เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 631 บาดแผลใหม่
หลินหยางถอยหลังไปเรื่อยๆด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม การเคลื่อนที่ของเขานั้นเชื่องช้าเนิบนาบถึงที่สุดเรียกได้ว่าช้าเสียยิ่งกว่าเต่าคลาน เขาพึ่งจะเคลื่อนที่ออกมาจากจุดแรกเพียงสองถึงสามเมตรเท่านั้น นั่นก็เพราะชายหนุ่มตั้งใจจะถ่วงเวลาให้คู่ต่อสู้ของตนใช้เรี่ยวแรงให้มากที่สุด
ซึ่งก็ดูจะได้ผลไม่น้อยเมื่อมองดูเจ้าค้างคาวตัวจิ๋วที่หมุนวนไปมาในอากาศไม่หยุดหย่อน ตอนนี้ความเร็วของมันเริ่มชลอซ้าลงทีละเล็กละน้อย เมื่อเทียบจากความเร็วสูงสุดในคราแรกเริ่มแล้ว ตอนนี้มันช้าลงเกือบครึ่ง
การยื้อเวลาของเขานับเป็นการสร้างข้อได้เปรียบให้แก่ตนเองอย่างยิ่ง ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บและเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้ที่ยาวนานเริ่มได้รับการบรรเทาลงบ้างตามกาลเวลา ขณะที่ชายหนุ่มกําลังฟื้นคืนกําลังอยู่นั้น กลับกันค้างคาวตัวจิ๋วยิ่งเสียพละกําลังที่ตนมีออกไปชั่วทุกขณะ
บางครั้งชายหนุ่มก็หลอกล่อทําที่หมายจะเข้าโจมตีฝ่าพายุใบมีดของค้างคาวตัวจิ๋ว เมื่อเขาทําเช่นนี้ค้างคาวตัวจ้อยจะเพิ่มความเร็วการเคลื่อนที่ของตนอย่างฉับพลันเร่งความเร็วเพิ่มขึ้น
เมื่อค้างคาวตัวจิ๋วเร่งความเร็ว หลินหยางก็ทําที่ล้มเลิกความตั้งใจและกลับไปถอยกลับเช่นเดิม แต่หารู้ไม่ว่าชายหนุ่มมิได้ตั้งใจโจมตีตั้งแต่เริ่ม เขาคอยไหลไปตามน้ําและกระตุ้นคู่ต่อสู้เพื่อมิให้มันรู้ตัวไปเสียก่อน
หลังจากคอยประคองรักษาความเร็วในการเคลื่อนที่ให้ต่ําที่สุดอยู่นานนม ตอนนี้พวกเขาเคลื่อนที่มาได้ราวห้าถึงหกเมตรเห็นจะได้ หลินหยางเริ่มได้ยินเสียงอันคุ้นเคยที่ส่งมาจากแวมไพร์ปีศาจบ้างแล้ว น้ําเสียงของมันดูเล็กลงมิซุ้มต่ําดังเดิมอาจเป็นเพราะขนาดตัวที่ลดกระทัดรัดลงของมันก็เป็นได้
“หืม?” เมื่อคิดถึงขนาดร่างกายของแวมไพร์ปีศาจ จู่ๆหลินหยางก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมา
หากถ้ําค้างคาวเป็นเฉกเช่นเดียวกับถมดไฟ ซึ่งการคงอยู่ของถ้ําเชื่อมโยงกับสายใยชีวิตของจ้าวแห่งถ้ํานั้นๆ ถ้าอย่างนั้นหากเขาปลิดชีวิตแวมไพร์ปีศาจไปเสียนั่นก็เท่ากับว่าเขาสามารถพิชิตทําลายถ้ําแห่งนี้ไปได้เลยมิใช่หรือ? แล้วเมื่อคิดถึงขนาดตัวที่ลดลงของแวมไพร์ปีศาจซึ่งดูเหมือนจะอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด
อาจจะใช้การโจมตีด้วยพลังสูงสุดเพียงไม่กี่กระบวนท่ามันก็คงตกตายลงอย่างแน่นอน แถมการต่อสู้กับแวมไพร์นั้นง่ายยิ่งกว่าการเผชิญหน้ากับค้างคาวตัวจิ๋ว เขาไม่ต้องระแวงระมัดระวังการโจมตีใดๆจากมันเลย เพราะมันไม่มี!
ฉะนั้นเขาก็มจําเป็นต้องสนใจค้างคาวตัวจิ๋วที่ยากจะรับมือก็ได้มิใช่หรือ?
แต่หากความคิดของเขามิผิด ถ้ํานี้ก็จะพังทลายลงและเหล่าค้างคาวปีกเหล็กที่เหลือรอดชีวิตอยู่ทั้งภายในถ้ําและนอกถ้ํา มิทราบพวกมันจะบินหนีกระจัดกระจายไปจนหมดหรือปล่อยให้ถ้ําหินแห่งนี้ล่วงทับตกตายไปจนสิ้นหรือไม่
หากเป็นเช่นนั้นมันก็น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ค้างคาวปีกเหล็กทั้งหลายที่เป็นแหล่งเพิ่มพูนระดับอย่างดีต้องสูญเสียชีวิตไปอย่างเปล่าประโยชน์
มันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ชายหนุ่มสองจิตสองใจมิสามารถตัดสินใจได้ ใช่หากจัดการแวมไพร์ปีศาจไปเสียเลยพวกเขาก็จะได้ปลิดบัญชีถ้ําค้างคาวที่ใช้เวลาหลายวันพัวพันกับมันมา แต่เมื่อคิดถึงค้างคาวทั้งระดับสี่และหกนี้ ค่าระดับที่พวกมันให้ต่อการตายของแต่ละตัวก็มิได้น้อยเลย โดยค้างคาวระดับสี่สักสิบตัวก็สามารถเลื่อนระดับของผู้ที่มีระดับหนึ่งขึ้นเป็นสองได้
และจากการฟังเสียงร้องประสานของค้างคาวที่ยังหลงเหลืออยู่ในถ้ํานี้คร่าวๆก็คงไม่ต่ํากว่าสองถึงสามร้อยตัวเข้าไปแล้ว หากเสียพวกมันไปฟรีๆมันช่างน่าเสียดาย
จุดประสงค์หลักสําหรับแผนการตาข่ายตะครุบค้างคาวครั้งนี้ก็เพื่อการเพิ่มระดับให้แก่ผู้ที่อาศัยอยู่ภายในเมืองที่มิสามารถออกไปเผชิญโลกภายนอกได้ ทั้งทีมระยะไกลที่เป็นอิสตรีทั้งหมดและเหล่าเด็กน้อยที่กําลังฝึกปรือฝีมือโตวันโตคืนพร้อมจะเป็นกําลังให้แก่หลินหยางให้อนาคต หากทีมเหล่านี้ได้เพิ่มระดับส่วนตนแม้จะเป็นเพียงคนละหนึ่งถึงสองระดับก็นับว่าเป็นผลประโยชน์อันใหญ่หลวงที่หาค่ามิได้เลยทีเดียว
“อืม…. ความคิดในหัวหลินหยางตีกันวุ่นวายไปหมด แต่อันความโลภของมนุษย์นั้นหาสิ้นสุด ท้ายสุดแล้วชายหนุ่มก็เลือกที่จะเก็บกวาดค้างคาวปีกเหล็กระดับต่ําอันเป็นทรัพย์สินอันทรงคุณค่า แม้ตนเองจะต้องเผชิญกับความลําบากเพิ่มขึ้นจากการเผชิญหน้ากับแวมไพร์ปีศาจก็เถิด
เมื่อฟังจากน้ําเสียงหลังจากการพูดคุยโต้ตอบกับหลิวไห้ไปเมื่อครู่ ดูเหมือนเวลานั้นก็คงอีกไม่นานสักเท่าไหร่ที่เหล่าทีมระยะใกล้และทีมจู่โจมตีจัดการเก็บกวาดรวบรวมค้างคาวปีกเหล็กระดับต่ําจนเหี้ยนดู”
ขณะที่ครุ่นคิดพลางเคลื่อนกายถอยออกห่างจากค้างคาวตัวจิ๋วไปเรื่อยๆ ในที่สุดหลินหยางก็เข้าถึงจุดที่แวมไพร์ปีศาจประทับในที่สุด ชายหนุ่มหันศรีษะเหลือบตามองมันหนึ่งคราก็พบว่ามันอยู่ด้านหลังของตนห่างไปราวสองเมตร แต่เมื่อมองไปยังรอบข้างก็พบว่าจุดนี้มิใช่จุดเดิมที่เกิดการปะทะกันก่อนหน้านี้ นั่นแสดงว่าก้อนเนื้อแวมไพร์เองก็ขยับตัวเคลื่อนที่เข้ามาหาเขาเช่นกัน ด้วยขนาดตัวที่ลดลงจึงไม่น่าแปลกที่มันจะสามารถกระเถิบตัวมาได้
“หือ!?” ทันใดนั้นเองชายหนุ่มส่งเสียงแห่งความแปลกใจเมื่อสายตาเขามองเห็นสิ่งแปลกปลอมที่อยู่บนร่างของแวมไพร์ปีศาจ
ในความทรงจําของเขา บาดแผลบนร่างของแวมไพร์ปีศาจมีอยู่หลักๆสองจุด หนึ่งคือรอยผ่า ตั้งแต่ใต้ริมฝีปากขนาดโตของมันจนถึงช่วงล่างซึ่งนับว่าเป็นบาดแผลฉกรรจ์ที่สุดบนร่างของมัน ส่วนจุดที่สองคือรูลึกขนาดเท่ากําปั้นมนุษย์ที่โตเต็มวัยบริเวณใกล้เคียงกับบาดแผลจุดแรก และมีบาดแผลเล็กน้อยที่มิได้หนักหนาสาหัสอันใดสองถึงสามจุดซึ่งเป็นบาดแผลที่เกิดจากหลินหยางโจมตีมันในขณะแวมไพร์ปีศาจจําแลงกายเป็นมนุษย์
นั่นคือภาพของแวมไพร์ปีศาจก่อนที่ชายหนุ่มจะหนีห่างออกไป แต่ตอนนี้แวมไพร์ปีศาจในสายตาของหลินหยางกลับมีบางสิ่งเกิดขึ้นที่มิได้อยู่ในความทรงจําของเขา
บนร่างของมันมีรอยปริแตกตั้งแต่ด้านขวาผ่านกลางลําตัวยาวไปถึงด้านซ้ายพาดผ่านรอยปริแตกจุดแรกไป บาดแผลนี้มีขนาดความกว้างและยาวใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับบาดแผลจุดแรกที่ผ่าตั้งแต่ริมฝีปากถึงส่วนล่าง ทั้งสองจุดล้วนมีความคล้ายคลึงกับราวกับแกะ
ส่วนผู้เป็นเจ้าของร่างกายนั้นอย่างก้อนเนี้แวมไพร์ ตอนนี้ดวงตากลมโตที่เคยสดใสแวววับมีชีวิตชีวาของมันหม่นหมองตาปรือลงอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายของมันเดี่ยวยุบเดี๋ยวพองคล้ายกับคนที่กําลังหายใจเข้าออกอย่างเหน็ดเหนื่อย สภาพของมันหากเทียบกับหลินหยางแล้วดูจะย่ําแย่กว่าเสียอีก
“มันเกิดอะไรขึ้น?” หลินหยางกล่าวคําถามแก่ตนเองซึ่งก็คงไม่มีใครให้คําตอบแก่เขาได้ เขาพยายามนึกย้อนค้นหาคําตอบกับบาดแผลใหม่ที่เกิดขึ้นบนร่างของศัตรูอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยนี้
“หรือว่า…. เมื่อครุ่นคิดถึงจุดหนึ่ง ชายหนุ่มก็เริ่มประติดประต่อเรื่องราวโดยนําข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับบาดแผลจุดแรกมาประกอบ
หากเขาคิดไว้ไม่ผิดบาดแผลจุดแรกตั้งแต่ใต้ริมฝีปากของมันจนถึงส่วนล่างของร่างกายที่ประจวบเหมาะกับบาดแผลที่ตนเป็นผู้สร้างขึ้นบนร่างของค้างคาวตัวจิ๋วตนแรกอย่างไม่ผิดเพี้ยน
ถ้าอย่างงั้นรอยปริแตกแห่งใหม่ที่เกิดขึ้นบนร่างของมันก็ต้องมาจาก
“ค้างคาวตัวจิ๋วที่ยังไม่สมบูรณ์!” หลินหยางคิดขึ้นในใจ หากสิ่งที่เขาคิดเป็นจริงนั่นเท่ากับว่าเขาแทบไม่ต้องออกแรงเพิ่มเพื่อคลายข้อสงสัยใดๆอีกต่อไป
ทว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงข้อแคลงใจสงสัยอีกจุดเองก็ได้คลายออกไปพร้อมๆกัน แต่มันมิใช่สิ่งที่น่ายินดีเสียเท่าไหร่
เพราะหากบาดแผลที่เกิดขึ้นบนร่างของแวมไพร์ปีศาจมาจากบาดแผลเดียวกันที่เกิดขึ้นกับค้างคาวตัวจิ๋ว นั่นแสดงว่าค้างคาวตัวจิ๋วที่ร่างกายยังไม่ทันได้หลอมรวมจนเสร็จสมบูรณ์ตนนั้น ได้ถูกโจมตีเข้าไปแล้วจริงๆ ทั้งยังเป็นบาดแผลที่เกิดกว่าคําว่าฉกรรจ์หากเทียบกับขนาดร่างกายที่กระจ้อยร่อยของมันอีกด้วย
เมื่อเกิดบาดแผลที่ใหญ่เกินกว่าร่างกายของมันจะรับไหวเช่นนี้มันย่อมตกตายลงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เหตุใดเขาถึงไม่ได้รับค่าระดับใดๆจากการปลิดชีวิตมัน!