เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 638 เหนือชั้น(ตอนกลาง)
ร่างของค้างคาวตัวจิ๋วกลายเป็นเลือนลางไม่ชัดเจนด้วยความเร็วสุดหยั่งของมันทิ้งเพียงเสียงที่ตนฉีกกระชากแหวกผ่านอากาศไว้เบื้องหลัง ความเร็วของมันไวยิ่งกว่าเสียงเสียอีก
หากพินิจมองแล้วจะพบว่าร่างของมันเองก็แทบจะรับความเร็วระดับนี้ไม่ไหวเช่นกัน ร่างกายของมันมีบางส่วนฉีกขาดกลายเป็นควันสีดําลอยฟุ้งกระจัดกระจายทิ้งไว้บนอากาศที่ตนพัดผ่านสีหน้าของมันยังคงเรียบเฉยไร้ชีวิตชีวาเช่นเดิมแต่รูปหน้าของมันแปรเปลี่ยนลู่ไปข้างหลังดึงผิวกายจนเต่งตึงจากแรงต้านของอากาศ
หากความเร็วมันมากขึ้นอีกนี้อีกสักหน่อยดูท่าร่างกายของมันคงจะแหลกเป็นเสี่ยงๆอย่างแน่นอน
มิต้องกล่าวถึงการหลบเลี่ยงแม้ดวงตายังแทบมองมิทันแม้แต่ก้อนเนื้อแวมไพร์ผู้คุมบังเหียนเองก็แทบมองตามการเคลื่อนไหวของค้างคาวตัวจิ๋วไม่ทันทั้งที่ตนเป็นผู้กําหนดเป้าหมายในการเคลื่อนที่ให้มันเองเสียด้วยซ้ํา
นี่คือช่วงเวลาอันแสนสําคัญยิ่งสําหรับแวมไพร์ปีศาจ ด้วยความเร็วที่สูงเกินคาดของลูกสมุนของตนจึงเพิ่มความยากในการควบคุมบังคับขึ้นอีกเท่าตัว
แม้จะอยู่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานกดดันถึงขีดสุดแต่มุมปากของปีศาจแวมไพร์กลับฉีกยิ้มมิสามารถซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ได้ ใบหน้าที่แสดงออกเหมือนมันกําลังรู้สึกสนุกสนานอย่างใดอย่างนั้น
ตั้งแต่มันถือกําเนิดมีชีวิตขึ้นไม่เคยมีศัตรูตนใดที่รับมือยากเท่ามนุษย์ตัวน้อยตรงหน้า เรียกได้ ว่าทุกสิ่งมีชีวิตที่มันพบเจอล้วนตกตายกลายเป็นอาหารของมันได้โดยง่ายแทบมิต้องออกแรงเลยเสียด้วยซ้ํา
และเมื่อมันเข้ามาอยู่ในถ้ําอันมืดมิดที่พํานักปัจจุบัน มันก็ใช้เวลาไปกับการเพิ่มระดับของตนจนสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ความแข็งแกร่งที่มันมีก็เพิ่มพูนยกระดับอย่างน่าอัศจรรย์
ด้วยระดับที่สูงขึ้นของมันยิ่งทําให้การจะพบเจอกับศัตรูที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับตนนั้นลดน้อยถอยลงไป ชีวิตในแต่ละวันของมันนั้นก็วนเวียนอยู่กับการทานอาหารที่เหล่าค้างคาวปีกเหล็กระดับสี่และหกสรรหามาให้ เป็นเช่นนี้อยู่ซ้ําไปมาทุกวี่วัน ความตื่นเต้นและความหมายในชีวิตของมันเริ่มทยอยหายไปทีละเล็กละน้อย
แล้วเช่นนั้นมันจะเสาะหาพลังอํานาจความเก่งกาจไปเพื่ออันใด? ระดับที่ตนมีไม่ใช่กลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์อย่างเสียเปล่าหรอกหรือ?
ในยามที่หลินหยางรวบรวมกลุ่มคนเพื่อหนีออกจากส่วนลึกของถ้ํานั้น แวมไพร์ปีศาจที่พบเจอเข้ากับหลินหยางขณะที่อยู่ในระหว่างทางสํารวจส่วนลึกของถ้ําโดยมีชายผู้มีระดับสี่และชายร่างท้วมอยู่เคียงข้าง เจ้าแวมไพร์ก็เริ่มสนอกสนใจใคร่รู้ถึงสิ่งที่มนุษย์ตัวน้อยที่เป็นเพียงอาหารทั้งสามตนกําลังจะทํา
เมื่อมันพบว่ากลุ่มอาหารที่ยังมีชีวิตรอดอยู่หลายสิบตนกําลังรวมตัวกันเพื่อกระทําการบางอย่างมันจึงแอบจําแลงกายแฝงตัวอยู่ในกลุ่มอย่างเงียบๆโดยในตอนนั้นมันมิได้มีจุดประสงค์อื่นใดแอบแฝงเพียงแค่บรรเทาความเบื่อหน่ายหลังทานอาหารก็เท่านั้น
ในสายตาของมันสําหรับมนุษย์และมนุษย์ครึ่งสัตว์เหล่านี้ก็เปรียบดั่งอาหารจานด่วนที่เตรียมไว้สําหรับเพิ่มระดับของตน
มันจึงนึกสนุกอยากเห็นบรรยากาศแห่งความสิ้นหวังของกลุ่มผู้รอดชีวิตเหล่านี้มันคงจะสร้างความบันเทิงให้แก่มันไม่น้อยสําหรับชีวิตประจําวันที่แสนน่าเบื่อของตน
ด้วยการตัดสินใจของมันทําให้มันได้มาพบกับอาหารจานเด็ดที่มันรอคอยมานาน แสนนานนั้นก็คือหลินหยางอาหารจานนี้ได้ปลุกสัญชาตญาณของผู้ล่าเช่นมันให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งยังมอบความหมายของการเพิ่มพูนระดับที่เกือบจะเสียเปล่าไร้ประโยชน์ไปเสียแล้ว ในที่สุดมันก็ได้ใช้ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของตนเสียทีหลังจากไร้จุดหมายปลายทางมาเนิ่นนาน
หากพลังที่ครอบครองอยู่มิได้ใช้งานแล้วจะมีไปเพื่ออะไร? สําหรับนักล่าเช่นมันเมื่อได้เจอกับคู่ต่อสู้ที่สมน้ําสมเนื้อย่อมต้องการประจัญหน้าน้ํานั่นเพื่อสนองความต้องการของตน ใครอยากได้แสดงทักษะฝีมือที่ตนให้แก่ใครสักคนที่พอจะสร้างความสําราญให้แก่ตนได้
อันตัวมันที่ชื่นชอบการต่อสู้เป็นทุนเดิม เมื่อได้พบกับคู่ต่อกรที่แสวงหา แม้บาดแผลบนตัวก็มิสามารถฉุดรั้งความตื่นเต้นเร้าใจที่กําลังเผชิญอยู่ได้
มันยิ่งอยากกําหราบมนุษย์ตัวน้อยตรงหน้า อยากทราบความเก่งกาจของชายหนุ่มว่าจักต่อกรกับมันได้สักกี่น้ํา อยากทดสอบความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของตน อยากเห็นสีหน้าแห่งความสิ้นหวังของคู่ต่อสู้ที่สามารถสร้างบาดแผลให้แก่ตน ใคร่อยากลิ้มลองรสชาติอาหารจานเด็ดจานนี้
มีจุดเริ่มย่อมมีจุดจบ แม้มันจะอยากใช้เวลาแห่งความสุขที่ได้คู่ต่อกรที่ใฝ่ฝันมากเท่าใด แต่พลังกายและพลังใจของทั้งสองนั้นย่อมมีวันหมดไป แม้บาดแผลบนร่างของมันไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตแต่เลือดที่ไหลออกจากบาดแผลพรากออกจากบาดแผลเหล่านั้นก็มิใช่น้อยๆเลยแม้เวลาจะผ่านเลยไปเท่าไหร่แต่เลือดกายของมันก็ยังไหลออกไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
มันเองก็เป็นสิ่งมีชีวิต แม้จะไม่ตกตายจากบาดแผล แต่หากมันเสียเลือดมากเกินกว่าร่างกายจะรับไหวเห็นที่ชีวิตน้อยๆของตนก็คงหาไม่
และช่วงเวลานั้นก็มาถึง การเผชิญหน้ากับมนุษย์หนุ่มต้องถึงคราวปิดฉากลงเสียที หลังจากที่เก็บกดมานานมันก็ได้ปลดปล่อย นับว่าการต่อสู้กับมนุษย์ตัวน้อยนี้เพียงพอเติมเต็มความต้องการของมันได้อย่างดีเลยทีเดียว มันได้ลองทักษะใหม่ ได้ลิ้มรสความเจ็บปวด ได้รับประสบการณ์ที่หายาทรวมถึงรู้ถึงฤทธิ์เดชของมนุษย์ที่มากเล่ห์เพทุบายใช้เล่ห์เหลี่ยมพลิกกลยุทธ์
หากมันเป็นฝ่ายชนะได้รับชัยในศึกครั้งนี้ในอนาคตต่อไปมันจักเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดเลยที่เดียว
กาลเวลาราวกับหยุดนิ่งเคลื่อนไปอย่างแช่มช้าทุกเสี้ยววินาที
ดวงตาของแวมไพร์กลมโตของแวมไพร์ปีศาจคล้อยต่ําลงละจากร่างของค้างคาวตัวจิ๋วเพื่อมอง หาร่างของมนุษย์หนุ่มเพื่อชี้จุดเป้าหมายปลายทางให้แก่ลูกสมุนของตน มันมองไปยังข้างกายของ ตนทางด้านซ้ายที่ซึ่งเป็นจุดที่มนุษย์หนุ่มน้อยผู้นี้มักเข้ามาประชิดตัวและโจมตีจากตําแหน่งนี้
เจ้าแวมไพร์ส่งเสียงในลําคอบางเบาเมื่อมันมิเห็นร่างของคู่ต่อสู้อย่างที่คิด แต่มันหาได้กระวนกระวายใจไม่ มันขยับปีกเหล็กอันแสนภาคภูมิของตนออกห่างจากลําตัวเล็กน้อยเพื่อสร้างช่องว่างมากขึ้นสักนิดเพิ่มขอบเขตการมองเห็นของตน นั่นเพราะก่อนหน้าปีกยักษ์ของตนนี้มันปิดบังดวงตาซึ่งเป็นเป้าหมายที่คู่ต่อสู้ได้เล็งเอาไว้จนเกือบมิดชิดเพื่อมิให้เกิดอันตราย นั่นจึงทําให้ปีกสีดําทีมที่บนี้บดบังการมองเห็นของมันไปด้วยนั่นเอง
แต่ตอนนี้มันจําต้องชี้จุดระบุเป้าหมายบอกต่ําแหน่งและจุดยืนของคู่ต่อสู้ให้โดยไวที่สุดเพื่อให้ค้างคาวตัวจิ๋วเข้าโจมตีในตําแหน่งดังกล่าว มันจึงยอมเสี่ยงเพื่อผลลัพธ์ที่วาดฝันเอาไว้
ทว่ามันก็ต้องตกอยู่ในความสับสนเมื่อไม่พบร่างของมนุษย์อยู่ข้างกายอย่างที่คิด
รูป
ปีกยักษ์ขยับออกห่างจากร่างกายมากขึ้น ดวงตากลมโตบัดนี้จวนเจียนใกล้เป็นอิสระเต็มที่มันลดการป้องกันดวงตาของตนลงครึ่งหนึ่งเพื่อเพิ่มการมองเห็นให้แจ่มชัดและกว้างมากขึ้น มิต้องฝืนมองผ่านรูช่องเล็กๆอีกต่อไป
ดวงตาทั้งสองขางขยับไปซ้ายขวาอย่างรวดเร็วสลับไปมาด้วยความตื่นตระหนก ปากโตของ มันพ่นลมหายใจและสูดเข้าส่งเสียงดังฟืดฟาด ร่างกายเริ่มขยับไปมาอย่างร้อนลน
ไม่พบ มันหาเป้าหมายที่ควรจะอยู่ข้างกายของตนไม่พบ!
มุมปากที่เคยยิ้มยกหายไปเหลือแต่ความบูดบึง บัดนี้มันตกอยู่ในความวิตกกังวลอย่างยิ่งเหตุก็เป็นเพราะในตอนนี้ทั้งที่เป็นช่วงเวลาสําคัญชี้เป็นตายแต่เป้าหมายของมันกลับหายจ้อยไม่เหลือแม้แต่เงา
ค้างคาวตัวจิ๋วก็กําลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆยิ่งระยะกระชั้นใกล้มากเท่าใด การควบคุมบังคับเปลี่ยนทิศทางยิ่งยากเย็นมากเท่านั้น
มันส่งเสียงอย่างแตกตื่น บัดมันยกปีกออกห่างจากดวงตาของตนจนไม่เหลือส่วนใดจะบดบังการมองเห็นของมันแล้ว ร่างกายของมันหันซ้ายหันขวาบางเพื่อหาร่างของคู่ต่อสู้ด้วยความเร่งรีบเมื่อดวงตาของมันสบกับผนังถ้ําทําให้มันฉุกคิดขึ้นเพราะผนังถ้ําทางด้านซ้ายในตอนนี้อยู่ห่างกับมันอย่างยิ่ง
ระยะห่างร่วมหนึ่งระหว่างผนังถ้ําและตัวมันก็เป็นช่องว่างขนาดหนึ่งเมตรที่เกิดขึ้นเช่นกัน หรือมนุยษ์ตัวน้อยจะวิ่งหนีไปยังทางออกของถ้ําแล้ว?