เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่695

ตอนที่ 695 ทางที่ไม่ได้เลือก

“ต้นไม้ที่ถูกข้าควบคุมเปรียบเสมือนเป็นร่างกายอีกร่างหนึ่งของข้า การมองเห็น การได้ยิน กระทั่งความรู้สึกร้อนหรือหนาวก็ล้วนแบ่งปันสื่อถึงกันและกัน” กิ่งไม้งอโง่มสร้างประโยคสื่อสารบนแผงตาข่ายที่บัดนี้ถูกใช้ราวกับกระดานดําที่รองรับการขีดเขียนโดยกิ่งไม้

“เยี่ยมยอดขนาดนั้นเชียว!” หน่วยสอดแนมตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่งที่ได้รับรู้ความสามารถของวิชาแสนสะดวกสบายนี้

“แน่นอน! ข้ายังมีวิชาขั้นสูงกว่านี้อีกนะ เจ้าอยากดูไหม” กิ่งไม้สื่อสารกับเหล่าสมาชิกหน่วยสอดแนมด้วยความกระตือรือร้นราวกับทั้งสองฝ่ายกําลังสนทนายืนอยู่ต่อหน้ากันจริงๆ

” อะแฮ่ม ช้าก่อนท่าน ข้าว่าเวลานี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่” หัวหน้าหน่วยสอดแนมกล่าวถึงทั้งสองฝ่ายกลับเข้าบทสนทนาหลัก

“ท่านผู้มาจากเมืองเซียนลุ่ย ท่านทราบอยู่แล้วใช่ไหมว่าทางที่ท่านได้นําไปนั้นมีสิ่งใดรออยู่?” มันกล่าวต่อ

ครีด

ครานี้กิ่งไม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อยรวมตัวกันประดิษฐ์อักษรขนาดใหญ่ขึ้นมาหนึ่งตัวอักษร

“อสูร” นี่คือคําตอบจากผู้ใช้วิชาควบคุมพฤกษารายนี้ตอบกลับ

“ในเมื่อท่านทราบอยู่แล้ว เช่นนั้นพวกข้าไปเส้นทางอื่นมิดีกว่าหรือ?” ผู้นําหน่วยขมวดคิ้ว

” ทางอื่น? ทางไหน? ทางที่เจ้ากําลังจะมุ่งจะไป? ทางที่มีอสูรนับร้อยตัวรออยู่หน่ะนะ ฮ่าๆๆ”

“หากพวกเจ้าเบื่อที่จะมีชีวิตแล้วก็เชิญ” กิ่งไม้ตวัดกวัดแกว่งไปมา

“ห้ะ อสูรนับร้อย!?” หน่วยสอดแนมทั้งสิบดวงตาเบิกกว้าง

“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง” กิ่งไม้ตอบกลับ

” ตรงส่วนนั้นมีหน่วยลาดตระเวณหลายหน่วยถูกช่วยเหลือโดยทัพแห่งวายุจากเงื้อมมือของสัตว์อสูรที่ล้อมรุมโจมตี แล้วพวกเจ้าคิดว่าเมื่อเหยื่อของมันหายไปแล้วอสูรพวกนั้นมันไปอยู่ไหนกันล่ะ? อสูรร้ายเหล่านี้ก็ต้องออกหาเหยื่อกลุ่มใหม่ในระแวกใกล้เคียงเหมือนกับพวกอสูรที่พวกเจ้าพึ่งหนีมาไงล่ะ!”

“ยิ่งบริเวณไหนที่หน่วยสอดแนมหรือหน่วยลาดตระเวณได้รับการช่วยเหลือไปมาก สัตว์อสูรที่เดิมที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนก็กลายเป็นอสูรเร่ร่อนไร้จุดหมายเดินตระเวณไปทั่วผืนป่า เพื่อหาเป้าหมายใหม่ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็พวกหน่วยย่อยหน่วยอื่นที่อยู่ใกล้ๆนั้นแหละ ส่วนสัตว์อสูรที่ยังไม่มีตําแหน่งกลุ่มพวกชัดเจนให้เข้าร่วม มันก็เดินเตร่ไปมายั้วเยี้ยไปหมด”

” หากมิใช่นักรบผู้ใช้วิชาวายุข้าเกรงว่ายากนักที่จะเข้าออกพื้นที่ดังกล่าวได้โดยไร้รอยขีดข่วน รู้เช่นนี้แล้วพวกเจ้ายังจะไปอีกหรือ?”

“อย่าได้กังวลไป เส้นทางที่ข้าเลือกย่อมดูจากความเหมาะสม ความรวดเร็วและที่คําสัญคือความปลอดภัย สิ่งที่พวกเจ้าจําเป็นต้องทํามีเพียงแค่การเดินทางที่พวกข้าได้เลือกสรรค์ ให้มิต้องทําสิ่งอื่นใดอีก” ผู้ควบพฤกษาบอกเล่าผ่านตัวอักษร

เมื่อรับรู้เรื่องราวข้างต้นแล้ว ผู้นําหน่วยหันไปถามหาความเห็นกับเหล่าสมาชิกหน่วยที่บัดนี้มองสบตากันปริบๆไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์สักเท่าไหร่นัก พวกมันรู้แค่ว่าทางที่พวกมันกําลังจะไปมีอันตรายรออยู่ ส่วนทางที่ฉีกหนีมานั้นปลอดภัยมากกว่า แม้จะทราบแน่ชัดว่ามีสัตว์อสูรอยู่ในเส้นทางนั้นก็ตาม

” ท่านผู้มาจากเซียนลุ่ย ข้าขออภัยที่เสียมารยาทไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้ชีวิตของพวกข้าทั้งสิบคงต้องฝากไว้ที่ท่านแล้ว” ผู้นําหน่วยสอดแนมกล่าวอย่างสุภาพ

“แล้วจะมัวรีรออะไรอยู่ล่ะ ไปกันเลย!” กิ่งไม้เคลื่อนไหวอย่างกระฉับกระเฉงก่อนจะเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นลูกศรบอกเส้นทางดังเดิม

“อ๊ะ!?” ผู้นําหน่วยราวกับพึ่งนึกคิดขึ้นมาได้ เหตุใดพวกมันจึงไม่ส่งใครคนใดคนหนึ่งไปสอดแนมเส้นทางล่วงหน้าในเส้นทางก่อนหน้านี้ล่ะ? ถ้ามันทําเช่นนั้นตั้งแต่แรกและรับรู้ถึงความปลอดภัย พวกมันคงไม่ระแคะระคายเกิดความสงสัยในตัวของผู้ใช้วิชาพฤกษาที่มีจิตใจหมายจะช่วยเหลือพวกมันอย่างนี้

อย่างไรก็ตามเจ้าคนจากเซียนลุ่ยรายนี้ก็แปลกพิศดาร ทําไมมันไม่ใช้การสื่อสารใช้ประโยคสนทนาอธิบายรายละเอียดให้ฟังตั้งแต่แรก? ถ้ามันทําอย่างงั้นพวกมันก็คงไม่ต้องอ้อมค้อมอ้อมไปมาอยู่ในปาอสูรนี้เสียนานนม

” ดูเหมือนเราจะไม่มีทางเลือกอื่น” ผู้นําหน่วยกล่าวพร้อมออกเดินทางนําขบวนมุ่งหน้าตามไปยังทิศทางที่กําหนดทันที

โกวว

ใช้เวลาเพียงไม่นานพวกมันก็มาถึงจุดที่มีประเด็นกันอยู่ เสียงของสัตว์อสูรแว่วรําไรมาแต่ไกล

* ท่านหัวหน้า ไม่ใช่ว่าจํานวนของมัน” สมาชิกรายหนึ่งกล่าวด้วยน้ําเสียงสั่นเครือ

” ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น” ผู้นําหน่วยกล่าวพลางครุ่นคิด มันช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก ณ จุดเดิม บริเวณเดิมเสียงของสัตว์อสูรยังร่ําร้องอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน และเมื่อสดับรับฟังจึงทราบว่าทั้งจํานวน และสายพันธุ์ของสัตว์อสูรมันมีมากกว่าเดิมจากที่ได้ยินในคราแรก

คริดๆ

ลูกศรกิ่งไม้ขยับไปมายึกยักคล้ายกับเร่งเร้าให้หน่วยสอดแนมไปยังที่หมายโดยไว

“จัดรูปขบวน รักษาระดับความสูงให้คงที่ ระวังรอบข้าง” ผู้นําหน่วยกล่าวพลางตระเตรียมอาวุธชักมีดสั้นสวมกรงเล็บครบมือเตรียมรับการปะทะ

มันลดความเร็วการบินจากปกติลงเล็กน้อย เพิ่มสมรรถนะไปยังการตรวจสอบสภาพพื้นที่ขั้นสูง สายตามองกวาดซ้ายขวาสลับไปมานําหัวขบวนตามลูกศรไปด้วยความระมัดระวังสูงสุดคืบใกล้ เข้าหาเสียงที่มิน่าฟังขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งได้ยินแจ่มชัดราวกับยืนอยู่เคียงข้างกัน

พรึ่บ

ผู้นําหน่วยยกแขนข้างหนึ่งขึ้นขวางขบวนพร้อมกับแขนอีกข้างถือมีดสั้นตระเตรียมโจมตี เมื่อปรายสายตาของมันตรวจจับการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตกําลังเคลื่อนไหวขยุกขยิกดิ้นไปมาอยู่ที่โคนต้นไม้ใหญ่ทางด้านหน้าของมัน ซึ่งห่างราวยี่สิบถึงสามสิบเมตร

สมาชิกทั้งเก้าสะดุ้งโหยงตกใจกับปฏิกิริยาจากหัวหน้าหน่วยของตน บางรายตกใจจนปีกแข็งค้างเกือบเสียการทรงตัว เร่งรีบเพ่งสมาธิจดจ้องไปยังมุมมองสายตาเดียวกับหัวหน้าของตนโดยไว

“โจมตี!” ผู้นําหน่วยสอดแนมปาวประกาศออกคําสั่งลั่นพร้อมกับเสื้อผ้างอาวุธลับจนสุดความยืดหยุ่นหมายจะปาออกไปด้วยความรุนแรงสูงสุดที่ตนจะทําได้ ทันใดนั้นเอง

คิด

ความตั้งใจของมันถูกขัดขวางด้วยผู้ใช้วิชาพฤกษาที่ก่อร่างสร้างตาข่ายแผงใหญ่ขึ้นมาเบื้องหน้าของมันพร้อมกับสัญลักษณ์กากบาทขนาดใหญ่ เพียงมองปราดเดียวเป็นอันเข้าใจว่าให้หยุดสิ่งที่กําลังจะกระทํา

วูบ

กิ่งไม้แปรเปลี่ยนเคลื่อนไหวสร้างรูปทรงใหม่เป็นรูปดวงตาขนาดใหญ่

หนึ่ง สอง สามวินาทีผ่านไปผู้นําหน่วยสอดแนมใบหน้านิ่วคิ้วขมวดจดจ้องพยายามตีความหมายของสัญลักษณ์ปริศนา แต่ไม่ว่ามันจะพยายามมากแค่ไหนก็มิสามารถเข้าใจสิ่งที่กิ่งไม้ต้องการสื่อได้เลยแม้แต่น้อย

“ใช้ตา” ในที่สุดผู้ใช้วิชาพฤกษาก็ทนเห็นความจนปัญญาของผู้นําหน่วยสอดแนมมิไหว มันจึงเปลี่ยนไปใช้ตัวอักษรสื่อคําพูดเฉลยไขข้อข้องใจให้แก่ผู้นํารายนี้จนกระจ่างชัด

ผู้นําและสมาชิกเมื่อรับทราบความตั้งใจมันเพ่งสายตามองไปยังสัตว์อสูรตนนั้นตามประสงค์ พร้อมกับค่อยๆเคลื่อนที่เข้าไปให้ที่ละเล็กละน้อยเพื่อให้การมองเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

“หืม? นั่นมันเจ้าอสูรกิ้งก่าไม่ใช่รี??” ผู้นําหน่วยกล่าวเมื่อมันมองเห็นสรีระร่างกายโดยรวมของอสูรตนนี้

” ช.ใช่แล้วท่านหัวหน้า ดูบาดแผลที่หน้าท้องมันสิ มันเป็นอสูรกิ้งก่าตัวเดียวกันที่ล้อมเราเมื่อค

“ใช่จริงๆด้วย” เหล่าสมาชิกกล่าวเสริม

“หือ?” เมื่อเข้าใกล้ในระยะห้าถึงหกเมตรหัวหน้าหน่วยหยุดการเคลื่อนไหวมองดูอสูรกิ้งก่าที่มีท่าที่ผิดแปลกไป อสูรกิ้งก่าแสนดุร้ายที่โรมรันเข้าจู่โจมโดยไม่สนใจว่าฝ่ายอสูรจะมีมากหรือน้อย ไม่สนว่าจะเป็นใครหน้าไหน แต่ตอนนี้มันกลับอยู่นิ่งอยู่กับที่ไม่เข้ามาโจมตีพวกมันทั้งสิบที่ตอนนี้นับว่าเข้าใกล้มากพอที่อสูรตนนี้จะสามารถรับรู้การมาเยือนแล้ว

“นั่นอะไรน่ะ?” สมาชิกรายหนึ่งกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ร่างของอสูรกิ้งก่า ในสายตาของมันมองเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง คล้ายเชือกเส้นยาวหลายสิบเส้นเลื้อยไปมาบนร่างกายของอสูรกิ้งก่า

“งู?” สมาชิกอีกรายคาดเดา

“ไม่ใช่! น นั่นมันเถาวัลย์!” ผู้นําหน่วยสอดแนมผู้มีสายตาเฉียบแหลมมากกว่าผู้ใดกล่าวด้วยดวงตาเบิกโพลง

เถาวัลย์ขนาดเล็กหลายสิบเส้นกําลังเลื้อยไปมาบนร่างของอสูรกิ้งก่าโดยเถาวัลย์นี้ทําหน้าราวกับเชือกที่ยึดมัดมันเอาไว้ติดกับโคนของต้นไม้ใหญ่พันธนาการการเคลื่อนไหวอย่างแน่นหนาจน บางจุดสามารถมองเห็นผิวหนังอันแข็งแกร่งของอสูรร้ายยุบนุ่มลงไปเป็นรอยยาว!!

เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่695

เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่695

ตอนที่ 695 ทางที่ไม่ได้เลือก

“ต้นไม้ที่ถูกข้าควบคุมเปรียบเสมือนเป็นร่างกายอีกร่างหนึ่งของข้า การมองเห็น การได้ยิน กระทั่งความรู้สึกร้อนหรือหนาวก็ล้วนแบ่งปันสื่อถึงกันและกัน” กิ่งไม้งอโง่มสร้างประโยคสื่อสารบนแผงตาข่ายที่บัดนี้ถูกใช้ราวกับกระดานดําที่รองรับการขีดเขียนโดยกิ่งไม้

“เยี่ยมยอดขนาดนั้นเชียว!” หน่วยสอดแนมตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่งที่ได้รับรู้ความสามารถของวิชาแสนสะดวกสบายนี้

“แน่นอน! ข้ายังมีวิชาขั้นสูงกว่านี้อีกนะ เจ้าอยากดูไหม” กิ่งไม้สื่อสารกับเหล่าสมาชิกหน่วยสอดแนมด้วยความกระตือรือร้นราวกับทั้งสองฝ่ายกําลังสนทนายืนอยู่ต่อหน้ากันจริงๆ

” อะแฮ่ม ช้าก่อนท่าน ข้าว่าเวลานี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่” หัวหน้าหน่วยสอดแนมกล่าวถึงทั้งสองฝ่ายกลับเข้าบทสนทนาหลัก

“ท่านผู้มาจากเมืองเซียนลุ่ย ท่านทราบอยู่แล้วใช่ไหมว่าทางที่ท่านได้นําไปนั้นมีสิ่งใดรออยู่?” มันกล่าวต่อ

ครีด

ครานี้กิ่งไม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อยรวมตัวกันประดิษฐ์อักษรขนาดใหญ่ขึ้นมาหนึ่งตัวอักษร

“อสูร” นี่คือคําตอบจากผู้ใช้วิชาควบคุมพฤกษารายนี้ตอบกลับ

“ในเมื่อท่านทราบอยู่แล้ว เช่นนั้นพวกข้าไปเส้นทางอื่นมิดีกว่าหรือ?” ผู้นําหน่วยขมวดคิ้ว

” ทางอื่น? ทางไหน? ทางที่เจ้ากําลังจะมุ่งจะไป? ทางที่มีอสูรนับร้อยตัวรออยู่หน่ะนะ ฮ่าๆๆ”

“หากพวกเจ้าเบื่อที่จะมีชีวิตแล้วก็เชิญ” กิ่งไม้ตวัดกวัดแกว่งไปมา

“ห้ะ อสูรนับร้อย!?” หน่วยสอดแนมทั้งสิบดวงตาเบิกกว้าง

“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง” กิ่งไม้ตอบกลับ

” ตรงส่วนนั้นมีหน่วยลาดตระเวณหลายหน่วยถูกช่วยเหลือโดยทัพแห่งวายุจากเงื้อมมือของสัตว์อสูรที่ล้อมรุมโจมตี แล้วพวกเจ้าคิดว่าเมื่อเหยื่อของมันหายไปแล้วอสูรพวกนั้นมันไปอยู่ไหนกันล่ะ? อสูรร้ายเหล่านี้ก็ต้องออกหาเหยื่อกลุ่มใหม่ในระแวกใกล้เคียงเหมือนกับพวกอสูรที่พวกเจ้าพึ่งหนีมาไงล่ะ!”

“ยิ่งบริเวณไหนที่หน่วยสอดแนมหรือหน่วยลาดตระเวณได้รับการช่วยเหลือไปมาก สัตว์อสูรที่เดิมที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนก็กลายเป็นอสูรเร่ร่อนไร้จุดหมายเดินตระเวณไปทั่วผืนป่า เพื่อหาเป้าหมายใหม่ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็พวกหน่วยย่อยหน่วยอื่นที่อยู่ใกล้ๆนั้นแหละ ส่วนสัตว์อสูรที่ยังไม่มีตําแหน่งกลุ่มพวกชัดเจนให้เข้าร่วม มันก็เดินเตร่ไปมายั้วเยี้ยไปหมด”

” หากมิใช่นักรบผู้ใช้วิชาวายุข้าเกรงว่ายากนักที่จะเข้าออกพื้นที่ดังกล่าวได้โดยไร้รอยขีดข่วน รู้เช่นนี้แล้วพวกเจ้ายังจะไปอีกหรือ?”

“อย่าได้กังวลไป เส้นทางที่ข้าเลือกย่อมดูจากความเหมาะสม ความรวดเร็วและที่คําสัญคือความปลอดภัย สิ่งที่พวกเจ้าจําเป็นต้องทํามีเพียงแค่การเดินทางที่พวกข้าได้เลือกสรรค์ ให้มิต้องทําสิ่งอื่นใดอีก” ผู้ควบพฤกษาบอกเล่าผ่านตัวอักษร

เมื่อรับรู้เรื่องราวข้างต้นแล้ว ผู้นําหน่วยหันไปถามหาความเห็นกับเหล่าสมาชิกหน่วยที่บัดนี้มองสบตากันปริบๆไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์สักเท่าไหร่นัก พวกมันรู้แค่ว่าทางที่พวกมันกําลังจะไปมีอันตรายรออยู่ ส่วนทางที่ฉีกหนีมานั้นปลอดภัยมากกว่า แม้จะทราบแน่ชัดว่ามีสัตว์อสูรอยู่ในเส้นทางนั้นก็ตาม

” ท่านผู้มาจากเซียนลุ่ย ข้าขออภัยที่เสียมารยาทไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้ชีวิตของพวกข้าทั้งสิบคงต้องฝากไว้ที่ท่านแล้ว” ผู้นําหน่วยสอดแนมกล่าวอย่างสุภาพ

“แล้วจะมัวรีรออะไรอยู่ล่ะ ไปกันเลย!” กิ่งไม้เคลื่อนไหวอย่างกระฉับกระเฉงก่อนจะเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นลูกศรบอกเส้นทางดังเดิม

“อ๊ะ!?” ผู้นําหน่วยราวกับพึ่งนึกคิดขึ้นมาได้ เหตุใดพวกมันจึงไม่ส่งใครคนใดคนหนึ่งไปสอดแนมเส้นทางล่วงหน้าในเส้นทางก่อนหน้านี้ล่ะ? ถ้ามันทําเช่นนั้นตั้งแต่แรกและรับรู้ถึงความปลอดภัย พวกมันคงไม่ระแคะระคายเกิดความสงสัยในตัวของผู้ใช้วิชาพฤกษาที่มีจิตใจหมายจะช่วยเหลือพวกมันอย่างนี้

อย่างไรก็ตามเจ้าคนจากเซียนลุ่ยรายนี้ก็แปลกพิศดาร ทําไมมันไม่ใช้การสื่อสารใช้ประโยคสนทนาอธิบายรายละเอียดให้ฟังตั้งแต่แรก? ถ้ามันทําอย่างงั้นพวกมันก็คงไม่ต้องอ้อมค้อมอ้อมไปมาอยู่ในปาอสูรนี้เสียนานนม

” ดูเหมือนเราจะไม่มีทางเลือกอื่น” ผู้นําหน่วยกล่าวพร้อมออกเดินทางนําขบวนมุ่งหน้าตามไปยังทิศทางที่กําหนดทันที

โกวว

ใช้เวลาเพียงไม่นานพวกมันก็มาถึงจุดที่มีประเด็นกันอยู่ เสียงของสัตว์อสูรแว่วรําไรมาแต่ไกล

* ท่านหัวหน้า ไม่ใช่ว่าจํานวนของมัน” สมาชิกรายหนึ่งกล่าวด้วยน้ําเสียงสั่นเครือ

” ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น” ผู้นําหน่วยกล่าวพลางครุ่นคิด มันช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก ณ จุดเดิม บริเวณเดิมเสียงของสัตว์อสูรยังร่ําร้องอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน และเมื่อสดับรับฟังจึงทราบว่าทั้งจํานวน และสายพันธุ์ของสัตว์อสูรมันมีมากกว่าเดิมจากที่ได้ยินในคราแรก

คริดๆ

ลูกศรกิ่งไม้ขยับไปมายึกยักคล้ายกับเร่งเร้าให้หน่วยสอดแนมไปยังที่หมายโดยไว

“จัดรูปขบวน รักษาระดับความสูงให้คงที่ ระวังรอบข้าง” ผู้นําหน่วยกล่าวพลางตระเตรียมอาวุธชักมีดสั้นสวมกรงเล็บครบมือเตรียมรับการปะทะ

มันลดความเร็วการบินจากปกติลงเล็กน้อย เพิ่มสมรรถนะไปยังการตรวจสอบสภาพพื้นที่ขั้นสูง สายตามองกวาดซ้ายขวาสลับไปมานําหัวขบวนตามลูกศรไปด้วยความระมัดระวังสูงสุดคืบใกล้ เข้าหาเสียงที่มิน่าฟังขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งได้ยินแจ่มชัดราวกับยืนอยู่เคียงข้างกัน

พรึ่บ

ผู้นําหน่วยยกแขนข้างหนึ่งขึ้นขวางขบวนพร้อมกับแขนอีกข้างถือมีดสั้นตระเตรียมโจมตี เมื่อปรายสายตาของมันตรวจจับการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตกําลังเคลื่อนไหวขยุกขยิกดิ้นไปมาอยู่ที่โคนต้นไม้ใหญ่ทางด้านหน้าของมัน ซึ่งห่างราวยี่สิบถึงสามสิบเมตร

สมาชิกทั้งเก้าสะดุ้งโหยงตกใจกับปฏิกิริยาจากหัวหน้าหน่วยของตน บางรายตกใจจนปีกแข็งค้างเกือบเสียการทรงตัว เร่งรีบเพ่งสมาธิจดจ้องไปยังมุมมองสายตาเดียวกับหัวหน้าของตนโดยไว

“โจมตี!” ผู้นําหน่วยสอดแนมปาวประกาศออกคําสั่งลั่นพร้อมกับเสื้อผ้างอาวุธลับจนสุดความยืดหยุ่นหมายจะปาออกไปด้วยความรุนแรงสูงสุดที่ตนจะทําได้ ทันใดนั้นเอง

คิด

ความตั้งใจของมันถูกขัดขวางด้วยผู้ใช้วิชาพฤกษาที่ก่อร่างสร้างตาข่ายแผงใหญ่ขึ้นมาเบื้องหน้าของมันพร้อมกับสัญลักษณ์กากบาทขนาดใหญ่ เพียงมองปราดเดียวเป็นอันเข้าใจว่าให้หยุดสิ่งที่กําลังจะกระทํา

วูบ

กิ่งไม้แปรเปลี่ยนเคลื่อนไหวสร้างรูปทรงใหม่เป็นรูปดวงตาขนาดใหญ่

หนึ่ง สอง สามวินาทีผ่านไปผู้นําหน่วยสอดแนมใบหน้านิ่วคิ้วขมวดจดจ้องพยายามตีความหมายของสัญลักษณ์ปริศนา แต่ไม่ว่ามันจะพยายามมากแค่ไหนก็มิสามารถเข้าใจสิ่งที่กิ่งไม้ต้องการสื่อได้เลยแม้แต่น้อย

“ใช้ตา” ในที่สุดผู้ใช้วิชาพฤกษาก็ทนเห็นความจนปัญญาของผู้นําหน่วยสอดแนมมิไหว มันจึงเปลี่ยนไปใช้ตัวอักษรสื่อคําพูดเฉลยไขข้อข้องใจให้แก่ผู้นํารายนี้จนกระจ่างชัด

ผู้นําและสมาชิกเมื่อรับทราบความตั้งใจมันเพ่งสายตามองไปยังสัตว์อสูรตนนั้นตามประสงค์ พร้อมกับค่อยๆเคลื่อนที่เข้าไปให้ที่ละเล็กละน้อยเพื่อให้การมองเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

“หืม? นั่นมันเจ้าอสูรกิ้งก่าไม่ใช่รี??” ผู้นําหน่วยกล่าวเมื่อมันมองเห็นสรีระร่างกายโดยรวมของอสูรตนนี้

” ช.ใช่แล้วท่านหัวหน้า ดูบาดแผลที่หน้าท้องมันสิ มันเป็นอสูรกิ้งก่าตัวเดียวกันที่ล้อมเราเมื่อค

“ใช่จริงๆด้วย” เหล่าสมาชิกกล่าวเสริม

“หือ?” เมื่อเข้าใกล้ในระยะห้าถึงหกเมตรหัวหน้าหน่วยหยุดการเคลื่อนไหวมองดูอสูรกิ้งก่าที่มีท่าที่ผิดแปลกไป อสูรกิ้งก่าแสนดุร้ายที่โรมรันเข้าจู่โจมโดยไม่สนใจว่าฝ่ายอสูรจะมีมากหรือน้อย ไม่สนว่าจะเป็นใครหน้าไหน แต่ตอนนี้มันกลับอยู่นิ่งอยู่กับที่ไม่เข้ามาโจมตีพวกมันทั้งสิบที่ตอนนี้นับว่าเข้าใกล้มากพอที่อสูรตนนี้จะสามารถรับรู้การมาเยือนแล้ว

“นั่นอะไรน่ะ?” สมาชิกรายหนึ่งกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ร่างของอสูรกิ้งก่า ในสายตาของมันมองเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง คล้ายเชือกเส้นยาวหลายสิบเส้นเลื้อยไปมาบนร่างกายของอสูรกิ้งก่า

“งู?” สมาชิกอีกรายคาดเดา

“ไม่ใช่! น นั่นมันเถาวัลย์!” ผู้นําหน่วยสอดแนมผู้มีสายตาเฉียบแหลมมากกว่าผู้ใดกล่าวด้วยดวงตาเบิกโพลง

เถาวัลย์ขนาดเล็กหลายสิบเส้นกําลังเลื้อยไปมาบนร่างของอสูรกิ้งก่าโดยเถาวัลย์นี้ทําหน้าราวกับเชือกที่ยึดมัดมันเอาไว้ติดกับโคนของต้นไม้ใหญ่พันธนาการการเคลื่อนไหวอย่างแน่นหนาจน บางจุดสามารถมองเห็นผิวหนังอันแข็งแกร่งของอสูรร้ายยุบนุ่มลงไปเป็นรอยยาว!!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset