เทพอสูรสยบโลกา – ตอนที่ 698

ตอนที่ 698 แสนยานุภาพ

 

ยังมิทันได้กล่าวขอบคุณกิ่งไม้ที่พาพวกมันกลับมาอย่างปลอดภัยก็ได้หายวับไปเสียแล้ว

 

หัวหน้าหน่วยทั้งสองมองหน้ากันด้วยอารมณ์อันหลากหลาย โดยเฉพาะหน่วยสอดแนมที่เดินทางมาจากระยะที่ไกลที่สุดจากชายแดนฝั่งอสูรทุลักทุเลมาจนถึงชายป่าแดนปีศาจ ความรู้สึกที่พวกมันได้รับนั้นเป็นการกด ดันในแค่ช่วงแรกเริ่มที่ถูกล้อมโดยสัตว์อสูรเพียงแค่ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นก็กลายเป็นการเดินทางไกลที่ค่อนข้าง ลุ้นระทึกจนกระทั่งมาพบกับหน่วยลาดตระเวนจึงกลายเป็นความสนุกสนานในการสนทนากลุ่มตลอดเส้นทาง ซึ่งแท้จริงแล้วพวกมันต่างเสาะหาเรื่องราวมิให้บทสนทนาหยุดลงเพื่อมิให้ตนเองคิดฟุ้งซ่าน

 

“ถึงซักที”

 

“โว้วว!?”

 

ด้านหลังของหน่วยสอดแนมและหน่วยลาดตระเวนมีผู้คนส่งเสียงอย่างครึกครื้น เมื่อหันกลับไปมองพบว่าบัดนี้มีนักรบปีศาจมากกว่าร้อยนายที่แต่งองค์ทรงเครื่องครบยศตามหน่วยงานที่ตนสังกัดอยู่ ดังเช่นหน่วยสอดแนม หน่วยลาดตระเวน บางรายสวมใส่ชุดผ้าลื่นเรียบง่ายบางเบาได้เกราะเหล็กเหมาะสำหรับการเคลื่อนไหวไม่ติดขัด ซึ่งเป็นจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับหน่วยย่อยอื่นๆ หน้าที่ของพวกมันคือการติดต่อสื่อสารไม่ต่างไปจากม้าเร็วที่คอยประสานงานให้แก่หน่วยที่สังกัดอยู่ในป่า

 

หลังจากส่งเป้าหมายถึงฝั่งฝัน กิ่งไม้ที่งอกออกมาจากต้นไม้โดยรอบกว่ายี่สิบต้นที่ถูกควบคุมโดยผู้ใช้วิชาพฤกษาก็ได้ลาจากแยกตัวกลับเข้าไปในส่วนลึกของป่าอสูรทำหน้าที่ของตนดังเดิม

 

“อ้าว สหายข้าเจ้าก็มาอยู่ที่นี่เหมือนกัน”

 

“น้องชายข้าล่ะ น้องข้าอยู่ไหน?”

 

“โอ้ นี่มันท่าน…” เหล่าผู้มาชุมนุมโดยมิได้นัดหมายจึงเกิดความชุลมุนวุ่นวายเป็นธรรมดา

 

“นักรบทุกท่าน ข้าว่าเวลานี้เราควรกลับไปยังฐานที่มั่นก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อมิให้เกะกะขวางการทำหน้าที่ของทีมช่วยเหลือ” ผู้นำหน่วยสอดแนมกล่าวหยุดความโกลาหล

 

แน่นอนว่าพวกมันย่อมเห็นดีเห็นงามด้วยเป็นแน่แท้

 

และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ผู้นำหน่วยลดระดับความสูงเปลี่ยนไปใช้การเดินทางบนภาคพื้น เนื่องด้วยมันอยู่ด้านหน้าสุดของกลุ่มมันจึงเป็นผู้นำขบวนทัพมุ่งหน้าออกจากป่าอสูร

 

แทบจะทันทีทันใด ประสาทรับฟังแปรปรวน หูแทบดับเมื่อมันก้าวออกสู่โลกกว้าง เบื้องหน้าของมันเต็มไปด้วยนักรบเผ่าปีศาจเรียงรายเป็นแถวหน้ากระดานตั้งแต่ซ้ายจรดขวาไปไกลโพ้นจนมองเห็นร่างของมันเท่าเม็ดถั่ว ชะเง้อมองไปด้านหลังพบฝูงชนเรียงรายต่อแถวเรียงคิวจากหัวแถวยาวไกลไปจนสุดสายตาอีกเช่นเคย

 

ทิวทัศน์บริเวณนี้ราวกับมิใช่กลางคืน ความมืดมิอาจกลืนกลินจุดนี้ แสงสว่างจากเปลวเพลิงทั้งจากคบไฟจนเห็นชัดทุกหย่อมหญ้า แค่เพียงในมุมมองสายตาของคนผู้เดียวมิอาจเห็นครอบคลุม

 

“!?” ผู้นำหน่วยสอดแนมประหลาดใจกับจำนวนนักรบเผ่าปีศาจ มันไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดของแถวหน้ากระดานและแถวตอนนี้ได้เลย นี่เป็นครั้งแรกที่มันเห็นการตั้งขบวนทัพรวบรวมกำลังพลมากที่สุดในชีวิต มันมากกว่าหนึ่งแสน ไม่สิเมื่อคิดถึงจำนวนที่อยู่นอกเหนือระยะการมองเห็น หากทั่วบริเวณมีการจัดวางกำลังอย่างสม่ำเสมอไปจนถึงกำแพงเมืองปีศาจ บางทีอาจจะมีมากกว่าหนึ่งล้านนายก็เป็นได้

 

มองเหนือพื้นดินขึ้นไปบนท้องฟ้าก็พบกับกองทัพอากาศจ้าวแห่งท้องนภาผู้ใช้พลังแห่งวายุ สวมใส่เกราะสีเหลืองอร่ามที่มีจำนวนมากมายมหาศาลไม่ด้อยไปกว่าจำนวนคนบนภาคพื้นดินสักเท่าไหร่ ในทัพอากาศนี้มีนักรบจากทัพหลวงปีศาจที่สวมใส่เกราะสีดำทมิฬกระพือปีกประจำกาย ผู้ร่ำชองใช้อาวุธโจมตีระยะไกลไม่ว่าจะเป็นธนูใหญ่และเล็กหรือแม้แต่อาวุธขว้างเช่นหอก แทรกอยู่ในกลุ่มจำนวนหนึ่ง

 

ทัพทางอากาศนี้สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดของขบวนทัพอาจเป็นเพราะจำนวนที่มีน้อยกว่าทัพบนภาคพื้นดิน ใช่จำนวนของมันหากเทียบกับขบวนทัพบนภาคพื้นดินแล้วอาจน้อยกว่า อย่างไรก็ตามจากการคาดเดาจำนวนคร่าวๆด้วยสายตามันก็ยังมีมากกว่าห้าแสนนายเสียอีก ซึ่งนี่ก็ยังมิรวมถึงเหล่านักรบปีศาจเกราะเหลืองผู้ที่มาจากเมืองเดียวที่ตอนนี้กำลังปฏิบัติหน้าที่ให้การช่วยเหลืออยู่เหนือท้องฟ้าป่าอสูรซึ่งนำโดยแม่ทัพภู่เฉิน

 

นี่เป็นครั้งแรกที่มันเห็นแสนยานุภาพขุมพลังของทัพปีศาจที่น่าตื่นตาตื่นใจชวนขนลุกเป็นครั้งแรก แม่ในอดีตมันจะตื่นเต้นกับการเรียกรวมพล ฝึกซ้อมการรบเห็นกองทัพอันองอาจหนึ่งแสนนายซึ่งมันก็เป็นหนึ่งในนั้นมาแล้ว แต่มิอาจเอามาเทียบกับสถานการณ์จริงได้

 

ในตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นช่วงของการจัดระเบียบแถวขบวนทัพ เนื่องจากผู้ที่มีบทบาทในการเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรแท้จริงแล้วยังมีอยู่แค่สองกลุ่มเท่านั้น นั่นก็คือทีมช่วยเหลือที่นำโดยเมืองแห่งวายุและเมืองแห่งพฤกษา อีกหนึ่งก็คือหน่วยย่อยทั้งหลายที่ติดอยู่ในป่าอสูร ฉะนั้นแล้วนอกจากการจัดขบวนทัพแล้วก็ทำได้เพียงแค่การดูภาพเหตุการณ์ภายในป่าอสูรด้วยตาของตนเอง

 

เมื่อนานเข้าเหล่านักสู้ร่วมล้านเริ่มพูดกันกันอย่างออกรสออกชาติ สนทนาเกี่ยวกับทิศทางการต่อสู้ บ้างก็กล่าววาจาคุยโวโอ้อวดวีรกรรม บางายก็ถามสารทุกข์สุขดิบกับสหายเก่าที่ไม่พบเจอกันมาเนิ่นนานหรือผูกมิตรกับสหายใหม่ พวกมันไม่มีอะไรทำนั่นเองและเมื่อนำเสียงของคนนับล้านเข้ามารวมกันเกิดเสียงรบกวนไปทั่วบริเวณบางรายที่กำลังสนุกกับบทสนทนาเมื่อถูกรบกวนก็ยิ่งเพิ่มระดับเสียงของตนมากขึ้นเกทับเสียงของผู้อื่นเป็นเช่น นี้ไปทอดๆจนกระทั่งกระจายวงกว้างไปทั้งกองทัพ ระดับเสียงของพวกมันยิ่งเพิ่มความดังทวีคูณผสมปนเปจนฟังไม่ได้ศัพท์

 

“เอ้า เจ้าพวกนั้นน่ะ จะยืนเกะกะขวางทางไปถึงเมื่อไหร่กัน” ทันใดนั้นเองมีเสียงชายผู้หนึ่งตะโกนเสียงดังแทรกขึ้นมา

 

ผู้นำหน่วยสอดแนมที่มองซ้ายขวาอย่างสับสน มันไม่อาจจับต้นชนปลายจับทิศทางได้อย่างที่ควรเป็นเนื่องจากเสียงรบกวน ก่อนสายตาของมันจะตรวจพบชายผู้หนึ่งซึ่งมีความน่าจะเป็นว่ามันผู้นี้คือผู้เปร่งวาจาที่อยู่ห่างจากมันไม่ถึงหนึ่งเมตร ชายผู้นี้สวมใส่ชุดคลุมยาวปักลวดลายสีเขียวอยู่กลางหน้าอกเป็นสัญลักษณ์ขีดขวางในแนวยาวและขีดแนวตั้งทับระหว่างกึ่งกลาง มันคือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่ามันเป็นคนของหอโอสถนั่นเอง

 

ชายผู้นี้ชะเง้อซ้ายเบี่ยงขวาชี้นิ้วนับจำนวนคนที่พึ่งออกมาจากป่าอสูร

 

“เอาล่ะ พวกเจ้าตามข้ามา” มันกล่าวต่อพร้อมกับกวักแขนคุยภาษามือไปด้วยเพื่อเสริมให้แก่ผู้ที่อยู่ด้านหลังต่อกรกับเสียงรบกวน

 

ผู้นำหน่วยผู้เป็นแกนนำผงกหัวเดินตามมันไปทันที

 

ผู้รอดชีวิตนับร้อยที่ตอนนี้ยังตกอยู่ในห้วงความสับสน เดินตามต้อยๆเป็นแถวโดยใช้สายตามองเก็บบรรยากาศรอบๆด้วยความตื่นตา

 

ชายผู้สังกัดหอโอสถนำพวกมันฉีกไปทางด้านซ้ายเดินเรียบไปตามขบวนทัพแถวหน้ากระดานแสดงความเกรียงไกรของกองทัพปีศาจที่ผ่านตาของพวกมันไปอย่างต่อเนื่อง ยิ่งมายิ่งตื่นตระหนกที่พวกมันเดินเท้ากันมาร่วมกิโลเมตรก็ยังไม่พบจุดสิ้นสุดของของขบวนทัพแห่งนี้

 

เวลาผ่านไปราวสิบนาที ในที่สุดมันก็เห็นจุดเปลี่ยนแปลงของขบวนทัพอันองอาจ โดยระแวกนี้ไม่ใช่มีเพียงแต่ทหารหลวงจากเมืองหลวงปีศาจที่สวมใส่ชุดสีดำทมิฬ มันยังทอดแทรกด้วยไปกำลังทัพจากเมืองอื่นที่มีสวมใส่ชุดเกราะสีเขียวขจีสดผ่อนคลายสายตาพร้อมกับสัญลักษณ์ที่ปักอยู่หน้าอกของพวกมัน”ไม่” พวกมันคือผู้ใช้วิชาพฤกษาจากเมืองเซียนลุ่ยนั่นเอง

 

ผู้นำหน่วยสอดแนมมองกวาดสายตาพบว่าจำนวนของผู้มาจากเมืองเซียนลุยนี้ก็มิได้ด้อยไปกว่ากำลังพลของทัพเหลืองผู้ใช้วิชาวายุเลย

 

นักรบเกราะเขียวเหล่านี้มิได้ว่างเว้นดังทัพหลัก พวกมันกว่าครึ่งคุกเข่าก้มหน้าหลับตาใช้สองมือยันอยู่บนพื้นดิน มองที่หลังมือของพวกมันมีกิ่งไม้ขนาดเหล็กงอกออกมาโค้งงอแทงลงบนพื้นดิน

 

เดินเลยมาอีกเล็กน้อยจะพบการจัดรูปขบวนที่แปลกประหลาดพิศดาร เพราะบริเวณนี้มีนักรบเกราะเขียวตั้งกลุ่มล้อมกันเป็นวงกลมอยู่หลายจุด แต่ละกลุ่มมีสมาชิกเฉลี่ยห้าคน

 

เมื่อเอาภาพที่เห็นมาประมวลกับองค์ความรู้ ก็พอจะบอกได้ว่ากลุ่มนี้คือกลุ่มที่รวมพลังใช่วิชาจองจ่าพฤกษาในการจับกุมมัดเหยื่อติดกับโคนต้นไม่ใหญ่อย่างที่ได้รับรู้มา

 

“ผู้นำทางแห่งข้า ข้าอยากกล่าวขอบคุณท่านจริงๆ แต่ว่า…. ผู้นำหน่วยสอดแนมคิดขึ้นในใจ มันยังมิทันได้กล่าวขอบคุณกิ่งไม้ผู้นำทางที่พาพวกมันกลับมาอย่างปลอดภัย เดิมที่มันคิดว่าหลังจากกลับออกมาแล้วจะหาตัวคนผู้นั้นและกล่าวความในใจโดยตรง แต่ทว่าเมื่อดูจากจำนวนคนหลายแสน ที่อยู่จุดนี้แล้วมันเกรงว่าการจะควานหาคนผู้หนึ่งที่มันไม่รู้จักใบหน้าค่าตา บางทีอาจจะยากกว่าการงมเข็มในมหาสมุทร…

เทพอสูรสยบโลกา

เทพอสูรสยบโลกา

Score 7.1
Status: Ongoing Released: N/A Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง เทพอสูรสยบโลกาประเทศจีน ปี ค.ศ. 2025 จู่ๆ เกิดแผ่นดินไหวขึ้นทั่วโลก และ มี”ประตู” ประหลาดเกิดขึ้นทั่วทุกเมืองใหญ่ทั่วโลก พร้อมกับเสียงปริศนา “มนุษย์เอ๋ย พวกเจ้าอยากเปลี่ยนแปลงโชคชะตาหรือไม่ อำนาจ เงินทอง วาสนา ความมั่งคั่ง หากอยากเปลี่ยนแปลง เชิญเข้ามาที่ประตูนี้ จักต้อนรับพวกเจ้า” เรื่องราวแห่งตำนานกำลังจะเริ่มขึ้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset