ตอนที่ 704 กําลังทหาร
ถู่เฉินและผู้ติดตามใช้เวลาเคลื่อนที่ไม่นานนักก็มองเห็นแนวป้องกันของเผ่าปีศาจอยู่ไม่ไกล พวกมันใกล้ถึงจุดหมาย
“พวกท่านไปแจ้งข่าวให้เหล่าแม่ทัพหน่วยอื่นๆ ส่งนักรบมือดีที่มีความคล่องตัวสูงมาคอยสอดแนมการเคลื่อนไหวของพวกมัน ส่วนข้าจะกลับไปยังศูนย์บัญชาการใหญ่” ถู่เฉินกล่าวเสร็จมันเร่งความเร็วรุดหน้ามุ่งตรงกลับศูนย์บัญชาการ ณ กําแพงเมืองหลวงปีศาจในทันที ส่วนผู้ติดตามทั้งเก่าไม่รอช้าทําตามคําสั่งอย่างเคร่งครัดกระ จายตัวกันออกไปคนละทิศทางแจ้งข่าวสารให้แก่แม่ทัพนายกอง ผู้นําหน่วยต่างๆบอกเล่าในสิ่งที่พวกมันพบ เพื่อเตรียมรับมือกับศัตรูตั้งแต่เนิ่นๆ
หน่วยสอดแนมทั้งสิบในตอนนี้เปลี่ยนหน้าที่เล็กน้อย พวกมันกําลังง่วนอยู่กับการขุดดิน เจาะโคลน ย้ายต้นไม้ ค้นหาและยืนยันการเสียชีวิตของทหารฝ่ายตนเองและยืนยันสัญญาณชีวิตของศัตรูอย่างสัตว์อสูรหลังแรงระเบิด
ผู้ที่ติดค้างอยู่ในป่าอสูรรับแรงระเบิดแต่เดิมที่บาดเจ็บหนักล้วนถูกนําออกจากพื้นที่นี้จนหมดสิ้น ส่วนคนที่ร่างกายไม่บุบสลายไม่ได้รับบาดเจ็บล้วนอยู่ต่อแบ่งเบาภาระ
“นั่นท่านถู่เฉินใช่ไหมน่ะ” หนึ่งในสมาชิกหน่วยยืดเส้นยืดสายแก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย ประจวบเหมาะเป็นเวลาเดียวกันที่มันเห็นบุคคลผู้หนึ่งบินผ่านศรีษะของตนด้วยความเร็วยิ่งยวด ทิ้งเสียงฉีกกระชากสายลมไว้ด้านหลัง เหล่าสมาชิกมองตามถู่เฉินที่ตอนนี้บินไปไกลมุ่งตรงกลับเมืองอย่างรวดเร็ว
“ทุกท่านโปรดฟังทางนี้” ในตอนนั้นเองมีชายผู้หนึ่งลอยมาอยู่เหนือศรีษะของหน่วยสอดแนมทั้งสิบพร้อม กับตะเบ็งเสียงดังดึงดูดความสนใจของทุกผู้คนที่กําลังร่วมปฏิบัติหน้าที่ในรอบบริเวณ มันผู้นี้คือชายชราหนึ่งในผู้ติดตามของถู่เฉิน
“ตอนนี้พวกเราได้สืบข่าวมาว่าพวกสัตว์อสูรกลุ่มใหญ่กําลังยกทัพเคลื่อนพลมายังป่าอสูร!” มันกล่าวต่อ
‘สัตว์อสูร!?’
‘อะฮ่า ดูท่าพวกมันจะไม่หลาบจํา’
‘ให้มันเข้ามา ข้าจะได้แสดงฝีมือสักที’
เหล่าชายฉกรรจ์ส่งเสียงจอแจ โดยเฉพาะหน่วยย่อยทั้งหลายที่อยากแก้มือเอาคืนเหล่าสัตว์อสรหลังจากถูกลอบโจมตีทําให้พวกมันเสียท่ากันยกใหญ่
“ขอให้นักรบทุกท่านละทิ้งหน้าที่ทั้งหมดและกลับไปรวมตัวกันที่ขบวนรบโดยไว” ชายผู้ประกาศข่าวสารกล่าวต่อก่อนจะเคลื่อนย้ายไปยังจุดอื่นกระจายข่าวให้ทั่วถึงทุกกลุ่ม
‘อะไรน่ะ? ทําไมพวกเราต้องกลับไปตั้งขบวนรบที่เดิมด้วยล่ะ ตอนนี้เราก็ยึดป่าอสูรได้แล้วมิใช่หรือ งั้นทําไม เราไม่ตั้งขบวนรบบนพื้นที่นี้ไปเลยล่ะ?’
‘นั่นสิ ข้าว่าหากพวกเราสร้างฐานที่มั่นตรงนี้พวกเราจะได้เปรียบยิ่งกว่าพวกมันอีกมิใช่รึ พื้นที่ทางฝ่ายเราก็จะเพิ่มขึ้นแถมยังกดดันศัตรูได้อีกด้วย’
‘เจ้าโง่ พื้นที่ตรงนี้เต็มไปด้วยซากศพและซากต้นไม้ แถมพื้นดินก็ไม่ราบเรียบเสมอกันอีก’
เหล่าชายฉกรรจ์ต่างออกความเห็นเดินจับกลุ่มกันออกนอกพื้นที่ตามคําสั่ง
“เร่งมือเข้า”
“ตรงนั้นน่ะ รีบหน่อย”
“พวกเจ้าใช้เวลามากเกินไปแล้ว”
ยี่สิบนาทีผ่านไป ตอนนี้เหลือผู้คนอยู่ในพื้นที่ป่าอสูรเพียงหยิบมือ ส่วนที่เหลืออพยพออกไปเกือบหมดแล้ว
“หัวหน้า แล้วพวกเราจะทํายังไงกับร่างของชายคนนี้?” สมาชิกหน่วยสอดแนมกล่าวถามผู้นําของตนตอนนี้ หน่วยสอดแนมทั้งสิบนายได้กลับมายังฐานแพทย์เป็นที่เรียบร้อยโดยแบกร่างผู้เสียชีวิตรายหนึ่งออกมาจากป่าอสูรด้วย
“เจ้าไปยืนยันตัวตนของชายผู้นี้จากส่วนกลาง หลังจากระบุตัวตนได้แล้วให้ไปแจ้งแก่ครอบครัวของเขา คนที่เหลือให้ไปช่วยงานแบ่งเบาภาระกลุ่มอื่นๆ” ผู้นําหน่วยกล่าวพร้อมกับนําขบวนสมาชิกที่เหลือแวะเวียนไปแต่ ละจุดที่ต้องการบุคลากรเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นช่วยเหลืองานในครัว จัดแถวจัดความเป็นระเบียบ วางคิวการรักษาแบ่ง เบาภาระหน่วยแพทย์ บทบาทในสนามรบไม่เหลือให้แก่หน่วยสอดแนมและสมาชิก หน้าที่ของพวกมันทั้งหมดจบลงเพียงเท่านี้
กําแพงเมือง
บนกําแพงเมืองตอนนี้เป็นศูนย์รวบรวมอํานาจการสั่งการของผู้มีบทบาทสําคัญจากหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าหน้า ที่เล็กใหญ่ระดับสูงหรือต่ําล้วนถูกมอบหมายจากส่วนนี้ ตั้งแต่ระดับสูงอย่างการวางตําแหน่ง วางแผนการรบ สืบเสาะพื้นที่ ค้นคว้าสายพันธุ์สัตว์อสูรชนิดใหม่ที่พบ หรือแม้กระทั่งเมนูอาหารสําหรับหล่อเลี้ยงกองทัพทั้งหมดก็ ถูกคิดค้นขึ้นที่นี่เช่นกัน
“นักรบเกราะเบาทางปีกซ้ายและขวาให้ถอนกําลังไปเติมแนวรบกองทัพหลัก ทดแทนพวกมันด้วยกําลังพลโจมตีระยะไกล?” ผู้มีบทบาทสําคัญที่สุดในยามศึกสงคราม แม่ทัพใหญ่ที่ตอนนี้ดํารงตําแหน่งโดยจอหมิงกล่าว ตอนนี้มันได้ออกคําสั่งจัดขบวนนูนเปลี่ยนทัพนี่ต่อผู้ใต้บังคับบัญชาไปมากมายหลายร้อยคําสั่งอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ศึกเริ่มแม้ตัวมันมิได้อยู่แนวหน้ามิเสียงอันตราย แต่ทว่ามันคือผู้ที่ทํางานหนักแบกรับภาระใหญ่หลวงที่สุด
สถานการณ์ที่แปรผันเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ทําให้มันผู้มีหน้าที่หาวิธีแก้เปลี่ยนวิธีรับมือวิเคาะห์ทิศทางการ รบให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา นับว่ามันทําหน้าที่ได้ดีเลยทีเดียวสําหรับการรับมือจากการโจมสายฟ้าแลบจาก เผ่าอสูรที่ไม่มีมูลเหตุของการโจมตีครั้งนี้และสัญญาณเตือนภัยใดๆ แม้กระทั่งหน่วยสอดแนมทั้งมวลยังไม่อาจสืบล่วงรู้การเคลื่อนไหวจนกระทั่งการลอบโจมตีเริ่มขึ้น
“ครับ!” ทหารสองนายตอบรับพร้อมกับสยายปีกบินมุ่งไปทางซ้ายและขวาของกองทัพแจ้งให้แก่นายกองร้อยกองพัน ถ่ายทอดคําสั่งของแม่ทัพจอหมิง
“ท่านแม่ทัพ ตอนนี้หน่วยมาดําทั้งหมดสามแสนนายพร้อมรับคําสั่งแล้วครับ!” ชายผู้นึงสวมใส่เครื่องป้องกัน ชนิดเหล็กแผ่นบางมีน้ําหนักเบาหุ้มลําตัว ต้นแขนและต้นขาเหมาะสําหรับการเคลื่อนที่มีความคล่องตัวสูงกล่าวรายงานด้วยความฮึกเหิม
“ดี! จ่อฮวน เจ้านําหน่วยม้าดําไปสบทบแนวหน้า” จ่อหมิงกล่าว
“ครับ!” จ่อฮวนผู้นําทัพม้าดําตอบรับอย่างกระตือรือร้น สิ้นเสียงมันกระโดดลงจากกําแพงสูงหลายสิบเมตร มองตามมันไปภายในกําแพงเมืองพบกองกําลังสามแสนนายใช้หอกยาวเป็นอาวุธ ควบขี่ม้าชนิดหนึ่งที่ดู เหมือน…สัตว์อสูร? ม้าชนิดนี้มีความสูงร่วมสามเมตร ขนของมันมีสีดําสนิททั่วทั้งตัว บนร่างกายบริเวณลําคอ ขา หน้าและขาหลังมีเกล็ดขึ้นคล้ายปลา ม้าแต่ละตัวสวมใส่เกราะเหล็กชนิดเบาคล้ายเจ้าของ ป้องกันศรีษะดวงตา และล่าตัว
เมื่อจอฮวนลงถึงพื้น มันตะโกนโหวกเหวกชี้ไม่ชี้มือ คล้ายปลูกขวัญกําลังใจเหล่าพลทหารก่อนจะขึ้นควบม้าของตนนําขบวนเดินทัพออกจากประตูเมืองอย่างองอาจผ่าเผย
“รายงานท่านแม่ทัพ นักรบจากเมืองฮุยและชนเผ่าเฉียนทั้งหมดแปดแสนนายเดินทางมาถึงแล้วครับ! ส่วน ทัพอินทรีย์เหล็ก วิหคเพลิงและอีกาดํา กําลังอยู่ในขั้นตอนการรวมพล คาดว่าจะพร้อมรบในเร็วๆนี้ครับ!” ชาย รายหนึ่งผู้มีหน้าที่ประสาน มันเร่งรุดมารายงานจื่อหมิงด้วยเสียงแหบหายใจฟืดฟาดแสดงออกถึงความเหน็ด เหนื่อย
“ทําไมพวกมันถึงเตรียมตัวได้ล่าช้ขนาดนี้ บอกให้พวกมันเร่งมือหน่อย ส่วนนักรบจากเมืองฮุยและเฉียน จัดหาที่พักให้พวกเขาด้วย” จ่อหมิงกล่าว ตอนนี้ภายในเมืองยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งดึกยิ่งคึกคักคึกครื้นมากขึ้นเรื่อยๆ มีกําลังพลจากทั่วทุกสารทิศต่างหลั่งไหลเข้ามาสมทบไม่ขาดสาย ซึ่งตอนนี้หากนับจากรายงานที่ได้รับการ ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้ว มีนักสู้เผ่าปีศาจจากเมืองต่างๆถูกส่งมามากกว่าสิบล้านนาย ซึ่งนี่เป็นเพียงส่วนน้อย เท่านั้น ยังไม่นับรวมผู้ที่ยังเดินทางมาไม่ถึงจากดินแดนอันห่างไกลอีกจํานวนมาก!