บทที่ 110 เจ้าไม่สมควรได้รับมัน !
ค้างคาวโลหิตคราม มีความยาวประมาณ 8 เมตร กว้างไปด้านหลัง ดังนั้นมันจึงมีขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก แม้จะมีคนอยู่บนหลังของมันสองคนก็ตาม
หูของค้างคาวโลหิตครามยาวและบาง ฉื่อหยานเอาขาหนีบไว้ที่คอของมันและจับไปที่หูของมัน ขณะที่มันพุ่งผ่านอากาศอย่างรุนแรงเหมือนกับพายุ
มองลงมาจากบนฟ้า เขาเห็นนักรบในบึงมรณะเท่ากับขนาดแมลงวัน และความรู้สึกของความภาคภูมิใจก็เอ่อล้นขึ้นในจิตใจของฉื่อหยาน
เขากำลังขี่สัตว์อสูรอยู่บนท้องฟ้าด้วยเสียงลมที่กระทบกับหู ฉื่อหยานชอบความรู้สึกของการขี่ค้างคาวโลหิตครามจริงๆ
ข้ารับใช้อสูรที่ขี่ค้างคาวโลหิตครามอยู่สังเกตเห็นชิยัน กำลังเพลิดเพลิน เขาก็ยิ้มและพูด ” ถ้าคุณชายหยานกลับไปที่ตระกูลหยานเมื่อไหร ท่านก็จะพบสัตว์อสูรพาหนะที่ดีกว่าแน่นอน ซึ่งค้างคาวโลหิตครามนั้นไม่สามารถเทียบได้เลย “
อสูรพาหนะที่ดีกว่ารึ ?
ฉื่อหยานถาม ” มันคืออะไร ? “
” มันมีขนาดที่ใหญ่เท่ากับภูเขาและเร็วกว่าค้างคาวโลหิตครามมันเหมาะสมกับท่านเป็นอย่างมาก ! มันยังสามารถเข้าใจสิ่งที่ท่านพูด และมันก็จะปกป้องท่าน ท่านหัวหน้าตระกูลต้องมอบมังกรสองหัวให้กับท่านแน่ เมื่อถึงตอนนั้น ข้าอยากจะขอท่านขี่สักนาทีหนึ่ง มังกรสองหัวทั้งหมดเป็นสัตว์อสูรระดับหก เช่นเดียวกับค้างคาวโลหิตครามที่ท่านเสี่ยวฮานยี่ขี่อยู่ แต่มังกรสองหัวนั้นมีความสามารถมากกว่า “
” มังกรสองหัว ? สัตว์อสูรระดับ 6 ? มิใช่ว่าระดับของมันเท่ากับนักรบในระดับรู้แจ้งหลอกรึ ? ” ฉื่อหยาน ก็ตกใจ
ในป่าทมิฬ , บึงมรณะ หุบเขาเมฆา นับได้ว่าสัตว์อสูรระดับ 6 ถือว่าอยู่ในระดับสูง บางตัวนั้นมีสติปัญญามากกว่ามนุษย์เสียอีก . สัตว์อสูรระดับหกทุกตัวไม่สามารถกำจัดได้ง่ายๆ และไม่มีนักรบคนใดในหุบเขากล้ายุ่งกับมัน
อย่างไรก็ตาม ตระกูลหยางก็ยังสามารถทำให้พวกสัตว์อสูรพาหนะเชื่อฟังได้ง่ายดาย และยังมียอดฝีมือถึงระดับนี้อีก ด้วยเรื่องนี้ ฉื่อหยานสามารถจินตนาการได้ถึงอำนาจของตระกูลหยางได้ทันที
” ถูกต้อง มังกรสองหัวสามารถพ้นน้ำแข็งและเปลวเพลิงออกมาได้ นั่นทำให้พวกมันเปรียบเหมือนนักรบที่ได้รับจิตวิญญานแฝด มันอยู่เหนื่อกว่านักรบในระดับเดียวกันนัก ” นักรบยิ้มอย่างภูมิใจ ” ในทะเลกว้างใหญ่ มีเพียงไม่กี่ขุมอำนาจเท่านั้น ที่สามารถที่ทอบสัตว์อสูรหานะให้ลูกหลานได้ และตระกูลหยางของเราก็เป็นหนึ่งในนั้น . “
ฉื่อหยานเข้าใจถึงขุมพลังของตระกูลหยางทันที !
” ปัง ปัง ปัง ! “
เสียงระเบิดดังมาจากท้องฟ้า ราวกับพวกมันจะแยกออกเป็นส่วนๆ
ฉื่อหยาน ทันทีก็กวาดสายตาของเขาหันไปขณะที่อยู่บนหลังของค้างคาวโลหิตครามและ มองไปด้านหน้า
ในด้านหน้าของพวกเขา ราชาอสูร เสี่ยวฮานยี่ ยืนอยู่ในท้องฟ้าเหมือนกับปีศาจ เขาควบคุมโซ่คลื่นโลหิตทั้งสามและจู่โจมไปที่ เป่ยหมิงชาง จักพรรดิ์แห่งโลกมืดและนายหญิงของโลกมืด ทำให้พวกมันหนีหัวซุกหัวซุน
ในโซ่คลื่นโลหิตทั้งสามเต็มไปด้วยกลิ่นอายโลหิตและพวกมันก็เคลื่อนไหวเหมือนกับมังกรสามตัว
เป่ยหมิงชางกลายเป็นแข็งตรึงและร่างกายของมันก็ถูกล้อมรอบด้วยน้ำแข็งและไฟ , มันเคลื่อนไหวเข้าออกโซ่คลื่นโลหิต และพยายามใช้น้ำแข็งเพื่อป้องกันโซ่คลื่นโลหิต
โซ่คลื่นโลหิตพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้าเป็นขดพันกันกล้ายเป็นอสรพิษอย่างอัศจรรย์ และมันก็พยายามจู่โจมไปที่เป่ยหมิงชาง
อสรพิษโลหิตดูสดใสเป็นอย่างมาก พวกมันสะบัดกรงเล็บอำมฤตไปที่พวกเขา
เมื่ออสรพิษโลหิตถูกแช่แข็งโดยจิตวิญญานขั้วอัคคีเหมันของเป่ยหมิงชาง มันก็ตกลงลงไปในโซ่คลื่นโลหิต และกลับฟื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็วและมันก็ทะยานพุ่งไปที่เป่ยหมิงชาง , อีกครั้ง , ด้วยความดุร้ายยิ่งขึ้น .
จักพรรดิ์แห่งโลกมืด ซูซีเฮ้อ , สร้างเขตแดนมืดขึ้นรอบๆตัวของมัน และหนามขนาดใหญ่ก็ทิ่มแทงออกมาเหมือนเม่น
ซูซีเฮ้อ สร้างหนามโลกมืดมาเพื่อป้องกันโซ่คลื่นโลหิตที่กำลังจู่โจมมาที่มัน และมันก็พยายามจะหลบหนีไปทางทิศใต้
นายหญิงของโลกมืดที่อยู่ในความมืด นางก็ถูกโซ่คลื่นโลหิตทั้งสามจู่โจมเช่นกัน นางพยายามดิ้นรน แต่ก็ไม่สามารถกำจัดมันได้
เสี่ยวฮานยี่ เหมือนกับปีศาจที่มาจากนรก และเขาก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากที่ได้ต่อสู้กับพวกมันทั้งสามคน
เขาพูดออกมาอย่างดูถูก ” สวะ ไร้ค่า ! นักรบพวกนี้อ่อนแอเกิน พวกเจาจะเป็นได้แค่ข้ารับใช้เท่านั้นในทะเลไม่มีสิ้นสุด และถึงแม้จะเป็นข้ารับใช้ ก็เป็นได้แค่ข้ารับใช้ชั้นต่ำ ! “
เป่ยหมิงชางก็โกรธเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรไม่ได้
ในช่วงเวลานั้น มันก็ตระกหนักได้ถึงความหวาดกลัวจากทะเลไม่มีสิ้นสุด
พวกมันนั้นไม่รู้เลยว่า ในขณะที่เขาต่อสู้กับพวกมันอยู่ เสี่ยวฮานยี่เองก็ได้ปลดปล่อยพลังจิตวิญญานลงลึกไปในบึงหลายพันเมตร !
” ไป ! “
จู่ๆ เสียงของนายหญิงแห่งโลกมืดออกมาจากความมืด
เวลาต่อมา จากด้านในความมืด ก็มีพลังแปลกๆระเบิดออกมา หลังจากเกิดระเบิดขึ้น ความมืดนั้นก็จางลงและปรากฏเป็นเงาดำกำลังหลบหนีไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
ในขณะเดียวกัน จักพรรดิ์แห่งโลกมืด ซูซีเฮ้อ ก็เริ่มใช้วิชาของมัน และมันก็หายไปเหมือนกับจุดประกายสายลม
เป็น เป่ยหมิงชาง ที่การแสดงของมันเปลี่ยนไป เมื่อมันเห็นทั้งสองคนหายไปมันก็ไม่รอช้าและพยายามหลบหนีอย่างรวดเร็ว” เจ้าต้องอยู่ที่นี่ ! ” ราชาอสูรเสี่ยวฮานยี่คำรามออกมาพร้อมกับแสดงสีหน้าที่หน้ากลัวบนใบหน้าที่มีแผลเป็น .
โซ่คลื่นโลหิตอีกสองสายก็เคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง และผสานเข้าด้วย
สามแม่น้ำกลายเป็นทะเลเลือดที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ในทะเลสีเลือดร่างของ เป่ยหมิงชางกำลังจมลงไป และมันก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวใดๆได้ มันนั้นทำได้เพียงตะโกนออกมาอย่างสิ้นหวัง
” หึ ! ” เสี่ยวฮานยี่ มองไปที่มันอย่างเย็นชา แล้วหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ ” เจ้าต้องการจะฆ่าทายาทตระกูลหยางงั้นรึ ? ข้าจะฆ่าเจ้าสะ ! “
เสี่ยวฮานยี่ร่างส่องแสงสีเลือดออกมา แล้วเขาก็ลอยหายเข้าไปในในทะเลสีเลือด
ในทะเลสีเลือด เป่ยหมิงชาง ร้องไห้ออกมาอย่างเศร้าหมอง มันไม่สามารถตอบโต้ใดๆได้อีกต่อไป
ฉื่อหยาน ก็รู้สึกยินดีอยู่ลับๆ และเขาก็ยิ้มอย่างเย็นชา ” เป่ยหมิงชางเสร็จแน่ .”
“เจ้านั่นอยู่เพียงนภาแรกของระดับนภา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถต่อสู้กับหัวหน้าเสี่ยวได้แน่นอนและ เมื่อคลื่นโลหิตทั้งสามได้หลอมรวมกัน ถึงแม้จะเป็นนักรบในนภาที่สองของระดับนภาก็ไม่อาจรอด . ” นักรบที่ยืนอยู่ข้างๆเขาพูดอย่างมั่นใจ
” ไปกันเถอะ ข้าจะพบสหายสักครู่ ” ฉื่อหยานหันหัวมองลงและพูดกับนักรบ
” ขอรับ ” เขาพยักหน้าอย่างมีความสุข และลูบหัวค้างคาวโลหิตคราม
ค้างคาวโลหิตครามร้องและโผลงลงมาอย่างรวดเร็วเพื่อลงมาพื้นดินที่อยู่ข้างๆกลุ่มของซั่วฉื่อและชิเสี่ยว
ด้วยหน้าที่ ที่ต้องปกป้องฉื่อหยาน พวกข้ารับใช้อสูรก็เคลื่อนไหวไปรอบๆพร้อมกับฉื่อหยานเช่นกัน
ฉื่อหยานลงมาจากค้างคาวโลหิตคราม และยิ้มให้ซั่วฉื่อ “ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่หละ ? “
” เราก็แค่ผ่านทางมาเท่านั้น ” ซั่วฉื่อขณะยืนก็มองไปที่นักรบจากตระกูลหยางที่อยู่ข้างฉื่อหยาน ด้วยความหวาดเกรงและพูดด้วยเสียงเบาๆ ” ฉื่อหยาน , พวกเขาเป็นใครกัน ? “
ด้วยอาจารย์ของนาง ชิเสี่ยว ซั่วฉื่อจึงได้รู้ถึงระดับการบ่มเพาะของข้ารับใช้อสูร เพราะพฤติกรรมของชิเสี่ยวที่อยู่ในระดับนภานั้นดูแปลกไป
ดังนั้น เมื่อยืนอยู่ด้านหน้าข้ารับใช้อสูรของตระกูลหยางจากทะเลไม่มีที่สิ้นสุด ซั่วฉื่อก็พูดออกมาพร้อมกับความกังวล
” ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ” ฉื่อหยานส่ายหัว ด้วยความสับสน ” แต่อย่างไรพวกเขาก็ปฏิบัติกับข้าเป็นอย่างดี “
” ปัง ! “
จากนั้น เสียงระเบิดที่น่ากลัวก็ดังมาจากท้องฟ้า
ในช่วงกลางของทะเลสีเลือด ร่างกายของ เป่ยหมิงชาง ระเบิดออกในขณะที่หัวและขาของมันล่วงหล่ยลงมาที่พื้น
และทะเลือดก็เริ่มหายไป
ราชาอสูรเสี่ยวฮานยี่ ลงมายืนอยู่ข้างๆฉื่อหยาน กับขวดหยกในมือที่เปื้อนเลือดอยู่
ข้างในขวด , เป็นวิญญานของเป่ยหมิงชางที่ดิ้นรนไปมาด้วยความเกลียดชัง
” คุณชายหยาน ” เสี่ยวฮานยี่ เดินไปหาฉื่อหยาน พร้อมกับกลิ่นเลือดที่โชยมาจากร่างกายของเขา และเขาก็ยิ้ม ” ข้าไม่ได้เตรียมของขวัญใดๆสำหรับการพบกันครั้งแรกของเรา แต่คนๆนี้คือนักรบในนภาแรกของระดับนภา เมื่อเรากลับไปที่ตระกูลหยาง ข้าจะปรับแต่งอาวุธด้วยจิตวิญญานของมันเพื่อมอบให้แก่ท่าน”
” เอ่อ . . . ” ฉื่อหยานเกาหัวและยิ้มอย่างขมขื่น ” ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร แต่ท่านได้ของขวัญชิ้นใหญ่แก่ข้าแล้ว ด้วยการฆ่าเป่ยหมิงชาง “
” นั้นยังไม่เพียงพอ . . . ” เสี่ยวฮานยี่ ส่ายหัว และพูดอย่างจริงจัง ” คุณชายหยานท่านนั้นเป็นความหวังของตระกูลหยาง ข้าต้องทำดีกับท่านก่อนที่ท่านจะกลับไปที่ตระกูลหยางที่อยู่ในทะเลกว้างใหญ่ มิเช่นนั้นท่านอาจจะลืมข้าได้ “
มู่หยู่เตี๋ย และ ตี่ย่าหลาน จ้องมองไปที่ขวดหยกในมือของเสี่ยวฮานยี่ และเห็นจิตวิญญานของเป่ยหมิงชางกำลังดื้นรนอย่าง่วางเปล่า
” นายท่าน ฉื่อหยานเป็นใครกันแน่ ? ” ชิ เสี่ยวถามหลังจากที่เงียบสักครู่
เสี่ยวฮานยี่ ขมวดคิ้ว และชำเลืองมองไปที่ชิเสี่ยวอย่างเย็นชา ” ไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า “
ชิเสี่ยวยิ้มอย่างเหนียม และเลิกถามไป ก่อนที่เขาจะมองฉื่อหยานด้วยความประหลาดใจ
” คุณชายหยาน , เราไปหาสถานที่ที่ดีกว่านี้คุยกันดีกว่า . ” เสี่ยวฮานยี่ ก็แนะนำ
ก่อนที่ฉื่อหยานจะกำลังพยักหน้า เขาเห็นมู่หยู่เตี๋ยวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
” อะไร ? ” ฉื่อหยานใบหน้าดูมืดมน และมองนางอย่างหงุดหงิด ” เจ้าต้องการอะไร ? “
” ฉื่อหยาน , ข้าอยากเป็นผู้หญิงของเจ้า ! ” มู่หยู่เตี๋ยกัดริมฝีปาก และแกล้งทำเป็นเยือกเย็น แต่ขณะที่พูดใบหน้าของนางก็แดง ” ข้ารู้ว่าเจ้านั้นชื่นชอบหญิงสาว ข้าเองก็ไม่คิดว่าข้าแย่ ข้าจะทำตามทุกอย่างที่เจ้าขอ ! และหากมีสิ่งใดที่ข้าทำไม่ได้ ข้าก็จะเรียนรู้มัน ข้าสัญญา ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุข นานตราบเท่าที่เจ้าจะแก้แค้นให้ข้า “
” ข้าไม่ต้องการเจ้า ” ฉื่อหยานส่ายหน้า
มู่หยู่เตี๋ยร่างบางก็สั่นสะท้าน และใบหน้าของนางก็ซีดพร้อมกับที่ริมฝีปากของนางที่มีเลือดไหลออกมา
ด้วยความความอับอายเป็นอย่างมาก มู่หยู่เตี๋ยก็พูดขึ้น ” แม้จะเป็นอนุของเจ้าข้าก็ยอม . . . . . . . ข้าสัญญาว่าข้าจะทำให้เจ้าทีความสุข ” [TL. อนุ ก็คือ เมียน้อยนั่นแหละ ]
” เจ้าไม่สมควรได้รับมัน ! “