ตอนที่ 692 ปัดป้องและโจมตี
” นาง?” สีหน้าของหน่วยสอดแนมเต็มไปด้วยความใคร่รู้ถึงนางผู้เป็นปริศนา
“อย่าได้ถามให้มากความ พวกข้ายังต้องให้การช่วยเหลืออีกหลายหน่วย ส่งพวกมันไป!!” อู่เฉินสั่งการอย่างเด็ดขาด
ทหารเกราะเหลืองแถวหลังปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด พวกมันรวบรวมกำลังควบคุมมวลอากาศผลักใสไล่ส่งพัดหน่วยสอดแนมปลิวไปตามกระแสลม ผู้ใช้วิชาวายุทั้งสิบสามารถบังคับทิศทางได้อย่างใจนึกส่งหน่วยสอดแนมคดเคี้ยวเลี้ยวไปมาหลบหลีกต้นไม้และสิ่งกีดขวางทั้งยังประคองระดับความสูงมิให้ต่ำหรือเลยสูงเกินเพดานที่ตั้งไว้อย่างมั่นคงจนลับสายตามองไม่เห็นแม้แต่เงาของพวกมันอีกต่อไป
แฮก
ทหารเกราะเหลืองผู้นำหน้าที่อย่างขมักเขม้นส่งเสียงหายใจอย่างเหนื่อยหอบแสดงถึงภาระทางร่างกายที่ได้รับจากการใช้งานวิชาแสนพิศวง แต่เมื่อมองไปยังภู่เฉินที่ใช้วิชาแขนงเดียวกันกลับไม่แสดงท่าทีของความเหน็ดเหนื่อยให้สังเกตุเห็น มันไม่มีแม้แต่เหงื่อสักเม็ด
แม้จะเป็นวิชาสายเดียวกันแต่เมื่อจุดประสงค์ที่แตกต่างย่อมได้ผลลัพธ์ที่ต่างออกไปด้วยเช่นกัน กู่เฉินใช้วิชาขั้นสูงเพื่อควบแน่นอากาศจนมีขนาดเล็กลงจนสามารถจับต้องและมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าได้ แน่นอนว่ามันย่อมใช้พลังงานสูงกว่าการควบคุมกระแสลมปกติ แต่เนื่องจากมันเป็นการใช้พลังงานเพียงชั่วครู่เดียวหลังสิ้นการโจมตีก็สลายหายไปไม่เหลือร่องรอย
ผิดกับทหารเกราะเหลืองที่ใช้แม้จะใช้เพียงแค่การควบคุมบังคับมวลอากาศธาตุเพียงผิวเผินแต่ทว่าพวกมันจำต้องใช้สมาธิสูงเพื่อคงสภาพเอาไว้ให้ได้อย่างต่อเนื่องมิขาดห้วงประคับประคองหน่วยสอดแนมมิให้เสียสูญอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเหยื่อรายแรกหลุดมือไป ความโกรธเกรี้ยวจึงมาตกอยู่กับทหารเกราะเหลืองเหยื่อรายใหม่ที่เข้ามาขัดขวางความสุขของพวกมันโดยปริยาย พวกมันแสดงความเกรี้ยวกราดกู่ร้องคำรามอย่างเดือดดาลที่ผสมไปด้วยความโกรธและระบายความเจ็บปวดที่ถูกสะกิดผิวหนังด้วยศรวายุจากอู่เฉิน
อสูรร้ายทั้งหกตัดสินใจอย่างพร้อมเพรียงกันมุ่งหน้าเข้าหาศัตรูคู่แค้นของพวกมันตามความถนัด บางตัวกระโดดมาแต่ไกล บ้างปีนป่ายขึ้นที่สูง บางตนพรางตัวใช้ความมืดลบตัวตนหมายจะเข้าลอบอ้อมมายังด้านหลังของเป้าหมาย
“ถอย!” อู่เฉินให้คำสั่งทหารของตน หน้าที่ของพวกมันแต่เดิมมิใช่เพื่อต่อสู้อยู่แล้วเมื่อเสร็จสมตามต้องการ ถึงตอนนี้พวกมันก็ไม่มีอะไรเหนี่ยวรั้งให้อยู่ต่อได้เวลาล่าถอยตามกำหนดการแล้ว
ถึงจะกล่าวอย่างนั้นก็เถิด แม้พวกมันตั้งมั่นปักหลักสู้จริง สัตว์อสูรตั้งหกตัวก็ยังเกินกำลังของพวกมันอยู่ดี หากมีเพียงหนึ่งหรือสอง ด้วยพลังของอู่เฉินและทหารผู้มากประสบการณ์บางที่ยังอาจมีลุ้นมีชัยเหนือกว่าอสูรวัยเยาว์
ฟู่ววว
ทหารเกราะเหลืองแถวหลังที่พึ่งใช้พลังงานที่สั่งสมมาจนเหน็ดเหนื่อยตอบรับคำบัญชาทันทีพวกมันกระโดดหนึ่งช่วงส่งร่างของตนเหนือพื้นดินก่อนจะควบคุมวายุเกื้อหนุนผลักดันร่างของตนลอยสูงบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือศรีษะจนพ้นแนวป่าไม้ในที่สุด
หลังจากทหารเกราะเหลืองแถวหลังได้ล่าถอยไปเป็นที่เรียบร้อย หัวแถวทางด้านซ้ายสุดของกลุ่มซ้ายและขวาสุดของทางด้านขวาของทหารเกราะเหลืองที่สร้างโล่วายุเคลื่อนย้ายเปลี่ยนตำแหน่งโดยทำการล้อมกรอบเป็นวงกลมที่มีอู่เฉินอยู่ตรงกลาง บรรจบโล่วายุขนาดใหญ่ทั้งสองแผ่นสมานเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน บัดนี้เรียกได้ว่านอกจากด้านบนเปิดโล่งที่ยากต่อการโจมตีและด้านล่างที่เป็นพื้นดินแล้วล้วนถูกป้องกันอย่างมิดชิดทุกทิศทาง!
หลังเข้ารูปขบวนได้เพียงไม่กี่วินาที สัตว์อสูรที่มีรูปร่างคล้ายคลึงกับกิ้งก่าที่มีความเร็วเหนือล้ำกว่าอสูรทั้งห้าได้เข้าประชิดแนวป้องกันเป็นแรก มันอ้าปากกว้างโชว์เขี้ยวอันแหลมคมที่มีขนาดเทียบเท่ากับนิ้วมือของมนุษย์พร้อมกับเอียงศรีษะเล็กน้อยในแนวเฉียงจนได้มุมองศาพบดิบพอดีกับเป้าหมายที่มันหมายตาเอาไว้นั่นก็คือหัวของทหารเกราะเหลืองที่อยู่ใกล้กับมันที่สุด!!
เมื่อถึงระยะโจมตีของมัน เท้าทั้งสี่หยุดชะงักอย่างฉับพลันสร้างความสมดุลก่อนจะยืดคอยาวของตนเข้าหาเป้าหมายอย่างบรรจง
หากเป็นคนปกติธรรมดาที่ตกเป็นเป้าหมายย่อมต้องแตกตื่นตกใจกับสถานการณ์นี้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่มิใช่สำหรับทหารเกราะเหลืองทั้งสิบนาย โดยเฉพาะผู้ที่กำลังถูกหมายตาขย่ำศรีษะจากเจ้ากิ้งก่าตัวยักษ์ มันเพียงแต่เกร็งกำลังแขนเร่งพลังงานที่ครอบครองส่งไปยังฝ่ามือของตน
วุ่มมา
ด้านหน้าของมันบังเกิดเสียงลมหวีดหวิวพร้อมกับดูดซับอากาศรอบนอกเข้ามารวมกันยังตำแหน่งปะทะ ทำให้โล่วายุในจุดโจมตีดังกล่าวมีความหนาแน่นจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
แม้จะเป็นเช่นนั้นเจ้ากิ้งก่าหาได้สนอกสนใจสิ่งแปลกปลอมตรงหน้า ไม่ส่งผลต่อจังหวะการโจมตีของมันเลยแม้แต่น้อย
ตึงงง
เสี้ยววินาทีต่อมา มีเสียงการกระทบกระแทกของสองสิ่งนั่นก็คือศรีษะของเจ้ากิ้งก่าที่ปะทะกับกำแพงอากาศเข้าอย่างจัง ฟังจากเสียงดังสนั่นมิอาจจินตาการถึงความรุนแรงจากการปะทะ กันของสองสิ่งนี้ได้
มองไปยังกำแพงวายุบังเกิดเกลียวคลื่นหลายลูกโดยมีจุดศูนย์กลางคือตำแหน่งที่ถูกโจมตีกระจายออกไปรอบข้าง ซึ่งคลื่นเหล่านั้นก็คือพลังโจมตีของเจ้ากิ้งก่าที่ถูกบรรเทาลงด้วยการกระจายมันออกลดความรุนแรงที่ตำแหน่งบริเวณเดียวจะได้รับนั่นเอง นี่คือจุดเด่นอย่างหนึ่งของกำแพงวายุโปร่งใสที่ทำขึ้นมาจากการควบแน่นมวลอากาศ มันมีทั้งแข็งแกร่งที่สามารถรับพลังโจมตีของศัตรูและมีความยืดหยุ่นที่สามารถกระจายพลังงานที่ได้รับออกไปไม่แบกรับภาระนั้นไว้
อสูรกิ้งก่าดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ มันจมเขี้ยวของตนเข้ากับกำแพงลมที่แปรสภาพรองรับกับพลังโจมตีของมันอย่างสมบูรณ์ กำแพงที่แข็งกร้าวอ่อนลงรับแรงกระแทกยืดหยุ่นดั่งปุยนุ่นส่งผลให้ปากยาวของมันจมลึกเข้าไปในกำแพงวายุ ทว่าไม่สามารถเอื้อมไปถึงศรีษะของทหารเกราะเหลืองที่เป็นเป้าหมายของมันได้ราวกับถูกขวางกั้นด้วยกำแพงที่ไม่สามารถข้ามผ่านได้ตลอดกาล
” ตรีศูรวายุ” ภู่เฉินผู้อยู่ใจกลางของแนวป้องกันตะโกนก้องกางแขนสองข้างขึ้นขนานลำตัวพร้อมกับดึงเข้าหากันมาบรรจบตรงด้านหน้าของตนชี้ไปยังร่างของอสูรกิ้งก่า
วุ่มมา
ทันใดนั้นเอง ส่วนล่างของกำแพงลมบริเวณที่เป็นจุดปะทะเกิดหมุนวนนูนออกมาจากแนวป้องกันก่อนจะเข้ารูปทรงเป็นเกลียวแหลม พริบตาต่อมามันยืดยาวแทงออกไปอย่างฉับพลันเข้าใส่บริเวณหน้าท้องของอสูรกิ้งก่า
ฉึก
การโจมตีนี้เกิดขึ้นรวดเร็วอย่างยิ่งจึงเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าอสูรกิ้งก่าที่ใบหน้ากำลังจมจ่อมอยู่ในกำแพงลมจะสามารถตอบสนองได้ทัน ส่งผลให้มันถูกแทงหน้าท้องอย่างจัง ด้วยการคงสภาพเป็นเกลียวหมุนวนไม่ต่างไปจากสว่านทำให้การโจมตีนี้มีคุณสมบัติในการทะลุทะลวงผิวหนังอันแข็งกร้าวของเผ่าอสูรไปอย่างง่ายดาย
ฟู่ววว
สว่านวายุที่ปักคาหน้าท้องของมันยังหมุนวนคว้านเอาผิวหนังและผิวเนื้อของอสูรกิ้งก่าอย่างต่อเนื่อง โลหิตรสาดกระเซ็นปลิวว่อนอาบย้อมลงบนกำแพงลมให้มองเห็นชัดถนัดตามากยิ่งขึ้น
ข่าห์
เจ้าอสูรกิ้งก่าเมื่อรับรู้ถึงความเจ็บปวด มันกระโจนตัวโดดถอยหลังห่างออกไปกว่าสองเมตรอย่างตื่นตระหนก แต่มันสายไปเสียแล้ว มองไปยังหน้าท้องของมันพบบาดแผลอันน่าสยดสยองเห็นรูโหว่ขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือและผิวหนังย่นเข้าหากันหมุนเป็นเกลียวคลื่นตามเข็มนาฬิกาตามวิธีการโจมตีของอู่เฉิน
ครืดด
สัตว์อสูรทั้งห้าตัวที่เหลือเบรคกระทันหัน พวกมันจับจ้องมองไปยังอสูรกิ้งก่าเป็นตาเดียวด้วยความแปลกใจเนื่องจากพวกมันมิได้รับรู้ถึงโล่วายุมิได้สัมผัสโดยตรงและมิเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับอสูรกิ้งก่า ในสายตาของพวกมันมองเห็นเพียงว่าอสูรกิ้งก่าตนนี้ได้เข้าโจมตีทหารเกราะเหลืองก่อนจะถูกหยุดด้วยบางอย่างที่โปร่งแสงเลือนลางแต่อสูรกิ้งก่ายังฝืนออกแรงดันต่อสู้หมายจะจู่โจมทหารเกราะเหลืองรายหนึ่งที่ห่างออกไปไม่ถึงหนึ่งศอกและจู่ๆมันก็กระโดดถอยหลังกลับมาเสียอย่างนั้นพร้อมกับรูโหว่ขนาดที่ประทับอยู่บนหน้าท้องของมันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ
” ตอนนี้แหละ!!” อู่เฉินปาวคำสั่งเมื่อเห็นสัตว์อสูรที่เหลือชะงักชะงันอยู่กับที่
ทหารเกราะเหลืองทั้งสิบทำเฉกเช่นเดียวกับพรรคพวกของมันก่อนหน้านี้ ก่อนจะสลายกำแพงลมที่คงสภาพมาอย่างยาวนานทิ้งไปพร้อมกับควบคุมบังคับมวลอากาศไหลเวียนมารองใต้ฝาเท้าพยุงร่างของพวกมันลอยสูงขึ้นไปในทันที่เหลือไว้เพียงแม่ทัพน้อยู่เฉินที่ยังปักหลักอยู่โดดเดี่ยวบนภาคพื้นดิน