ตอนที่ 615 ย่างสด
หลินหยางใช้มือซ้ายโอบกํารอบมือขวาเสริมกําลังใช้การจับอาวุธของตนให้มั่นคง
หลังจากเผชิญหน้ากับค้างคาวตัวจิ๋วในครั้งนี้มันช่างแตกต่างกับการต่อสู้ระหว่างเขาและ แวมไพร์ปีศาจยิ่งด้วยขนาดตัวที่เล็กของมันทําให้ร่างกายที่ตกเป็นเป้าโจมที่มีขนาดเล็กตามลงไปด้วย แตกต่างจากแวมไพร์ที่มีขนาดร่างกายเทียบเท่ามนุษย์ก่อนหน้าหรือปัจจุบันที่มีขนาดร่างกายใหญ่โตมโหฬารของมัน ไม่ว่าเขาจะโจมตีจากจุดใดก็ล้วนแล้วแต่ถูกเป้าหมายยากที่จะผิดพลาด ส่งผลให้เจ้าแวมไพร์ปีศาจเองก็หวาดระแวงกับการโจมตีของชายหนุ่มไม่กล้าเข้าหาอย่างนุ่มบ่ามเช่นกัน
แต่ค้างคาวตัวจิ๋วนั้นไม่เหมือน มันที่เป็นเป้าขนาดเล็กแต่สําหรับมันแล้วหลินหยางคือเป้าโจมตีขนาดใหญ่กว่าตัวมันหลายสิบเท่า แถมพลังโจมตีอันมหาศาลที่มันครอบครองและความเร็วการเคลื่อนไหวเองก็มิได้ด้อยไปกว่าผู้เป็นนายของมันเลย ในเมื่อมีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสียยู่เช่นกันเมื่อมันมีขนาดร่างกายเล็กจิ๋วแน่นอนพลังป้องกันของมันต้องต่ําทรามอย่างยิ่ง ด้วยการโจมตีเดียวของหลินหยางไม่ว่าจะโดนจุดไหนบนร่างกายของมันล้วนสามารถทําให้มันตกตายลงไปอย่างง่ายดาย
ฉะนั้นเมื่อไร้พลังป้องกันมันจึงเป็นได้เพียงฝ่ายรุกเท่านั้น ไม่สามารถปล่อยให้ตนตกเป็นฝ่ายตั้งรับถูกโจมตีได้
แต่หลินหยางเองก็ไม่สามารถปล่อยให้คนตกเป็นรองใต้อยู่ร่ำไป หากเขาเอาแต่คอยหลบเลี่ยงหรือเป็นฝ่ายป้องกันการโจมตีของศัตรู แม้จะสามารถรักษาชีวิตของตนได้แต่ก็ไม่สามารถทําร้ายศัตรูใต้เช่นกัน
เมื่อตั้งใจจะสร้างความเสียหายให้แก่ศัตรูหลินหยางย่อมคิดหาวิธีแปลกใหม่เพื่อจัดการกับสิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วตรงหน้า เขาไม่สามารถใช้กลยุทธ์ตั้งรับและคอยสวนกลับอย่างที่เคยใช้กับแวมไพร์ปีศาจได้ แม้พวกมันนายบ่าวทั้งสองจะมีความเร็วใกล้เคียงกันแต่สิ่งที่ทําให้ค้างคาวตัวจิ๋วนี้รับมือยากกว่าก็คือมันมีวิถีการโจมตีที่หลากหลายมากกว่าผู้เป็นนายของตนที่สามารถโจมตีได้เพียงแค่ด้านตรงหน้าและสามารถคาดเดาการโจมตีได้ล่วงหน้าจากการเคลื่อนไหวร่างกาย ส่วนค้างคาวตัวจิ๋วสามารถโจมตีได้ทั้งจากมุมต่ำ ด้านบน รวมถึงมุมอับสายตาซึ่งเป็นการยากที่จะคาดเดา
มีเวลาให้คิดใตร่ตรองไม่มากนักสําหรับสถานการณ์ที่กําลังเผชิญอยู่ ร่างศัตรูคืบเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆในตอนนี้มันเข้าใกล้เกินระยะหนึ่งเมตรเป็นที่เรียบร้อย เมื่อคาดการณ์จากความเร็วของมันละก็เวลาที่จะถึงจุดปะทะกับร่างหลินหยางมีไม่ถึงสองวินาที
วืด
ค้างคาวตัวจอยพุ่งผ่านอากาศราวกับลูกธนูมุ่งตรงหาหลินหยางในระดับช่วงทรวงอก
ชายหนุ่มตัดสินใจชูมือทั้งสองขึ้นเหนือศรีษะพร้อมฟันดาบสั้นครึ่งเล่มใส่ร่างของค้างคาวปีกเหล็กตัวจิ๋ว ตัวดาบถูกฟันเป็นมุมทแยงจากซ้ายบนลงขวาล่าง เหตุที่หลินหยางใช้การโจมตีจากมุมสูงแทนที่จะฟันในแนวขวางที่มีประสิทธิภาพและความคล่องตัวมากยิ่งกว่า นั่นเพราะว่ามันอยู่นอกระยะสายตาของค้างคาวตัวจิ๋ว!
ด้วยร่างกายขนาดเล็กของมันทําให้ดวงตาของมันเองก็ต้องมีขนาดย่อส่วนตามลงไปด้วย ในเมื่อมันกําลังพุ่งตัวโจมตีเป้าหมาย ตามปกติแล้วมันย่อมใช้สายตาของตนทั้งหมดพินิจเพ่งมองไปยังจุดโจมตีเพื่อมิให้คลาดเป้า แม้จะยังสามารถมองเห็นภาพองค์ประกอบโดยรวมรอบข้างได้ แต่ดาบสั้นที่ถูกชูชี้ฟ้าขึ้นเหนือหัวของหลินหยางไกลห่างจากจุดเพ่งเสิ่งอย่างทรวงอกนัก ทําให้ดาบสั้นเหนือศรีษะของหลินหยางจึงอยู่ในมุมอับสายตาของค้างคาวนตัวน้อย
ครืด
ขณะเดียวกันในยามที่มนุษย์หนุ่มยกตาบขึ้นหมายฟาดฟันนั้น เจ้าก้อนเนื้อแวมไพร์ขยับตัวหนึ่งคราพร้อมกับดวงตาขนาดยักษ์ของมันที่ขยับมองผ่านร่างของค้างคาวตัวจิ๋วไปยังด้านขวา หากอยู่ในมุมมองของหลินหยางมันคือด้านซ้าย
ประจวบเหมาะกับค้างคาวตัวจิ๋วที่กําลังพุ่งเข้ามาเป็นเส้นตรงกลับที่ปักรุนแรงหนึ่งเปลี่ยนกระแสการบิน มันเอี้ยวตัวพุ่งตรงมายังด้านซ้ายของหลินหยางโดยจุดนี้นับว่ามันสามารถหลบพ้นจากแนวตาบของหลิ่นหยางที่กําลังจะฟันลงไปได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป้าหมายการโจมตีของมันเองก็คลาดเคลื่อนไปเล็กน้อยจากกึ่งกลางทรวงอกกลายเป็นบริเวณหน้าท้องด้านซ้าย แม้จะเปลี่ยนจุดโจมตีอย่างฉับพลันแต่ไม่ว่าจะเป็นทรวงอกหรือหน้าท้องก็ล้วนแล้วแต่เป็นจุดสําคัญทั้งสิ้น หากไม่ตกตายก็สาหัสสิ้นสภาพ
หลินหยางใบหน้าแตกตื่น มือทั้งสองที่กําลังพันดาบอยู่นั้นถึงจะไม่ใช่การโจมตีที่พลิกแผลงหรือพิเศษอันใด แต่ทว่าสําหรับค้างคาวตัวจิ๋วตรงหน้าที่บินอยู่ในระดับเดียวกันกับลําตัวของเขาย่อมไม่สามารถมองเห็นการโจมตีนี้ได้อย่างแน่นอน ทั้งเขายังไม่พบปฏิกิริยาตอบสนองใดๆของมัน ก่อนที่จะเปลี่ยนวิถีโจมตีอย่างฉับพลันเลยด้วยซ้ํา
ในเมื่อโจมตีต่อไปก็มิถูกเป้าหมายแถมคู่ต่อสู้ยังพุ่งเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยจวบจนใกล้ปะทะเต็มที่ หลินหยางจึงชะงักหยุดการฟันลงไว้กลางอากาศพร้อมกับเอี้ยวตัวหลบไปทางด้านขวาหมายหลบการโจมตีของศัตรู
แม้จะพยายามหลบเลี่ยงมากเท่าใดแต่ตัวยระยะที่กระชั้นชิดและระยะเวลาในการตัดสินใจสั้นเกินไปจึงมิสามารถหลบพันได้อย่างหมดจด
ผั๊ว~~
ปีกสีดําทมิฬของค้างคาวตัวจ้อยกรีดผ่านเอวซ้ายหลินหยางไปอย่างเฉียดฉิว ชายเสื้อของเขาเกิดรอยฉีกขาดที่เรียบเนียนไร้จุดตําหนิ
“อึก” หลินหยางส่งเสียงในลําคอเมื่อมีความเจ็บปวดส่งขึ้นมาจากสีข้างของตน
ค้างคาวตัวจิ๋วบินผ่านร่างหลินหยางไปหลังจากใช้ปีกเหล็กอันแสนภาคภูมิใจกรีดผ่านร่างของชายหนุ่มไปเป็นที่เรียบร้อย บัดนี้มันกระพือปีกทรงตัวอยู่กลางอากาศนิ่งเฉยไม่เขยื้อนตัวต่อ
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ค้างคาวตัวจิ๋วไม่เคยหลุดรอดไปจากสายตาของหลินหยาง ในครานี้ก็เช่นกันแม้จะพึ่งถูกโจมตีไปหมาดๆแต่ชายหนุ่มก็ยังจับจ้องไปศัตรู เมื่อเห็นว่าค้างคาวตัวน้อยในมายังด้านหลังของตนชายหนุ่มไม่รีรอเขาหมุนกายกลับหลังหันเพื่อเผชิญหน้ากับค้างคาวตัวจิ๋วไม่ปล่อยให้มันคลาดสายตาไปแม้แต่เสี้ยววิไม่ยอมให้ศัตรูตัวฉกาจตนนี้อยู่ในมุมอับสายตาของตนได้
จากการกระทําดังกล่าวส่งผลให้หลินหยางหันหลังให้แก่ก้อนเนื้อแวมไพร์อีกครา
หลินหยางรู้สึกถึงความเหลวอุ่นที่ไหลชโลมอยู่บริเวณสีข้างของตน เมื่อเห็นว่าค้างคาวตัวจ้อยชะงักหยุดการเคลื่อนไหวไม่ใช้การโจมตีต่อเนื่อง ชายหนุ่มจึงเลิกเสื้อขึ้นเล็กน้อยเพื่อตรวจสอบบาดแผลที่ตนได้รับและก็พบเข้ากับรอยกรีดสีแดงบางเฉียบโดยมีหยดเลือดซึมออกมาเป็นจุดยาวราวหนึ่งคืบ เมื่อเห็นบาดแผลหลินหยางก็ต้องแตกตื่นตกใจเพราะรอยกรีดบางเฉียบนี้มีความลึกเกือบหนึ่งนิ้ว!
มองจากสายตามันเป็นรอยบาดที่บางอย่างยิ่งคล้ายกับถูกกระดาษหนังสือบาดยังไงอย่างงั้น เพียงหลินหยางขยับตัวเล็กน้อยบาดแผลดังกล่าวกลับเป็ดอ้ากว้างออกจากกันสร้างความเจ็บปวดแสบสันพร้อมกับมีเลือดไหลออกจากบาดแผลอย่างต่อเนื่อง
“อั่ก” ทันใดนั้นเองชายหนุ่มก็จําต้องส่งเสียงออกมาโดยมิทันตั้งตัวด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผล รอยกรีดเส้นบางบนร่างกายของตนรู้สึกแสบร้อนลุ่ม มันคือผลพวงจากทักษะโลหิตคลั่ง!
เลือดของตนที่ไหลออกจากบาดแผลราวกับถูกต้มในน้ำเดือดๆ เมื่อมันไหลลงอาบ ผิวหนังจุดใดบริเวณดังกล่าวล้วนถูกกัดเซาะราวกับเลือดในกายของตนกลายเป็นน้ำกรดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง บริเวณรอบบาดแผลกลายเป็นสีดําคล้ายกับถูกไฟเผาจนแห้งกรังและนี่เป็นเพียงแค่ ระยะแรกเริ่มเท่านั้น!
ทักษะโลหิตคลั่งจะยิ่งส่งผลรุนแรงมากขึ้นเมื่อผิวหนังที่ถูกเลือดจากบาดแผลกรัดกร่อน เมื่อผิวหนังชั้นนอกมีแผลเช่นนี้เกิดขึ้นย่อมต้องมีเลือดออกและเลือดจากบาดแผลจุดใหม่ที่โดนหลอมละลายนั้นเองจะมีคุณสมบัติของทักษะโลหิตศลั่งอยู่ด้วยเช่นกัน มันจึงกลายเป็นทักษะที่ทําร้ายศัตรูอย่างต่อเนื่องเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆหากไม่รักษาให้ทันท่วงทีก็อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้
กึด
หลินหยางทําได้เพียงกัดฟันรับความเจ็บปวดเขามีอาจแสดงความอ่อนแอให้ศัตรูเห็นได้ ต่อมาเขาใช้มือซ้ายของตนวางทาบทับปากแผลพร้อมกับออกแรงบีบมือดึงผิวหนังรอบบาดแผลที่ถูกตัด ห่างออกจากกันสมานเข้าหากันจนต่อติดพร้อมกันนั้นเองตาบสั้นในมือขวาของเขาเกิดแสงเรืองรองสีแดงสดควยทักษะหลอมไฟ
หลังจากใบดาบสั้นมีสีแดงพร้อมกับส่งไอความร้อนจนได้ที่ หลินหยางนมันมาวางเหนือรอยกรีดยาวหนึ่งคืบที่เกิดจากปีกของค้างคาวตัวจิ๋ว
เขาสูดหายใจลึกหนึ่งคราพร้อมกับกลั้นเอาไว้มิได้ผ่อนลมหายใจออกมา พร้อมกับกดใบตาบลงตามแนวรอยต่อจนผิวหนังยุบลง
มีเสียงเกิดขึ้นคล้ายกับกําลังปรุงอาหารด้วยการนําเนื้อสดๆไปย่างไฟร้อนๆ เฉกเช่นเดียวกัน หลินหยางส่งผ่านความร้อนจากทักษะหลอมไฟผนวกกับดาบสั้นกลายเป็นเหล็กกล้าที่มีอุณหภูมิความร้อนสูงสุดนาบใส่ผิวหนังของตน บัดนี้จึงคล้ายกับว่าหลินหยางกําลังทําการย่างสติตนเอง!