การเดินทางเป็นไปอย่างเชื่องช้าโดยเฉพาะเกวียนที่บรรทุกถังสุรายี่สิบถัง พวกเขาต้องสลับสับเปลี่ยนคนลากตลอด เนื่องจากลากไปได้ไม่ไกลผู้ที่ลากก็เหนื่อยหอบเพราะพวกเขาต้องระวังอย่างมากมิให้เสียสมดุล เรียกได้ว่าหนักทั้งกายและใจเลยทีเดียว
หลินหยางที่เดินนำขบวนยิ้มระรื่นตลอดทาง เมื่อมาถึงหมู่บ้านเอลฟ์คนของฉือเฉียวก็มารออยู่ก่อนแล้วพวกมันตรงดิ่งมาหาเขาทันที
“ถังนี่คืออะไร?” ชายคนนึงถาม
“สุราน่ะ ของกำนัลเล็กๆน้อยๆ” หลินหยางกล่าว
ชายคนนั้นเมื่อได้ยินก็ยิ้มแป้น เนื่องจากพวกมันมาถึงที่แห่งนี้กว่าหนึ่งปีแล้วมันคิดว่าคงมิได้เห็นสิ่งของมึนเมาอีก แต่ตรงนี้มีถังสุรากว่ายี่สิบถังมันอยากรีบกลับเมืองไปดื่มกินเสียให้เต็มคราบ
“ดีมาก เอาล่ะตามมา” เมื่อมันตรวจดูสิ่งอาหารครบตามที่ตกลงกันไว้พวกมันก็เดินนำทางเพื่อกลับไปยังเมืองของมันทันที
หลินหยางและพวกจึงเดินติดตามมันไปอย่างใกล้ชิด โดยมีเหล่าเอลฟ์ยืนมองจากหน้าหมู่บ้านคล้ายบอกกล่าวล่ำลาพวกเขาซึ้งในความมีน้ำใจของหลินหยางยิ่งนักที่มาช่วยเหลือให้พ้นภัยครานี้ สายตาพวกมันที่มองหลินหยางจึงเปร่งประกายเจิดจ้าคล้ายกับมองชายในฝัน?
หลินหยางที่ติดตามกลุ่มคนของฉือเฉียวเดินทางกันอย่างช้าๆ พลางสิ่งของเสียหาย พวกมันแม้เห็นเช่นนั้นก็มิได้ช่วยแบ่งเบาภาระกลับยืนคุมเข้มรอบขบวนพร้อมอาวุธครบมือคล้ายเกรงกลัวหลินหยางและพวกเล่นลูกไม้
“อีกไกลไหม” หลินหยางกล่าวเนื่องจากตอนนี้เดินทางออกมาจากเมืองเอลฟ์ร่วมสามสิบกิโลเมตรแล้วยังไม่มีวี่แววเมืองของพวกมัน
“ครึ่งวัน” ชายผู้เป็นหัวหน้าขบวนกล่าว
เมื่อได้ยินดังนั้นหลินหยางขมวดคิ้ว เพราะคนของเขาที่ต้องแบกของหนักแถมยังต้องเดินทางไกลนี่มันหนักหนาไม่น้อยเลยทีเดียว เขาจึงรู้สึกโกรธแค้นในใจเพราะมันไม่คิดจะช่วยพวกเขาแม้แต่น้อย
‘ฮึ่มเดวได้เห็นดีกัน’ หลินหยางคิดในใจ และเริ่มเดินทางต่อ
ตอนนี้ช่วงเย็นเมื่อเดินทางต่อพวกเขาก็พบสิ่งแปลกใหม่
เพราะพื้นที่บริเวณนี้มีบางอย่างแตกต่างจากเมืองของเขา บริเวณเมืองของเขาไม่ว่าจะมองไปทางใดก็มีแต่ทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตา
แต่เมื่อเดินทางใกล้ถึงเมืองของพวกมันตอนนี้บริเวณรอบๆมิได้มีเพียงทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม แต่มันมีต้นไม้ต้นเล็กๆ! มีแม้กระทั่งดอกไม้ผลิบาน คล้ายกับว่าบริเวณนี้ผืนดินมีความอุดมสมบูรณ์ยิ่งกว่าที่ที่เขาจากมา เมื่อมุ่งหน้าเดินต่อก็ยิ่งเจอต้นไม้และดอกไม้มากขึ้น
บางต้นก็เหลือเพียงตอไม้เท่านั้นคาดว่าคงโดนผู้คนตัดไปใช้สอยเป็นแน่ ยิ่งกว่านั้นแถวนี้มีเมืองเล็กเมืองใหญ่ชุกชุมเสียยิ่งกว่ารอบๆเมืองเขาเสียอีก เมืองแต่ละเมืองห่างกันไม่ถึงร้อยเมตรนับว่าแออัดยิ่งนัก
เห็นเช่นนี้หลินหยางก็อดตื่นเต้นและกังวลมิได้ เพราะเมืองที่แออันกันอยู่นั้นมีเพียงไม่กี่เมืองเท่านั้นที่ยังมองเห็นคนอยู่หน้าประตูเมือง เมืองที่แออัดกันเหล่านี้กลับเป็นเมืองร้างแทบทั้งหมด!
มิทราบว่าผู้คนภายในเมืองพวกนี้กี่ชีวิตต้องตกตายไป
แต่เขาก็ยังโล่งใจเพราะแถบนี้ห่างจากเมืองของเขาเกือบร้อยกิโลเมตร หากจะเดินทางมาหาสู่ก็ต้องเดินกันทั้งวันทีเดียว หากพวกมันต้องการบุกจู่โจมเมืองของเขาเพียงแค่การเดินทางก็ทำให้พวกมันเหนื่อยล้าอ่อนแรงแล้วมิต้องพูดถึงการสู้รบอันใด
ดังเช่นหลินหยางและพวก ตอนนี้พวกเขาก็เหนื่อยหอบเช่นกัน บางคนเริ่มหน้าซีดหายใจแรง
“ถึงแล้ว”
ณ ตอนนั้นเองราวกับได้ยินเสียงจากสวรรค์ เมื่อชายผู้นำทางชี้จุดหมายปลายทางตรงหน้า การเดินทางของพวกเขาสิ้นสุดลงเสียที
ตอนที่ 86 แผนการ(ตอนต้น)
หลินหยางมองตามที่ผู้นำขบวนชี้ ข้างหน้าเป็นเมืองธรรมดาขนาดหนึ่งสนามฟุตบอลมีกำแพงล้อมรอบไม่แตกต่างจากเมืองของเขา แต่เมืองของเขาใหญ่กว่าเมืองตรงหน้าถึงสี่เท่า! พวกมันมิได้ขยายอาณาเขตของเมืองเลย
แต่รอบๆเมืองนี้มีเมืองอีกสี่เมืองที่ยังมีสภาพสมบูรณ์มิล่มสลาย เมืองพวกนั้นห่างจากเมืองฉือเฉียวไม่ถึงสามร้อยเมตรดูท่าจะเป็นเมืองภายใต้การปกครองของฉือเฉียว
เขาจึงเดินตามพวกมันไปยังเมืองแห่งนั้น
“พวกข้านำพวกมันมาแล้วไปเรียกพี่เฉียวมา” ชายคนนั้นกล่าวแก่ยามหน้าเมือง
ไม่นานฉือเฉียวก็เดินออกมา
“นั่นถังอะไร” ปฏิกิริยาของมันไม่ต่างจากคนอื่นเมื่อเห็นสิ่งที่ไม่ได้ตกลงกันไว้ปรากฏอยู่จึงถามออกไป
“พี่เฉียว ในถังนั้นเป็นสุรา พวกมันให้เป็นของกำนัล” ชายคนนั้นกล่าวใบหน้ายิ้มแย้ม
“ฮ่าๆ เยี่ยมมากไอหนู” ฉือเฉียวหัวเราะชอบใจ มันมองหลินหยางด้วยใบตื่นเต้นพลางมองหลินหยางและพวกอย่างดูถูก เพราะคิดว่าหลินหยางต้องการประจบประแจงจึงเนื่องเกรงกลัวต่อมันจึงได้นำสุราเพิ่มให้แก่มัน
“เอาเข้าไปในเมือง” ฉือเฉียวกล่าวคล้ายออกคำสั่งแก่หลินหยางและพวก
พวกเขาจึงตามน้ำไปขนสิ่งของเข้าไปไว้ในเมืองพวกมัน ก่อนจะเข้าภายในเมืองพวกมันยึดอาวุธทุกอย่างของพวกเขาจนสิ้นมิให้ไว้แม้แต่มีดด้ามเล็กๆ ดูท่าพวกมันจะระวังตัวไม่น้อย
ณ เมืองฉือเฉียว
หลินหยางและคนของเขากำลังนั่งอยู่บนพื้นโดยมีฉือเฉียวนั่งบนเก้าอี้ข้างหน้า บริเวณรอบๆมีคนยืนคุมอยู่กว่ายี่สิบคนพวกมันทำราวกับว่าหลินหยางเป็นนักโทษที่ถูกคุมตัวอยู่
“ของที่พวกแกนำมาช่างเป็นที่พอใจยิ่งนัก พวกแกพักที่นี่ได้หนึ่งคืนพรุ้งนี้ก็กลับไปได้” ฉือเฉียวกล่าวด้วยใบหน้าพึงพอใจ แสร้งทำหน้าที่ในฐานะเจ้าบ้าน
“อย่าลืมส่งอาหารสำหรับร้อยคนทุกเดือนรวมถึงสุราด้วย มิเช่นนั้นอย่าหาว่าไม่เตือน” มันพูดต่อด้วยความดุดัน
“ครับ” หลินหยางกล่าวอย่างนอบน้อม
คนของหลินหยางทำตามอย่างว่าง่ายมิบิดพริ้ว
“พาพวกมันไปที่พัก” ฉือเฉียวออกคำสั่งแก่คนของมัน เมื่อเห็นหลินหยางทำตามอย่างว่าง่ายมันยิ้มขึ้นมุมปาก
“ฮ่าๆ”
เมื่อหลินหยางและพวกเดินออกไป ผู้คนของฉือเฉียวที่ยืนเฝ้ารอบๆหัวเราะเสียงดัง
เมื่อพวกเขาตามคนของมันมาเจอเพิงพักโทรมๆหลังนึง มีเพียงท่อนไม้ล้อมสี่ทิศ หลังคามุงด้วยกิ่งก้านของต้นไม้
“นี้มันจะให้คนห้าสิบคนอัดกันอยู่ในนี้งั้นหรอ” จิ่นเหอที่เห็นสภาพ’ที่พัก’ตรงหน้าก็สบถออกมา
“เข้าไป ห้ามออกมาเพ่นพ่าน” ชายที่นำทางมากล่าวด้วยน้ำเสียงดูถูก
หลินหยางเดินนำเข้าไปคนแรก คนของเขาเมื่อเห็นเช่นนั้นจึงมิปริปากบ่นเดินตามเข้าไปภายในเช่นกัน
ณ ที่พัก
ภายในที่พักดูโทรมเสียยิ่งกว่าภายนอกเสียอีกบนพื้นมิมีสิ่งใดปูอยู่เลยแม้แต่ใบไม้พวกเขานั่งอยู่บนผืนหญ้า แม้แต่เจ้าเขียวหนึ่งถึงเจ็ดยังมีที่พักที่ดีกว่านี้เสียอีก
“พวกมันไปหรือยัง” หลินหยางกล่าวเสียงเบา
“ไปหมดแล้วพี่หยาง” คนของเขารายงานผล
“ดีเตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้เราจะเริ่มทำตามแผนที่วางไว้” หลินหยางกล่าวกับคนของเขา
“ครับ!” พวกเขาตอบกลับอย่างพร้อมเพรียง ใบหน้าหายจากความเหน็ดเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งสีหน้าตื่นเต้นราวกับอดใจไม่ไหว เพราะพวกเขาจะได้เริ่มแผนต่อไปที่เสียที!