บทที่ 101 เปิดเผยตัวตน
เป่ยหมิงเช้อ วิ่งเข้าไปใน [ หลุมแรงโน้มถ่วง ]
วงหมุนนี้สร้างขึ้นมาจากพลังปราณหยินและพลังปราณลึกลับซึ่งเป็นพลังที่อยู่ในธรรมชาติ และมีผลต่อการทำงานของร่างกายของนักรบ .
ทันทีที่ เป่ยหมิงเช้อ บุกเข้าไปในวงหมุนมันก็รู้สึกได้ทันทีและสีหน้าของมันก็เปลี่ยนไป
ภายในวงหมุน เป่ยหมิงเช้อ ลอยขึ้นไปในอากาศอย่างช่วยไม่ได้ ร่างของมันหมุนไปมาอย่างไม่รู้จบ ตอนแรกภายในไม่กี่วินาที หัวของมันก็ทิ่มลง ต่อมาร่างกายของมันก็ขดลงเหมือนลูกบอล มันไม่สามารถแม้แต่จะคงสภาพไว้เช่นเดิมได้
ฉื่อหยานซึ่งเป็นคนสร้าง [ หลุมแนงโน้มถ่วง ] นั้นไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลย เขามองไปที่เป่ยหมิงเช้ออย่างเรีนบเฉยจากนั้นเขาก็ลงมือทันที
” บูม บูม ! ! ! ปัง ปัง ! “
ฉื่อหยานพุ่งเข้าใส่เป่ยหมิงเช้อ เหมือนกับมังกรทะยาน เขสเคลื่อนไหวแขนของเขาจับไปที่เอวของเป่ยหมิงเช้อ และกระแทกเข่าของเขาเข้าไปที่ร่างของมัน
จากนั้นเขาก็เรียกใช้ [ ดรรชนีย์ทะลวง ] , ฉื่อหยานแทงมือของเขาที่ช่วงเอวของเป่ยหมิงเช้อ
” ติ๊ง ! ติ๊ง ! “
เสียงแตกร้าวดังมาจากเอวของเป่ยหมิงเช้อ
ภายใต้เสื้อคลุมของเป่ยหมิงเช้อ มันสวมใส่เกราะมราปกคลุมด้วยเกล็ดไว้ ซึ่งดูเหมือนกับคริสตัล และส่งพลังความเย็นออกมา
[ ดรรชนีย์ทะลวง ] ไม่สามารถทำลายเกราะคริสตัลนั่นได้ แต่ก็สามารถสร้างลอบหลุมขึ้นบนเกราะของเป่ยหมิงเช้อได้
เป็น เป่ยหมิงเช้อ ที่อยู่ในวงหมุน มันประหลาดใจมันรีบใช้จิตวิญญานขั้วอัคคเหมันอีกครั้ง
ทันใดนั้น เกราะคริสตัลของมันก็ขยาย และครอบคลุมร่างกายทั้งหมดของมัน !
จู่ๆ เป่ยหมิงเช้อ ก็ถูกปกคลุมด้วยเกราะคริสตัลทั่วร่าง
เกราะและอาวุธเหล่านี้เป็นของคู่กับจิตวิญญานขั้วอัคคีเหมันของ เป่ยหมิงเช้อ
ภายใต้พลังของจิตวิญญานขั้วอัคคีเหมันจำนวนมาก อากาศเย็นก็ไหลเข้าไปในเกราะ และมันก็เริ่มต้นทำงาน , ปรากฏเป็นอากาศเย็นยะเยือกไหลออกมาจากเกราะ
[ ดรรชนีย์ทะลวง ] ของฉื่อหยานนั้นแม้จะสามารถสร้างหลุมให้กับเกราะของเป่ยหมิงเช้อได้ , แต่นิ้วของเขาก็ถูกแทรกซึมโดยอากาศหนาวเย็นเหล่านั้นซึ่งมันค่อยๆเพิ่มขึ้ยและแช่แข็งนิ้วของเขา
เป่ยหมิงเช้อ ที่ยังคงติดอยู่ใน [ หลุมแนงโน้มถ่วง ] ร่างของมันยังคงหมุนวนอยู่ มันไม่สามารถทรงตัวให้ร่างอยู่เฉยๆได้ และจากนนั้นมันก็ถูกโจมตีโดยฉื่อหยาน
อย่างไรก็ตาม ภายใต้การคุ้มครองของเกราะคริสตัล เป่ยหมิงเช้อนั้นไม่มีความกังวลอะไรเลย มันกำลังรอโอกาสที่จะตอบโต้กลับอยู่
ไม่ !
แสงเย็นยะเยือกประกายผ่านดวงตาของฉื่อหยาน เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และสุดท้าย ก็เรียกพลังงานเชิงลบของ [ บ้าคลั่ง ] ออกมา
ความโหดร้ายและกระหายเลือดอารมณ์ที่แตกต่างกันไปมากมายเติบโตขึ้นในร่างของเขา และฉื่อหยานก็ถูกล้อมรอบไปด้วยควันสีขาว
ร่างกายของตี่ย่าหลานสั่นเทาเล็กน้อย เมื่อนางมองไปที่ฉื่อหยานด้วยประหลาดใจและนางก็ร้องออกมา , ” ติงหยาน ! “
มู่หยู่เตี๋ยสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อนางจ้องสายตาของนางไปที่ฉื่อหยาน สีหน้าของนางก็กลายเป็นซับซ้อน
เมื่อฉื่อหยานใช้ [ บ้าคลั่ง ] , พลังงานเชิงลบของเขาก็พลุ่งพลานออกมาและกลายเป็นควันหนาทึบอากาศรอบๆถูกปกคลุมไปด้วย ความกระหายเลือด ความโหดเหี้ยม และความบ้าคลั่ง
หลังจากได้มองดูฉากเหตุการณ์เช่นี้ ตี่ย่าหลาน และมู่หยู่เตี๋ยก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กหนุ่มจากตระกูลฉื่อคนนี้ คือ ติงหยาน !
” เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ! ! ! ” มู่หยู่เตี๋ยส่ายหน้าอย่างหนักด้วยใบหน้าที่ซับซ้อนและพึมพำว่า ” เป็นไปไม่ได้ ! ! ! ! นี่มันไม่ถูกต้อง ! รูปลักษ์ของเขาต่างกันโดยสิ้นเชิง และ ติงหยานก็เป็นเพียงนักรบนิรนามเท่านั้น . เขาจะเป็นคุณชายจากตระกูลฉื่อได้อย่าง ? มันเป็นไปไม่ได้แน่ๆ . . . . . . . “
มู่หยู่เตี๋ยไม่แน่ใจว่า จะปักใจเชื่อดีหรือไม่ !
” ฉื่อหยาน… ติงหยาน… ! “
และเพราะว่าฉื่อหยานและตี่ย่าหลานนั้นสนิทกันมาก่อน ดังนั้นนางจึงรู้ได้ทันทีว่าเป็นฉื่อหยานเพราะนางนั้นรู้ว่า [ บ้าคลั่ง ] มีเพียงฉื่อหยานคนเดียวที่ใช้มัน ไม่ว่ารูปลักษ์ของฉื่อหยานจะเปลี่ยนไปเท่าใด เขาก็เป็นคนเดียวที่ใช้ [ บ้าคลั่ง ] แน่นอน
มู่หยู่เตี๋ยจ้องมอง ฉื่อหยาน อย่างตกตะลึงพูดไม่ออก และความคิดขิงนางก็เต็มไปด้วยความรู้สึกต่าง ๆ
ตี่ย่าหลาน ดวงตาเป็นประกายและหน้าอกของนางกระเพื่อม นางถอนหายใจออกมาสั้นๆขณะที่มองไปยังฉื่อหยาน จู่ๆนางก็เริ่มกังวลเกี่ยวกับเขา และนางก็หันไปพูดกกับมู่หยู่เตี๋ย ” เสี่ยวเตี๋ย เป่ยหมิงเช้อกำลังสู้กับติงหยานอยู่ . . . . . . . มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน ข้าไม่อยากให้พวกเขาทั้งสองนั้นเจ็บปวดเลย ! “
มู่หยู่เตี๋ยสูดลมหายใจเข้าลึกและสงบสติลงพร้อมกัยส่ายหน้า ” ท่านคิดว่าท่านสามารถหยุดพวกเขาได้งั้นรึ ? “
ตี่ย่าหลาน ดูสับสน แต่นางยังกล่าวว่า ” เราต้องลองดู “
” ท่านไม่รู้จักเป่ยหมิงเช้อรึไง ” มู่หยู่เตี๋ยถอนหายใจ ” เขาจะได้รับทุกอย่างที่เขาต้องการ ! และ ติงหยานเองก็ไปพูดยัวยุเป่ยหมิงเช้ออีก เป่ยหมิงเช้อจะต้องไม่ปล่อยเขาไปแน่ แม้ว่า ติงหยานจะเป็นคุณชายของตระกูลฉื่อ แต่เขาก็ไม่สามารถรับมือกับเป่ยหมิงเช้อได้แน่ เพราะตระกูลเป่ยหมิงนั้นมีอำนาจมากกว่าตระกูลฉื่อนัก “
” ไม่ ! ! ! ! ! ข้าจะหยุดพวกเขา ! ” ตี่ย่าหลาน ดูมุ่งมั่นและร้องออกมา , ” ติงหยานหยุดเดี๋ยวนี้นะ ! นายน้อยเป่ยหมิง ! หยุดเถอะ ! “
ฉื่อหยานนั้นได้ยินเสียงร้องของตี่ย่าหลานอย่างชัดเจน แต่เขาก็ไม่ได้ตอบกลับอย่างใด
ในที่สุดพลังงานเชิงลบก็ปกคลุมไปทั่วเส้นชีพจรของเขา และพลังของฉื่อหยานก็เพิ่มขึ้น . จู่ๆ เขาก็เรียก [ ผนึกแห่งชีวิต ] ออกมา และผนึกเจ็ดอันก็ปรากฏขึ้น และมันก็พุ่งไปยังเป่ยหมิงเช้อ
” ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ! “
เป่ยหมิงเช้อ โดนจู่โจมเจ็ดครั้งอยาสงต่อเนื่องกันและกระเด็กออกมาจาก [ หลุมแรงโน้มถ่วง ] ของฉื่อหยานโดยกระเด็นไปไกลห้าสิบเมตร
” ปุ ! “
เป่ยหมิงเช้อสำลักโลหิตออกมาจากปากและกระดูกที่หน้าอกของมันก็แตกหัก ที่เกราะคริสตัลสีของมันจางลง และไม่สามารถทนต่อ [ ผนึกแห่งชีวิต ] ของฉื่อหยานได้
หลังจากที่ล้มไปบนพื้น เป่ยหมิงเช้อ ก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าซีดและเลือดที่มุมปากของมัน
” ติงหบาน ! ” ตี่ย่าหลาน ก็ตะโกนออกมา ” หยุดนะ ! เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ ! “
เป่ยหมิงเช้อ ลุกขึ้นด้วยใบหน้าที่ดูน่าเกลียด และถือดาบแยกนภาไว้ หลังจากเช็ดเลือดบนใบหน้าของมันแล้ว , มันก็จ้องไปที่ฉื่อหยานอย่างโหดเหี้ยม ” ฉื่อหยานข้าจะฆ่าเจ้า และทำลายตระกูลฉื่อของเจ้าสะ ! “
” เจ้ากล้ารึ ! ” ฉื่อหยานตกอยู่ในความเดือดดาล และเขาเลียริมฝีปากของเขา ” หึ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร ! “
” ติงหบาน ! ” ตี่ย่าหลาน กรีดร้องออกมาอีกครั้ง
มู่หยู่เตี๋ยเริ่มกังวล และนางก็กล่าวออกมา , ” ติงหยาน เจ้าก็รู้พลังของตระกูลเป่ยหมิงดี ไม่มีประโยชน์อันใดเลยที่เจ้าจะเป็นศัตรูกับเป่ยหมิงเช้อ ! “
ฉื่อหยานหายใจเข้าและหันไปมองสองสาวและตะโกนออกมาโดยไม่แยแส ” ข้าไม่รู้จักพวกเจ้า ! “
แล้วเขาก็เดินเข้าไปหา เป่ยหมิงเช้อ ทีละก้าว ทีละก้าว
ทุกก้าวที่เขาก้าวผ่าน พื้นที่รอบๆก็จะกลาบเป็นบิดเบี้ยว เขาเคลื่อนไหวพร้อมกับควบคุม [ หลุมแรงโน้มถ่วง ] อยู่ตลอดเวลา
ตราบใดที่เขาอยู่ใน [ หลุมแรงโน้มถ่วง ] ฉื่อหยานก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับจิตวิญานย้นระยะจองเป่ยหมิงเช้อและเขาก็มั่นใจว่าเขาสามารถทรมาน เป่ยหมิงเช้อ อย่างช้า ๆในวงหมุนได้แน่นอน
เป่ยหมิงเช้อ เองก็ได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง
เมื่อเห็นฉื่อหยานเข้ามาใกล้ ใบหน้าของ เป่ยหมิงเช้อ ก็กลายเป็นเย็นชา แทนที่จะใช้จิตวิญญานย้นระยะ มันกลับนั่งลงที่พื้น
และดาบแยกนภาก็เคลื่อนไหวออกมา
ปรากฏเป็นเปลวไฟสีแดงและสีฟ้าที่เจิดจ้าขึ้นที่ดาบแยกนภา และมันก็อยู่เหนือศีรษะของฉื่อหยาน
” บูม ! “
ดาบปลดปล่อยหนามกระแทกลงมา และเกิดเป็นเสียงระเบิดดังขึ้นทั่วพื้นที่
ดาบแยกนภาปลดปล่อยหนามสีแดงและสีฟ้าออกมา และ มันก็ตัดผ่านทุกสิ่งอย่าง !
ภายในวงหมุน หนามที่เต็มที่ไปด้วยจิตสังหารก็พุ่งผ่านไปทั่ววงหมุน
” ชี ! ชี ! “
และรอยดาบก็ปรากฏขึ้นบนร่างกายของ ฉื่อหยาน
ดาบแยกนภานั้นเป็นดาบที่คมมาก และเช่นเดียวกับ [ มีกวิญญานทมิฬ ] ของมู่ฮุ่ย พวกมันสามารถตัดผ่านจิตวิญญานกายาแข็งของฉื่อหยานได้
อาวุธระดับวิญญาณ ! น่ามหัศจรรย์นัก !
ฉื่อหยาน ก็ตกใจ แล้วเคลื่่อนไหวออกจากวงหมุนในขณะที่ร่างของเขาฉะโลมไปด้วยเลือด ปรากฏเป็นความเจ็บปวดความที่ร้อนฉ่าอยู่บนร่างของเขา
แผลหลายสิบแผลที่เกิดจากดาบถูกทิ้งไว้บนร่างฉื่อหยาน โดยดาบแยกนภาของเป่ยหมิงเช้อ ปรากฏเป็นแผลลึกบนร่างของเขา
‘’ ย้นระยะ ! ‘’
ทันทีเป่ยหมิงเช้อ ก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ ฉื่อหยาน พร้อมกับกัมปั้นที่เต็มไปด้วยจิตวิญญานขั้วอัคคีเหมันและมันก็ชกไปที่ฉื่อหยานจากด้านหลัง
” บูม ! “
ฉื่อหยานกระเด็นไปข้างหน้าประมาณสิบเมตรและสำลักเลือดออกมา
ก่อนที่เขาจะได้เช็คเลือดที่มุมปาก ฉื่อหยานก็ใช้พลังปราณหยินและสร้างกำแพงพลังหยินขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่กำแพงพลังหยินปรากฏขึ้น ฉื่อหยานก็ พบว่า เป่ยหมิงเช้อ นั้นได้มาปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาแล้ว และมันก็มองมาที่เขาพร้อมกับเปลวไฟขั้วอัคคีเหมันที่อยู่ในมือ
ถ้าไม่ใช่เพราะฉื่อหยาน สร้างกำแพงพลังหยินขึ้นมาด้วยความรวดรเ็ว เป่ยหมิงเช้อคงจะใช้เฟลวไฟขั้วอัคคีเหมันโจมตีมาที่เขาและเขาต้องระเบิดออกเป็นชิ้นๆแน่
” กลับมา ! “
เป่ยหมิงเช้อ ตะโกนพร้อมกับยื่นแขนออกไป และมองไปที่ดาบแยกนภาที่กำลังลอยกลับมาที่มือของมันอย่างรวดเร็วเหมือนกับสายฟ้าฟาด
เป่ยหมิงเช้อที่ถือดาบแยกนภาไว้ในมือก็ แสยะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ” ข้าขอดูหน่อยว่าเจ้าจะตอบโต้กลับยังไง ! “
ฉื่อหยานดูมืดมน เขารู้กีว่า [ หลุมแรงโน้มถ่วง ] นั้นจะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อใช้กับสิ่งมีชีวิต แต่มันใช้ไม่ได้ผลกับดาบแยกนภา
ถ้าเขาอยู่ใน [ หลุมแรงโน้มถ่วง ] เป่ยหมิงเช้อก็จะควบคุมดาบแยกนภาและจู่โจมมาที่เขา
ถ้าเขาต้องออกจากวงหมุน เป่ยหมิงเช้อ ก็จะสามารถเข้าถึงตัวและโจมตีมาที่เขาได้โดยใช้จิตวิญญานย้นระยะ
น่ารำคาญนัก !
เป่ยหมิงเช้อ นั้นครอบครองจิตวิญญานแฝด และยังมีอาวุธลับอีกมากมาย มันมีทั้งดาบที่ใช้โจมตีและเกราะที่ใช้ป้องกัน
” คุณชายเช้อ , ได้โปรดอย่าฆ่าเขา ! เขาเป็นเพื่อนของข้า ” ตี่ย่าหลาน อยู่ๆก็ร้องไห้ออกมา เมื่อนางตระหนักว่าฉื่อหยานกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย
” คุณชาย ได้โปรดไว้ชีวิตเขา ” มู่หยู่เตี๋ยลังเลและพยายามที่จะโน้มน้าวมัน
เป่ยหมิงเช้อ ไม่ได้เคลื่อนไหวมใด มันส่ายหัวแล้วกล่าวอย่างใจเย็น ” ข้ามักจะทำถามทุกอย่างที่พวกเจ้าขอ และถ้าฉื่อหยานนั้นไม่ได้แสดงพลังที่น่ากลัวออกมาให้ข้าเห็นในวันนี้ ข้าก็สามารถไว้ชีวิตมันได้ แต่ตอนนี้ , มันเป็นไปไม่ได้แล้ว มันเป็นนักรบในระดับมนุษย์ แต่กลับมีวิชาต่อสู้ลึกลับที่สามารถสังหารชีวิตได้ และมันเองก็เป็นอันตรายต่อตระกูลของข้า เช่นนั้นมันก็สมควรตาย ! “
หลังจากพูดจบ , เป่ยหมิงเช้อ ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป และควบคุมดาบแยกนภาพุ่งไปที่หัวของฉื่อหยานโดยตรง
ดาบแยกนภาพุ่งผ่านเหมือนกับดาวตกและปลดปล่อยหนามออกมากระจายไปทั่ว
หนามพุ่งผ่านลงไปและเกิดระเบิกขึ้นทั่วทุกที่
” ติงหยิน ! ” ตี่ย่าหลาน ร้องออกมาด้วยความทุกข์
” ห๊ะ . . . . . . . ” มู่หยู่เตี๋ยสั่นเบาๆ และก็ปรากฏความเจ็บปวดขึ้นในดวงตา
” [ ผนึกแห่งความเป็นความตาย ] “
ฉื่อหยานพูดขึ้นมา 6 พยางค์
ระหว่างที่ดาบปลดปล่อยหนามออกมา ฉื่อหยานก็ตัดสินใจทันทีโดยปราศจากความกลัวในดวงตาของเขา
ภายใต้การจ้องมองของมู่หยู่เตี๋ย และ ตี่ย่าหลาน ที่มืกขวาและมืดซ้ายของฉื่อหยานมีบางสิ่งเล็กกำลังขยายตัวขึ้น
ตอนนั้นเอง พลังงานทั้งสองสายที่แตกต่างกันก็ระเบิดออกมาจากแขนทั้งสองข้างของเขาอย่างน่ากลัว