เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 651 ถอดหน้ากาก
“ถ้ามันน่ากลัวนักทําไมพวกนายไม่ออกไปซะล่ะ?” หลินหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาไร้อารมณ์พลางเดินมาหยุดอยู่ที่ร่างของแวมไพร์ปีศาจ
ตึง~
คู๊~
เท้าข้างหนึ่งของชายหนุ่มยกเหยียบลงบนแวมไพร์ปีศาจไว้ใต้เท้า
ก้อนเนื้อแวมไพร์ส่งเสียงร้องแหลมพร้อมกับร่างกายสั่นเทา
” พี่หยางนี่มันหมายความว่าไง” ชายร่างท้วมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แปลกไปจากเดิม
“เจ้านี่เป็นของผม” หลินหยางยิ้มยกมุมปากเปล่งวาจาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“พี่จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก เจ้าสัตว์ประหลาดนี่แน่นอนย่อมไม่มีเจ้าของอยู่แล้ว” ชายผู้มีระดับสี่กล่าว
“แล้วไง?” หลินหยางกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน
นี่เขาไม่เห็นแก่ตัวเกินไปหน่อยหรือ? นั่นคือสิ่งที่คู่หูนายทหารคิด
“ผมว่าเราเอาอย่างงี้ดีกว่าไหม จากเรื่องที่พี่เล่ามาเจ้าปีศาจนี่มันได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้วใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นถึงเราจะฆ่ามันไปตอนนี้ค่าระดับที่เราจะได้มันก็คงเหลือไม่มากนัก พวกเรามาแบ่งมันอย่างเท่าเทียมกันเถอะ”
“ถ้าเราผลัดกันสร้างการโจมตีที่ละเล็กละน้อยจนกว่ามันจะตาย เราก็ได้จะค่าระดับกันทั้งสามคน ส่วนเหรียญเงินและหนังสือทักษะก็นํามาแบ่งกัน พี่ว่าเป็นไง?” ชายผู้มีระดับสี่กล่าว
จวบจนถึงตอนนี้มันก็ไม่เคยมีความคิดระแคะระคายเลยว่าบาดแผลที่เกิดขึ้นบนตัวของแวมไพร์ปีศาจนั้นจะมาจากหลินหยางชายหนุ่มร่างกายทรุดโทรมเบื้องหน้า
มันยังหลงเชื่อเรื่องเล่าที่ไม่มีมูลความจริงที่ชายหนุ่มเล่าอยู่หลายส่วน
“โฮ่” ชายร่างท้วมมองสหายด้วยสีหน้าแปลกใจ มันไม่คิดว่าสหายรักของตนจะสามารถคิดวิธีการเช่นนี้ได้
“นี่ผมยังพูดไม่ชัดเจนงั้นหรือ? เจ้านี่คือของผม…เพียงคนเดียว” หลินหยางกล่าว
การแบ่งกันอย่างเท่าเทียมนี้เป็นวิธีการมาตรฐานที่ฟังขึ้นเลยทีเดียว พวกมันไม่ต้องเปลืองแรงเปลืองน้ำลายมาถกเถียงกันและทุกฝ่ายก็ยังได้รับสิ่งที่ต้องการตามข้อตกลงอีกด้วย หากเป็นคนปกติแน่นอนย่อมเลือกที่จะเห็นด้วยแต่มิใช่กับหลินหยาง
แม้จะเป็นระดับเพียงน้อยนิดแต่ก็ใช่ว่าไร้ค่า ส่วนเหรียญเงินสําหรับเขาตอนนี้มันอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่มีค่า แต่ในอนาคตมันก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน ส่วนหนังสือทักษะงั้นหรือ? หลินหยางมองว่ามันเป็นสิ่งที่สร้างคุณประโยชน์มีคุณค่าเทียบเคียงหรือสูงกว่าค่าระดับเสียอีก ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่ามันคือทักษะใด
แล้วเขาจะแบ่งสิ่งของพวกนี้ให้แก่คู่หูทหารทั้งสองคนที่ไม่ได้ทําอะไรเลย? แถมมันยังจะมีแนวโน้มไปทางศัตรูมากกว่ามิตรอีกด้วย
“เห๊อะ! นี่พี่ล้อเล่นใช่ไหม?” ชายร่างท้วมเค่นเสียง ตอนนี้น้ำเสียงของมันมิได้มีความเคารพยําเกรงเลยแม้แต่น้อย หากสังเกตุให้ดีจะพบว่ามันแอบลอบชักดาบสั้นออกมาแนบลําตัวคล้ายกับเตรียมพร้อมสําหรับการต่อสู้อย่างไรอย่างงั้น
เจ้าปีศาจตัวนี้มิใช่เพียงสัตว์เดรัจฉานสัตว์ประหลาดที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่มันเป็นถึงราชาแห่งถ้ำค้างคาว แถมตอนนี้ร่างกายของมันร่อแร่ใกล้ตายอยู่เต็มที่ โอกาศทองเช่นนี้ไม่ทราบชั่วชีวิตนี้จะได้พบเจออีกหรือไม่
หลินหยางหมายจะเก็บเอาเจ้าปีศาจตัวนี้ไว้เพียงลําพังงั้นหรือ? แน่นอนเป็นใครก็ย่อมไม่ยินยอมอยู่แล้ว
พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของมันมิได้น่าแปลกใจเท่าใดนัก นั่นเพราะเดิมที่หลินหยางและคู่หูนายทหารทั้งสองเองก็ปฏิปักษ์กันเป็นทุนเดิม จํานวนมิตรสหายหลายสิบคนที่เป็นพลเมืองดั้งเดิมจากเมืองของมันนั้นทุกคนล้วนเป็นสหายรัก เป็นมิตรแท้ที่แค่มองหน้าก็รู้ใจกันอย่างหมดไส้หมดพุง
เพราะก่อนที่จะเข้าประตูสวรรค์มายังโลกใบใหม่ใบนี้ พวกมันก็คือเหล่าชายชาติทหารสังกัดกองกําลังกลุ่มเดียวกัน ร่วมรบร่วมฝ่าฟันอุปสรรคผ่านสารทุกข์สุขดิบดื่มกินจนหล่อหลอมจิตวิญญาณของพวกมันเป็นหนึ่งเดียว พวกมันบางคนรู้จักมักคุ้นกันมามากกว่าสิบปีเสียด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าเป็นสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นอย่างยิ่ง
หลังจากที่หลินหยางปลิดชีวิตสหายมันไปเกือบครึ่งก็เป็นพลพวงสืบเนื่องให้คนที่ยังรอดชีวิตอยู่นั้นตกตายไปทีละคน ทีละคน แม้เวลาจะผ่านล่วงเลยมาร่วมครึ่งปี แต่ความแค้นนั้นก็มิได้จางหายไปจนหมดไม่
อนึ่งการร่วมมือกันครั้งนี้ก็มีผลประโยชน์ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่ง เมื่อผลลัพธ์ลุล่วงผ่านไปแล้วพวกมันทั้งสองก็มจําเป็นต้องจับมือเป็นมิตรกับหลินหยางอีกต่อไป
“เหมือนผมกําลังล้อเล่นอยู่หรือไง?” หลินหยางถลึงตากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบเสียดกระดูกพร้อมกับควงดาบสั้น
คู~
หลินหยางเดินเหยียบร่างของแวมไพร์ปีศาจข้ามไปยังอีกฟากยืนประจัญหน้ากับสองคู่หู
แหมะ~
ร่างกายช่วงล่างตั้งแต่ครึ่งลําตัวของชายหนุ่มซีกซ้ายถูกย้อมไปด้วยเลือดจนชุดสวมใส่เปียก
แน่นอนจุดนี้ย่อมหนีไม่พ้นสายตาของชายผู้มีระดับสี่ มันที่เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่คิดว่าชายหนุ่มผู้นี้โง่งมอย่างยิ่งที่แสดงตนกล้าหาญโดยไม่ดูสภาพของตนเอง
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้ พี่บังคับพวกผมเองนะ” ชายผู้มีระดับสี่กล่าวพร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายคล้ายรอคอยเวลานี้มาเนิ่นนาน เวลาที่จะได้แก้แค้น!
ฟวับ~
ชายผู้มีระดับสี่ชักดาบสั้นในระดับลําตัว มันย่อตัวลงต่ำตั้งท่าเตรียมต่อสู้
ชายร่างท้วมก็อยู่ในท่าทางเดียวกับสหายตนมิได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย
” พี่เน้นเพิ่มค่าสถานะไปที่ความเร็วใช่ไหม” ชายผู้มีระดับสี่กล่าว
“ใช่แล้วทําไม?” หลินหยางตอบกลับ ข้อมูลนี้อย่างไรก็มิใช่ความลับอยู่แล้วจึงมิจําเป็นต้องปิดบัง ชายผู้มีระดับสี่ที่ตั้งคําถามเองแน่นอนมันก็ย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจถึงคําตอบ ในคราที่มันกล่าวหาหลินหยางว่าเป็นปีศาจปลอมตัวมานั้นชายหนุ่มเองก็ใช้ความเร็วเหนือมนุษย์เข้าประกบจ่อปลายดาบใส่คอหอยของมันมาแล้วครานึง
“ฮ่าๆ” ชายผู้มีระดับสี่หัวเราะร่า
“คิดว่าความเร็วที่มีจะสร้างประโยชน์อันใดได้ในสถานที่เช่นนี้?” ชายร่างท้วมกล่าว
เป็นอย่างที่มันพูด ตอนนี้สนามประลองของคนทั้งสามนั้นเต็มไปด้วยสิ่งของเกะกะ ด้านหลังของหลินหยางก็มีร่างก้อนเนื้อแวมไพร์นอนขวางเอาไว้สร้างความลําบากแก่ชายหนุ่ม พื้นที่เองก็เต็มไปด้วยเศษซากหิน ดิน ทรายและกระดูกสิ่งมีชีวิตเกลื่อนกลาดแถมผนังถ้ำซ้ายขวาเองก็มีระยะห่างกันไม่มากนัก
” ที่มีระดับเท่าไหร่?” ชายผู้มีระดับสี่กล่าว นี่คือสิ่งที่มันอยากรู้มากที่สุดเกี่ยวกับหลินหยาง แต่ในความคิดของมันนั้นชายหนุ่มอย่างน้อยต้องมีระดับสูงกว่าพวกมันแต่ก็มิได้มากเกินไปกว่าระดับสิบ
ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับทักษะงั้นหรือ? พวกมันไม่มีองค์ความรู้อยู่เลย เพราะทุกคราที่ได้รับหนังสือทักษะมาจากสัตว์ประหลาดที่เข่นฆ่าก็ล้วนนําไปขายจนหมดสิ้นไม่เหลือเก็บไว้ใช้เองแม้แต่สักเล่มเดียว
ไม่มีเสียงตอบจากชายหนุ่ม
“ไม่บอกก็ไม่เป็นไรอย่างไงก็ไม่สําคัญอยู่ดี” ชายผู้มีระดับสี่กล่าวพลางพยักฆ์หน้าให้สัญญาณกับสหายรัก
ชายทั้งสองผละออกจากกันประกบผนังถ้ำซ้ายขวาล้อมกรอบยึดพื้นที่ใช้สอยบีบหลินหยางไว้ตรงกลาง
ภายในถ้ำบริเวณใกล้ปากทางออก
“เร่งมือหน่อยโว้ย” เสียงชายคนนึงดังกระหึมสั่งการ มันคือหลิวไฟที่ต่อกรกับฝูงค้างคาวปีกเหล็กมาหลายระลอก
ตอนนี้เบื้องหน้าของมันเหลือค้างคาวปีกเหล็กเพียงหยอมแหยมราวร้อยตัวหรือใกล้เคียง
ข้างกายของหลิวไห่มีชายฉกรรจ์อีกสามนายเป็นมนุษย์หนึ่งและมนุษย์หมาป่าสองนายซึ่งสังกัดทีมเดียวกับมัน ตอนนี้ดวงตาของพวกมันทั้งสามปรือตกลงมาครึ่งนึงใกล้หมดเรี่ยวแรงเต็มที ผิดกับหลิวไห่มนุษย์ผู้บ้ากําลังรายนี้ที่แม้จะออกแรงมากกว่าใครเพื่อนแต่ดูเหมือนเรี่ยวแรงที่ใช้ไปยังไม่ถึงครึ่งที่ตนมี
เบื้องล่างของพวกมันมีแผงตาข่ายผืนยักษ์ที่มีร่างของค้างคาวปีกเหล็กนับร้อยถูกพันธนาการไว้ภายในกําลังถูกลากด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลของหลิวไห่ ตอนนี้เรียกได้ว่างานของพวกมันใกล้เสร็จสมบูรณ์เต็มที่ เมื่อมันนํากระสอบที่บรรจุค้างคางฝูงนี้ออกไปยังภายนอกก็เป็นอันเสร็จลุล่วงแล้ว เพราะค้างคาวปีกเหล็กอีกร้อยตัวที่ยังบินว่อนหลงเหลืออยู่ภายในถ้ำนี้จะถูกจัดการกักเก็บด้วยทีมของจิ้นเหอเป็นการปิดฉากที่สวยงามกับการเผชิญหน้ากับถ้ำค้างคาวสําหรับงานที่ได้รับมอบหมายจากหลินหยาง
@*!$%^A
ขณะนั้นเองจู่ๆมีเสียงเอะอะโวยวายเกิดขึ้นมาจากด้านหลังฝูงค้างคาวปีกเหล็ก