียงแต่ผิวหนังของร่างกายแทบทุกส่วน

 

แถมการโจมตีด้วยกระดูกสันหลังของมนุษย์นี้ยังรวดเร็วหาใดเปรียบ การโจมตีด้วยการเขวี้ยงปาสิ่งของก่อนหน้านี้ยังนับว่ารวดเร็วอย่างยิ่งจนทำให้มันมิสามารถหลบได้พ้น แต่การสบัดอาวุธกระดูกสันหลังของชายหนุ่มยิ่งรวดเร็วกว่าเกือบสองเท่า มีหรือมันจะสามารถหลบหลีกได้อย่างใจนึก

 

เพี๊ยะะ~

 

หลินหยางฟาดกระดูกสันหลังโจมตีตรงจุดเดิมสร้างเสียงแสนสัน

 

“คิ๊” เจ้าแวมไพร์ส่งเสียงร้องแหลมตกใจอย่างยิ่งกระโดดโหยงเหยงใช้มือข้างหนึ่งวางนาบตรงต้นขาของตนถูไถไปมาเพื่อลดความเจ็บแสบ เพราะการโจมตีระลอกนี้เจ็บปวดมากกว่าสองครั้งก่อนหน้าจนเทียบกันไม่ติด เมื่อมองไปยังกระดูกสันหลังมนุษย์ในมือหลินหยางจะพบว่ามันมีสีแดงเรืองรองเล็กน้อย มันคือทักษะหลอมไฟนั่นแล

 

หลินหยางใช้ทักษะหลอมไฟควบคู่ไปกับอาวุธกระดูกในมือ ทำให้การโจมตีของตนมิใช่สร้างความเจ็บปวดเพียงภายนอกเท่านั้นสามารถส่งความร้อนลุ่มแผดเผาผิวกายที่ตกกระทบ

 

บัดนี้กระดูกสันหลังมนุษย์ในมือของหลินหยางทำหน้าที่ไม่ต่างจากแส้ขนาดใหญ่ การกระตุกปลายเพื่อให้ตัวข้อต่อแต่ละข้อสะบัดส่งส่วนปลายของตนฟาดลงบนจุดเป้าหมายด้วยความเร็ว แถมความร้อนที่แผ่ออกมาจากตัวอาวุธเองก็มีอานุภาพการโจมตีของตัวมันอยู่แล้ว เจ้าแวมไพร์ตนนี้เมื่อถูกแส้ยักษ์ร้อนๆฟาดใส่มีหรือจะมีเจ็บแสบ

 

“หึ่ม” หลินหยางผ่อนปรนลมหายใจทางปากระบายความร้อนทางร่างกายเป็นเหงื่อไคล ปล่อยไอร้อนระอุตัดกับอากาศหนาวเหน็บ ตอนนี้ร่างกายของเขาเองก็ร้อนรุ่มไม่ต่างไปจากอาวุธกระดูกภายในมือของตนสักเท่าไหร่ ตั้งแต่เริ่มเผชิญหน้ากับแวมไพร์ปีศาจ ไม่ว่าจะฟันแทงโดยดาบสั้นหรือสบัดฟาดด้วยอาวุธกระดูก ย่อมใช้พลังงานทางร่างกายทั้งสิ้น แถมการโจมตีเกือบทุกครั้งของเขาเองก็จำต้องใช้ออกด้วยทักษะหลอมไฟด้วยเช่นกัน ทำให้ร่างกายได้รับภาระเพิ่มพูนสูงขึ้นพละกำลังค่อยถูกดูดออกไปทีละเล็กน้อยสะสมเรื่อยมา

 

ต้นขาของแวมไพร์ปีศาจเริ่มมีรอยแดงเป็นจ้ำอย่างชัดเจนตัดกับสีผิวขาวซีดแม้แต่เส้นขนยาวที่ปกคลุมอยู่ก็มิสามารถปิดบังได้มิด จุดที่หลินหยางโจมตีเป็นจุดเดียวกันทั้งสามครั้งแม้มิถูกที่อย่างแม่นยำก็ใกล้เคียงไม่ห่างมากนัก

 

พวั๊ะ~

หลินหยางมิปล่อยให้ทักษะหลอมไฟถูกใช้ทิ้งขว้าง เขาโจมตีต่ออีกครั้งบริเวณขาข้างเดิม

 

ฟึบ~

 

เฉกเช่นเดิมเมื่อโจมตีสำเร็จเสร็จสิ้น ชายหนุ่มม้วนดึงอาวุธกระดูกกลับเตรียมการโจมตีครั้งต่อไปทันที

 

ฟวับ~

ทันใดนั้นเองร่างของแวมไพร์พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วกางกรงเล็บจากมือซายกรีดผ่านชั้นบรรยากาศพุ่งเข้าหาศรีษะศัตรูตน ในเมื่อไม่สามารถหลบได้แน่นอนมันต้องหาช่องทางการสวนกลับ!

 

มันหมายจะแลกการโจมตีกับชายหนุ่ม!

เทพอสูรสยบโลกา

เทพอสูรสยบโลกา

Score 7.1
Status: Ongoing Released: N/A Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง เทพอสูรสยบโลกาประเทศจีน ปี ค.ศ. 2025 จู่ๆ เกิดแผ่นดินไหวขึ้นทั่วโลก และ มี”ประตู” ประหลาดเกิดขึ้นทั่วทุกเมืองใหญ่ทั่วโลก พร้อมกับเสียงปริศนา “มนุษย์เอ๋ย พวกเจ้าอยากเปลี่ยนแปลงโชคชะตาหรือไม่ อำนาจ เงินทอง วาสนา ความมั่งคั่ง หากอยากเปลี่ยนแปลง เชิญเข้ามาที่ประตูนี้ จักต้อนรับพวกเจ้า” เรื่องราวแห่งตำนานกำลังจะเริ่มขึ้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset