ตอนที่ 9 เลื่อนระดับ
หลังจากฆ่ามดไฟหมดแล้ว
หลินหยางผ่อนคลายล้มตัวลงหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยเขาใช้แรงสู้ร่วมชั่วโมงเลยทีเดียว
‘ยินดีด้วยคุณเลื่อนระดับถึง 3 สำเร็จแล้ว ได้รับแต้มค่าสถานะเพิ่มขึ้นหนึ่งจุด’
”ระดับนี้คืออะไร?” เหมือนเขาจะนึกขึ้นได้
‘สามารถดูข้อมูลของระดับและทักษะของตนเองได้เพียงแค่คิด’ รำลึกถึงคำพูดจากชายชราที่บอกว่าตนเองเป็นพระเจ้าบอกไว้
หลินหยางจึงเพ่งสมาธิผ่านไปชั่วครู่ก็มีบางอย่างปรากฏ
ชื่อ หลินหยาง เผ่า มนุษย์
ระดับ 3
สถานะ
พลัง 1
ป้องกัน 1
ความเร็ว 1
วิญญาณ 1
ค่าสถานะที่เพิ่มได้ 0.2
ทักษะ —
ค่าทักษะที่เพิ่มได้ 2
‘ค่าสถานะ?’ หลินหยางครุ่นคิดพรางเพ่งสมาธิไปยังค่าสถานะความเร็ว
‘ท่านได้เพิ่มค่าสถานะความเร็ว 0.2 เสร็จสิ้น’
!?
ชื่อ หลินหยาง เผ่า มนุษย์
ระดับ 3
สถานะ
พลัง 1
ป้องกัน 1
ความเร็ว 1.2
วิญญาณ 1
ค่าสถานะที่เพิ่มได้ 0
ทักษะ —
ค่าทักษะที่เพิ่มได้ 2
“พี่หยาง พี่สุดยอดไปเลย” ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกเขามาจากซิ่นก้งนั้นเองตอนนี้พวกทีมระยะประชิดก็เข้ามาล้อมเขา
หลินหยางพยุงตัวลุกขึ้น
“ไม่หรอก ทุกคนทำได้ดีมากพวกเรากลับกันเถอะ ทุกคนคงเหนื่อยแล้ว” เขากล่าว
“ฮ่าๆพี่หยาง พี่อย่าถ่อมตัวเลยถ้าไม่ได้พี่พวกเราคงไม่รอด” ซิ่นก้งหัวเราะ
หลินหยางลุกขึ้นก็ต้องแปลกใจ เขารู้สึกว่าตัวเขาเบาหวิวและคล่องตัวกว่าเดิม
หืม?
เขาลองขยับร่างกายจึงรู้ว่าเขาไม่ได้คิดไปเอง เขาคล่องตัวกว่าเดิมจริงๆ
‘หรือว่า เพราะเราเพิ่มค่าความเร็วไป’ เขาครุ่นคิด
“พี่หยางทำอะไรอยู่น่ะ” หลังจากซิ่นก้งเห็นหลินหยางทำตัวแปลกๆมันจึงกล่าวถาม
“ไม่มีอะไรหรอก กลับกันเถอะ” เขาตอบอย่างเขินอาย
หลังจากเดินผ่านซากของมดไฟ เขาสังเกตุเห็นหนังสือเล่มหนึ่งและเหรียญสีดำวางอยู่ด้านข้างซากมดเขาจึงเก็บขึ้นมาดู
ทักษะ ระดับ 1 หลอมไฟ
คำอธิบาย : ทำให้การโจมตีของท่าน มีคุณสมบัติของไฟ
ส่วนเหรียญสำดำนี้เขาคิดว่าคงเป็นเงินที่ชายชราได้กล่าวไว้
‘หนังสือทักษะ?’ เขามองหาตามซากมด ท้ายสุดแล้วเขาพบเงินทั้งหมดสามร้อยกว่าเหรียญและหนังสือทักษะ หลอมไฟระดับ 1 อีกสามเล่มจากซากมดทั้งสองร้อยตัว
‘มดสองร้อยตัวได้เงินแค่สามร้อยเหรียญกับหนังสือทักษะอีกสี่เล่ม เฮ้อ~’ เขาถอนหายใจและเดินกลับเข้าเมือง
“ทุกคนทำได้เยี่ยมมาก!” หลังจากเขากลับเข้าเมืองเสียงแรกที่ได้ยินคือเสียงของเทียนหนิงเจี้ยน
“ทุกคนอะไร พวกแกทีมระยะไกลไม่ได้ทำอะไรเลย ทีมระยะประชิดต่างหากที่ต้องต่อสู้เพียงลำพัง” ซิ่นก้งพูดขึ้นเสียงดังด้วยความโกรธ
หลังจากที่ได้ฟังซิ่นก้งพูดเช่นนั้นพวกที่ไม่ได้ต่อสู้ก็ก้มหน้าลงอย่างสลดเนื่องเพราะเขาพูดมานั้นไม่ผิดเลย
“ซิ่นก้ง นายจะพูดอย่างนั้นก็มิถูกพวกเราก็แค่ตั้งตัวไม่ทันก็เท่านั้น ยังไงพวกเราก็เป็นพลเมืองเดียวกัน พวกเราต้องสามัคคีกันไว้” เทียนหนิงเจี้ยนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ชิห์” ซิ่นก้งหันหน้ากลับเดินตรงไปหาหลินหยาง
“พี่หยาง พี่เป็นยังไงบ้าง” มันกล่าว หลังจากเห็นหลินหยางทำตัวแปลกๆทีมระยะประชิดก้เข้ามาล้อมรอบหลินหยาง
“ผมไม่เป็นไร คนที่บาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง” เขากล่าวถาม
“เขาอาการแย่มากเลย แผลของเขาแห้งแล้วแต่เขายังไม่ได้สติเลย” ชายคนนึงพูด
“ในนี้มีใครเป็นหมอบ้าง พวกเรามีผู้ได้รับบาดเจ็บ” หลินหยางตะโกนถาม
ทุกคนยืนเงียบ
“เอ่อ..ชั้นเป็นนักศึกษาพยาบาล” มีเสียงผู้หญิงกล่าวขึ้นมา เธอคือหรงเถียนเหยา เธอก็เป็นส่วนหนึ่งในทีมระยะประชิดเช่นกัน
“ช่วยดูอาการของเขาหน่อย” หลินหยางกล่าว
“คะ” หลังจากนั้นเธอก็เดินเข้าไปดูอาการของชายผู้เคราะห์ร้าย
“แผลของเขาแห้งแล้ว แต่ดูเหมือนแผลของเขาจะติดเชื้อ” หลังจากตรวจดูไม่นานเธอก็พูดขึ้น
“เธอพอจะรักษาเขาได้ไหม” หลินหยางถาม
“เราต้องทำให้ไข้เขาลดก่อน เนื่องจากเราไม่มีเครื่องมือและยา เราคงต้องใช้วิธีธรรมชาติหลังจากนี้ประมาณสองวันเขาคงอาการดีขึ้น” หรงเถียนเหยาตอบ
“ฝากเขาด้วยนะ” หลินหยางโล่งใจ
เขาแยกตัวออกมาเผชิญหน้ากับฝูงชน
“หลังจากที่พวกเราได้สังหารมดไฟทั้งสองร้อยตัวแล้ว มีหนังสือและเหรียญตกอยู่ข้างๆศพของพวกมัน ตอนนี้ผมจะทำการแบ่งของอย่างเท่าเทียมเฉพราะทีม
ระยะประชิดเท่านั้น มีใครจะคัดค้านไหม!” หลินหยางตะโกน
หลังจากได้ฟังเช่นนั้น ทีมระยะไกลและคนที่ไม่ได้ร่วมต่อสู้ไม่กล้าเอ่ยปากเนื่องเพราะพวกเขาไม่มีหน้าไปขอแบ่งผลประโยชน์ ที่ไม่มีส่วนร่วม
“ดี” หลังจากนั้นเขาก็รวมกลุ่มระยะประชิดทั้งสิบสี่คน
“พวกเราจะแบ่งเงินให้เท่าๆกัน แต่มีหนังสือทักษะอยู่สี่เล่ม ผมจะแบ่งให้ผู้ที่ฆ่ามดไฟได้มากที่สุดสามคนคน ส่วนอีกเล่ม ผมจะเอาให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ทุกคนคิดว่าเป็นยังไง”
“แล้วแต่พี่หยางเลย ถ้าไม่ได้เพราะพี่พวกเราคงตายไปแล้ว” พวกเขาหัวเราะตอบเป็นเสียงเดียวกัน
หลังจากนั้นหลินหยาง จึงแบ่งเงินให้ทีมระยะประชิดทั้งสิบสี่คน ทุกคนได้เงินประมาณยี่สิบเหรียญและเอาหนังสือทักษะ ให้ซิ่นก้งและผู้ชายอีกหนึ่งคนที่อยู่ทีมของเขาและให้ผู้บาดเจ็บไว้หนึ่งเล่ม ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งเล่มนั้นเป็นของตัวเขาเองเพราะเขานั้นฆ่ามดไฟไปถึงเจ็ดสิบตัว ซึ่งเกือบจะถึงครึ่งนึงของจำนวนมดเลยทีเดียว
“ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนได้ พรุ้งนี้พวกเราจะมาฝึกกัน” หลินหยางพูด
เพราะตั้งแต่เข้ามาภายในที่แห่งนี้ พวกเขายังไม่ได้กิน ดื่มอะไรเลย
ตอนที่ 10 ทีมลาดตระเวน
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แสงเดือนขึ้นสอดส่อง
ตอนนี้ช่วงเวลาพลบค่ำ
ทีมระยะใกล้ทั้งหมดกำลังนั่งล้อมรอบกองไฟและกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับฉลองชัยชนะจากอาหารที่พวกเขาได้มาจากห้องในต้นไม้
“พรุ้งนี้พวกเราจะซ้อมการใช้อาวุธกันและจะแบ่งทีมออกไปสำรวจห้าคน ใครเคยมีประสบการณ์ใช้อาวุธด้านไหนบ้าง” หลินหยางกล่าว
“ผมเคยเป็นพรานป่ามาก่อน” ชายคนนึงกล่าวขึ้นชายคนนี้ชื่อว่า จิ่นเหอ เขาคือผู้ที่ได้หนังสือทักษะหลอมไฟ ระดับ 1 ไปครอบครอง
“ดี พรุ้งนี้นายไปสำรวจกับผม” หลินหยางกล่าว
“ครับพี่หยาง” จิ่นเหอตอบ
“ซิ่นก้งพรุ้งนี้นายพาคนที่เหลือฝึกซ้อมการใช้อาวุธไปพาทีมระยะไกลมาฝึกด้วย” หลินหยางพูด
“ครับพี่หยาง” เขาตอบอย่างตื่นเต้น
“วันนี้ทุกคนกลับไปพักผ่อนได้ เก็บแรงเอาไว้สำหรับวันพรุ้งนี้” หลินหยางกล่าวพลางลุกขึ้นยืนและเดินจากไป
“พี่หยางนี่สุดยอดจริงๆเขาปรับตัวได้เร็วมาก” ผู้คนในทีมระยะประชิดจับกลุ่มคุยกัน
“ไม่ได้ยินพี่หยางบอกหรอ ไปพักผ่อนไปเก็บแรงเอาไว้พรุ้งนี้” ซิ่นก้งตะโกนและเดินตามหลินหยางไป
หลังจากหลินหยางกลับมาข้างประตูใต้ต้นไม้ที่เขาออกมา เขาล้มตัวลงนั่งและหยิบเอาหนังสือทักษะที่ได้จากมดไฟขึ้นมา
ทักษะ ระดับ 1 หลอมไฟ
คำอธิบาย : ทำให้การโจมตีของท่าน มีคุณสมบัติของไฟ
เขาจึงเปิดมันขึ้นหลังจากเปิดออกเขาก็ต้องตกใจ เพราะภายใต้ปกสีดำของหนังสือทักษะนั้นเป็นตัวอักษรที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนที่สำคัญเขาอ่านมันไม่ออก!
‘แล้วนี้จะใช้ยังไงล่ะเนี้ย’ เขาครุ่นคิด
หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่ตัวอักษรประหลาดเหล่านั้นราวกับถูกหลินหยางดูด มันพุ่งออกจากหนังสือภายในมือเข้ามาในหัวของเขา
หลินหยางตกใจจึงโยนหนังสือทิ้ง ไม่นานหนังสือทักษะเล่มนั้นก็ไหม้และมลายหายไป
‘คุณได้เรียนรู้ทักษะหลอมไฟระดับ 1 เรียบร้อยแล้ว’
มีเสียงดังขึ้นมาในหัวของเขา
‘หืม’ ได้ทราบเช่นนั้นเขาจึงหยิบดาบขึ้นมาและลองเพ่งสมาธิไปที่ดาบของเขาไม่นาน ใบดาบเริ่มมีสีแดงราวกับว่ามันถูกเผาด้วยไฟก็มิปาน
‘โฮ่ ง่ายขนาดนี้เชียว’ หลินหยางยิ้มมุมปาาก หลังจากนั้นเขาจึงนอนกับพื้นและหลับไปเพราะพึ่งมาถึงวันแรกก็ต้องต่อสู้แล้ว เขาจึงเหนื่อยล้ายิ่งนัก
เช้าวันถัดมา
หลินหยางและทีมสำรวจทั้งห้าคนกำลังเตรียมตัวจะออกเดินทาง
“โชคดีนะพี่หยาง” ซิ่นกล่าว
หลินหยางยิ้มตอบและเริ่มเดินไปออกจากเมืองไป
หลังจากเดินออกจากเมืองมาได้ราวสองกิโลเมตร พวกเขาก็ยังไม่เจอสิ่งใดมีแต่ทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตา
‘มันน่าจะมีอะไรบ้างสิ’ หลินหยางคิด
จากนั้นก็เดินต่อไป ผ่านไปเนิ่นนานตอนนี้ก็ช่วงบ่ายแล้ว พวกเขาทั้งห้าเดินออกมาประมาณยี่สิบกิโล
ตอนนั้นเองพวกเขาเห็นต้นไม้ใหญ่ยักษ์อยู่ข้างหน้าเป็นที่สะดุดตายิ่งนัก ขนาดมองจากไกลๆยังเห็นได้ชัดมันใหญ่ราวๆเมืองของเขาที่มีขนาดหนึ่งสนามฟุตบอลเลยทีเดียว
“พี่หยางเอายังไงดี พวกเราควรไปดูไหม” จิ่นเหอถามขึ้น
“ไม่ เราจะมาวันพรุ้งนี้วันนี้เรากลับกันก่อน” หลินหยางกล่าว
เพราะตอนนี้ก็ราวๆบ่ายสามบ่ายสี่แล้ว หากพวกเขายังไม่กลับมันคงมืดแน่พวกเขาไม่รู้ว่าจะมีภัยอันตรายอะไรหรือไม่
ขณะที่กำลังจะเดินทางกลับนั้น มีเสียงสิ่งมีชีวิตร้องแหลมเสียดแก้วหูดังขึ้นมา
กรี๊ซซซ~~
หลินหยางมองขึ้นไปด้านบนเห็นนกยักษ์สีเขียว ที่พวกเขาเจอเมื่อวานจำนวนสามตัวบินจากระยะไกลกำลังพุ่งมาทางพวกเขา
“ทุกคนหมอบลง” หลินหยางตะโกนรีบหมอบลงกับพื้น
ไม่รอช้าพวกมันรีบทำตามทันที
หลังจากผ่านไปไม่นานนกยักษ์ก็บินผ่านพวกเขาไป หลินหยางมองตามเห็นมันบินไปยังเส้นทางต้นไม้ใหญ่ที่พวกเขาเห็น
“รีบกลับกันเถอะ” หลินหยางไม่สนใจรีบกลับเมืองโดยไว นับว่าโชคดียิ่งนักที่นกยักษ์ทั้งสามตัวไม่เห็นพวกเขา