บทที่ 109 ราชาอสูร
ลึกลงไปในหนองน้ำร้อยเมตร
โคลนและน้ำผสมกัน และเนื่องจากมีโคลนมากกว่าน้ำในบึง มันจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะหลบหนี
เมื่อคนหรือสัตว์ตกอยู่ในบึง พวกมันก็จะค่อยๆจมลึกลงไป และในที่สุดจะถูกกลืนเข้าไปในบึงมรณะ กลายเป็นศพอยู่ก้นบึง และศพก็จะเน่าเปื่อยไปจากนั้นก็จะไม่มีใครได้พบอีก
ส่วนที่น่ากลัวที่สุดของบึงมรณะก็คือ บึงนับร้อยพันเหล่านี้ ได้กลืนกินสัตว์อสูรและนักรบจำนวนนับไม่ถ้วนเข้่ไปและพวกมันก็ทั้งหมดต่างก็ตกตายในบึงแห่งนี้
ซัวฉีนั้นเป็นข้อยกเว้น
เขานั้นเป็นลูกผสมระหว่างมังกรโคลนและมนุษย์ เขาสามารถเคลื่อนไหวในบึงได้อย่างเป็นธรรมชาติ และสามารถควบคุมโคลนในบึงได้ .
ในบึงมรณะ ถ้าเขาได้พบกับนักรบที่แข็งแกร่ง ซัวฉีก็จะดำลงมาในบึงลึกๆเพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ
ตลอดเวลา ซัวฉี อยู่เพียงแต่ในบึง และไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวหรือเกรงกลัวใคร
แต่คราวนี้ ลึกลงไปใต้บึง ซัวฉีกลับมีสีหน้าหวาดกลัว และดูเหมือนว่าเขากำลังหวาดกลัวเป็นอย่างมากอีกด้วย
กลิ่นเลือดทีรุนแรงทะลุผ่านหลายร้อยเมตรมาใต้บึง
กลิ่นอายพลังจิตวิญญานโลหิตรุนแรง แข็งแกร่ง และน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เหมือนกับเป้าหมายของมันคือเขา แม้เขาจะอยู่ภายใต้ลึกหลายร้อยเมตร มันยังคงพุ่งทะลุผ่านมาทำให้อึดอัด
เขาอาศัยอยู่ในบึงมรณะมาหลายปี ซัวฉีรู้ดีว่ายิ่้งลึกลงไปใต้บึง ยิ่งเต็มไปด้วยพลังปราณของศพ
บึงมรณะนั้น คงอยู่มานับหมื่นปี และวิญญานที่ตกตายนับไม่ถ้วนต่างก็ถูกฝังอยู่ใต้บึงเหล่านี้ ผู้ที่ตายในบึงแห่งนี้จะไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้ และพวกเขาจะอยู่ที่ด้านล่างของบึงโคลนแห่งนี้
เพราะเหตุนั้นเรายิ่งลึกลงมาใต้บึงเท่าใด ก็ยิ่งเต็มไปด้วยพลังปราณจากศพ . พลังปราณจากศพนั้นสามารถสกัดกั้นพลังจิตวิญญานของใครบางคนได้ และมันจะทำลายพลังทุกประเภทที่บุกลุกลงมาใต้บึง
ถ้าเขานั้นไม่ได้มีอำนาจในการควบคุมโคลน แม้จะเป็นซัวฉีเอง ก็ไม่กล้าที่จะลงไปเบื้องลึกของบึง
แต่ตอนนี้พลังปราณโลหิตที่รุนแรงได้ทะลุลงมาร้อยเมตรในบึง และสามารถทะลวงผ่านพลังปราณจากศพเหล่านั้นและไล่ตามซัวฉีไป นั่นทำให้เขาหวาดกลัวเป้นอย่างมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงความตายที่กำลังจะมาเยือน !
ด้วยความกลัวซัวฉีเลิกยุ่งกับฉื่อหยานทันทีและ เขาก็รีบลงไปที่ก้นของบึง
” ปัป ! “
ฉื่อก็หลุดออกจากโพลงโคลน
อย่างรวดเร็วเขาก็พบกับโคลนจำนวนมากซึ้งมันหนักเหมือนกับภูเขา ร่างของฉื่อหยานถูกปกคลุมด้วยโคลนอยาสมบูณณ์ เขาหายใจไม่ออกและไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ เขาต้องใช้พลังทั้งหมดของเขาเพื่อที่จะจะว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำ
บึงนี้มีลักษณะพิเศษ : ยิ่งดิ้นรน ก็ยิ่งจม และแม้กระทั่งต่อให้อยู่ลึกลงมาหลายร้อยเมตรใต้โคลน คุณลักษณะเหล่านั้นก็ยังคงอยู่
ขณะที่กำลังดิ้นรน ฉื่อหยานรู้สึกเหมือนกับว่าเขาอยู่ในวังวนของโคลน ไม่เพียง แต่เขาไม่สามารถที่จะหนีจากมันได้ แต่เขายังจมลึกลงไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งหัวใจและร่างของฉื่อหยานสั่นสะท้าน เขาชะงักและหยุดการเคลื่อนไหวของเขา เขาค่อยๆควบคุมไปที่ลมหายที่เหลือ และหยุดเคลื่อนไหวร่างกายของเขา ประกายแสงกระพริบไปทั่วจิตใจของเขา ขณะที่เขากำลังพยายามรีบคิดหาวิธีที่จะหลบหนีไปยังพื้นผิว
ด้วยระดับความลึกของบึง เขานั้นไม่สามารถหายใจหรือแม้กระทั่งมองเห็นได้ ดูเหมือนว่าพลังปราณจากศพนั้นทำให้ร่างกายเขาอ่อนแอลง
ในสภาวะเช่นนี้ , เขาจะต้องตายจากการขาดอากาศหายใจแน่นอน
ความคิดต่าง ๆแวบผ่านจิตใจของเขา และทันใดนั้น ด้วยระดับความลึกของบึง เขารู้สึกได้ถึงพลังปราณหยินธรรมชาติ ในบริเวณใกล้เคียงกับเขา
เมื่อพลังปราณหยินปรากฏขึ้น ฉื่อหยานก็รู้สึกไปที่พลังงานเชิงลบและควบคุมมัน
ฉื่อหยานความคิดของเขาแว๊บขึ้นมา และเขาก็รีบปลดปล่อยพลังทั้งสามประเภทในร่างของเขาออกมาในหนองน้ำ , ปรากฏเป็นหลุมแรงโน้มถ่วงที่ทำจากพลังปราณหยิน พลังปราณลึกลับและพลังงานเชิงลบถูกสร้างขึ้นมา
เมื่อวงหมุนถูกสร้างขึ้น ทันทีฉื่อหยานก็ควบคุมมัน และเริ่มให้มันปกคลุมไปรอบร่างของเขา
สมาธิของเขามุ่งเน้นไปที่วงหมุนและฉื่อหยานก็ค่อยๆควบคุมวงหมุนนั้นให้หมุนวนไปมาอย่างระมัดระวัง . . . . . . .
พลังทั้งสามประเภท เกี่ยวพันร่วมกันสร้างเป็นเครื่อบดขนาดใหญ่ โคลนจำนวนมากไหลเจ้าสู่วงหมุน และ เคลื่อนไหวลอยขึ้นด้วยแรงหมุนของวงหมุน
มันได้ผล !
ฉื่อหยานก็ปลื้มปิติ ทันทีเขาก็เพ้งสมาธิทั้งหมดของเขาไปในการควบคุมหลุมแนงโน้มถ่วงต่อไป เพื่อให้มันเคลื่อนไหวและร่างกายของเขาก็เริ่มขึ้นสู่ผิวน้ำ
” ปุ ! “
หลังจาก 1 นาที
ก็เป็นฉากที่บนพื้นดินที่เต็มไปด้วยโคลน ค่อยๆขยายตัวและลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ลอยขึ้นไปประมาณสามเมตร ภายใต้แสงจันทร์เย็นยะเยียบและจู่ๆมันก็ตกลงมา
[TL. สำหรับใครงงว่า ฉื่อหยานขึ้นมาได้ไง ก็ประมาณว่า มันใช้วงหมุน หยุงร่างของตัวเองและค่อยๆลอยขึ้นมาจากบึงแต่ว่าก็มีโคลนอัดแน่นกันเป็นก้อนรอบตัวเขาอยู่ ]
” ฉื่อหยาน ! “
เซี่ยซินหยานอุทานออกมาและ มือของนางก็ปรากฏตราประทับดอกบัวขึ้นทีนทร และปรากฏเป็นดอกบัวยักษ์สีฟ้าลอยออกมาจากฝ่ามือของนางโดยตรง และหยุดใต้ร่างของฉื่อหยาน
ฉื่อหยาน ที่กำลังจะตกลงไปในบึงอีกครั้ง ก็หล่นใส่ดอกบัวยักษ์สีฟ้า ดอกบัวนั่นพยุงร่างของเขาไว้ และมันก็ลอยออกมาจากบึงและหยุดข้างๆเซี่ยซินหยาน
” ฟู่วว “
เซี่ยซินหยานถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา นางเอาพนมมือทั้งสองข้า .
และดอกบัวที่พยุงร่างของฉื่อหยานออกมาจากบึงก็ส่องแสงออกมา และลอยกลับเข้าไปในมือของนาง และมันก็ค่อยๆจางหายไปทีละนิด
” เจ้าบาดเจ็บรึ ? ” ฉื่อหยานมองนางพร้อมกับขมวดคิ้ว .
ดวงตาของเซียซินเหยียนปรากฏความเหนื่อยล้าอยู่และติ่งหูของนาง ซึ่งอาจจะเห็นได้จากด้านนอกของผ้าคลุมที่ปิดหน้าอยู่ , มันซีดเหมือนกระดาษ นั่นอาจจะสันนิษฐานได้ว่าใบหน้าของนางทั้งหมด ก็ต้องซีดเช่นกันแน่นอน
” นี่คือผลกระทบของการใช้จิตวิญญานต่อสู้ของข้า แต่ไม่เป็นไรหรอก ข้าเพียงแค่ใช้ยาบำรุงจากตระกูลหยาของท่าน ข้าก็จะหายเป็นปกติในวันพรุ่งนี้ ” สีหน้าของเซี่ยซินยันสงบลงในขณะที่นางดึงเส้นผมจากด้านหลังใบหู และพูดอย่างเรียบเฉย.
” ตระกูลหยาง ? ” ฉื่อหยาน ตะลึง เขากล่าวด้วยเสียงลึก : ” เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ ? “
” บูม บูม บูม บูม บูม บูม บูม บูม บูม “
ในท้องฟ้าที่ห่างไกล เกิดเป็นเสียงฟ้าร้องดังขึ้นพร้อมกับแผ่นดินไหว และปรากฏเสียงที่น่ากลัวดังออกมา
ฉื่อหยานยกศีรษะมองไปบนฟ้า
เขาสามารถเห็นว่า ภายใต้เมฆหนา มีใครคนหนึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลกำลังต่อสู้อย่างเด็ดเดียวอยู่กลางอากาศ
โดยด้านข้างของเขา ปรากฏสามคลื่นโลหิตที่หนานั้นเป็นเหมือนกับกระแสน้ำโลหิตซึ่งมีขนาดไม่กี่พันเมตร และกว้างเพียงไม่กี่เมตร พวกเขาได้ทำสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นในอากาศซึ่งมันเป็นฉากที่พวกเขาจะไม่มีวันลืม
กระแสน้ำโลหิตเหล่านี้หนาแน่นเป็นอย่างมากและ เต็มไปด้วยเลือดและวิญญาณชั่วร้าย
ด้วยสีหน้าดุร้ายของชายคนนั้นที่ยืนอยู่ระหว่างจุดตัดของกระแสน้ำ . เหมือนกับว่าเขากำลังควบคุมกระแสน้ำเหล่าั้นอยู่ด้วย สองมือเคลื่อนไหวไปมาและกระแสน้ำโลหิตที่พุ่งผ่านออกมาจากเขา จากที่ดูเหมือนว่าเขากำลังต่อสู้อยู่กับอีกสามคน
กระแสน้ำโลหิตยาวพันเมตรและกว้างร้อยเมตรเป็นเหมือนกับโซ่ลิหิตที่อยู่ในมือของเขา ทำให้การเคลื่อนไหวของนักรบในระดับนภาทั้งสามกลายเป็นยากลำบาก
เป่ยหมิงชาง ซูซีเฮ้อ และนายหญิงแห่งโลกมืดทั้งหมดกำลังใช้พลังในระดับนภาต่อต้านกับโซ่โลหิตทั้งสามเส้นอย่างต่อเนื่อง
คนที่ควบคุมโซ่โลหิตยักษ์ทั้งสามเส้นนั้น ยังมีพลังเหลือพอ และเขาก็ปลดปล่อย คมเสี้ยวแสงสีเลือดให้ตกลงไปในบึงด้านล่าง และบังคับให้ ซัวฉีในที่อยู่ในบึงนั้นไม่มีทางเลือกและดำลึกลงไปพันเมตร เพื่อหลบซ่อน
ผู้ชายที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลหลายแห่งกำลังรับมือและต่อสู้กับนักรบในระดับนภาสี่คน ทั้ง เป่ยหมิงชาง เจ้าแห่งโลกมืด นายหญิงแห่งโลกมืด และ ซัวฉี ในเวลาเดียวกัน และเขาก็ยังเหนื่อกว่าและสามารถบังคับให้นักรบในระดับนภาทั้งสี่ต่อสู้อย่างยากลำบากได้
เบื้องหลังของชายคนนั้น , เป็นค้างคาวยักษ์ซึ่งมีความยาวเจ็ดถึงแปดเมตร กำลังจ้องมองออกไปด้วยดวงตาที่ดุร้าบ
บนหลังของค้างคาว เป็นนักรบหลายคนซึ่งมีใบหน้าที่เย็นชากำลังเฝ้ามองดูสถานการณ์อย่างเงียบๆ ราวกับว่าพวกเขาพร้อมที่จะลงมือได้ตลอดเวลา
” เขาเป็นใครกัน ? ” หน้าฉื่อหยานเต็มไปด้วยความตกใจ นี่เป็นครั้งแรก หลังจากที่เขามาถึงในแผ่นดินรุ่งเรือง ที่เขาได้พบกับนักรบที่น่ากลัวเช่นนี้
” หนึ่งในสามราชาอสูรของตระกูลหยางของเจ้า เสี่ยวฮานยี เขาอยู่ในนภาที่สองของระดับนภา เขาฝึกฝนวิชาโลหิตอสูรห้าส่วน ” สีหน้าของเซี่ยซินหยาน ดูซับซ้อน
” ตระกูลหยาง ? ” ฉื่อหยานส่ายหัว ” ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้ากำลังพูดถึงอะไร ? . “
” เดี๋ยวเจ้าก็เข้าใจเอง ” เซี่ยซินหยาน กล่าวอย่างเรียบเฉย , และก็ตะโกนขึ้นไปบนฟ้า ” ท่านเสี่ยว ฉื่อหยานออกมาจากบึงแล้วและ เขาก็สบายดี “
” พวกเจ้าลงไปปกป้องนายน้อยฉื่อสะ ! . . . ” เสี่ยวฮานยี่ มองลงไปที่ฉื่อหยานจากท้องฟ้า แล้วล่องรอยประหลาดใจก็แวบผ่านตาของเขา และเขาได้สั่งอสูรรับใช้ที่อยู่ด้านหลัง
ด้วยสายตาของเขา ฉื่อหยานรู้สึกเย็นวาบลงไปถึงกระดูกสันหลังของเขา
ชายคนนี้สามารถใช้สายตาเป็นอาวุธได้ สายตาของเขาสามารถทะลวงจิตใจของผู้คนได้โดยตรง มันทำให้ผู้คนถูกครอบงำ ซึ่งมันเป็นพลังที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมากในการหยุดยั้งผู้อื่น มันทำให้พวกเขารู้วึกว่า พวกเขาไม่มีทางที่จะสามารถต่อต้านใดชายคนนี้ได้
” วูช วูช วูช “
ค้างคาวโลหิตครามลอยลงมาจากท้องฟ้า และหยุดอยู่ข้างๆ ฉื่อหยาน ข้ารับใช้อสูรห้าสิบตนลงมาและล้อมไปรอบๆฉื่อหยาน
” นายน้อยหยาน ! “
” นายน้อยหยาน ! “
เสียงคำรามดุร้ายของข้ารับใช้อสูรห้าสิบตนที่มีระดับการบ่มเพาะในระดับ ปฐพี และรู้แจ้ง ตะโกนออกมาพร้อมกัน ทุกคนต่างก็มองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง
ฉื่อหยานกระโดดขึ้นด้วยความประหลาดใจ เขามองไปที่ขบวนนักรบกับด้วยความประหลาดใจที่ปราฏอยู่บนใบหน้าของเขา เขาคิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นนายน้อยของคนเหล่านี้
” แม่นางเซี่ย นี่มันเกิดอะไรชึ้น ? ” ฉื่อหยาน มึนงงไปชั่วขณะ และพูดออกมาอย่างสับสน
” เดี๋ยว ราชาอสูรจะมาอธิบายให้ท่านฟังเอง ข้าไม่สามารถพูดอะไรได้ ” คิ้วสวยของเซี่ยซินหยานสวยก็ขมวดลง นางพูดอย่างเรียบเฉย ” ฉื่อหยาน , สิ่งที่ข้าพูดกับเจ้าก่อนหน้านี้ ขอให้ลืมมันไปสะ ข้าว่าตอนนี้ตระกูลหยางได้วางอนาคตไว้ให้เจ้าแล้ว ข้าจะไม่ยุ่งกับมัน ” .
ที่นางบอกให้ลืมไปก็คือ เรื่องที่นางจะให้ฉื่อหยานเข้าไปสืบพรรความเทพให้ตระกูลเซี่ย
ฉื่อหยานก็ยิ่งสับสน เขาไม่รู้ว่าทำไมเซี่ยซินหยาน ถึงได้พูดออกมาง่ายดายเช่นนี้ เห็นเซี่ยซินหยานไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก ฉื่อหยานก็มองไปที่ชายที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าด้วยสัญชาตณาน
” เฮ้ ! ” เพียงแค่แวบเดียว ฉื่อหยานก็ช่วยไม่ได้ที่จะอุทานออกมา .
ขึ้นไปบนท้องฟ้า เป่ยหมิงชายกลายเป็นเหมือนรูปปั้นน้ำแข็ง ร่างกายของมันปกคลุมไปด้วยพลังความเย็น มันรีบบินไปทางทิศใต้
– เป่ยหมิงชางกำลังจะหนี !
เมื่อเห็นว่าเป่ยหมิงชางกำลังจะหลบหนี นายหญิงก็กลายเป็นกดดันยิ่งขึ้น ทั้งสองไม่สามารถทนอยู่ได้เช่นกัน และรีบบินไปทางใต้ กลัวที่จะสู้กับชายคนนั้น
นายหญิงและจักพรรดิ์แห่งโลกมืด รู้สึกกดดันเป็นอย่างมากมาก และพวกเขาก็ไม่กล้าอยู่ต่อหลังจากที่เป่ยหมิงชางหนีไป เพราะกลัวว่าถ้าพวกหลบหนีช้ากว่าเป่ยหมิงชางพวกเขาจะต้องถูกฆ่าโดยผู้ชายคนนั้นแน่นอน
” หึหึ ! คิดจะหนีงั้นรึ ” การแสดงออกของ เสี่ยวฮานยี่ กลายเป็นดุร้ายเหมือนอสูร เขาควบคุมโซ่คลื่นโลหิตทั้ง3ไล่ตามไปที่พวกมัน
. . . . . . .
” เฮ้ ! ” ชิ เสี่ยว อุทาน เขายกศีรษะของเขาไปในท้องฟ้า และตะโกนว่า ” เป่ยหมิงชาง ! “
เขาไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นที่หัวหน้าของตระกูลเป่ยหมิงมีเลือดออกทางปากและบินอยู่บนท้องฟ้าด้วยความตื่นตระหนก มีแม้แต่ร่องรอยของความสับสนวุ่นวายในสายตาของมัน
ด้านหลังของมัน จักพรรดิ์และนายหญิงของโลกมืดเองก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเช่นกัน พวกเขาหนีตามกันมา ราวกับว่ากำลังถูกไล่ล่าโดยปีศาจอสูรที่น่ากลัว
มู่หยู่เตี๋ยและตี่ย่าหลาน ยังคงจ้องมองท้องฟ้าด้วยความประหลาดใจ พวกนางรู้สึกประหลาดใจอยู่ภายใน
ไม่นานนัก สองสาวก็เห็นราชาอสูรเสี่ยวฮานยี่ไล่ตามมาพร้อมกับโซ่คลื่นโลหิตทั้งสาม
จิตใจของนางทั้งสองเต็มไปด้วยอารมณ์ต่างๆนาๆ
” อ๊ะ ! ” ตี่ย่าหลานก็ตะโกนด้วยความประหลาดใจ
– นางเห็นฉื่อหยานนั่งอยู่ด้านบนและกำลังนั่งอยู่บนหลังของค้างคาวโลหิตคราม