บทที่ 136 ทำลายขีดจำกัด
ตกกลางคืน , เมฆที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงและแผ่นดินก็ถูกแต้มด้วยสีแดง ด้วยแสงอาทิตย์ก่อนพลบค่ำ
พื้นดินถูกทำลาย เกิดเป็นคูน้ำลึกกระจายไปทั่วทุกแห่ง เหมือนแผลตามร่างกายที่เกิดจากดาบ ภายใต้แสงอ่อนๆของดวงอาทิตย์ พื้นดินดูเหมือนปกคลุมไปด้วยเลือด ซึ่งนั่นทำให้ดูน่ากลัวเล็กน้อย
ในคูน้ำ มีรากของพืชหลายชนิดพร้อมกับศพของสัตว์อสูรและมนุษย์ ทำให้ส่งมีกลิ่นเหม็นกระจายไปทั่วคูน้ำ ที่ให้รู้สึกสะอิดสะเอียน
รถม้าค่อยๆหยุดอยู่ที่ปลายสุดของแผ่นดินที่แยกออก
” เราส่งได้แค่นี้ ” คนขับรถม้าหันมาและมองเข้าไปในรถม้า เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า ” ข้าจะรอพวกท่านอยู่ที่นี่ พวกท่านควรกลับมาโดยเร็ว มิเช่นนั้นข้าจะไม่รอ “
ประตูรถม้าก็เปิดออก ฉื่อหยานโผล่ศีรษะออกมา เขาโยนถุงเล็กๆให้กับคนขับรถม้า และยิ้มให้ ” รอข้าอีกสามวัน ถ้าเราไม่กลับมาภายใน 3 วัน เจ้าก็กลับไปได้เลย ไม่ต้องห่วง ข้าจะจ่ายให้เจ้าอีกเมื่อเรากลับมา ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอแน่ .
คนขับรถม้าไม่ได้ตอบใดๆ เขาเปิดกระเป๋าออกมาและรับเหรียญคริสตัลที่อยู่ภายในอย่างรอบคอบ จากนั้นเขาก็ยิ้ม และพูดว่า ” เอาล่ะ ข้าจะรอ 3 วัน ก็ได้ หากเจ้าไม่กลับมาภายในสามวันหละก็ ข้าจะไปทันที “
ฉื่อหยานและประคองเซี่ยซินหยานและ ค่อยๆเดินลงมาจากรถม้า พวกเขาไม่ได้รู้สึกรำคาญคนขับใดๆเลย และจากนั้นพวกเขาก็เดินตรงไปที่บริเวณรอยแยกที่มีเลือดท่วม .
พื้นดินในพื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยคูน้ำลึก รถม้าไม่สามารถผ่านไปได้
ในคูน้ำ พบซากศพสัตว์อสูร และ มนุษย์ ส่งกลิ่นออกมา ซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาๆ จะทนได้ นั่นคือเหตุผลที่คนขับรถม้าไม่อยากจะไปต่อ
ฉื่อหยาน ค่อยๆเดินไป ระหว่างทางพวกเขาพบกับนักรบหลายๆกลุ่ม พวกเขาเองก็เดินทางด้วยเท้าเช่นกัน
สถานที่แห่งนี้นี้แต่เดิมเป็นเมืองเล็ก ๆ , แต่ , เนื่องจากเกิดแผ่นดินไหวบ้านทั้งหมดจึงยุบลงไป และยังมีบางคนถูกฝังทั้งเป็น สัตว์อสูรจากภูเขาที่อยู่ใกล้เคียง ยังได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ และกลายเป็นศพอยู่ในคูน้ำ
ตลอดทาง ฉื่อหยานค่อนข้างดูเฉยชา แต่เซี่ยซินหยานนั้นกลับทำหน้ามุ่ยตลอดเวลา นางปิดจมูกของนางด้วยมือที่บอบบาง เห็นได้ชัดว่านางไม่ชอบใจกลิ่นเหล่านี้เลย
มีคูน้ำอยู่ทุกหนแห่ง ดังนั้น ทั้งสองจึงต้องเดินอย่างระมัดระวัง พวกเขาเดินผ่านเนินสูง รอบๆคูลึก
รอบๆเขา มีกลุ่มนักรบอยู่สามกลุ่มกำเดินคลุมจมูกพร้อมกับขมวดคิ้ว พวกเขาสังเกตสภาพแวดล้อมรอบๆพวกเขาอย่างระมัดระวังและเคลื่อนไหวไปข้างหน้าในเวลาเดียวกัน
กลุ่มนักรบทั้งสามมีนักรบเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น ส่วนใหญ่ต่างก็อยู่ในระดับมนุษย์และระดับก่อตั้ง , มีไม่กี่ คนที่เป็นนักรบในระดับหายนะ แต่พวกเขาก็ดูมีอายุ บางคนถึงกับมีผมสีขาวทั้งหัว
คนเหล่านี้สมควรเป็นนักรบบนเกราะเหมินลั่วหรือทหารธรรมดาๆจากเกาะใกล้เคียง พวกเขาไม่ค่อยมีพรสวรรค์เท่าใดนัก
ในกลุ่มพวกเขา , นักรบหนุ่มต่างก็มองมาที่เซี่ยซินหยานด้วยสายตาลกมกขณะกำลังเดิน นอกจากนี้ยังมีบางคนที่จ้องมายังฉื่อหยานอย่างใจจดใจจ่อที่ เอวและก้นอันงดงามของนาง พร้อมกับมีน้ำลายไหลตลอดเวลา .
ตอนแรก ฉื่อหยานก็ไม่สนใจ แต่เมื่อเขาตระหนักได้ว่ามีนักรบชายที่ตอนแรกเดินอยู่ด้านหน้าพวกเขา ค่อยๆถอยหลังและเปลี่ยนมาเป็นเดินตาม เมื่อเขาสังเกตุเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
สีหน้าของฉื่อหยานก็กลายเป็นมิดมน . เขารีบใช้ พลังปราณหยินและพลังปราณลึกลับของเขาสร้างเป็นหลุมแรงโน้มถ่วงและปล่อยมันออกมา
” ตุบ ! “
ชายชราอายุห้าสิบปี ดูจ้องมาอย่างใจจดใจจ่อ จู่ๆก็สะดุดล้มตกลงไปในคลอง ทำให้สัมพัสกับศพที่เน่าเปื่อยด้านล่างโดยตรง
” ตุบ ! ตุบ ! “
นักรบที่จ้องสายตามาก็ค่อยๆตกลงไปในคูน้ำทีละคน และลงไปสัมพัสใกล้ชิดกับซากสัตว์อสูรและศพของมนุษย์ ร่างกายของพวกเขาถูกปกคลุมด้วยกลิ่นเหม็นเน่าทันที
ไม่นาน นักรบจากกลุ่มรอบข้างทุกคนตระหนักได้ถึงสิ่งแปลกประหลาดที่เกิดขึ้น
ท่ามกลางผู้คนเหล่านั้น มีนักรบที่มีวิชาบางอย่าง มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้น
ดังนั้น เมื่อพวกเขามองไปที่ ฉื่อหยาน และ เซี่ยซินหยาน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกลัวและความเคารพ นักรบชายที่มีใบหน้าหื่นกามทั้งหมดก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง และพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะมองเซี่ยซินหยานอีก .
” นี่เจ้า… . ” เซี่ยซินหยาน ส่ายหน้าเบาๆและ นางก็กล่าวว่า ” ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าเป็นคนใช้วิชานี้ ถ้าข้าชอบเจ้าและข้าเอาแต่ทำร้ายคนที่มองเจ้า ข้าจะไม่ตายจากความเหนื่อยล้าก่อนรึ ? “
” พวกมังกล้ามองมาที่ผู้หญิงของข้า ! ” ฉื่อหยานหน้าบึ้ง . เขาหันไปรอบ ๆและพูดออกไปด้วยสีหน้าดุร้ายและสูดลมหายใจเข้าอย่างเย็นชา ” นี่ก็ถือว่าข้าเมตตาแล้ว ที่ข้าไม่ฆ่าวกมัน . “
” ใครเป็นแฟนนายหรอ ? ” นี้ให้เซี่ยซินหยาน ปวดหัวจริง นางรีดตาของนาง
ฉื่อหยานยิ้มจนเห็นฟัน และไม่ตอบใดๆอีก
เซี่ยซินหยาน รู้สึกเอือม แต่นางก็ไม่สามารถทำอะไรได้เกี่ยวกับเรื่องที่ฉื่อหยานเป็นคนอันธพาน ดังนั้นนางจึงไม่สนใจและเดินต่อไปข้างหน้า
หลังจากผ่านมาสองชั่วโมง
ทั้งสองมาถึงที่สถานที่ที่มีคนแออัดและเสียงดัง ที่นี่มีคูน้ำที่ลึกเป็นอย่างมาก ความลึกของพวกมัน ทำให้ดูเหมือนหลุมยักษ์ ที่มืดมิด และเต็มไปด้วยศพมากมาย
มียอดของภูเขาน้ำแข็งที่โผล่ออกมาจากร่องลึก เหมือนดาบที่แหลมคม มันสูงสองหมื่นฟุต และชี้ตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า
แพร่พลังหนาวเย็นออกมาจากภูเขาน้ำแข็ง ยิ่งใกล้เท่าใดก็ยิ่งหนาวเย็นเท่านั้น
นักรบที่มีระดับต่ำก็ทำได้เพียงยืนอยู่ห่างๆ พวกเขาคงไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้ๆ
หลายสิบนักรบที่แต่งตัวดีจาก ดินแดนอาคมมหัษจรรย์ ตระกูลตงฟาง และดินแดนทะเลสาปเทวาศักสิทธิ์ ต่างก็อยู่ห่างจากภูเขาน้ำแข็งหนึ่งพันเมตร การแสดงออกของพวกเขาสับสนและพวกเขากระซิบกระซาบกัน เหมือนกับว่ามีเรื่องลับบางย่าง
เซี่ยซินหยาน ก็หยุดเดินอย่างกระทันหัน
และฉื่อหยานก็หยุดตามนาง หากจากภูเขาน้ำแข็งหนึ่งพันห้าร้อยเมตร เขาจ้องมองขึ้นไปยังท้องฟ้าเบื้องบน
ภูเขาน้ำแข็งนั้นถูกคลุมด้วยหมอกที่เย็นยะเยือก ภายใต้แสงดวงอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้า , ทำให้มันดูคล้ายกับสีของเลือด , . มีสัญญานแปลกๆลอยไปมารอบๆ สัญญานเหล่านั้นดูเหมือนอาคมบางอย่าง มันหมุนวนรอบๆภูเขาน้ำแข็งด้วยแสงที่สดใส และทำให้ความผันผวนของคลื่นพลัง
นี้เป็นเพียงปลายของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ยังมีก้อนขนาดใหญ่ของน้ำแข็งที่ซ่อนอยู่ลึกในดิน ไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามันมีขนาดใหญ่เพียงใด
ฉื่อหยาน และเซี่ยซินหยาน ขมวดคิ้วของพวกเขาในขณะที่มองไปยังภูเขาน้ำแข็ง และแอบมองไปยังสามกลุ่มนักรบใกล้ๆที่มีสีหน้าจริงจัง
“ผู้อาวุโสเฉินตั่วในระดับนภา จากดินแดนอาคมมหัศจรรย์ … นักบวช ซูหยานฉิง จากดินแดนทะสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์ และตงฟางเห้อจากตระกูลตงฟาง . . . . . . . ” เซี่ยซินหยาน ชี้ไปที่กลุ่มของคนเหล่านั้น และอธิบายอย่างเงียบๆเกี่ยวกับพื้นหลังของทั้งสามคน
ตามนิ้วที่ชี้ไปของเป็นเซี่ยซินหยาน ฉื่อหยานก็มองไปยังกลุ่มคนเหล่านั้นอย่างเงียบๆ
ผู้อาสุโสเฉินตั่วจากดินแดนอาคมมหัศจรรย์นั้นมีร่างที่อ้วนท้วม เขามีรอยยิ้มที่แจ่มใส และดวงตาเล็กๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยไขมันและไขมันบนใบหน้าของเขาสั่นกระเพื่อมทุกครั้งที่เขาพูด ข้างๆเขา มีนักรบจากดินแดนอาคมมหัศจรรย์อยู่สิบสองคน กลุ่มของเขาโดยไม่นับเขาทุกคนต่างก็อยู่ในระดับรู้แจ้ง
นักบวชจากดินแดนทะสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์นั้นสวมชุดคลุมสีขาว ชายเสื้อถูกตกแต่งด้วยชิ้นหยกสวยงาม รูปสามเหลี่ยม รูปของนางดูน่าหลงไหล และผิวก็เนียนเหมือนหิมะ แต่ใบหน้าของนางนั้นดูธรรมดา ลักษณะของนางดูลึกลับและลึกซึ้ง ทำให้ยากที่จะเข้าใจ ข้างๆนางนั้นมีนักรบ ดินแดนนักรบจากดินแดนทะสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์อยู่เจ็ดคน พวกนางล้วนเป็นหญิงงาม ห้าคนอยู่ในระดับปฐพีและอีกสองคนอยู่ในระดับรู้แจ้ง
ตงฟางเห้อเขาสวมเสื้อคลุมสีเขียวและลักษณะดูเย็นชา เขาอยู่ในนภาที่สามของระดับรู้แจ้ง และด้านหลังเขา ก็มีคนในตระกูลยืนอยู่สิบสองคน หนึ่งในนั้นคือ หญิงชราที่ดูอ่อนเยาว์และมีชีวิตชีวา ไม่ปรากฏรอบเหี่ยวย่นใดๆบนผิวของนาง นางนั้นจริงๆแล้วอยู่ในระดับนภา
ดินแดนอาคมมหัศจรรย์ ดินแดนทะสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์ และ ตระกูลตงฟาง พวกเขาทั้งปกติจะไม่รวมตัวกัน เขากระจายกันออกไปรอบๆทะเล แต่จู่ๆ เมื่อได้ยินเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้นบนเกาะ พวกเขาจึงรีบมาที่นี่ทันที
” นักบวช ? ก็ดูไม่เลวหนิ ” หลังจากฟังคำอธิบายของนาง ฉื่อหยานก็กระตุกริมฝีปากของเขา
” เจ้าสารเลว ” เซี่ยซินเหยียนหัวเราะออกมาดัง ๆ ” ทั้งหมดที่เจ้าทำก็คือมองไปที่ร่างกายของหญิงสาวสินะ ระหว่างเจ้ากับคนที่เจ้าผลักลงไปยังคูน้ำนั้นไม่ต่างกันเลย “
ฉื่อหยานยิ้ม
” ซูหยานฉิง ขึ้นชื่อเรื่องความงามมากในทะเลไม่มีที่สิ้นสุด แต่นางมักจะสวมหน้ากากบางๆไว้ และไม่ค่อยแสดงใบหน้าที่แท้จริงของนาง สาวกของดินแดนทะสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์นั้นจะไม่ตกหลุมรักชายคนใดในชีวิต ดังนั้น นักบวช จึงไม่เคยแสดงใบหน้าที่แท้จริงของพวกเขาให้ใครได้เห็นเลย เจ้าอย่าหวังจะได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนางเลย” เซี่ยซินหยานพุดอย่างราบเรียบ
” ไม่ตกหลุมรักชายคนใดในชีวิตรึ ? ” ฉื่อหยานส่ายหัว ” ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตอแหล “
เซี่ยซินหยาน หรี่ตาของนางลงและหยุดอธิบาย
” มีคนมากมายจริงๆ ” .
เป็นเสียงที่อ่่อนโยนของกู่เจียงเก้อที่ดังมาจากด้านหลัง
ไม่นาน กู่เจียงเก้อ และสี่ชายชราที่อยู่ในระดับรู้แจ้งจากตระกูลข้ามผ่านนักรบที่กระจัดกระจายกันอยู่และมุ่งไปยังภูเขาน้ำแข็ง เขาไปถึงระยะหนึ่งพันเมตรก่อนถึงภูเขาน้ำแข็งเช่นเดียวกับดินแดนอาคมมหัศจรรย์ ดินแดนทะสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์ และ ตระกูลตงฟาง พวกเขาแบ่งกันออกเป็นสี่กลุ่มและยืนอยู่รอบๆภูเขาน้ำแข็ง
” เจียงเก้อ เจ้าก็อยุ่ที่นี่ด้วยรึ ? ” ตงฟางเห้อชายตามองมาที่เขา และรอยยิ้มที่เย็นชาก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ” แล้วคนอื่นหละ ? “
” ยินดีที่ได้พบ ลุงเห้อ . . . ” กู่เจียงเก้อ ก้มลงและยิ้ม ” ไม่ มีแค่พวกเราเท่านั้น ผมผ่านมาที่เกราะไกโร และบังเอิญได้ยินว่ามีเรื่องแปลกประหลาด เกิดขึ้นที่นี่ ดังนั้นข้าจึงมาดู ลุงเห้อ ท่านมาที่นี่ก่อน ท่านพบอะไรหรือไม่ ? “
นักรบหลายคนที่อยู่รอบๆ เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงของกู่เจียงเก้อ ทันทีทุกสายตาก็ต้องมาที่เขา
” สัญญาณลึกลับที่ออกมาจากภูเขาน้ำแข็งสามารถมีม่านพลังปิดหั้นอยู่ พวกเราทั้งสามนิกายได้ร่วมกันโจมตีหลายครั้งแล้ว แต่ไม่มีใครที่ประสบความสำเร็จเลย . ” ตงฟางเห้อ ส่ายหัว ” เจ้าพลังที่ปิดกั้นนี้แปลกประหลาดมาก เราได้พยายามถึงสองสามครั้งและในที่สุดพลังของมันก็ ดูเหมือนจะคลายลง อีกไม่นาน เราจะพยายามกันอีกครั้ง หึหึ เจ้าเองก็ควรจะร่วมด้วยนะ “
” ข้ายินดี ” กู่เจียงเก้อ อมยิ้มพร้อมพยักหน้า
แล้วกู่เจียงเก้อ ก็มองไปยังฝูงชนอย่างรวดเร็วและก็พบกับเซี่ยซินหยาน และ ฉื่อหยาน
กู่เจียงเก้อ ดวงตาก็สดใส เขายิ้มและพยักหน้าให้กับฉื่อหยานและเซี่ยซินหยานเป็นการทักทาย
ฉื่อหยานยิ้มและพยักหน้ากลับ
สีหน้าของเซี่ยซินหยาน ดูเรียบเฉย นางนิ่งเฉยเหมือนกับว่าไม่ได้เห็นเขา .
กู่เจียงเก้อ ดูเหมือนจะไม่รังเกียจใด เขายังยิ้มอย่างอบอุ่นบนใบหน้าของเขา
” เราต้องพยายามต่อไป ” เฉินตั่วจู่ๆก็พูดขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มขมขื่น ” ไม่ช้าก็เร็วเราต้องไขความลับของภูเขาน้ำแข็งได้แน่ อย่าพึ่งรายงานเรื่องนี้กลับไป มิฉะนั้น เมื่อกองกำลังมาถึง แล้วเราพบสิ่งใด เราก็ต้องแบ่งกันมากขึ้น เจ้าเห็นด้วยหรือไม่ ? “
ถึงแม้เฉินตั่วจะกล่าวเช่นนั้น แต่สายตาของเขาก็เอาแต่มองไปที่ ตงฟางเห้อ ซูหยานฉิงและกู่เจียงเก้อ . เขานั้นไม่ได้มองไปที่นักรบคนอื่นที่อยู่รอบๆเลย
ในความคิดของเขา ถ้าเขาพบความลับของภูเขาน้ำแข็ง จะต้องไม่มีใครได้มันไป
” ดี ! ” ตงฟางเห้อ พยักหน้าและ เขาพูดกับนักรบหลังเขา ” ทุกคนหลังจากนี้ จงพยายามให้เต็มที่สะ “
ซูหยานฉิง กู่เจียงเก้อ และนักรบทั้งหมดก็พยักหน้าเห็นด้วย
” ไปกันเถอะ “
เมื่อเฉินตั่ว เห็นว่าทั้งสามฝ่ายตกลงกันแล้ว เขาก็ไม่มองไปที่คนอื่นอีก จากนั้นฆ้อนเล็กๆสีเงินก็ลอยออกมาจากแขนเสื้อของเขา
คลื่นพลังที่หนักหน่วงลอยออกมาจากฆ้อนสีเงินอันเล็กนี้ จากนั้น ฆ้อนเงินอันเล็กๆก็ใหญ่ขึ้นกลางอากาศ กลายเป็นเหมือนกับภูเขาสีเงินและ มันก็ทุบลงไปยังปลายยอดเขาน้ำแข็ง