เทพอสูรสยบโลกา – ตอนที่ 667

เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 667 สัตว์อสูร

 

ครีนน

 

เกิดการสั่นสะเทือนรุนแรงราวกับฟ้าจะถล่มดินทลาย หลินหยางมีสีหน้าแตกตื่นตกใจกับสถานการณ์ไม่คาดฝัน โลกทั้งใบตกอยู่ในความโกลาหล

 

ตูมม

 

สิ่งที่คิดว่าเป็นกําแพงไม่สามารถคงสภาพอยู่ได้อีกต่อไปจากรอยร้าวที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆมันทรุดตัวแตกออกจากกัน

 

อ๊ากก

 

ฉับพลันนั้นเองร่างหลินหยางเคลื่อนย้ายในพริบตาโดนมิใช่เจตจํานงของเจ้าตัวแต่เพราะแรงดึงดูดมหาศาลที่ดูดร่างเขาเข้าประกบติดกับรอยแตกขนาดใหญ่หนึ่งจุดที่ใกล้กับตนมากที่สุด

 

หลินหยางส่งเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดทรมาณ ร่างกายส่วนบนราวกับถูกถลกหนังทั้งเป็น

 

ชายหนุ่มกัดฟันทนกับความเจ็บที่แทบจะทุบทําลายสติ ตอนนี้ในหัวของเขาคิดสิ่งใดไม่ออกเลยแม้แต่น้อย ความต้องการของเขาในตอนนี้คือบรรเทาความเจ็บปวดนี้ให้หายไปเสียก่อน เขาใช้สองมือจับรอยแยกตรงกึ่งกลางลําตัวในแนวยาวพร้อมกับเค้นเรี่ยวแรงดึงให้รอยแยกดังกล่าวขยายใหญ่ขึ้นสุดกําลังทีละน้อยจนมีความกว้างราวครึ่งเมตร เพียงพอจะให้แทรกตัวผ่านเข้าไปได้และรอยแยกดังกล่าวก็ดูดร่างหลินหยางเข้าไปภายในโดยไม่สามารถต้านทานได้

 

วูบ

 

แรงกดดันที่หนักอึ้งส่งผลให้สติชายหนุ่มเลือนลางไม่ชัดเจน เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาเคลี่อนที่ไม่หยุดไปตามแรงดึงดูด หลินหยางคับคล้ายคับคราเสมือนเคยผ่านสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกันมาก่อน นึกย้อนกลับไปหลายเดือนก่อนในยามที่เขาก้าวเข้ามาในประตูสวรรค์ ระหว่างการเดินทางยังจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกใบเก่าและใหม่ช่างคล้ายคลึงกันอย่างยิ่ง

 

ไม่นานนักชายหนุ่มก็พอจะจับทิศทางที่ตนมุ่งหน้าไป นั่นคือด้านบน ร่างกายของเขาถูกดึงขึ้นไปด้านบนด้วยความเร็วมหาศาลจนมิสามารถประมวลผลภาพที่มองเห็นได้ มันรวดเร็วเกินไปที่จะจดจ่อสมาธิ

 

เขาแหงนหน้าขึ้นมองไปยังด้านบนไม่พบจุดสิ้นสุดของเส้นทางที่กําลังมุ่งหน้าไม่เห็นจุดหมายปลายทางของแรงดึงมหาศาลนี้เลย

 

กระดูกเริ่มส่งเสียงแปลกๆ ผิวหนังเจ็บแสบ กล้ามเนื้อปวดร้าวราวกับร่างกายจะแตกเป็นเสียงๆ สติค่อยๆจางลงทีละน้อย ภาพที่เห็นหดเล็กลงเรื่อยๆกระทั่งมืดไม่เห็นสิ่งใดพร้อมกับประสาทรับรู้ปิดตัวลงในที่สุด ไม่อาจคงสติได้อีกต่อไป

 

ภายในปารกทึบแห่งหนึ่ง

 

ปาแห่งนี้กว้างไกลครอบคลุมพื้นที่หลายสิบกิโลเมตร มีต้นไม้ต้นหญ้าหลายร้อยชนิดเจริญเติบโตเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าคณานับ

 

” อันอัน ข้าว่าพวกเรากลับกันเถอะ” ชายหนุ่มอ่อนวัยรายหนึ่งกล่าวขึ้น

 

“ถ้าท่านลุงรู้ว่าเราเข้ามาในปานี้อีก ข้าเกรงว่า…” เสียงชายหนุ่มน้อยอีกรายกล่าวเสริม พวกมันทั้งคู่กําลังร่วมใจโน้มน้าวสหายร่วมเดินทางที่กําลังนําขบวนเดินผ่าแหวกหญ้ารกด้วยสีหน้าสนุกสนาน

 

“หากเจ้าไม่พูดข้าไม่พูด ท่านพ่อก็ไม่รู้หรอกน่า นี่ดูเจ้าตัวนั้นสิ มันน่ารักจังเลย” เสียงใสของสาวน้อยวัยแรกแย้มตอบกลับชายหนุ่มทั้งสองพร้อมกับชี้มือชี้ไม้ไปยังสิ่งมีชีวิตตัวนึงที่คล้ายคลึงกับกระต่ายกําลังกระโดดไปมาอยู่ในระยะไกล เจ้ากระต่ายตัวนั้นรับรู้โดยสัญชาติญาณมันเผ่นหนีกระโดดโหยงเหยงไกลออกไปเรื่อยๆ

 

“แต่เวลาตอนนี้มัน…” ชายตัวน้อยกล่าวพลางหันมองท้องฟ้าที่บ่งบอกถึงเวลาพลบค่ําอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าเต็มที

 

”ตามมันไปกันเถอะ!” แม่นางน้อยหาได้สนใจไม่ กล่าวอย่างตื่นเต้นราวกับไม่เคยพบสิ่งมีชีวิตตัวนั้นมาก่อน นางคว้าข้อแขนของเด็กชายที่ขนาบซ้ายขวาลากพวกมันวิ่งตามกระต่ายตัวน้อยไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

บุรุษตัวน้อยจําต้องติดตามไปด้วยความจําใจมุ่งหน้าเข้าไปลึกในป่ามากยิ่งขึ้น

 

พวกมันทั้งสามหากเทียบกับมนุษย์แล้วคงอยู่ในช่วงวัยเด็กที่ยังไม่โตเต็มวัยอายุรุ่นราวคราวสิบสามสิบสี่เห็นจะได้ เหตุใดต้องเปรียบกับมนุษย์หนะหรือ? นั่นเพราะเด็กน้อยทั้งสามตนมิใช่มนุษย์!

 

พรีบ

 

ขณะที่สาวน้อยกําลังตื่นเต้นปีกสีดําที่ประดับอยู่บนแผ่นหลังสั่นระริกตอบสนองต่ออารมณ์ของผู้เป็นนาย

 

มองไปยังบุรุษตัวกระจ้อยทั้งสองเองแผ่นหลังของพวกมันก็มีปีกนี้อยู่เช่นกัน ปีกที่ขยับไปมาตามการเคลื่อนไหวของร่างกายบางครั้งกางออก บางทีก็หุบเข้า บ้างก็สบัด นอกเหนือจากปีกสองข้างที่ประดับบนแผ่นหลังรูปลักษณ์ไม่ได้ต่างไปจากมนุษย์ เรียกได้ว่าคล้ายคลึงกับมนุษย์ยิ่งกว่าเผ่าครึ่งคนครึ่งสัตว์ที่มีขนงอกยาวตามร่างกายเสียอีกหากไม่มีปีกที่ผิดธรรมชาติอยู่ละก็นะ

 

ตุบ

 

กระต่ายตัวน้อยหนีการไล่ล่าเป็นผลสําเร็จ มันหมุนตัวหันมองไปยังด้านหลังบัดนี้ไม่พบผู้ที่ติดตามมันมาทั้งสามรายแล้ว

 

ฟูวว

 

ตอนนั้นเองมีกระแสลมพัดผ่านมาจากส่วนลึกภายในปา พัดพาเอาเศษฝุ่นและใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นมาตามลมพร้อมกับกลิ่นไม่พึงประสงค์บางอย่างที่ลอยเตะจมูกโชยมาแต่ไกล

 

ฟีด

 

กระต่ายตัวน้อยขยับจมูกสูดอากาศฟุดฟิดคล้ายกับกําลังสูดดมกลิ่น ไม่นานนักดวงตากลมโตของมันก็เป็นประกายแวววับกระโดดโหยงมุ่งทวนทิศทางลมทันที

 

ไม่ไกลจากจุดที่กระต่ายตัวน้อยหยุดพักเมื่อครู่มากนัก ผู้ติดตามวัยเยาว์ทั้งสามปรากฏกายออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ พวกมันทั้งสามพรางตัวหลบซ่อนแอบติดตามเจ้ากระต่ายที่ไร้เดียงสาโดยที่มันไม่รู้ตัวเลย

 

เด็กสาวมองกระต่ายกระโดดไปไกลดวงตาเป็นมันเธออยากกระโจนเข้าไปกอดและหอมเจ้ากระต่ายแสนน่ารักตัวนี้ให้รู้แล้วรู้รอด

 

ทั้งสามค่อยย่องฝีเท้าติดตามเป้าหมายไปอีกครั้ง

 

พรึบ

 

เด็กสาวยกขึ้นขวางเป็นสัญญาณให้ผู้ติดตามทั้งสองหยุดสงบนิ่ง ตอนนี้เป้าหมายของเธอหยุดการเคลื่อนไหวแล้ว

 

ฟื้ดๆ

 

เจ้ากระต่ายส่งเสียงร้องอย่างดีใจเมื่อมันพบสิ่งที่ตนตามหา

 

“นั่นอะไรน่ะ?? เด็กสาวเอ่ยถามเมื่อเธอพบสิ่งผิดปกติที่อยู่ใต้ตัวกระต่าย เด็กชายทั้งสองพยายามเพ่งมองสิ่งนั้นให้กระจ่างชัด แต่ก่อนที่พวกเขาทั้งสามจะได้รับคําตอบด้วยตนเองเจ้ากระต่ายตัวจ้อยก็เป็นผู้เฉลยไขข้อกระจ่างชัดเมื่อมันก้มลงเอาใบหน้ามุดลงไปเบื้องล่างและเงยกลับขึ้นมาพร้อมกับของเหลวที่เปรอะเปื้อนบนใบหน้ากระต่ายน้อยแสนน่ารักกลายเป็นสีแดงสวยสดงดงาม

 

มันคือเลือด!

 

มองต่ําลงจุดที่เจ้ากระต่ายเหยียบอยู่มันคือร่างใครคนหนึ่งนอนแน่นิ่งไม่รู้สึกตัวทั่วร่างมีบาดแผลฉกรรจ์สามารถเรียกได้ว่าบาดเจ็บสาหัสเจียนตายซึ่งดูได้จากเลือดกองโตที่เอ่อนองย้อมผืนดิน

 

แพล่บ

 

เจ้ากระต่ายแลบลิ้นยาวตวัดโลมเลียเลือดนําเข้าปากด้วยความเอร็ดอร่อยที่แสดงออกทางสีหน้า

 

นี่มันใช่กระต่ายน้อยที่แสนน่ารักตัวนั้นจริงๆรีนี่

 

แกรัก

 

เด็กชายตัวน้อยรายหนึ่งตกใจกับภาพที่เห็นมันผงะถอยหลังเผลอเหยียบลงบนกิ่งไม้ท่อนหนี้งส่งเสียงปลุกให้เจ้ากระต่ายรู้ตัวว่าที่แห่งนี้มิได้มีเพียงแค่มัน

 

เจ้ากระต่ายหันควับจ้องเขม็งส่งเสียงขู่แยกเขี้ยวเผยให้เห็นฟันแหลมยาวแหลมที่มีคราบเลือดติดอยู่อย่างน่าสยดสยอง

 

“สัตว์อสูร!” เด็กสาวกล่าวด้วยน้ําเสียงแห่งความหวาดกลัวใบหน้าซีดขาว

 

ฟุบ

 

เจ้ากระต่ายดีดขากระโจนตัวเข้าหาเด็กน้อยทั้งสามอย่างฉับพลันอ้าปากกว้างโชว์ฟันแหลมคมพุ่งฝาอากาศหมายขย้ําลําคอของเด็กสาว

 

กร็ด

 

เมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ที่เกินความคาดหมายถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว สาวน้อยกรีดร้องดัง ลั่นด้วยความหวาดกลัว

 

ซูมมา

 

เกิดคลื่นลมระเบิดเป็นวงกว้างโดยที่เธอเป็นจุดศูนย์กลาง ต้นไม้ใบหญ้าปลิวไสว เจ้ากระต่ายที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศถูกผลกระทบอย่างจังร่างมันกระเด็นกระดอนไปไกลหมุนคว้านหลายตลบก่อนที่จะกลับตั้งหลักทรงตัวอีกครั้ง คลื่นลมปริศนาเมื่อครู่มิได้ทําอันตรายใดๆให้แก่มันเลยดวงตาของมันหรี่เล็กแสดงถึงความดุร้ายที่เพิ่มมากขึ้น ตามร่างกายมีกล้ามเนื้อขยายตัวนูนเด่นร่างกายขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเกือบครึ่ง โดยเฉพาะขาหลังทั้งสองข้างของมันที่โตขึ้นเกือบเท่าตัวจากกระต่ายตัวน้อยขนปุกปุยกลายเป็นกระต่ายร่างกํายําไปเสียแล้ว

 

เด็กชายตัวน้อยสองตนได้สติเร่งร้อนรุดหน้ามายืนบังปกป้องร่างของเด็กสาวอย่างกล้าหาญผิด กับสีหน้าที่แสดงออกถึงความหวาดกลัวหาใดเปรียบ ร่างกายสั่นระริก หนึ่งในสองล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อควานหาบางสิ่งด้วยความลุกลี้ลุกลนนําของบางอย่างออกมา

 

มันเป็นสิ่งประดิษฐ์รูปทรงกระบอกขนาดกํามือยาวราวหนึ่งคืบสีดํามีลวดลายคล้ายอักขระสีแดงประทับตราอยู่

 

เด็กชายชูกระบอกชิ้นนั้นขึ้นเหนือศรีษะหมุนให้ตราประทับอยู่กึ่งกลางฝ่ามือ

 

ฟ้ววว

 

ตุ้มม

 

ทันใดนั้นเองมีแสงไฟพุ่งเป็นเส้นตรงขึ้นบนท้องฟ้าพร้อมกับแตกกระจายตัวสร้างเสียงคล้ายระเบิดดังก้องไปทั่วทั้งผืนป่า บนท้องฟ้ามีแสงสีแดงลูกใหญ่ส่องสว่างอยู่ครู่นึงก่อนจะค่อยจางหาย

 

เทพอสูรสยบโลกา

เทพอสูรสยบโลกา

Score 7.1
Status: Ongoing Released: N/A Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง เทพอสูรสยบโลกาประเทศจีน ปี ค.ศ. 2025 จู่ๆ เกิดแผ่นดินไหวขึ้นทั่วโลก และ มี”ประตู” ประหลาดเกิดขึ้นทั่วทุกเมืองใหญ่ทั่วโลก พร้อมกับเสียงปริศนา “มนุษย์เอ๋ย พวกเจ้าอยากเปลี่ยนแปลงโชคชะตาหรือไม่ อำนาจ เงินทอง วาสนา ความมั่งคั่ง หากอยากเปลี่ยนแปลง เชิญเข้ามาที่ประตูนี้ จักต้อนรับพวกเจ้า” เรื่องราวแห่งตำนานกำลังจะเริ่มขึ้น

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset