บทที่ 185 ของขวัญจากเปลวเหมันเยือกแข็ง
ภายในภูเขาไฟ
ฉื่อหยาน ๆคอยส่งความคิดที่เป็นมิตรและพลังวิญญานของเข้าไปที่แกนเพลิง
ทีละนิดๆ เขาก็เริ่มทำเหมือนกับว่าแกนเพลินนั้นเป็นเพื่อนของเขา
เปลวเหมันเยือกแข็ง ใช้ความรู้ของมันสอนวิธีนี้ที่ละขั้นตอนแก่ฉื่อหยาน , นั่นเป็นประโยชน์จริงๆ โดยใช้วิธีนี้ ฉื่อหยาน ก็ค่อยๆได้รับการยอมรับจากแกนเพลิงและแกนเพลิงก็เลิกระแวงเขา
หนึ่งวันผ่านไป
เมื่อฉื่อหยาน ส่งพลังวิญญานเข้าไปในรัศมีจิตสำนึกของแกนเพลิง ทันทีเขาก็รู้สึกได้ถึงความพูดพันจากแกนเพลิง .
จิตสำนึกที่อ่อนแอจากแกนเพลิงห่อหุ่มและพัวพันกับพลังวิญญาณของฉื่อหยาน ท่านเปลวไฟก็ขดเกียวไปมาเหมือนกับเด็กที่ซุกซน
แกนเพลิงถือนั้นนับฉื่อหยานเป็นเพื่อนของมันแล้ว จิตสำนึกที่ยังไม่สมบูรณ์ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่บริสุทธิ์จริงๆ หลังจากฉื่อหยานส่งความคิดที่เป็นมิตรของเขาไป แกนเพลิงก็ค่อยๆเริ่มที่จะไว้วางใจเขา และทันทีเมื่อพลังวิญญาณของเขาเข้าไปหามันอารมณ์ของมันก็ดูเหมือนจะร่าเริงมันเข้าไปพัวพันและเล่นกับพลังวิญญานของฉื่อหยาน
แต่ละครั้งเมื่อฉื่อหยานต้องการดึงพลังวิญญาณของเขากลับมา แกนเพลิงก็จะหดหู่ลง
ในหลายๆครั้ง มันจะเข้ามาพัวพันกับพลังวิญญานของฉื่อหยานและมักจะไม่ยอมปล่อยให้เขาถอนพลังวิญญานกลับไป
นี้ทำให้ฉื่อหยานรู้สึกมีความสุขมาก ในใจของเขา เริ่มรู้สึกผูกพันกับมันมากขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกเหมือนกับว่าแกนเพลิงเป็นลูกของเขาจริงๆ มันเกาะติดเขาเหมือนกับเด็กที่ไร้เดียงสา
ในหัวใจของเขา เขาไม่ได้มีเจตนาชั่วร้ายใดๆต่อแกนเพลิงเลย หลังจากอยู่ด้วยกันมาสักพัก เขาก็เริ่มชอบจิตสำนึกดวงน้อยนี้มาขึ้นเรื่อยๆ
ใน หลายๆ ครั้ง เมื่อฉื่อหยานพูดคุยกับน้ำแข็งไฟเย็น เขามักจะถามซ้ำ ๆว่าวิธีที่เขาทำอยู่จะไม่มีอันตรายต่อแกนเพลิงจริงๆใช้หรือไม่
ดังนั้น เปลวเหมันเยือกแข็งจึงตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในจิตใจของฉื่อหยาน หลังจากที่ฉื่อหยานถามเช่นนั้น บางครั้ง เขากก็รู้สึกว่า ฉื่อหยานนั้นผูกพันกับแกนเพลิงแล้วจริงๆ
เปลวเหมันเยือกแข็งยืนยันอย่างชัดเจนว่าตราบใดที่เขาไม่ได้ใช้วิธีที่เผด็จการ วิธีการของเขาที่มีต่อแกนเพลิงนั้นจะไม่เป็นอันตรายแน่นอน และยังช่วยให้จิตสำนึกของแกนเพลิงก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์เร็วขึ้นอีก นี้นับได้ว่าเป็นประโยชน์แต่แกนเพลิงและไม่มีอันตรายแน่นอน
ด้วยคำยืนยันของเปลวเหมันเยือกแข็ง ฉื่อหยานก็สงบลงและดูแลแกนเพลิงอย่างใกล้ชิดเป็นงานอดิเรก
เขาพบว่าพลังวิญญานของเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง อารมณ์ของแกนเพลิงเหมือนจะกลายเป็นเช่นมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ มันเต็มไปด้วย , ความสุข , ความหดหู่ และความเศร้าเล็กน้อย
ฉื่อหยานสัมพัสได้ว่า จิตสำนึกของแกนเพลิงกำลังเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ
ผ่านอีกวัน
เมื่อพลังวิญญาณของเขาพยายามจะออกไปจากรัศมีจิตวำนึกของแกนเพลิง แกนเพลิงก็จะใช้พลังไฟไปพัวพันกับพลังวิญญานของเขาแน่น และพยายามรั้งไม่ให้ฉื่อหยานจากไป
เหมือนกับเด็กที่ไม่อยากแยกจากพ่อแม่ และไม่อยากออกไปจากอ้อมกอดของพ่อแม่
ฉื่อหยานเห็นใจและชะลอการถอนพลังวิญญานของเขากลับมาชั่วคราว เพื่อให้จิตสำนึกของแกนเพลิงน้อยๆนี้เล่นกับพลังวิญญานของเขาและพัวพันอยู่กลางกองไฟ
ฉื่อหยานปล่อยพลังวิญญานไว้เช่นนั้น เมื่อมันเหนื่อย ตอนนั้น ฉื่อหยานจึงจะถอนพลังวิญญานกลับมา
” ตอนนี้เจ้าสามารถเข้าไปได้แล้ว ” เปลวเหมันเยือกแข็งพูดขึ้นอีกครั้ง ” ข้าเชื่อว่าแม้ร่างกายของเจ้าจะเข้าไปใกล้มัน มันก็จะไม่โจมตีเจ้า มันผูกพันกับเจ้าเกินกว่าที่จะเกรงกลัวข้าแล้ว แม้มันจะสัมพัสข้าได้จากในร่างกายของเจ้า มันก็จะยังคงปฏิบัติกับเจ้าเช่นคนในครอบครัว
หลังจากที่รอคอยมานาน ตอนนี้ก็มาถึง แต่ฉื่อหยานก็ลังเลเล็กน้อยและกล่าวว่า ” หากเราใช้พลังของมันในการกลั่นไข่มุกรวมวิญญาน แล้ว จะมีผลกระทบต่อมันหรือไม่ ? “
” ไม่ ” เปลวเหมันเยือกแข็งตอบกลับมาด้วยอารมณ์แปลกประหลาด” การที่เจ้ารักมันเสหมือนกับว่ามันเป็นครอบครัวของเข้าและเริ่มที่จะผูกพันกับมัน นั้นมันเรื่องที่ดี มันรู้สึกได้ถึงความห่วงใยต่อเจ้าที่มีต่อมัน จิตสำนึกของสิ่งมีชีวิตเช่นเรานั่นอ่อนไหวเป็นอย่างมาก เราสามารถรู้สึกได้ถึงวิญญานของเจ้าโดยตรงว่าเจ้าจริงใจหรือไม่ ด้วยความห่วงใยที่เจ้ามีให้มันสามารถรู้สึกได้ ดูเหมือนว่าพยายามของเราจะสำเร็จแล้วนะ”
ฉื่อหยานตะลึง ” สำเร็จ ? “
” ตราบใดที่มันไม่ต่อต้านเจ้าและผูกพันกับเจ้าเช่นครอบครัว , เจ้าก็ลงมือในขั้นต่อไปได้แล้ว ” เปลวเหมันเยือกแข็งตอบ ” แต่ก่อนที่เจ้าจะให้มันเข้ามาในร้่ง เจ้าจะต้องทำอะไรบางอย่างก่อน เจ้าต้องใช้พลังไฟเพื่อปรับแต่งร่างกายของเจ้า เพื่อให้ร่างกายของเจ้าทนรับพลังไฟของมันได้ เราไม่จำเป็นต้องทำอะไรมาก เพียงแค่ให้มันสามารถคงอยู่ได้ นั่นก็เพียงพอแล้ว”
” แล้วจะทำได้อย่างไร ? “
” การใช้พลังไฟเพื่อปรับแต่งร่างกายของเจ้านั้นไม่ยากเกินไปสำหรับเจ้า ข้าเคยบอกแล้วว่าข้าจะใช้ความรู้ต่างๆเพื่อช่วยเจ้า ตอนนี้ข้าจะบอกวิธีปรับร่างกายของเจ้า เพื่อที่จะขจัดสิ่งสกปรกออกจากร่างกายและทำให้ร่างกายของเจ้าแข็งแกร่งขึ้น “
” ในความเป็นจริง นักรบในอดีตส่วนมากต่างมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนร่างกาย การฝึกฝนร่างกายนั้นสำคัญเช่นเดียวกับการฝึกฝนพลังปราณลึกลับ ด้วยความแข็งแรงและความแข็งแกร่งของร่างกายเพียงอย่างเดียวโดยปราศจากพลังปราณลึกลับ พวกเขาก็สามารถทำให้โลกสั่นสะเทือนได้ ! ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งของพวกเขาก็สามารถทำให้พวกเขามีพลังที่ยิงใหญ่ได้ แต่ปัจจุบันนี้ พวกเจ้าเพียงแค่มุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนวิญญานและพลังปราณลึกลับ โดยไม่ใส่ใจการฝึกฝนร่างกาย นั่นนับว่าเป็นข้อเสียที่ยิ่งใหญ่นัก”
เปลวเหมันเยือกแข็งค่อยๆอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับพื้นฐานของร่างกาย พลังปราณลึกลับและวิญญาณของนักรบ
เปลวเหมันเยือกแข็งบอกว่า นักรบในอดีตให้ความสำคัญแก่ ร่างกาย พลังปราณลึกลับ และวิญญาณ เป็นอย่างมาก และนักรบบางคนที่มีจิตวิญญานต่อสู้ไม่เหมือนใคร ร่างกายของพวกเขายังทนทานและแข็งแกร่งเกินกว่าระดับของพลัวปราณลึกลับและวิญญานมากนัก
นักรบเช่นนี้ต่างก็ใช้วิธีมากมายในการฝึกฝนร่างกายของเขา เพียงแค่ความแข็งแกร่งของร่ายกายเพียงอย่างเดียว ก็ทรงพลังมากแล้ว
พวกเขาต่างก็ใช้วิธีต่างๆเพื่อปรับแต่งร่างกายของพวกเขาให้เป็นเหมือนอาวุธของพระเจ้า เพื่อให้ร่างกายของพวกเขามีพลังที่แข็งแกร่งและอยู่เหนื่อโชคชะตา
ยิ่งนักรบมีร่างกายที่ทรงพลังมากเท่าใดพลังวิญญานของเขาก็จะแข็งแกร่งกว่านักรบในระดับเดียวกัน และนอกจากนี้พลังปราณลึกลับและวิญญานของเขายังแข็งแกร่งกว่านักรบในระดับเดียวกันอีกด้วย ในระหว่างการต่อสู้ นักรบที่มีร่างกายที่แข็งแกร่งนั้นจะได้เปรียบและมักจะได้รับชัยชนะมากกว่านักรบที่ไม่ได้ฝึกฝนร่างกาย
ฉื่อหยานเห็นด้วยกับเปลวเหมันเยือกแข็ง จิตวิญญานต่อสู้แฝดที่อยู่ในร่างกายของเขา ทั้งจิตวิญญานกายาแข็งและจิตวิญญานอมตะต่างก็เกี่ยวข้องกับร่างกายทั้งสิ้น
ถ้าเขาปรับแต่งร่างของเขาจริงๆ และให้ความสำคัญกับการฝึกฝนร่างกาย เขาก็คงจะอยู่เหนือกว่านักรบทั่วไปมากนัก
อย่างไรก็ตาม เขานั้นไม่เคยรู้วิธีการปรับแต่งร่างกายมาก่อนเลย วิชาส่วนมากต่างก็เน้นไปที่การควบคุมพลังปราณลึกลับเท่านั้น มีวิชาน้อยมากที่จะมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนร่างกาย
ดรรชนีย์ทะลวงของตระกูลฉื่อเองก็แทบจะนับได้ว่าเป็นวิชาในการปรังแต่งร่างกาย มันเพียงแต่เปลี่ยนแปลงแค่ส่วนนิ้วของเขาให้แข็งแกร่งขึ้งขึ้นเท่านั้น
วิชานี้จึงไม่ถือว่าเป็นวิชาในการปรับแต่งร่างกายเพราะว่ามันใช้ได้เพียงแค่ส่วนของนิ้วเท่านั้น
แต่เปลวเหมันเยือกแข็งที่เป็นเปลวไฟนภานั้นได้อาศัยอยู่มาเป็นเวลานาน และมีความรู้มากมายจากนักระดับพระเจ้า ย่อมต้องมีวิชาปรับแต่งร่างกายแน่นอน และนั่นก็เป็นสิ่งที่ฉื่อหยานต้องการมากที่สุดตอนนี้ !
ถ้าฉื่อหยานไม่ได้ตกลงรับข้อเสนอของเปลวเหมันเยือกแข็ง เปลวเหมันเยือกแข็งจะไม่ซื่อสัตว์และไม่สอนวิธีการปรับแต่งร่างกายให้เขาแน่นอน แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเปลวเหมันเยือกแข็งก็คงไม่บอกเขา
แต่ตอนนี้ เปลวเหมันเยือกแข็งไม่ใช่แค่อธิบายความสําคัญของร่างกาย และสำคัญระหว่างร่างกาย วิญญานและพลังปราณลึกลับให้เขาฟัง แต่ยังเป็นคนคิดริเริ่มที่จะสอนวิธีการปรับแต่งร่างกายให้เขาอีก
ฉื่อหยานรู้สึกว่าคิดถูกแล้วจริงๆที่รับข้อตกลงของเปลวเหมันเยือกแข็ง
” ไปกันเถอะ ” หลังจากเปลวเหมันเยือกแข็งเสร็จสิ้นการอธิบาย มันก็กระตุ้นให้ฉื่อหยานลงไปด้านล่างของลาวา ” ตอนนี้เจ้ามั่นใจได้เลยว่า แกนเพลิงจะไม่โจมตีเจ้า หลังจากเจ้าเข้าไปใกล้หยกผลึกไฟ ที่มีแกนเพลิงอยู่ข้างใน เจ้าก็เอาไข่มุกรวมวิญญานออกมาและวางไว้บนหยกผลึกไฟ , จากนั้นเจ้าก็ไม่ต้องทำอะไรเลย พลังไฟจากหยกผลึกไฟจะกลั่นไข่มุกรวมวิญญานด้วยตัวเอง ” นั่นเอง
” ไม่มีปัญหา ข้าเข้าใตแล้ว “
ฉื่อหยานพยักหน้าและก็เคลื่อนไหวดำลงไปด้าน่าง
หลังจากที่ผ่านมาสักครู่
กลุ่มแสงแพรวพราวหลากสีสันก็ส่องมาที่เขา
ในลาวาสีแดงเข้ม มีหยกผลึกไฟที่มีขนาดเท่ากำปันอยู่มันกำลังส่องแสงและปล่อยความร้อนออกมา มันเป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์ในฤดูร้อน ที่สาดส่องแสงสีแดงออกมาพร้อมกับความร้อนมหาศาล
หยกผลึกไฟที่มีขนาดเท่ากำปั้นนั้นถูกห้อหุ่มไปด้วยแสงสีสันมากมายซึ่งดูสวยงามเป็นอย่างมาก
ในหมู่แสงเหล่านั้นไฟสีแดงเข้มกำลังกระพืออยู่ในใจกลางของหยกผลึกไฟ มันส่งความร้อนและแหวนไฟที่รุนแรงออกมา
เปลวไฟสีแดงเข้มนั้นมีขนาดใหญ่เท่ากับกำปั้น มันดูแปลกเป็นอย่างมาก และรูปร่างของมันก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา บ้างก็กลายเป็นดอกไม้ สักพักก็เปลี่ยนเป็นผลไม้สีแดง รูปร่างของมันเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและไม่มีรูปแบบตายตัว
เปลวไฟนี้ดูเหมือนกับว่ามันมีชีวิต มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและพลังของมันก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมากเหมือนกับดวงอาทิตย์ขนาดเล็กที่เปลี่ยนรูปร่างอยู่เรื่อยๆ , แสงของมันส่องผ่านหยกผลึกไฟอย่างน่าหวาดหวั่น
ฉื่อหยานที่ห่างจากหยกผลึกไฟและอยู่ในน้ำแข็งของเปลวเหมันเยือกแข็ง ยังรู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อน
ความร้อนนี้ดูเหมือนจะสามารถเจาะละลายน้ำแข็งที่ปกคลุมร่างกายของเขาอยู่ได้โดยตรง และกดดันวิญญานของเขาทำให้เขารู้สึกอึดอัด
” นี่สินะแกนเพลิง ” ฉื่อหยาน จ้องไปที่มัน แล้วแอบตกใจ
” ใช่ นั่นคือ แกนเพลิง ” เปลวเหมันเยือกแข็งตอบ ” เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องน้ำแข็งที่ห่อหุ่มร่างเจ้าอยู่หลอก ถึงแม้ว่ามันจะไม่สามารถป้องกันความร้อนที่เข้ามาได้หมด แต่มันก็สามารถป้องกันได้ครึ่งนึง นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากที่เจ้าวางไข่มุกรวมวิญญานลงบนหยกผลึกแล้ส ข้าก็จะค่อยๆลดพลังป้องกันลง และเมื่อเจ้ารู้สึกได้ถึงพลังไฟที่ไหลเข้ามา เจ้าก็จะต้องกระจายพลังไฟนั่นไปทั่วร่างกาย เส้นชีพจร , กระดูก , และ เซลล์ , ของเจ้า ให้เหมือนกับว่ากำลังหล่อหลอมอาวุธพระเจ้าอยู่ ใช้พลังไฟนั่นในการปรับแต่งร่างกายของเจ้าสะ “
การปรับแต่งร่างกายนั้นยากกว่าการบ่มเพาะพลังปราณลึกลับและวิญญานมากนัก ! ในระหว่างการปรับแต่ง จะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่รุนแรงจนคนส่วนไม่สามารถทนได้ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมทุกวันนี้นักรบถึงค่อยๆ ละทิ้งการฝึกฝนร่างกายไป
” วางใจได้ ความอดทนของข้าเหนือกว่าคนธรรมดามาก ความเจ็บปวดที่คนอื่นไม่สามารถทนได้ ข้าจะทนให้ดู ! ” ฉื่อหยานพูดอย่างมั่นใจ
ก่อนที่เขาจะมาถึงโลกนี้ เขาเป็นคนบ้าที่คลั่งไคล้ความท้าทายเป็นอย่างมาก และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ขีดจำกัดความอดทนต่อความเจ็บปวดของเขามีมากกว่าคนทั่วไป
หลังจากมาถึงโลหแห่งนี้ ระหว่างเดินทางเขาก็ผ่านการฝึกฝนต่างๆมามากมาย
ไปว่าจะเป็น ดรรชนีย์ทะลวง หรือ บ้าคลั่ง
ทุกวิชาที่เขาฝึกฝนนั้นล้วนแต่เป็นวิชาที่ทำร้ายตนเอง มันต้องใช้ความอดทนและความกล้าเป็นพื้นฐานทั้งสิ้น
” ก็หวังว่าอย่างงั้น ถ้าเจ้าทำได้อย่างที่พูดจริง ด้วยความรวดเร็วในการปรับแต่ง เจ้าก็จะได้รับประโยชน์มากมาย บางทีหลังจากการปรับแต่งนี้ จิตวิญญานต่อสู้ในร่างของเจ้าก็อาจจะพัฒนาขึ้นก็เป็นได้ “
––––––––––––––––––––––––
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 12 แล้ว มีถึงตอนที่ 480 แล้วจ้า ท่านใดสนใจเข้าร่วมกลุ่มอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยครับ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ