เทพอสูรสยบโลกา – ตอนที่ 648

ตอนที่ 648 ปิดบังความสามารถ

 

“เจ้าพล่ามอะไร เจ้านั่นมันต้องเป็นปีศาจปลอมตัวมาแน่ๆ” เสียงสตรีวัยกลางคนกล่าวขัดจังหวะขึ้นมาจากด้านหลัง

 

“ปีศาจบ้านเจ้าสิ..อะแฮ่ม ข้าหมายถึงท่านผู้นี้แน่นอนว่าต้องเป็นมนุษย์” ชายผู้มีระดับสี่กล่าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวเล็กน้อยที่ถูกขัดจังหวะขณะพูด ตอนนี้มันแทนตนหลินหยางขึ้นต้นด้วยคําว่าท่านแทบทุกคํา

 

??? บางคนเริ่มสับสนบ้างแล้ว โดยเฉพาะคนกลุ่มหลัง พวกมันเพียงได้ยินแค่เสียงเท่านั้นไม่เห็นภาพ

 

“เมื่อกี้เจ้าบอกว่ามันเป็นปีศาจไม่ใช่รึ ทั้งเหตุผลต่างๆที่เจ้ายกมาข้าว่ามันก็มีความเป็นไปได้สูง” เสียงชายคนหนึ่งกล่าวโต้ชายผู้มีระดับสี่

 

“หือ? เมื่อกี้ข้าพูดแบบนั้นหรือ?” ชายผู้มีระดับสี่กล่าวด้วยสีหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ราวกับตนเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าร้าย

 

“ก็ถึงนั่นแหละ” นั่นคือความหมายที่ตีความออกจากสีหน้าของเหล่าชายฉกรรจ์ทั้งยี่สิบ

 

“เรื่องนั้นไว้ค่อยว่ากันทีหลัง แต่ตอนนี้ข้าเอาหัวเป็นประกันว่าชายผู้ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเจ้ามิใช่ปีศาจ” ชายผู้มีระดับสี่รีบกล่าวตัดปัญหา

 

“พี่หยางว่าแต่พี่รอดมาได้ยังไง” ชายร่างท้วมเมื่อเห็นสหายของตนกําลังตกที่นั่งลําบากมันสอดประสานเข้าคู่กันอย่างดิบดี เบนความสนใจของคนทั้งหมดด้วยการยิงคําถามที่พวกมันใคร่รู้อย่างที่สุด

 

สายตานับสิบคู่จับจ้องหลินหยางรอคอยคําตอบเป็นตาเดียว ในความคิดของพวกมันตอนนี้คิด ว่าหลินหยางคงมีวิธีใดสักอย่างที่สามารถหนีรอดเงื้อมมือของปีศาจตัวยักษ์มาได้ไม่มีแม้แต่คน เดียวที่คิดว่าชายหนุ่มได้ต่อกรปะทะกับสัตว์ประหลาดตัวนั้นเลย

 

“ ” ไร้เสียงตอบกลับจากชายหนุ่ม

 

” พี่หยาง!” ชายผู้มีระดับสี่สะกิดชายหนุ่มพลางร้องเรียก ในสายตาของมันชายหนุ่มตรงหน้าคล้ายกับเหม่อลอยจิตใจมอยู่กับเนื้อกับตัว

 

“หือ? มีอะไร” หลินหยางกล่าวด้วยความสับสน เหม่อลอยงั้นหรือ? เขาไม่ได้ยินต่างหาก…

 

“พี่รอดมาได้ยังไง” ชายผู้มีระดับสี่กล่าวย้ํารอคอยคําตอบด้วยใจจดจ่อ

 

“รอดมาได้ยังไง?” ชายหนุ่มทวนคําถาม ตอนนี้เขาไม่ได้ยินเสียงผู้ใดเลยแม้แต่คนเดียวมีแต่เสียงอื้ออึ้งไม่ได้ศัพท์ ชายหนุ่มจึงใช้วิธีอ่านปากคาดเดาคําพูดคร่าวๆของพวกมัน

 

“อืม..” หลินหยางครุ่นคิดกับตนเอง แน่นอนเขาไม่ได้มีความคิดที่จะบอกเล่าเหตุการณ์จนหมดเปลือกทุกกระบวนการต่อสู้ให้พวกมันได้ทราบแน่ ข้อมูลเกี่ยวกับตัวบุคคลนั้นหากเป็นปกติอมมิสลักสําคัญอันใด แต่สําหรับหลินหยางที่เป็นผู้นําเมืองที่มีประชากรผู้อยู่อาศัยสูงทั้งยังครอบครองแหล่งอาหารอีกหลายจุด ศัตรูที่จ้องหมายปองฉกฉวยของจากตนนั้นก็มีมิใช่น้อย

 

ไม่ว่าจะเป็นวิธีการต่อสู้วิถีความคิดการอ่านการวางแผน หากเล็ดรอดเผยแพร่ออกไปคงไม่มีทางรอดเงื้อมมือของเหล่าคนที่จับจ้อง พวกมันต้องคอยดักทางหาช่องโหว่จากจุดอ่อนจุดแข็ง

 

จากผู้รอดชีวิตร่วมสองร้อยคนนี้ย่อมมีทั้งดีชั่วปะปนคละกันไป ไม่สามารถแจกแจงเป็นรายคนได้ว่าผู้ใดไร้พิษสงหรือมีจิตมุ่งร้าย หลินหยางย่อมไม่ปล่อยให้พวกมันได้รับรู้ข้อมูลความสามารถข องตนอย่างแน่นอน

 

“เฮ้อ…ตอนแรกก็นึกว่าจะถูกเจ้าปีศาจฆ่าตายซะแล้ว แต่อยู่ๆก็เกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้นร่างกายของมันมีรอยแตกเป็นทางยาวปรากฏขึ้นหลายจุด” หลินหยางกล่าวพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอกสีหน้าท่าทางการแสดงออกคล้ายกับคนขลาดที่พึ่งรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด

 

“ ห้ะ! เกิดอะไรขึ้นกับปีศาจตัวนั้น” ชายผู้มีระดับสี่กล่าวแทรกถามด้วยใบหน้าตื่นเต้น

 

“ร่างกายของมันอิดโรยอ่อนแอคล้ายกับพึ่งผ่านศึกต่อสู้มาหยกๆและดูท่ามันคงจะได้รับบาดเจ็บมาด้วย” หลินหยางกล่าวต่อประโยค

 

“หือ? แต่ข้าถูกจับมากว่าสามวันยังมิเห็นใครอาจหาญไปต่อกรกับสัตว์ประหลาดตัวนั้นเลยนะ” มีเสียงโต้แย้งกล่าวขึ้นมาจากชายคนหนึ่งเมื่อมันได้รับฟังเรื่องราวคนละมุมจากหลินหยาง

 

จากคํากล่าวของชายผู้นี้มีน้ําหนักน่าเชื่อถืออยู่มากทีเดียว ในกลุ่มผู้รอดชีวิตมีหลายคนที่เคยเห็นร่างของแวมไพร์ปีศาจตัวเป็นๆ สภาพของมันหาได้เป็นอย่างที่หลินหยางกล่าวอ้างขึ้นมาไม่ในสายตาของพวกเขาเจ้าสัตว์ประหลาดร่างยักษ์ตนนี้ช่างน่าเกรงขามมิได้มีวี่แววแห่งความอ่อนแอเลย

 

เรื่องราวที่ได้ฟังจากหลินหยางมันยังมีช่องโหว่อยู่ไม่น้อย ต้นสายปลายเหตุมิชัดเจน และประการสําคัญคือพวกมันมิได้เห็นกับตาของตนเอง

 

” ” ไม่มีเสียงตอบจากชายหนุ่มนั่นเพราะเขาไม่รับรู้ข้อความที่เปล่งออกมาต่างหาก วิชาการอ่านปากแบบงูๆปลาๆของเขานั้นย่อมมิสามารถมาทดแทนหูในการรับฟังเสียงได้ ยิงผู้พูดอยู่ห่างไกลและบดบังด้วยกลุ่มคน มิต้องกล่าวถึงการคาดเดาที่มองจากริมฝีปากของมันเลยแม้แต่หน้าของมันเขายังไม่เห็นแล้วเขาจะรับรู้ได้เยี่ยงไร?

 

“ข้าก็ยังไม่เคยเห็นใครไปสู้กับเจ้าปีศาจเหมือนกัน”

 

“มันอาจจะเป็นเรื่องราวก่อนหน้านี้ที่พวกเราจะถูกจับมาก็ได้

 

“ใช่ บางทีมันอาจจะได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ตั้งแต่ก่อนที่เราจะถูกจับ”

 

“ถ้าเจ้าหนุ่มนี่พูดถูก นี่มิใช่โอกาศของเราหรอกหรือ?”

 

เกิดเสียงซุบซิบจากกลุ่มคนที่กําลังยกเหตุและผลขึ้นมาโต้เถียงกัน แม้จะไม่ได้ยินเสียงแต่เพียงแค่ภาพเหตุการณ์ที่เห็นก็พอจะอธิบายได้ว่าตอนนี้กําลังวุ่นวายอย่างยิ่ง

 

“อัก” จู่ๆหลินหยางก็มีท่าที่แปลกไปจากเดิม ของงอตัวเป็นกุ้งใช้สองมือกุมหน้าท้องของตนบริเวณบาดแผลที่เกิดจากค้างคาวตัวจิ๋ว สีหน้าแสดงออกถึงความเจ็บปวด นี่อาการบาดเจ็บกําเริบรุนแรงมากขึ้นงั้นหรือ? หาใช้ไม่ เป็นหลินหยางที่กําลังแสดงละครสร้างบทบาทเป็นผู้เคาะห์ร้ายได้รับบาดเจ็บต่างหาก เพื่อมิให้กลุ่มคนพวกนี้ได้ระแคะระคายเกิดขึ้นสงสัยในเรื่องราวที่ไม่มีมูลความจริงของตน

 

“พ-พี่หยาง พี่ได้รับบาดเจ็บนี้” เต่อหลงวิ่งปรี่เข้าประคองหลินหยางด้วยสีหน้าแตกตื่น

 

หลินหยางทําที่ใช้แขนข้างหนึ่งพาดคอเต่อหลง

 

“ตอนนี้พวกเราไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเจ้าปีศาจอีกแล้ว มันหมดฤทธิ์โดยสมบูรณ์ ผมว่าเราอาศัยจังหวะนี้รีบออกไปกันเถอะ” ชายหนุ่มกล่าวด้วยใบหน้าซีดเซียว

 

การแสดงออกทางท่าทางของเขาช่างเป็นธรรมชาติอย่างยิ่งแค่มองปราดเดียวก็สามารถบอกได้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ร่างกายอ่อนแอได้รับบาดเจ็บหนักหนาสาหัสเป็นผู้ถูกกระทําแต่สําหรับการกเรื่องเพื่อปกปิดความลับของตนนั้นยังมีช่องโหว่อยู่มากนัก

 

” ข้าว่ามันแปลกๆนะ ข้ายังคิดภาพเจ้าปีศาจที่อยู่ในสภาพอ่อนแอไม่ออกเลย” ยังคงมีเสียงจากบางคนที่ตะขิดตะขวางใจ

 

” ข้าไม่สนแล้ว! พวกเจ้าจะอยู่ต่อก็ช่างแต่ข้าเชื่อว่าเจ้าหนุ่มนี้ไม่โกหก”

 

“ใช่แล้ว ขึ้นอยู่ต่อหากไม่อดตายก็ถูกฆ่าตายอยู่ดี”

 

“เจ้าหนุ่ม ข้าเชื่อใจเอ็งนะโว้ย”

 

และแล้วท้ายที่สุดพวกมันก็ได้รับข้อสรุปโดยใช้เวลาเพียงชั่วครู่ ไม่ว่าหลินหยางจะพูดจริงหรือเท็จตอนนี้ล้วนไม่สลักสําคัญอันใด ในสายตาของพวกมันเห็นเพียงชายหนุ่มวัยละอ่อนที่มีร่างกายอ่อนล้ารายหนึ่งเท่านั้น แม้ชายหนุ่มจะโป้ปดเล่าความเท็จแล้วยังไง? หากชายหนุ่มตรงหน้ามันสามารถรอดเงื้อมมือจากสัตว์ประหลาดตัวยักษ์มาได้อย่างเพียงลําพังด้วยสภาพร่างกายเช่นนี้แล้วพวกมันที่มีกําลังคนนับร้อยจะมิรอดเชียวหรือ?

 

ขณะที่หลินหยางกําลังแสดงละครตบตาอยู่นั้น ชายร่างท้วมและชายผู้มีระดับสี่มองสบตากันหลายคราคล้ายกับสื่อสารกันโดยมิใช้คําพูด ส่วนใจความนั้นหรือไม่มีใครทราบ

 

” พวกเราไปกันเถอะ” เหล่าชายฉกรรจ์เปิดฉากเป็นผู้นํา พวกมันทั้งยี่สิบเดินนําขบวนทัพ

 

“น้องหยาง” หลี่จิ้งแทรกตัวเข้ามาประกบติดหลินหยางด้วยใบหน้าแสดงถึงความเป็นห่วง

 

หลินหยางยิ้มตอบรับคําทักทายของ ตอนนี้ด้านซ้ายของเขาประกบกับเต่อหลงส่วนด้านขวามีหลี่จิ้งพวกมันทั้งสองช่วยกันคิ้วปีกหลินหยางอย่างทุลักทุเล

 

พวกมันทั้งสองไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับหลินหยางมากนักทั้งยังพึ่งรู้จักกันได้ยังมีถึงวัน แต่หลินหยางก็นับว่าเป็นผู้มีพระคุณแบ่งน้ําและอาหารที่หาได้ยากยิ่งนั้นส่วนให้แก่พวกมันได้เติมเต็มความหิวโหยแต่สําหรับผู้อื่นแล้วหลินหยางเป็นเพียงแค่ตัวถ่วงที่เป็นภาระเท่านั้น หากไม่มีหลี่จิ้งและเต่อหลงคาดว่าแม้หลินหยางจะนอนฟุบไม่มีเรี่ยวแรงจะเดินเอง พวกมันก็คงเดินเหยียบข้ามหัวเขาไปอย่างไม่ใยดีอย่างแน่นอน

 

เทพอสูรสยบโลกา

เทพอสูรสยบโลกา

Score 7.1
Status: Ongoing Released: N/A Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง เทพอสูรสยบโลกาประเทศจีน ปี ค.ศ. 2025 จู่ๆ เกิดแผ่นดินไหวขึ้นทั่วโลก และ มี”ประตู” ประหลาดเกิดขึ้นทั่วทุกเมืองใหญ่ทั่วโลก พร้อมกับเสียงปริศนา “มนุษย์เอ๋ย พวกเจ้าอยากเปลี่ยนแปลงโชคชะตาหรือไม่ อำนาจ เงินทอง วาสนา ความมั่งคั่ง หากอยากเปลี่ยนแปลง เชิญเข้ามาที่ประตูนี้ จักต้อนรับพวกเจ้า” เรื่องราวแห่งตำนานกำลังจะเริ่มขึ้น

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset