บทที่ 116 ให้มันเห็นชัด ๆ !
ที่ตระกูลหลิงในเมืองเทียนหยุน เต็มไปด้วยเสียงร้องไหและเสียงโหยหวนดังออกมา
ค้างคาวโลหิตครามบินวนไปมาบนท้องฟ้า และทุกครั้งที่ค้างคาวโลหิตครามพุ่งลงไป ก็จะเป็นนักรบตระกูลหลิงหรือตระกูลโม่ที่ถูกตัดหัว ร่างของพวกมันถูกยกขึ้น ,และเมื่อ ลอยขึ้นไปบนฟ้า มันก็จะถูกกัดกินโดยค้างคาวโลหิตคราม
คลื่นโลหิตทั้งสามสายกว้างและยาวเหมือนกับมังกรเลือด ,พวกมันค่อยๆไหลท่วมไปที่บ้านเรือนของตระกูลหลิง พวกมันทำลายและทะลายบ้านเรือนของตระกูลหลิงเป็นเสี่ยงๆ มีนักรบมากมายไหลอยู่ในคลื่นโลหิตทั้งงสามสายพวกมันกรีดร้องออกมาด้วยความทุกข์ทรมาน คนที่ตกอยู่ในกระแสคลื่นโลหิตจะไม่มีทางกลับขึ้นมาได้
ตระกูลหลิงที่อยู่บนพื้นที่เหมือนสัตว์ที่อยู่ในโรงฆ่า เลือดของพวกมันไหลนองเหมือนกับแอ่งน้ำ ร่างของพวกมันที่แขนขาหักก็กระจายไปทั่วพื้นดิน
งานแต่งงาน กลายเป็นงานศพ และ ตระกูลหลิงและตระกูลโม่ก็สูญเสียชีวิตผู้คนไปนับร้อย
หลิงจื้อ หลิงเจี้ย และโม่ตั่วที่ยืนอยู่ ก็กรีดร้องด้วยดวงตาสีแดงอย่างบ้าคลั่ง พวกมันพยายามที่จะป้องกันพลังไร้เทียมทานนี้
แต่ก็น่าเสียดายที่พวกมันสองคน หลิงจื้อ และหลิงเจี่ยอยู่ในระดับรู้แจ้ง ไม่ใช่ระดับนภา ดังนั้นพวกมันจึงไม่สามารถลอยในอากาศได้
พวกมันทำได้เพียงใช้จิตวิญญานสร้างเป็นสายฟ้าและโล่พลังเพื่อป้องกันค้างคาวโลหิตครามที่โจมตีมาจากบนฟ้าเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ข้ารับใข้อสูรของตระกูลหยาง ส่วนใหญ่อยู่ในระดับรู้แจ้งและปฐพี พวกเขาส่วนมากไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิงจื้อและโม่ตั่วเลย . นอกจากนั้น ยังมีค้างคาวโลหิตครามที่แข็งแกร่ง และ นักรบทีอยู่ในระดับเดียวกันกับพวกมันอีก เช่น ฉื่อเจี้ยนและซั่วชู ด้วยประโยชน์ของค้างคาวโลหิตครามที่สามารถบินได้พวกเขาจึงสามารถสังหารคนจากตระกูลหลิงและตระกูลโม่ได้อย่างง่ายดาย
หลิงจื้อ และโม่ตั่วทั้งคู่ร่างเต็มไปด้วยเลือด พวกมันยืนดูสมาชิกในตระกูลของพวกมันที่ค่อยๆถูกตัดหัวไปทีละคน , และร่างกายของพวกเขาก็ถูกกัดกินโดยค้างคาวโลหิตคราม พวกมันตกอยู่ในความคลุ้มคลั่งและ พวกมันก็ปลดปล่อยพลังจิตวิญญานออกไปอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ถูกขัดขวางโดยข้ารับใช้อสูรที่อยู่บนค้างคาวโลหิตคราม
บูโบ้ผู้ใช้พิษ ที่มาจากหุบเขามังกรพิษ ก็ยืนอยู่ด้านนอกสวนของตระกูลหลิงด้วย สีหน้าของมันที่หวาดกลัว
ข้างๆมัน มีเหล่านักรบยอดฝีมือที่มาจากหุบเขามังกรพิษอยู่ พวกมันแต่ละคนถูกฆ่าตายโดยข้ารับใช้อสูร เมื่อเห็นคนที่อยู่ข้างๆถูกฆ่าตายไปทีละคน ดวงตาของบูโบ้ก็เริ่มบ้าคลั่ง แลมันก็ปลดปล่อยพิษที่มีสีสันมากมายออกมาจากร่างของมัน และขยายตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า
ความสามารถพิษของบูโบ้ ที่เป็นนักรบในรัดับนภา นั้นเมื่อโจมตีออกไป มันก็เป็นพลังที่แข็งแกร่งอย่างมาก และทันทีที่ข้ารับใช้อสูรบินต่ำลงมา ทันทีข้ารับใช้อสูรที่มีระดับต่ำกว่ามันก็ถูกฆ่าทันที
” เฮ้ ! ” ราชาอสูรเสี่ยวฮานยี่ อุทานออกมา เขาเหลือบมองไปที่เป็นพิษของบูโบ้ ด้วยรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเขาที่กระตุก และเขาหัวเราะออกมา ” หึหึ น่าสนใจ “
แล้วเสี่ยวฮานยี่ ก็ไปที่ลูบหัวค้างคาวโลหิตคราม และเขากระโดดลงจากค้างคาว พร้อมกับปลดปล่อยแสงสีเลือดพุ่งไปยังพิษของบูโบ้
ค้างคาวโลหิตครามที่ฉื่อหยานขี่อยู่ยังคงบินไปที่ห้องหอ
เขาอยู่บนค้างคาวโลหิตคราม ฉื่อหยานขมวดคิ้วของเขา และพลังเชิงลบบิดเบี้วไปรอบๆร่างของเขา จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงและปรารถนาในการฆ่าฟัน จิตใจของเขากลายเป็นเยือกเย็นและจ้องมองไปยังบูโบ้
” คุณชายหยานท่านไปเถอะ ข้าจะดูแลทุกอย่างที่นี่เอง ” เสี่ยวฮานยี่ หันหลังมาที่เขา และยิ้มแปลกๆ พร้อมกับมีพลังกำลังรวบรวมอยู่ที่มือด้านซ้ายของเขา แล้วมวลของวิญญาณชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขาทำให้เกิดแผ่นดินไหว
วิญญาณชั่วร้ายกระหายเลือดก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงแค่วินาทีเดียวเท่านั้น วิญญาณชั่วร้ายกระหายเลือด ก็ได้กลายเป็นลูกกระตายักษ์สีแดง
ลูกตาเปิดอย่างกว้างขวาง และจ้องไปที่บูโบ้
เมื่อถูกจ้องโดยลูกตาขนาดยักษ์ หัวใจเป็นบูโบ้ก็สั่นสะท้าน ร่องรอยของความกลัวก็พุ่งผ่านใบหน้าของมัน
” พิษ งั้นรึ ? ” เสี่ยวฮานยี่แสยะยิ้ม พร้อมกับลูกตาสีเลือดก็ลอยออกจากมือของเขา และพุ่งตรงไปที่บูโบ้
เมื่อลูกตาสีเลือดอยู่กลางอากาศ มันก็ส่องสีแดงสดใสออกมา เหมือนกับดวงตาของปีศาจ ที่พร้อมจะทำให้ผู้คนตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของความกระหายเลือดและลากพวกเขาลงไปในนรกที่ลึกที่สุด
เมื่อใดที่บูโบ้เคลือนไหว มันก็ตระหนักได้ว่าเลือดในร่างกายของมันกำลังไหลอย่างบ้าคลั่ง และก็ช่วยไม่ได้ที่จะมี เลือกของมันประทุขึ้นและไหลออกมาจาก นิ้วชี้ ตา หู และจมูก ของมัน
ลูกตาสีเลือดไม่ได้จู่โจมเขาแต่อย่างได้ เพียงแค่มันจ้องไปที่บูโบ้ ก็ทำให้ร่างของมันมีเลือดไหลออกมาเอง
หน้าบูโบ้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และ เป็นครั้งแรกที่มันแสดงออกมาด้วยความกลัว มันกลัวที่จะอยู่ต่อ และรีบบินหนรออกไปและ พยายามที่จะออกจากตระกูลหลิงให้เร็วที่สุด
เมื่อเห็นบูโบ้ที่เป็นนักรบในระดับนภาที่หลบหนีไปก่อนที่พวกมันจะเริ่มสู้ ทั้งหลิงจื้อ และโม่ตั่ว ความหวังของพวกมันก็หายไป มันรู้สึกหนาวตั้งแต่หัวจรดเท้า พวกมันรู้สึกว่าพลังงานในร่างกายของพวกมันกำลังละลายหายไป
บูโบ้คือสิ่งที่ทำให้มันทั้งสองคนลงมือกับตระกูลฉื่อ เหตุผลที่ทำให้มันทั้งสองคนกล้าโจมตีตระกูลฉื่อโดยปราศจากความกลัว ก็เพราะมีบูโบ้อยู่
แต่เมื่อบูโบ้หลบหนรไป พวกมันก็ตระหนักได่ว่า ชายที่มีแผลดุร้ายคนนั้นแข็งแกร่งกว่าบูโบ้แน่นอน
มันทั้งสองคนกลายเป็นหมดหวัง
” ข้ารับใข้อสูรทุกคน ฆ่ามันพวกที่อยู่ที่นี่ให้หมดสะ เดี๋ยวข้ากลับมา ” ราชาอสูร เสี่ยวฮานยี่ สงบลงและ เขาตะโกนไปที่ข้ารับใข้อสูรที่กำลังขี่ค้างคาวโลหิตครามอยู่ จากนั้นเขาก็กลายเป็นแสงแดง และก็ไล่ตามบูโบ้ไป และเขาก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง : ” หึหึ สหายของข้า เจ้าไม่มีทางหลบหนีจากข้าราชาอสูรเสี่ยวฮานยี่ได้หลอก !” และเสียงของเขาก็ค่อยๆกลายห่างvvdwx
อย่างไรก็ตาม ข้ารับใช้อสูรก็ลงมือสังหารคนจากตระกูลหลิงอย่างต่อเนื่อง
บูโบ้หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว และมันก็ไม่สนใจนักรบที่มาจากหุบเขามังกรพิษอีก การหลบหนีของมันได้ทำลายความหวังของตระกูลหลิงและ , ตระกูลโม และแม้แต่นักรบจากหุบเขามังกรพิษก็หมดหวังเช่นกัน
ข้ารับใช้อสูรเป็นนักรบที่แข็งแกร่งอย่างมาก และค้างคาวโลหิตครามก็เป็นสัตว์อสูรที่โหดเหี้ยม ด้วยประโยชน์ที่เลือดค้างคาวสามารถบินบนท้องฟ้าได้ ผู้คนจากตระกูลหลิงและตระกูลโม่ก็เปรียบเหมือนเนื้อเน่าที่อยู่บนเขียง รอแร่เป็นแผ่นด้วยคมมีดที่น่ากลัวและกลายเป็นศพไป
จากสิ่งที่ตระกูลหลิงและตระกูลโม่ถูกกระทำ
ซั่วชูก็มองอย่างเย็นชาไปที่ฉากฆาตกรรมที่เกิดขึ้นด้านล่าง และช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวเหน็บไปทั่วกระดูกสันหลัง
ทั้งตระกูลหลิงและตระกูลโม่ต่างก็เป็นตระกูลใหญ่ในเมืองเทียนหยุน พวกมันเทียบได้กับตระกูลซั่ว แต่วันนี้ทั้งสองตระกูลกลับกำลังถูกสังหารอย่างง่ายดาย ในฐานะที่เป็นหัวหน้าตระกูลซั่ว ซั่วชูจึงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อมองไปยังเหล่าข้ารับใช้อสูร
ข้ารับใช้อสูรสามารถ ทำลายตระกูลหลิงและตระกูลโม่ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งนั้นหมายความว่า การทำลายตระกูลซั่วเองก็คงง่ายดายเหมือนหั่นเค้ก ด้วยความโหดร้ายและเยือกเย็นของข้ารับใข้อสูร ทำให้เขาหนาวไปถึงกระดูก
ซั่วชูคิดในใจ เขาจะต้องเป็นเหนี่ยวแน่นกับตระกูลฉื่อเข้าไว้ หลังจากนี้ เขาเองจะเป็นเสนอให้เริ่มงานแต่ง เขาตั้งใจที่จะให้จัดงานแต่งระหว่าง ซั่วฉื่อและฉื่อหยานขึ้นทันที
ในห้องหอ
โม่หยานหยู และ หลิงเชาฟงเต็มไปด้วยความกลัว พวกเขาแอบดูผ่านร่องบนผนังออกไปด้านนอก
ภายใต้คำสั่งของฉื่อหยาน , ห้องหอยังคงปกติดูโดยปราศจากคลื่นสายโลหิต ซึ่งทำให้ระแวกนี้ดูต่างออกไปจากบ้านเรือนที่อยู่ระแวกอื่นในตระกูลหลิง
” หยานหยูหนีกันเถอะ ! ” หลิงเชาฟงรู้สึกหนาวตั้งแต่หัวจรดเท้า และขบแน่น ฟัน ” ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราก็จะมีโอกาสแก้แค้นในอนาคต ! เรายังเด็กอยู่ ! สักวัน เมื่อเราถึงระดับนภาหรืปฐพี เมื่อถึงเวลา เราก็จะแก้แค้นพวกมัน ที่ลงมือกับตระกูลของพวกเรา “
ใบหน้าของโม่หยานหยูซีดเหมือนกระดาศ ตาของนางเต็มไปด้วยความเศร้าโศก และนางก็สะอื้นออกมา ” เราไม่สามารถออกไปได้ หากเราออกจากที่นี่ พวกเราก็จะถูกฆ่าโดยนักรบและสัตว์อสูรพวกนั้นทันที พวกมันต้องการที่จะฆ่าล้างตระกูลของเราทั้งสอง ! ถ้าพวกมันเห็นเรา พวกเราต้องตายแน่ “
” ข้อสัญญา สักวันข้าจะทำลายตระกูลฉื่อทั้งหมด ” หน้าของหลิงเชาฟงเต็มไปด้วยความเคียดแค้น สีหน้าของมันบิดเบี้ยว และดวงตาของมันก็เต็มไปด้วยความแค้นไม่มีวันสิ้นสุด
” บูม ! “
และประตูห้องห้องก็ระเบิดออกโดยฉื่อหยาน ร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความกระหายเลือดและเขาก็ก้าวเดินพร้อมกับใบหน้าที่ชั่วร้าย
ข้างหลัง ฉื่อหยาน , มีข้ารับใช้อสูนในระดับนิพพานอยู่สองคน พวกเขาคอยอยู่ที่ด้านนอกประตู ด้วยดวงตาเฉยเมยที่มองไปรอบๆห้อง
” นายน้อยหยาน พวกเราจะคอยท่านอยู่ที่หน้าประตู ” หนึ่งในพวกเขายิ้มและพูดขึ้น
” หืม . . . . . ” ฉื่อหยานกล่าวด้วยเสียงเย็นชน และเดินไปที่หลิงเชาฟงและมู่หยู่เตี๋ย
” ฉื่อหยาน ! ” หลิงเชา ฟง หน้าเปลี่ยนไป สีหน้าของมันกลายเป็นบ้าคลั่ง ” ข้าจะฆ่าคุณ ! “
” บูม ! “
ฉื่อหยานที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกขาว ก็กระแทกไปที่หน้าอกของหลิงเชาฟงด้วยความแรงที่เหมือนลูกปืนใหญ่
พร้อมกับเสียงกระดูกแตกหักดังออกมา และร่างของหลิงเชาฟงก็ลอยไปในอากาศ เมื่อมันล้มลงกับพื้น มันก็มีเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดและไม่สามารถขยับร่างกายได้อีก
หลิงเชา ฟง มีพลังเพียงนภาที่สามในระดับก่อตั้งเท่านั้น . ด้วยฉื่อหยานที่อยู่ในนภาที่สามของระดับมนุษย์ เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วที่มันจะสลบไปหลังจากการโจมตีของฉื่อหยานเพียงครั้งเดียว โดยทีมันไม่สามารถตอบโต้ใดๆได้
” พ่อข้าไม่ใช่นักรบ แต่เจ้ากลับไปโจมตีเขา เจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่ ? ” ฉื่อหยานแสยะยิ้ม และเดินไปอยู่ข้างๆหลิงเชาฟงและ ลากร่างของหลิงเชา ฟง และโยนไปให้ข้ารับใข้อสูร ” จับมันไว้ ข้าอยากให้มันเห็นสิ่งที่ข้าจะทำ “
แล้วฉื่อหยานก็เคลื่อนไหวไปที่โม่หยานหยู่
ใบหน้าที่น่ารักของโม่หยานหยูก็ซุดและ นางก็ร้องออกมา ” เจ้าจะทำอะไร ? “
” ข้าจะข่มขืนเจ้า ! “
ฉื่อหยานยิ้มจนเห็นฟันและก็ไปถึงตัวของโม่หยานหยูอย่างรวดเร็ว เขายื่นฝ่ามือไปที่นาง และส่งพลังงานเชิงลบเข้าไปในร่างของโม่หยานหยูและควบคุมนาง
” ฉีก ! “
ผ้าไหมที่มีสีสันสดใสที่โม่หยานหยูสวมใส่ก็ฉีกออกเป็นชิ้นๆ ปรากฏเป็นผิวขาวใสของนางให้ทุกคนได้เห็น
” อุ่มหลิงเชาฟงขึ้นมา ให้มันได้ดูชัดๆ ” ฉื่อหยาน แสยะยิ้ม . แล้วเขาก็โยนร่างที่เปลื่อเปล่าของโม่หยานหยูลงบนเตียง และทันทีเขาก็อยู่บนร่างของนางและหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ” โม่หยานหยู , เจ้าจำที่ข้าพูดในป่าทมิฬได้หรือไม่ ที่ข้าเคยบอกว่า ข้าจะข่มขืนเจ้าสักวันหนึ่ง ! “
สองข้ารับใข้อสูรเต็มไปด้วยความตื่นเต้น พวกเขาช่วยกันยกหลิงเชาฟงขึ้นและนำไปใกล้ๆกับฉื่อหยานเพื่อให้หลิงเชาฟงสามารถเห็นสิ่งที่ฉื่อหยานจะทำได้อย่างชัดเจน
หลิงเชาฟงดวงตาแดงก่ำ มันคำรามด้วยความบ้าคลั่ง “ฉื่อหยาน ข้าจะสาปแช่งเจ้า ! ข้าขอสาบานว่า ตราบเท่าที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ วันหนึ่งข้าจะถลกหนังเจ้า และเราะกระดูกทุกชิ้นของเจ้าออกมา ข้าจะทำให้เจ้าสิ้นหวังและเจ็บปวดตลอดกาล ! “
” เจ้า ! เจ้าคือมัน ! ” โม่หยานหยูก็ร้องลั่นออกมา นางพยายามที่จะต่อสู้ดิ้นรน แต่นางก็พบว่านางไม่สามารถใช้พลังในร่างได้เลย
” ในตอนนั้น ข้าแค่บังเอิญไปเห็นเจ้ากำลังทำธุระแต่เจ้ากลับจะฆ่าข้า เจ้าจับข้า และเอาพิษให้ข้ากิน เจ้ามันชั่วร้ายอย่างแท้จริง วันนี้เป็นวันแต่งงานของเจ้า ข้าจะฆ่าตระกูลของเจ้า และตอนนี้ข้าก็จะข่มขืนเจ้าต่อหน้าสามีในอนาคตของเจ้า ตอนนี้เจ้าจะได้รู้ว่าเลวร้ายเสียยิ่งกว่าตายเป็นเช่นไร . . . ” ใบหน้าของฉื่อหยานก็กลายเป็น โหดร้าย
” อ๊าาา ! “
โม่หยานหยูโอดครวญด้วยความเจ็บปวด น้ำตาของความอับอายและความเศร้าโศกก็ไหลรินจากตาของนางอย่างไม่สิ้นสุด
” นางชั่ว ร้องออกมาเลย ! ตระกูลของเจ้าที่อยู่ด้านนอกก็กำลังร้องเช่นเดียวกัน เสียงกรีดร้องของพวกมันคือความทรนาน ! แต่เสียงกรีดร้องของเจ้าต้องเต็มไปด้วยตัณหา ! ” หน้าของฉื่อหยานกลายเป็นเย็นชา
หลิงเชาฟงถูกจับขึ้นมาโดยข้ารับใช้อสูร และมันก็เห็นคู่หมั้นของมันกำลังร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด ภายใต้ร่างของฉื่อหยาน หลิงเชาฟงมีสีหน้าบิดเบี้ยว มันรู้สึกทรมานและเศร้าโศกเป็อย่างมาก
ในช่วงเวลานี้มันรู้สึกเลวร้ายเสียยิ่งกว่าตาย