ฮื่ออ~~
แวมไพร์ปีศาจหอบหายใจจนเกิดเสียงลมไหลเข้าออก ร่างกายของมันเกี่ยวพองเดี๋ยวยุบบัดนี้ มันเลิกดิ้นขนขวายกลับกันมันจ้องมองชายหนุ่มด้วยความเจ็บช้ําใจ ที่มนุษย์ตัวน้อยอันเปรียบเสมือนอาหารแสนอร่อยตรงหน้าทําร้ายร่างกายสร้างบาดแผลให้แก่ตัวมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าสร้างความ เจ็บปวดทั้งกายและใจของตน
ตุบ~~
หลินหยางทําที่ก้าวเท้าเพื่อจะเข้าประชิดตัวเจ้าแวมไพร์ปีศาจ
คู๊~
ยังมิทันได้สาวเท้าต่อ ก้อนเนื้อยักษ์ตรงหน้าก็ส่งเสียงขู่เตือนด้วยตวงตาหรี่เล็กดุดัน มันยังมีหายจากอาการเจ็บปวดที่พึ่งได้รับมาสดใหม่ แน่นอนตอนนี้มันย่อมไม่ปล่อยให้หลินหยางเข้าประชิดตัวมันได้อีกเป็นครั้งที่สอง หลังจากเสียรู้พลาดทําให้แก่ความโง่งมของตนเองไปหยกๆ
มันสบัดร่างโน้มตัวเป็นตุ๊กตาล้มลุกคลุกไปกับผนังถ้ําจนสั่นสะเทือน เห็นเนื้อก้อนก ลมขนาดยักษ์ดิ้นรุนแรงเช่นนี้มันก็น่าหวาดเสียวทั้งอันตรายอย่างยิ่งที่จะเข้าใกล้ หากร่างกายทุกส่วนของมันไม่ติดขัดกับผนังถ้ําหรือเพดานถ้ําอีกต่อไป มันก็คงไม่ต่างจากหินยักษ์ที่พร้อมจะกลิ้งทับทุกสิ่งที่ขวางหน้า
“ฮึ” ชายหนุ่มเค่นเสียงบางเบาพลางถอนเท้ากลับมาดังเดิม แม้จะผิดหวังที่เจ้าแวมไพร์โง่ตนนี้ไม่ยอมให้ตนเข้าใกล้ก็ตามที
หลินหยางยืนมองมันด้วยใจจดจ่อ เขามองมันทุกซอกทุกมุมเสาะหาจุดอ่อนและช่องโหว่ที่สามารถโจมตีปลิดชีวิตมันได้ในดาบเดียวหรือสร้างบาดแผลที่มีผลต่อร่างกายของมันเหตุที่เสาะหา สิ่งเหล่านี้ก่อนล่วงหน้าเพราะผลที่ตามมาของทักษะใหม่เอี่ยมของตนกําลังจะออกฤทธิ์ทักษะพิษ ผึ้งที่พึ่งแพร่พิษร้ายหลอนประสาทเข้าใส่ร่างกายของมันอย่างเต็มเปาถึงสองจุดนั้นเอง เมื่อทักษะดังกล่าวออกฤทธิ์เมื่อใดยามนั้นจะเป็นช่วงเวลาหรรษาที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถตัดสิน ชะตาชีวิตของก้อนเนื้อยักษ์ตนนี้
ฟู่วว~
ทันใดนั้นเองมีเสียงบางอย่างเกิดขึ้นมาจากบริเวณที่อยู่ของก้อนเนื้อยักษ์พร้อมกันนั้นร่างกายมหึมาของมันมีขนาดหดเล็กลงที่ละน้อยราวกับลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมออกไป มีควันสีดําโขมงลอยฟังในอากาศรอบกายของมัน แม้แต่ความมืดมิดภายในถ้ํายังไม่สามารถเทียบเคียงได้ทําให้บรรยา กาศโดยรอบอมครีมน่าอึดอัด หลินหยางเองก็ถูกริบรอนการมองเห็นไปทีละนิดเช่นกัน
วูบ~
จู่ๆควันดําที่ล่องลอยสะเปะสะปะรอบกายของก้อนเนื้อยักษ์เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่า งแปลกประหลาดมันลอยออกมาข้างหน้าระหว่างกลางหลินหยางและแวมไพร์ ควันดําเหล่านี้อีกระจุกอยู่ที่จุดเดียวกัน มันควบอัดแน่นจนเป็นก้อนกลมเท่ากําปั้นมนุษย์
“มันทําอะไร?” หลินหยางหน้านิ่วคิ้วขมวดมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความฉงนสงสัย แม้ไม่ทราบแน่ชัดถึงสิ่งที่แวมไพร์โง่งมตนนี้กระทําแต่มันย่อมไม่ใช่เรื่องที่สําหรับฝ่ายตนอย่างแน่นอนตอนนี้เขาทําได้เพียงแค่ภาวนาให้ทักษะพิษผึ้งออกฤทธิ์ให้โดยไวเพื่อจะได้หาทางกําจัดเจ้าสิ่งมีชี วิตที่กวนใจมาจนถึงบัดนี้
แก๊ก
ทันใดนั้นเองกลุ่มควันดําที่อัดแน่นลอยอยู่บนอากาศเบื้องหน้าก็เกิดการเปลี่ยนแปลง จากก้อนสีดําเกลี้ยงกลมจู่ๆก็มีส่วนหนึ่งงอกออกมาด้านข้างซ้ายขวารูปทรงของมันคล้ายสามเหลียมมันมีขนาดกว้างและยาวอย่างยิ่งหากเทียบกับจุดศูนย์กลาง ไม่นานนักส่วนกลมตรงกลางก็ค่อยลดลงกลายเป็นควันดํารูปร่างคล้ายวงรี ตอนนี้ภาพลักษณ์ของมันคล้ายคลึงกับเครื่องบิน โดยสารอย่างยิ่ง เครื่องบินสีดําขนาดจิ๋ว
“คงไม่ใช่ว่า… ” ใบหน้าหลินหยางยิ่งมายิ่งมืดครึ้ม เมื่อมาถึงตอนนี้พอจะเห็นภาพร่างที่คุ้นเคย ยิ่งขึ้นมาในหัว
แคว๊ก
ทันใดนั้นเองควันสีดําตรงหน้าหลินหยางก็ส่งเสียงร้องแหลมเล็กของค้างคาวปีกเหลีก ควันดําค่อยควบแน่แน่นจนกลายเป็นเนื้อเดียวกันพร้อมกับไอระเหยสีดําลอยขึ้นมาข้างบน
ส่วนหัวของกลุ่มก้อนวงรีสีดํามีจุดขาวสองจุดเกิดขึ้นคล้ายกับดวงตาของสิ่งมีชีวิตสูงขึ้นไป เล็กน้อยมีสามเหลี่ยมขนาดเล็กโผล่ขึ้นมาตั้งชี้ฟ้าชูขันคล้ายหูขนาดเล็กนี่คือใบหน้าของมัน! ใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับค้างคาวปีกเหลีกระดับและหกไม่ผิดเพี้ยน
“บัดซบ” เมื่อเห็นสิ่งนี้อยู่ในสายตาหลินหยางทําได้เพียงตะโกนกร่นต่าภายในใจของตน เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขานี้มันคือสิ่งมีชีวิตที่ตนคุ้นเคยทั้งยังเคยคลุกคลีกับมันมาอย่างใกล้ชิดค้างคาวตัวจิ๋ว!!
มิผิดมันคือค้างคาวตัวจิ๋วที่หลินหยางเสาะตามหามาเนิ่นนาน ตั้งแต่ตนออกจากส่วนลึกของถ้ำมาก็ยังมิเคยพบเจอมันอีกเลย หลงคิดว่าบางทีมันอาจออกไปจากถ้ําค้างคาวเข้าพัวพันต่อสู้กับกลุ่มสมาชิกจากทีมระยะใกล้และหน่วยจู่โจมแล้วเสียอีก ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงมันอาจจะดีกับสถานการณ์ปัจจุบันที่สามารถลดภาระที่เขาต้องแบกรับเอาไว้ได้ไปส่วนหนึ่ง
ตอนนี้หลินหยางกําลังใช้สายตาจ้องมองค้างคาวตัวจิ๋ว ไม่นานนักดวงตาของเขาก็หรี่เล็กลงพร้อมกับหัวคิ้วที่ยื่นเข้าหากันอย่างต่อเนื่อง
????” เพียงไม่นานหลินหยางก็ดึงสายตากลับมาเป็นเช่นเดิมพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าตอนนี้สีหน้าของเขาประดับความสับสนอย่างยิ่ง สิ่งที่ทําให้เขากําลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความงงงวยนั้นเพราะเขาจึงใช้ทักษะดวงตาเหยี่ยวต่อเนื่องกันถึงสามครั้งเพื่อตรวจสอบเจ้า แวมไพร์ตัวจิ๋วตนนี้!
แต่มันกลับไม่แสดงผลลัพธ์ของทักษะออกมาอย่างที่ควรเป็นมันไม่มีข้อมูลใดๆเข้ามาในศรีปะของเขาเลยแม้แต่น้อย
แหมะ~
มีหยดเหงื่อไหลรินลงมาจากหน้าผากผ่านใบหน้าไหลลงใต้คางและหยดลงบนพื้นเกิดเสียงบาง เบา เส้นเลือดบริเวณลําคอของเขาปตโปนเด่นชัดอย่างน่ากลัว เป็นผลพวงมาจากการใช้งา นทักษะทั้งหลายอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นพิษผึ้ง หลอมไฟหรือทักษะดวงตาเหยี่ยว ยิ่งเมื่อใช้งา นทักษะดวงตาเหยี่ยวหลังจากที่ใช้งานร่างกายอย่างหนักเขายิ่งเหน็ดเหนื่อยมากขึ้นกว่าเดิม การรวบรวมสมาธิเพื่อใช้ทักษะดวงตาเหยี่ยวนี้ไม่ง่ายเลยสําหรับสถานการณ์ปัจจุบัน
ชายหนุ่มลดสายตาลงมองผ่านร่างของค้างคาวตัวจิ๋วไปกระทบกับก้อนเนื้อแวมไพร์ด้านหลังพร้อมกับใช้ทักษะดวงตาเหยี่ยว
แวมไพร์(ชั้นต่ำ) ระดับ 45
พลังโจมตี ???
พลังป้องกัน ???
ความเร็ว ???
พลังวิญญาณ ???
คําอธิบาย : ???
คําเตือน : ???
“เนื่องจากระดับของเป้าหมายสูงกว่าท่านจึงไม่สามารถตรวจสอบได้
“มันเกิดอะไรขึ้น?” เมื่อเขาใช้ทักษะเดียวกันตรวจสอบเจ้าแวมไพร์ตนนี้กลับสามารถใช้งานได้ตามปกติ หากจะว่ามองมิชัดเจนก็มิใช่ เพราะก้อนเนื้อแวมไพร์นั้นอยู่ข้างหลังของค้างคาวตัวจิ๋วทั้งยังมีหมอกควันสีดําเลือนลางปกคลุมเป็นบางจุดหากเทียบกันแล้วเจ้าค้างคาวตัวจิ๋วนี้ยังเห็นตัวตนขัดเสียยิ่งกว่า
พึบ~
“ !!?” หลินหยางที่กําลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดถูกปลูกด้วยเสียงลมหวีดหวิว เมื่อค้างคาวตัวจิ๋วตรงหน้ากําลังกระพือปีกใหญ่ยักษ์เกินขนาดตัวของมันพยุงตัวอยู่กลางอากาศ
ชายหนุ่มกระโดดถอยหลังเมื่อเท้าทั้งสองข้างของตนถึงพื้นเขาย่อเข่าก้มตัวลงต่ําทันที
ในเวลาเดียวกันค้างคาวตัวจิ๋วก็ตีปักอีกครั้งแต่คราวนี้มันดันลมไปด้านหลังผลักดันตนเองมุ่งไปข้างหน้าตรงดิ่งเข้ามาหาหลินหยางอย่างรวดเร็ว
วูบ~
หลินหยางโค้งเป็นมุมฉากค้างอยู่ชั่วครู่ก่อนจะมีเสียงฝ่าอากาศเกิดขึ้นพร้อมกับกระแสลมพัดผ่านร่างของตนไปอย่างรวดเร็ว
เจ้าค้างศาวตัวจิ๋วมันเริ่มโจมตีแล้ว!
มันเป็นฝ่ายเริ่มบุกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามตั้งตัวได้ทันท่วงที หลังจากการ พุ่งโจมตีด้วยความเร็วสูงของมันพลาดเป้าพุ่งเลยผ่านร่างของฝ่ายตรงข้ามไปอยู่ด้านหลังของหลินหยางเป็นที่เรียบร้อย
หลินหยางหมุนกายม้วนศรีษะกลิ้งไปบนพื้นหนึ่งตลบก่อนที่จะหันควับมองมายังจุ ดเดิมที่ตนยืนอยู่บัดนี้เรียกได้ว่าชายหนุ่มถูกล้อมด้วยศัตรูทั้งสองฟากฝั่งไม่มีทางหนีทีไล่ให้แก่เขาเลย แผ่นหลังของเขาห่างจากก้อนเนื้อแวมไพร์ราวหนึ่งศอก ส่วนด้านหน้าห่างไปราวหนึ่งเมตรมี เจ้าค้างคาวตัวจิ๋วกระพือทรงตัวอยู่กลางอากาศ
ถึงจะกล่าวว่าถูกประกบล้อมด้วยศัตรูทั้งสองด้าน แต่อย่างใดก็ยังนับว่าหลินหยางยังมิได้ตกเป็นรองฝ่ายตรงข้ามมากนัก เหตุที่ชายหนุ่มหันหลังให้ศัตรูตัวฉกาจอย่างก้อนเนื้อแวมไพร์ระดับสี่สิบห้าคนนี้โดยไม่ระแวดระวังตัวอย่างเต็มที่ เป็นเพราะเจ้าแวมไพร์ยักษ์ตนนี้หาได้มีพิษสงร้ายอันใดไม่ แม้มันจะระบายปล่อยหมอกควันสีดําออกมาส่งผลให้ร่างกายของมันเล็กลงไม่ ถูกกีดกันจากผนังถ้ําและเพดานถ้ําอีกต่อให้ทําให้มันสามารถเคลื่อนย้ายตัวได้อย่างอิสระเสรีแล้ วก็ตาม แต่หากมองภาพรวมแล้วมันก็ไม่ต่างจากหินก้อนยักษ์ธรรมดาที่ไม่มีวิธีโจมตีพิเศษ อื่นใดอีกนอกจากใช้น้ําหนักตัวทาบทับฝ่ายตรงข้ามหรือใช้ปากกว้างร่วมเมตรของมันกัดศัตรู