บทที่ 163 สัตว์อสูรรวมวิญญาน
นับตั้งแต่สิ่งที่เกิดบนเกาะเหมินลั่ว , เปลวเหมันเยือกแข็งไม่ได้พูดสักคำ . . . . . . . แม้แต่ตอนที่มันพยายามจะยึดครองจิตใจและร่างกายของฉื่อหยาน จุดประสงค์ของมันคือยึดครองจิตใจและร่างกายของฉื่อหยานอย่างเดียว
ในทางกลับกัน , ฉื่อหยาน สันนิษฐานว่าเปลวเหมันเยือกแข็งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีจิตสำนึกเก่าแก่เท่านั้นโดยไม่สามารถสื่อสารใดๆได้ ดังนั้น ไม่ยากเลยที่จะจินตนาการได้ว่าฉื่อหยานตกใจเท่าใดเมื่อเขาได้รับข้อความที่ส่งมาโดยเปลวเหมันเยือกแข็งจากแหวนสายโลหิต
ตอนนี้เขาก็ได้รู้แล้วว่าเปลวเหมันเยือกแข็ง ก็เหมือนกับสิ่งมีชีวิตทั่วไปที่สามารถสื่อสารได้ เหตุผลเดียวที่เขาไม่คิดเช่นนี้ก็เพราะ มันไม่เคยพูดกับเขาเลย .
จริงๆแล้ว เปลวเหมันเยือกแข็งเองก็ไม่อยากคุยกับฉื่อหยาน ที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่แสนอ่อนแอ่ซึ่งเคยถูกมันยึดร่างได้ภายในเวลาไม่ถึงนาที
แต่คราวนี้ เปลวเหมันเยือกแข็งกลับเลือกที่จะสื่อสารกับฉื่อหยานผ่านแหวนสายโลหิต จู่ๆมันก็พูดขึ้นมา ซึ่งนั่นพิสูจน์แล้วว่า มันต้องถูกดึงดูดด้วยบางสิ่งบางอย่าง
ใต้ต้นไม้โบราณ ฉื่อหยานนั่งอยู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงบ พลังวิญญานของเขาได้จมลึกลงไปในแหวนสายโลหิต ดวงตาของเขาส่องแสงประกายออกมา
” ไข่มุกรวมวิญญาน ไข่มุกรวมวิญญานอยู่ที่นี่ ! “
ภายในแหวน เปลวเหมันเยือกแข็งก็ตกอยู่ในภวัง มันตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น มันกลายเป็นเปลวไฟลูกเล็กๆที่สะบัดไปมาอย่างเบาๆ ” ไข่มุกรวมวิญญาน ! ข้าต้องการมัน ! “
ฉื่อหยาน ขมวดคิ้วและ กลั้นหายใจ เขาเพ้งสมาธิเพื่อที่จะสนทนากับเปลวเหมันเยือกแข็งผ่านพลังวิญญานของเขา
” เจ้าอยากได้ไข่มุกงั้นรึ ? งั้นก็รอไปจนกว่าเจ้าจะออกมาจากแหวนได้ละกัน ! “
” เจ้าบ้า ! เจ้ากล้าดูถูกข้า ! เจ้าคงไม่เชื่อว่าข้าออกไปได้สินะ ลองให้ข้าผนึกวิญญานของเจ้าดูไหมละ “
” ว้าว , เจ้าทำได้รึ ? อย่าให้ข้าต้องเตือนความจำเจ้า ถ้าเจ้าทำได้จริง เจ้าก็คงยึดร่างของข้าได้ตั้งแต่สามปีที่ผ่านมาแล้ว “
” ข้ายึดร่างเจ้าได้แน่ ถ้าไม่ใช่เพราะแหวนหน้าโง่ของเจ้า ! , เจ้าควรจะปล่อยข้าออกไปให้เร็ว หรือไม่ เจ้าจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต ! ” เปลวเหมันเยือกแข็งเต็มไปด้วยความหยิ่งพยอง มันเอาแต่ตะโกนคำพูดก่อด่าออกมาจากแหวน , เหมือนกับว่ามันไม่ได้รับรู้สถานการณ์ของตัวเอง
” ข้าไม่สน ” หน้าฉื่อหยานเต็มไปด้วยการดูถูก เขาค่อยๆ ถอนพลังวิญญาณของเขาออกมาจากแหวน แต่แหวนยังคงส่องประกายเปลวเหมันเยือกแข็งออกมาเหมือนกับว่ามันไม่ปรารถนาที่จะสิ้นสุดการสนทนานี้ มันพยายามดิ้นรนอย่างมากภายในแหวนเพื่อใดึงดูดความสนใจของ ฉื่อหยาน อย่างไรก็ตาม ความพยายามนี้ก็ต้องล้มเหลว เพราะ ฉื่อหยาน ไม่ได้ไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย เขามุ่งหน้าไปยังทิศใต้ของเกาะอย่างต่อเนื่อง
ระหว่างทาง ร่างของชาวบ้านที่ถูกฆ่าตายปรากฏขึ้นในสายตาของเขา มีหลายร้อยศพที่กองอยู่ทั่วเหมือนกับเนินเขา
สีหน้าของฉื่อหยานดูมืดมนและความเกลียดชังที่มีให้ตระกูลกู่ชังก็ผุดลึกขึ้นมาจากในหัวใจของเขา
ตระกูลกู่เป็นตระกู่ที่ชั่วร้ายนัก ;พวกมันฆ่าคนบริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม บ้าเลือด และไร้ซึ่งมนุษยธรรม
พลังวิญญานที่เขารู้สึกก่อนหน้านี้ในส่วนใต้ของเกาะอยู่เพียงชั่วครู่เท่านั้นและมันก็หายไปหลังจากผ่านไปสักครู่ อย่างลับๆ เขาพยายามที่จะตรวจสอบไปที่วิญญาณจำนวนมากที่อยู่บริเวณนี้ แต่เขาก็ไม่พบสิ่งใด ซึ่งนั่นหมายความว่าต้องมีใครบางคนที่รู้ว่าดวงวิญญานเหล่านี้จะถูกดูดกลืน และถูกเปลี่ยนให้เป็นพลังชั่วร้าย
ไข่มุกรวมวิญญาน ?
ฉื่อหยานขมวดคิ้วของเขาแน่น – เขาไม่เคยได้ชื่อไข่มึกนี้เลย แต่ดูจากน้ำเสียงของเปลวเหมันเยือกแข็งที่ตะโกนชื่อนี้ออกมา . . .มันดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก . . . . เปลวเหมันเยือกต้องรู้แน่ว่ามันอยู่ที่ใดและมันทำอะไรได้บ้าง
มันเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจเป็นอย่างมากเพราะมันต้องเกี่ยวข้องกับเปลวเหมันเยือกแข็งแน่นอน ฉื่อหยานคิดเช่นนั้น แต่ที่น่าสนกว่า ก็คือมันสามารถทำให้เปลวเหมันเยือกแข็งพูดออกมาครั้งแรกอีกทั้งมันยังดูตื่นเต้นอีกด้วย เปลวเหมันเยือกแข็งนั้นทำตัวน่าขันเป็นอย่างมาก เพราะมันถึงกับพูดข่มขู่ฉื่อหยาน
แหวนสายโลหิตยังคงสั่นสะท้านอยู่เรื่อยๆ .
ฉื่อหยานยิ้มอย่างดูถูก เมื่อเขาทราบว่า เปลวเหมันเยือกแข็งที่อยู่ภายในแหวนนั้นถึงขีดจำกัดของความอดทนแล้ว โดยไม่สนใจแหวนที่สั่นไปมา เขายังคงเดินทางไปตามทางของเขา
ข้างในแหวน หลังจากพยายามอย่างหนัก เปลวเหมันเยือกแข็งก็ตระหนักได้ว่าฉื่อหยาน ไม่สนใจมัน ในที่สุดมันก็หยุด
ผ่านมาสักพัก ฉื่อหยานก็สังเกตไปที่แหวน เขารู้สึกพอใจเมื่อเห็นว่าแหวนกลับมาสงบอีกครั้งและไม่สั่นไปมา เขายิ้มอย่างภูมิใจที่ฝีปากของเขาอยู่ในระดับสูง
สามชั่วโมงต่อมา ฉื่อหยานก็กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้โบราณที่มีใบหนาและปีนไปยังส่วนที่บังมิดที่สุดเพื่อปกปิดตัวเอง พอได้ที่ เขาก็ถ่ายทอดพลังวิญญานเข้าไปในแหวน
” ตอนนี้เจ้าจะพูดคุยกับข้าดีๆแล้วใช่หรือไม่ ? ” ฉื่อหยานถาม
” แน่นอน ! แน่นอน ! ” เปลวเหมันเยือกแข็งตอบทันที
” ดี บอกมา ไข่มุกนั่นอยู่ที่ไหน ? ข้าต้องการรู้ว่ามันเป็นอย่างไร และมันสามารถทำอะไรได้บ้าง . “
” ไข่มุกรวมวิญญานเป็นผลึกอสูรของสัตว์อสูรรวมวิญญาน เป็นของสัตว์อสูรที่เก่าแก่ที่สุดระหว่างโลกและสวรรค์ มันสามารถดูดซับพลังวิญญานได้ทุกประเภทและเมื่อมันได้ดูดซับวิญญานไปเป็นจำนวนมาก มันก็จะวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว และในที่สุดมันก็จะแข็งแกร่งมากขึ้น สัตว์อสูรรวมวิญญานระดับ เจ็ด แปดและเก้าจะมีผลึกอสูร ซึ่งนั่นก็คือไข่มุกรวมวิญญาน — ที่สามารถดูดซับวิญญาณและเปลี่ยนวิญญานเหล่านั้นเป็นพลังวิญญานที่บริสุทธิ์ มันล้ำค่าเป็นอย่างมาก ข้าพูดเลย . “
” มันเป็นประโยชน์ต่อเจ้างั้นรึ พลังวิญญานที่สะสมอยู่ในไข่มุกหนะ ? “
” แน่นอน ! ! ! มันเป็นประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่มีวิญญาน ! ถ้าเรามีไข่มุกรวมวิญญาน วิญญานและพลังชีวิตของเราก็จะวิวัฒนาการขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ เจ้าเองก็เช่นกัน ด้วยพลังวิญญานที่อยู่ในไข่มุกรวมวิญญาน พลังชีวิตของเจ้าจะได้รับการวิวัฒนาการ เจ้าจะมีห้วงจิตสำนึก “
หัวใจของ ฉื่อหยาน ก็เต้นสนั่นไปถึงคอ
ห้วงจิตสำนึกจะเกิดขึ้นกับนับรบที่อยู่ในระดับรู้แจ้งเท่านั้น โดยการรวบรวมจิตสำนึกวิญญานของเขา มันเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม นอกจากนักรบที่อยู่ในระดับรู้แจ้งแล้ว ไม่มีทางที่จะมีห้วงจิตสำนึกได้ แต่เปลวเหมันเยือกแข็งกลับพึ่งบอกข้อมูลที่ลบล้างความเข้าใจของเขาทั้งหมด – ด้วยพลังวิญญาณที่สะสมอยู่ในไข่มุกรวมวิญญาน เขาสามารถวิวัฒนาการรูปแบบของพลังชีวิตและมีห้วงจิตสำนึกได้ ไข่มุกรวมวิญญานนี่เทียบได้กับสมุนไพรและเม็ดยาระดับพระเจ้า !
” เป็นไปได้ยังไง ที่จะสร้างห้วงจิตสำนึก ? ” ฉื่อหยานถามด้วยความระมัดระวัง พยายามหาข้อมูลเพิ่มเติมจากเปลวเหมันเยือกแข็ง
” สัตว์อสูรรวมวิญญานเป็นหนึ่งในสัตว์อสูนที่ลึกลับที่สุดในโลกนี้ การมีตัวตนของมันคือเรื่องมหัศจรรย์ เหตุผลที่ข้ารู้เรื่องสัตว์อสูรและไข่มุกเหล่านี้เพราะว่า เหล่าคนแข็งแกร่งที่ต้องการจะดูดซับข้า เมื่อพวกเขาพยายามที่จะยึดครองจิตสำนุกของข้า ข้าก็จะได้รับความรู้และความทรงจำของมันกลับมา ที่มาของสัตว์อสูรรวมวิญญานเหล่านี้ มาจากความทรงจำของนักรบระดับพระเจ้าแท้จริง เมื่อแสนปีที่แล้ว แต่ว่านี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว มันอาจจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไปแล้วก็ได้ . . . . . . . “
” มันเป็นเรื่องจริงรึ ที่สามารถสร้างห้วงจิตสำนึกได้ ? “
” แน่นอน การฝึกการต่อสู้นั้นมีด้วยกันสองแบบ : คือการออกกำลังกายและพัฒนาจิตวิญญาณ นักรบเช่นเจ้าที่เกิดมาพร้อมกับร่างกายจะต้องฝึกโดยวิธีแรกก่อน ต่อมา เจ้าก็จะพบการเปลี่ยนแปลงและค่อยๆเปลี่ยนเป็นฝึกฝนจิตวิญญาน แต่สำหรับเรา ผู้ที่ไม่มีร่างกาย เริ่มแรกจะฝึกด้วยวิธีพัฒนาจิตวิญญาน จากนั้นจึงค่อยไปแสวงหาร่างกาย”
หลังจากหยุดช่วงสั้น ๆ , เปลวเหมันเยือกแข็งก็พูดต่อ “ดังนั้นโดยทั่วไป ทุกคนต้องต่อสู้เพื่อให้ร่างกายและจิตวิญญานดีขึ้น เพื่อซ่อมแซมข้อบกพร่องของเราและขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของการวิวัฒนาการของโลก และสวรรค์ มีสิ่งลึกลับมากมายที่สามารถช่วยเร่งการวิวัฒนาการของเราได้ ไข่มุกรวมวิญญานเป็นหนึ่งในสมบัติลึกลับที่พูดถึง มันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้เจ้า และวิวัฒนาการรูปแบบชีวิตของเจ้าได้ วิญญาณที่บริสุทธิ์มีพลังที่สามารถฟื้นฟูจิตวิญญาณของเจ้าและมันจะช่วยเจ้าสร้างห้วงจิตสำนึก นี่เป็นสิ่งที่นักรบทุกคนที่อยู่ในระดับเจ้าต้องการ ! “
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เปลวเหมันเยือกแข็งได้รับความรู้และความทรงจำมากมายจากนักรบที่ทรงพลัง เพราะฉะนั้นมันจึงรู้ดีเกี่ยวกับเรื่องขอมนุษย์ คำพูดของมันค่อนข้างมีเหตุผลและเข้าใจง่าย ทำให้ฉื่อหยานได้รับรู้ความจริงๆมากมายเกี่ยวกับนักรบ ถึงแม้เขาจะเคยได้ยินแล้วก็ตาม แต่มันก็ไม่ระเอียดเช่นนี้
” ดังนั้น ไข่มุกรวมวิญญานจึงเป็นประโยชน์แก่ข้าอย่างแท้จริง”
” แน่นอน โดยใช้พลังวิญญาณมหัศจรรย์ที่อาศัยอยู่ในไข่มุก นอกจากนี้ เมื่อนำไข่มุกลงไปในน้ำ มันสามารถเปลี่ยนเป็นกระจกวิญญาณได้ – มันสามารถใช้เรียกวิญญาณที่ที่แข็งแกร่งจากดินแดนอื่นได้ ในปีก่อนหน้านี้ ดูเหมือนจะมีนิกายชั่วบางนิกาย ที่ใช้กระจกวิญญานเพื่อดึงพลังวิญญานจากอีกดินแดนมาช่วยต่อสู้ ปกติแล้ว วิญญาณเหล่านั้นจะถูกผูกมัดไว้ด้วยกฏของโลกและสวรรค์ ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้าสู่โลกของเรา พลังของพวกเขาจะลดลงอย่างมาก ดังนั้น แม้ว่าพวกเขาจะฝืนมาที่โลกของเรา มันจะเป็ฯเรื่องยาก ที่พวกเขาจะสามารถใช้พลังของตนในเองได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม มันจะต่างออกไปหากพวกเขาถูกเรียกด้วยกระจกวิญญาน พวกเขาสามารถแหกกฏระหว่างโลกและสวรรค์ได้ทำให้เมื่อพวกมันเข้ามา พลังของพวกมันจะไม่ลดทอนลง . . . . . . . “
” กระจกวิญญาณ ? พลังวิญญานจากดินแดนอื่น ? ” ฉื่อหยาน พึมพำกับตัวเอง ทันใดนั้นตาของเขาเป็นประกาย เมื่อเขารู้สึกได้ถึงความเย็นและพลังชั่วร้าย เขารู้สึกว่ามันคล้ายกับตอนที่ราชาปีศาจโปวชุนปรากฏตัวออกมา ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าใครบางคนจากดินแดนสี่อสูรมาอยู่ที่ แต่พวกมันมาทำไมกัน ?
และตระกูลกู่ ที่พวกมันฆ่าทุกคนบนเกาะก็เพราะต้องการเก็บวิญญานเข้าไปในไข่มุกรวมวิญญานสินะ พวกมันจะทำอะไรกันแน่ ? มันอาจเป็นไปได้ว่าพวกมันพยายามที่จะเรียกอสูรจากดินแดนสี่อสูร ? พวกมันต้องการอะไรจากอสูรกัน ?
หรือว่า…เพื่อทำลายตระกูลหยาง
ขบวนความคิดผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แวบเข้ามาในจิตใจของเขาและค่อยๆขจัดทุกความสงสัยของเขา แววตาของเขาสว่างกระจ่างชัดทุกความคิดของเขาจัดเรียงกัน ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าตระกูลกู่ต้องการจะจัดการนักรบชูร่าจากตระกูลหยาง รู้กันไปทั่วว่า , ความบาดหมางระหว่างสองตระกูลไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ . ด้วยความช่วยเหลือของกระจกวิญญาณ วิญญานอสูรที่แข็งแกร่งจากดินแดนสี่อสูรจะถูกเรียกมา และมันเป็นเรื่องง่ายดายมากสำหรับอสูรระดับพระเจ้าแท้จริงที่จะจัดการกับนักรบแข็งแกร่งสามคนที่อยู่ในระดับนภา เหล่านักรบจะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ วิญญานของพวกเขาจะถูกทำลายโดยพลังวิญญานของอสูร นี่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าการทำลายร่างกายเสียอีก
ฉื่อหยาน ก็ตกตะลึงด้วยความกลัว คำพูดของเปลวเหมันเยือกแข็งนั้นสอดคล้องกับการสิ่งที่เขาพบเจอมาอย่างยาวนาน ซึ่งเขาเองก็มั่นใจแล้วว่าตระกูลกู่ต่องมีแผนชั่วเช่นนี้แน่
สามราชาชูร่าของตระกูลหยางทั้งหมดล้วนอยู่ในระดับนภา ดังนั้น ใครก็ตามที่ถูกส่งมาที่นี่จะต้องถูกจัดการโดยอสูรจากดินแดนสี่อสูรแน่นอน เนื่องจากช่องว่างระหว่างพลังของพวกเขานั้นมีมากเกินไป
ฉื่อหยานจมลงไปในความเงียบอย่างเงียบๆ แต่หลังจากนั้นเขาพูดอีกครั้งกับเปลวเหมันเยือกแข็งที่อยู่ภายในแหวน , ” เจ้ามีรู้วิธีการค้นหาไข่มุกรวมวิญญานหรือไม่ ? “
” แน่นอน ข้ารู้ ” ทันทีเปลวเหมันเยือกแข็งก็ตอบอย่างร้อนรน