บทที่ 108 รอโอกาส
ฉื่อหยานรู้สึกขายหน้า
เขาถูกอุ้มโดยเซี่ยซินหยาน และบินอยู่พร้อมกับลมที่กรรโชกพัดบนใบหน้าของเขา และเขารู้สึกได้ถึงความเจ็บแสบที่ทิ่มทางมายังผิวหนังของเขา
แต่น้ำหอมจากเซี่ยซินหยาน ก็ลอยเข้าไปในจมูกของเขา พร้อมกับสายลม สายลมพัดกลิ่นหอมมานั่นนับว่าสิ่งที่ยอดเยี่ยมในตอนนี้ แต่ตำแหน่งของเขามันช่างอึดอัดและไม่สบอารมณ์จริงๆ
นางคว้าคอเสื้อของเสื้อของเขาและยกขึ้นในอากาศ ฉื่อหยานรู้สึกเหมือนเซี่ยซินหยานกำลังหิ้วถุงมากกว่าแบกชีวิตคนเสียอีก
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเซี่ยซินหยาน ไม่มีทางเลือก และต้องพาเขาหนีอย่างรวดเร็ว ฉื่อหยานก็ยังรู้สึกอับอายอยู่ดี
เขาจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เขาจะต้องมีพลัง ! เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้น ! เขาต้องการพลังที่สามารถกำจัดทุกสิ่งอย่าง !
ขณะที่อยู๋ในมือของเซี่ยซินหยาน เขาตัดสินใจว่า ถ้าเขาโชคดีพอรอดจากเหตุการครั้งนี้ไปได้ เขาจะไม่ให้ใครมาหิ้วเขาแบบนี้อีก เขาจะใช้พลังทั้งหมดเพื่อที่จะอยู่เหนือกว่าผู้อื่น
ฉื่อหยานได้ยินการสนทนาระหว่างเซี่ยซินหยาน และ เสียงของหญิงสาวในที่มืดมิด หลังจากทราบว่าเป็นนายหญิงของโลกมืด สีหน้าของฉื่อหยานก็กลายเป็นน่ากลัว แต่ก็ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้
ถึงแม้ว่าเขาได้พบกับสิ่งมหัศจรรย์มากมาย และได้รับจิตวิญญานอีกอย่างหนึ่งในร่างของเขา แต่เขายังเป็นนักรบในระดับมนุษย์ มีช่องว่างระหว่างเขาและยอดฝีมือในระดับนภามากเกินไป ต่อให้เขามีวิชาลับต่างๆมากมายมันก็ห่างกันเกินไปอยู่ดี
เขารู้จักความสามารถของตัวเขาดี และเขาก็รู้ว่า ด้วยยอดฝีมือที่ไล่ล่าเขาตอนนี้ เป็นเรื่องยากมากที่เขาจะรอด
เขาไม่อยากพูดอะไรอีก เขารวบรวมสมาธิของเขา และหาโอกาสหลบหนี
” เจ้าต้องการที่จะกลายเป็นศัตรูกับทะเลที่ไม่สิ้นสุดสินะ ” เซี่ยซินหยาน สูดหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ ร่างที่งดงามของนางก็ล่อนลงมา
หัวใจของฉื่อหยานสั่นเทา เขารู้สึกได้ว่าพลังจิตวิญญานจุติของเซี่ยซินหยานกำลัง ค่อยๆหายไป
เมื่อเซี่ยซินหยานใช้จิตวิญญานจุติของนาง พลังของการจุติก็จะลดลงเรื่อยๆ มันไม่ได้เป็นของนาง เมื่อพลังทั้งหมดของการจิตวิญญานจุติหมดไป เซี่ยซินหยานก็จะกลับสู่นภาที่สามของระดับหายนะ
แค่ยืนอยู่กลางอากาศก็ใช้พลังของจิตวิญญานจุติเป็นจำนวนมากแล้ว เมื่อนางตระหนักได้ว่านายหญิงแห่งโลกมืด ปิดกั้นเส้นทางข้างหน้า นางก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะข้ามผ่านท้องฟ้าไปได้อย่างอิสระในขณะที่แบก ฉื่อหยานอยู่
เมื่อพวกเขามาถึงพื้น
เซี่ยซินหยานก็วางฉื่อหยานลงและนางก็มองอย่างเย็นชาไปที่เมฆดำที่ค่อยๆลอยลงมา และพูดอย่างไม่แยแส ” ในประตูปลอมนั้น มีเพียงตราประทับจิตวิญญานดั่งเดิมเท่านั้น เมื่อมันได้ประทับลงไปในสิ่งใดแล้วก็ไม่สามารถนำออกมาได้อีกต่อไป “
เซี่ยซินหยานหยุดครู้หนึ่ง แล้วกล่าวว่า ” นั่นหมายความว่า ต่อให้เจ้าฆ่าเขาไป เจ้าก็ไมไ่ด้อะไรอยู่ดี “
ขณะที่พูดเซี่ยซินหยานก็กวาดสายตาของนางไปที่ไกลๆ นางมองไปยังบึงที่ข้างหน้านาง
มีเสียงดังขึ้นมาจากหนองน้ำ .เป็นร่างโคลนของซัวฉีที่ค่อยๆโผล่ออกมาจากบึง
เขายืนอยู่กลางบึงและมองมาอย่างชั่วร้าย ” เจ้าไม่เชื่อเจ้าหลอก เจ้าเด็กนี้ต้องได้รับบางอย่างแน่ แม่นางเซี่ย เจ้าเพียงแค่ส่งเขามาให้ข้าสะ ต่อให้ข้าหาอะไรจากเขาไม่พบยังไงเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า “
” ฉื่อหยาน ! ฉื่อหยาน ! “
เป็น เสียงของเป่ยหมิงชางที่คำรามมาแต่ไกล และกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
” แม่นางเซี่ย ! “ซัวฉีตะโกนอีกครั้ง ” ส่งเด็กนั่นมาให้ข้า และข้าจะลากเขาลงไปใต้ดิน มิเช่นนั้นเป่ยหมิงชางและคนอื่นจะไม่ปล่อยเขาไว้แน่ ข้าสัญญากับเจ้า ถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่มีอะไร ข้าก็จะปล่อยเขาให้มีชีวิตรอด “
” เอาล่ะ ! “
เซี่ยซินหยานนั้นไม่เชื่อคำพูดของซัวฉี และดูเหมือนนางเองก็รู้ว่าเป่ยหมิงชางกำลังจะมาถึง ด้วยสถานการณ์นี้ยังมีนายหญิงแห่งโลกมืดบีบบังคับนางอีก เซี่ยซินหยานไม่สามารถพาฉื่อหยานหนีไปได้ตรงๆแน่
หลังจากคิดได้ เซี่ยซินหยานก็หยุดลังเล นางหยิบฉื่อหยานขึ้นมาและโยนเขาไกลออกไป
ในเวลาเดียวกัน นางก็เปิดปากของนางขึ้นและมีดบินที่วาววับก็ออกมาจากใต้ลิ้นของนาง
มีดบินถูกปกคลุมด้วยอักษรรูนลึกลับ อักษรรูนนั้นมีเพียงขนาดเท่ากับลูกอ๊อด แต่พวกมันก็ค่อยๆ ขยับอยู่บนมีดบินเหมือนกับว่าพวกมันมีชีวิตเป็นของตัวเอง
เมื่อมีดบินปรากฏออกมา คลื่นพลังลึกลับก็ไหลออกมาจากรูน เป็นพลังที่สามารถทำลายพลังจิตวิญญานได้ เซี่ยซินหยานเหวี่ยงมีดบินออกไป ทันใดนั้น ชั้นของระลอกคลื่นก็ปรากฏเป็นช่องว่างส่องสว่างออกมา
ชั้นของบรรยากาศถูกเฉือนโดยระลอกคลื่นจากมีดบินของเซี่ยซินหยานและคลื่นพลังอีกกระแสหนึ่งก็กระจายออกมา เป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธของเป่ยหมิงชางที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
” เซี่ยซินหยาน ! เจ้ากล้าทำลายพลังจิตวิญญานของข้า ข้าจะฆ่าเข้า ! ” ด้วยระยะที่ห่างไกลเป่ยหมิงชางคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงของมันเต็มไปด้วยความโกรธ
เซี่ยซินหยานยังคงนิ่งเฉย . นางถือมีดบินไว้ในมือของนางและร่างกายของนางก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มีดบินส่องแสงออกมา ทำให้ชั้นของคลื่นพลังจิตวิญญาณถูกทำลายและบรรยากาศรอบๆก็บิดเบี้ยวไปมา
นายหญิงของโลกมืดที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มควันสีดำมืดเมื่อเห็นเซี่ยซินหยาน สามารถตัดพลังจิตวิญญาณของนักรบระดับนภาได้ นางก็รู้ได้เลยว่าเซี่ยซินหยานนั้นไม่สามารถจัดการได้ง่ายๆ นายหญิงแห่งโลกมืดไม่ได้ปรากฏตัวออกไปเมื่อเห็นว่าเป่ยหมิงชางกำลังจะมาถึง นางค่อยๆลอยกลับเข้าไปในกลุ่มเมฆสีดำ และหยุดภายในเมฆสีดำ
” ตุบ ! “
ร่างของฉื่อหยานก็ตกลงไปในหนองน้ำ
ใบหน้า ของซัวฉีก็เต็มไปด้วยความสุขและทันทีที่เขาเคลื่อนไหว โดยใช้พลังจิตวิญญาณการของเขาห่อ ไปที่ฉื่อหยานที่กำลังจมอยู่ในชั้นโคลน จากนั้นเขาก็ลากฉื่อหยานลงไปในบึงกับเขา
ฉื่อหยานทันทีรู้สึกหายใจลำบาก เขารีบรวบรวมสมาธิของเขา และมุ่งไปที่ลมหายใจ เขาแอบหมุนเวียนพลังในร่างกายของเขาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ใดก็ตามที่กำลังจะเกิดขึ้น
ในกลุ่มของก้อนโคลน ฉื่อหยานรู้สึกเหมือนกับว่าเขาเป็นพระเจ้าเขารู้สึกได้ถึงระยะทางที่เขาลงมาในบึง
ทันใดนั้น กลุ่มโคลนที่พัวพันร่างกายของเขาก็หยุดและกระจายกันออกไป
โคลนก่อนหน้านี้ที่ผนึกเขาอย่างแน่นหนาก็ กลายเป็นโพรงกว้าง 5 เมตร และภายในโพรงก็มีเพียงพื้นที่ให้เขาใช้หายใจเท่านั้น
ในโพรงโคลนข้างๆเขา ซัวฉีก็มองไปอย่างแปลกใจ
ซัวฉีถูมือเข้าด้วยกัน เขาดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาหัวเราะอย่างลับๆ และพูดว่า ” เราลงลึกมาเป็นร้อยเมตรแล้ว โพรงนี้ถูกสร้างขึ้นโดยจิตวิญญาณต่อสู้ของข้า ข้าสามารถรับประกันได้ว่าเจ้าจะไม่ขาดอากาศหายใจตาย ดีหรือไม่ ตอนนี้เราก็สามารถพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นแปลกประหลาดนั่นได้แล้ว อืม ถ้าเจ้าส่งทุกอย่างมาข้าสัญญาว่าจะไม่ฆ่าเจ้า และข้าจะพาเจ้าออกไปจากบึงมรณะ”
” เจ้าก็ค้นเอาเอง . ” ฉื่อหยานกางมือของเขาออกและยังคงยืนกับที่ ” เราเจออะไรในตัวของข้าเจ้าก็เอาไปได้เลย . “
” ข้าเพียงต้องการของที่เจ้าได้มาจากพื้นที่ประหลาดนั่นเท่านั้น ” ซัวฉีกล่าวอย่างสับสน “อย่างอื่นข้าไม่สร “
” ข้าไม่ได้เอาอะไรมา ” ฉื่อหยาน ส่ายหัว และกล่าวอย่างใจเย็น ” มีเพียงแค่คลิ่นแสงจากดวงดาวที่เข้าไปมาในร่างกายของข้าเท่านั้นและตอนนี้มันก็ได้หลอมรับกับเลือดเนื่อและกระดูกของข้าแล้ว บางทีอาจจะต้องกินเลือดเนื่อของข้า , เจ้าถึงจะได้รับพลังจากแสงดวงดาว ” .
” นี่ เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้ากินเจ้ารึ ” ซัวฉีเลียริมฝีปากของเขาและกล่าวอย่างโหดเหี้ยม, ” ถ้าข้าสามารถรับพลังได้จากการกินเจ้า ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะกินเจ้าทั้งหมดหลอกนะ “
สีหน้าของฉื่อหยานยังคงสงบ เขาเพียงแค่นั่งลงและกล่าวว่า : ” นั่นมันก็เรื่องของเจ้า สิ่งที่อยู่ในร่างกายข้า ข้าไม่สามารถนำมันออกมาได้ แล้วเจ้ายังต้องการอะไรอีก ? “
” เจ้าหนู เจ้ายอมตายแทนที่จะมอบมันมาให้ข้าสินะ ? ” สีหน้าของ ซัวฉีดุร้าย เขาครุ่นคิดสักพัก จากนั้นก็พูดว่า ” เจ้ารู้รึป่าว ข้าหนะมีวิธีมากมายที่จะทำให้เจ้าตาย ? “
ฉื่อหยาน ก็เงียบ และเขาก็ไม่พูดอะไร
พลังปราณลึกลับและพลังเชิงลบ รวมถึงพลังปราณหยินทั้งหมดก็ค่อยๆออกมาจากร่างของเขาและเริ่มที่จะค่อยๆ แพร่กระจายไปทั่วทั้งโพรง . . . . . . .
สามพลังที่แตกต่างกันก็แผ่ออกมา เขายังไม่สร้าง [ หลุมแรงโน้มถ่วง ] ขึ้นมาทันที ฉื่อหยาน เพียงแค่แอบทำเช่นนี้เพื่อป้องกันตนเองเท่านั้น ถ้าซัวฉีลงมือเมื่อใดเขาก็จะสร้าง [ หลุมแรงโน้มถ่วง ] ขึ้นมาทันทีโดยไม่ลังเล
เขารู้ว่า[ หลุมแรงโน้มถ่วง ] นั้นไม่สามารถรับมือกับซัวฉีที่อยู่ในระดับนภาได้ แต่เขาเพียงต้องการที่จะใช้มันเพื่อยับยั้งซัวฉีเล็กน้อย
ตราบเท่าที่มี [ หลุมแรงโน้มถ่วง ] ซัวฉีก็จะไม่สามารถลงมือทำอะไรได้ครู่หนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงไม่กี่นาที เขาก็จะคว้าโอกาสนั่นและหลบหนีไปยังบนพื้นผิวของบึงและหลบหนีไป
” บูม บูม บูม บูม บูม บูม “
พื้นดินสั่นสะเทือน เสียงดังขึ้นมาจากเหนือหนองน้ำ พลังที่รุนแรงพุ่งเข้ามายังหนองน้ำ และแม้แต่ฉื่อหยานที่อยู่ลึกลงมาหลายร้อยเมตร ก็ยังรู้ได้ถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นด้านบน
” เจ้านู๋ อย่าคิดว่านางจะช่วยเจ้าได้ ตอนนี้เป่ยหมิงชางเองก็อยู่ที่นี่ แม้แต่นางเองยังเอาตัวไม่รอดเลย ” ซัวฉี หายใจเข้าลึกๆ และขบฟันแน่น ” อย่าบังคับให้ข้าต้องใช้ความรุนแรงกับเจ้า แค่ตอนนี้เจ้าเอามันออกมา ข้าสัญญากับเจ้าว่า ถ้าเจ้าเชื่อฟัง ข้าก็จะพาเจ้าออกไปจากบึงมรณะ เจ้าก็รู้ถึงพลังของข้าในบึงมรณะแหง่นี้ดี ตราบใดที่ข้าช่วยเหลือ ถึงผู้หญิงคนนั้นจะไม่สามารถปกป้องคุณ , แต่ข้าทำได้ ! เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร ? “
” ฉันมีเพียงพื้นที่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยคลื่นแสงจากดวงดาวและตอนนี้คลื่นแสงดวงดาวเท่าหมดก็อยู่ในร่างกายของข้า คลื่นแสงดวงดาวสามารถทำให้ข้าดูดศับพลังจากดวงดาวได้ มันเป็นจิตวิญญาณการต่อสู้ อืม ถ้าเจ้าทราบวิธีการถ่ายโอนวิญญาณต่อสู้ ข้าก็คงให้เจ้าไปแล้ว นอกจากนี้ , ข้าก็ไม่มีสิ่งใดจะพูดอีก ” ฉื่อหยานพูดเรียบๆ
” จิตวิญญาณการต่อสู้ ! ที่สามารถดูดซับพลังจากดวงดาวได้ “
ใบหน้าของซัวฉีก็เต็มไปด้วยความสุข เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมากร่างกายของเขาสั่นสะท้านและ เขาก็หัวเราะเสียงดัง ” แน่นอนว่านั้นต้องเป็นวมบัต ดี เอามาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ! เร็วเข้า เอามาให้ข้า ! “
” ไม่ได้ยินที่ข้าพูดรึ ? ” ฉื่อหยานขมวดคิ้ว ” มันเป็นจิตวิญญานต่อสู้ของข้า ข้าไม่รู้วิธีที่ที่จะมอบมันให้กับเจ้า “
” ย่อมมีหนทางสิ ! มันต้องมีสักทาง ! “
ซัวฉีตื่นเต้นเป็นอย่างมากและมันก็ตะโกนขึ้นโพรง ” ถ้าเจ้าสามารถรับมันมาได้ แสดงว่าเจ้าก็ต้องสามารถส่งมอบมันได้เช่นกัน รีบๆคิดสะ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องหาวิธีได้แน่นอน ! ฉื่อหยาน , ข้าจะให้เวลาเจ้าสามวัน ! หลังจาก 3 วัน แล้ว ถ้าเจ้าสามารถมอบจิตวิญญานนั่นให้แก่ข้าได้ ข้าก็จะพาเจ้าออกไป ! “
3 วัน ?
ฉื่อหยานขมวดคิ้วของเขาและกล่าวอย่างไม่สนใจ: ” ก็ได้ ข้าจะคิดหาวิธีอย่างรอบคอบเอง “
” ดี เจ้าต้องคิดอย่างรอบคอบ หลังจาก 3 วัน ถ้าเจ้ายังหาวิธีไม่ได้ อย่ามาหาว่าข้าใจร้ายละกัน ! ” ซัวฉียิ้ม
ในวันนั้น
คลื่นพลังที่วุ่นวายก็พัดเข้ามามาจากภายนอกบึงมรณะ บอกได้ว่า เซี่ยซินหยานและเป่ยหมิงชางยังคงสู้กันอยู่ .
เมื่อตกกลางคืน การต่อสู้ข้างนอกก็หยุดลง
ฉื่อหยาน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น หัวใจของเขาจมลงไปลึกและเขาก็คิดหาวิธีหนีจากเงื้อมมือของซัวฉี
” บูม บูม ! ! ! “
ตกดึก คลื่นพลังที่สามารถทำลายทุกอย่างได้ก็ปกคลุมไปทั่วบึง !
บรรดาคลื่นของพลังที่รุนแรงและน่ากลัวเหล่านั้นแทงทะลุลงมาในบึงลึกเป็นร้อยเมตร มันแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว . มันพยายามที่จะหาร่องรอยของนักรบที่อยู่ในหนองน้ำ และตรงมาที่ ซัวฉี
” อะไรกัน ? ใครกันที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ? ” ซัวฉีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นตกตะลึง .
เขาเห็นคลื่นพลังที่พุ่งลงมาเหมือนมังกรทะบายและ เขาก็ไม่ได้สนใจฉื่อหยานอีกต่อไป เขากรีดร้องพร้อมกับ วิ่งออกจากโคลนและปะทะเข้ากับคลื่นพลังที่เต็มไปด้วยกลิ่นเลือด
ดวงตาฉื่อหยานก็สว่าง เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด และรีบ เคลื่อนไหวออกจากโพรงและ ลอยตัวขึ้นสู่พื้นผิว โดยไม่สนใจอะไรอีก
––––––––––––––––––––––––
ปล. พอดีติดธุระกับเปิกกลุ่ม 7 อยู่ ขออภัยที่ลงช้าจ้า ลงอีก 3 ตอน ในวันที่ 8/8/2560 ตอนนี้กลุ่มลับของเราลงถึงตอนที่ 299 แล้วจ้า สนใจอ่านรายระเอียดได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยครับ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ