เทพเจ้าล่าสังหาร – บทที่ 196 ส่องไฟใส่

บทที่ 196 ส่องไฟใส่

 

อสูรตัวนั้นก็ยืนอยู่ข้างหน้าพร้อมกับถือกระดูกไว้ในมือทั้งสองข้าง มันยืนอยู่ตรงหน้าทางเดิน มันจ้องมองมาที่เหอซิงเหมิน แต่ก็ไม่ได้โจมตีทันที

ที่ด้านหลังของมัน ก้อนหินแตกกระจายไปทั่วและกำลังหล่นลงมาด้านบนของถ้ำ

แค่เพียงชั่วขณะ หินเหล่านั้นก็กองทับลงมาปิดทางเข้าถ้ำ

อสูรตัวนี้สูงสามเมตร ร่างของมันใหญ่โตและดูแข็งแรงทนทานเป็นอย่างมาก แต่มันกลับสามารถออกมาจากถ้ำที่กำลังจะถล่มได้อย่างรวดเร็ว

อสูรอีกห้าตนที่อยู่ในอุโมงเองก็วิ่งเข้ามาอยู่ในถ้ำที่มีขนาดกว้างเท่าสนามบาสได้ก่อนที่หินเหล่านั้นจะปิดทางเข้าอย่างสมบูรณ์

ตอนนี้ในถ้ำที่ส่องสว่างก็มีอสูรอยู่หกตน , มันเกล็ดสีดำที่ปกคลุมร่างที่สูงและใหญ่โต พร้อมกับมีดวงตาสีเขียวเข้มที่ดูดุร้ายและเยือกเย็น เหมือนกับว่ามันเป็นงูที่กำลังมองเหยื่อ

” ท่านกูย่า “อสูรสองตนที่เข้ามาในถ้ำก็ก้าวเดินขึ้นมาและโน้มตัวลง เสียงของมันนั้นแหลมเหมือนกับกระจก , เสียงของมันหวีดหวิวและหยาบกระด้าง ” มนุษย์ผู้หญิงคนนี้ยังบริสุทธิ์อยู่ เลือดหยินของนางสามารถใช้บูชายัญได้ .

ในขณะที่อสูรกำลังพูดอยู่ ตาของมันก็มองไปที่เหอซิงเหมินอย่างชั่วร้าย มันมองไปยังร่างกายที่ยั่วยวนของนาง หลังจากที่มันพูดเสร็จ มันเลียริมฝีปาก พร้อมกับแววตาของมันก็เต็มไปด้วยตัณหา

” เอาละ หลังจากที่ข้าได้ข่มขืนนางแล้ว ข้าจึงจะค่อยใช้เลือดของนางแล้วกัน ” อสูรเผ่าเกล็ดดำที่ชื่อกูย่าก็ตะโกนออกมาด้วยเสียงต่ำ ” ในเมื่อพวกเจ้าทั้งหมดก็มาแล้ว งั้นเรามาเริ่มการฆ่าล้างมนุษย์กันเลยดีกว่า พวกมันนั้นไม่ได้มาเพียงกลุ่มเดียว หลังจากเราฆ่าพวกมันหมดแล้ว เราค่อยไปฆ่ากลุ่มอื่นต่อ . ”

” คุ ! ”

อสูรทั้งห้าตัวก็คำรามออกมา พวกมันแยกกันออกไป และพุ่งไปที่ เหอซิงเหมิน และคนอื่นๆอย่างบ้าคลั่ง

กูย่ากระชับกระดูกที่อยู่ในมือทั้งสอง มันยิ้มจนเห็นฟัน และมองไปที่เหอซิงเหมินอย่างเย็นชา ” เด็กสาวมนุษย์ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าทันทีหลอก ข้าจะจับเจ้ามาแล้วค่อยๆทรมานเจ้า แล้วทำให้เจ้ามีความสุขกับท่อนอันใหญ่โตของข้า เพื่อที่เจ้าจะได้รู้ถึงพลังของผู้ชายจากเผ่าเกล็ดดำ ! ”

เหอซิงเหมิน ขบฟันของนางแน่น นางจับกระชับหอกในมือของนางอย่างแน่นหนา

” แกร๊งแคร๊งแคร๊ง ”

เสียงโลหะปะทะกันก็ดังไปทั่วถ้ำหิน

ห้าอสูรกระจายตัวกันออกไป พวกมันแต่ละตัวพุ่งไปต่อสู้กับ นักรบทั้งเจ็ดคนรวมถึงบาดดี้และโจวหนาน บาดดี้และคนอื่นๆตอนนี้ต่างก็กำลังต่อสู้อยู่กับอสูร

เมื่ออาวุธที่แหลมคมในมือของพวกเขาฟันแทงเข้าไปที่อสูรเกล็ดดำ อาวุธที่แหลมคมก็ถูกปัดป้องโดยเกล็ดสีดำพวกนั้น พวกเขาไม่สามารถฟันแทงทะลุผ่านเกล็ดสีดำได้เลย ทำได้เพียงทิ้งลอยไว้เท่านั้น

ประกายแสงปรากฏกระจายไปทั่วถ้ำ เป็นแสงจากวิชาต่อสู้ของแต่ละวิชาที่ถูกใช้ออกมา โดยบาดดี้และคนอื่นๆ

” คมเสี้ยวแยกโลหิต ! ”

บาดดี้คำรามออกมา แขนซ้ายของเขาก็มีเลือดซึมออกมา และ หยดเลือดที่เหมือนกับอัญมณีสีแดงใสก็ลอยออกมาจากแขนของเขา ต่อมามันก็ลอยมารวมกันอยู่ที่ฝ่ามือของเขาและส่องแสงออกมา ทันที พวกมันก็กลายเป็นเหมือนกับจันทร์เสี้ยวสีเลือด และพุ่งออกไปที่อสูรที่กำลังประมืออยู่กับเขา

” บึช บึช บึช ! ”

แสงจันทร์เสี้ยวสีเลือดพุ่งผ่านอากาศออกไป มันคมมากกว่าอาวุธที่เขาใช้ก่อนหน้านี้มาก และมันก็ได้มุ่งเฉือดเฉือนอสูรที่อยู่ข้างหน้า

ทันทีที่จันทร์เสี้ยวสีเลือดพุ่งออกไป มันก็กระจายออกเป็นเสี้ยวเล็กๆ และพุ่งเข้าไปที่หน้าอกของอสูรเหมือนกับใบมีด

มันประทะกันอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นเสียงโลหะกระทบกัน แสงจันทร์เสี้ยวสีเลือดพุ่งผ่านช่องว่างระหว่างเกล็ดสีดำของอสูร และพุ่งเข้าไปที่เนื้อของมันโดยตรง

อสูรที่ใช้เกล็ดสีดำป้องกันนั้น ก็ร้องคำรามออกมา ใบหน้าของมันกลายเป็นบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด

วิชาที่บาดดี้ใช้นั่น , มันได้กระจายตัวออกจากกันเป็นเสี้ยวสีเลือดเล็กๆและพุ่งเข้าไปในร่างอสูรผ่านช่องว่างระหว่างเกล็ดสีดำ และสร้างบาดแผลให้กับอสูรโดยตรง .

” มีช่องว่างระหว่างเกล็ดของพวกมัน ถ้าโจมตีไปที่ช่องว่างนั้นได้ เจ้าจะสามารถสร้างบาดแผลให้กับพวกมันได้ ” บาดดี้ร่างก็สั่นไปด้วยความตื่นเต้น ในขณะเดียวกันเขาก็ตะโกนบอกคนอื่นๆ

ภายใต้คำแนะนำของบาดดี้ นักรบอีกหกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ก็หยุดโจมตีสุ่มสี่สุ่มห้าไปที่เกล็ดสีดำของพวกมัน และพวกเขาเริ่มที่จะเล็งไปที่จุดอ่อนของพวกมัน โดยใช้ความสามารถของวิชาที่พวกเขามี เมื่อพวกเขาพบกับช่องว่างระหว่างเกล็ดของอสูร พวกเขาก็จะโจมตีไปที่เนื้อของอสูรพวกนั้นโดยตรง .

สถานการณ์เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพียงแค่บาดดี้พูดไม่กี่คำ สถานการณ์ก็ค่อยๆเปลี่ยนไปดีขึ้น

 

ฉื่อหยานก็พยักหน้าอย่างเงียบๆ

นักรบจากดินแดนปีศาจมหัศจรรย์นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ ขณะเผชิญหน้ากับอสูร พวกเขาไม่หวาดกลัวเลยสักนิด และพวกเขายังสังเกตและหาจุดอ่อนของอสูรพวกนี้ในระหว่างการต่อสู้อีก

มันคงเป็นเพราะความกล้าหาญ ในจิตใจของพวกเขา พวกเขาจึงสามารถสังเกตเห็นเห็นรายละเอียดได้แม้เพียงเล็กน้อย และรู้ได้ว่าจุดอ่อนของพวกมันอยู่ที่ใด

อสูรทั้งห้าตนนี้ พวกมันทั้งหมดล้วนไม่ได้ใช้อาวุธ พวกมันเพียงต่อสู้กับบาดดี้และคนอื่นๆที่เหลืออย่างเรียบง่ายด้วยมือเปล่า

เกล็ดสีดำบนผิวหนังของอสูรเหล่านี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ในขณะที่ต่อสู้ , เกล็ดเหล่านี้นอกจากจะเป็นเกราะที่แข็งแกร่งแล้วยังสามารถกลายเป็นใบมีดที่แหลมคมได้อีกด้วย

มีอสูรตนหนึ่งที่รวดเร็วเป็นอย่างมาก มันได้พุ่งเข้าไปที่นักรบของดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ด้วยความรวดเร็ว และหยุดไม่ให้นักรบคนนั้นใช้วิชาออกมา ด้วยการที่มันกอดรัดไปร่างของนักรบคนนั้นไว้

อสูรเหล่านี้นั้นสูงถึงสามเมตร แต่เหล่านักรบนั้นสูงเพียงแค่ 1.7 เมตรเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงถูกพวกมันกอดรัดได้อย่างง่ายดาย

จากนั้นอสูรอีกตนก็จะพุ่งเข้ามาทันที และใช้ชิ้นส่วนที่แหลมคมเหมือนกับใบมีดของมันแทงเข้าไปที่ร่างของนักรบ

ขณะที่ยังคงถูกกอดรัดไว้ ร่างของนักรบก็ถูกทิ้มแทงนับพันครั้งด้วยเกล็ดของพวกอสูร . ปรากฏเป็นบาดแผลนับไม่ถ้วนบนร่างกายของเขาและอวัยภายในของเขาก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

เขากรีดร้องออกมาอย่างทุกข์ทรมาน ดวงตาที่เต็มไปด้วยชีวิตก็ค่อยๆจางลงพร้อมกับพลังปราณลึกลับที่อยู่ในร่างของเขาก็ค่อยๆกระจายออกไปในที่สุด

ฉื่อหยานเดินไปมาภายในถ้ำ เขาไม่ได้รีบเข้าแทรกแซงใดๆ เมื่อเขาเห็น่วามีนักรบจากดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ถูกอสูรฆ่าตาย เขาก็ค่อยๆเดินไปยังบริเวณนั้นเพื่อดูดซับพลังปราณลึกลับทั้งหมดของคนที่ตายไป ต่อมา เขาก็ขมวดคิ้วและมองไปที่เหอซิงเหมิน .

เหอซิงเหมิน รูปร่างที่มีเสน่ห์ของนางถูกปกป้องโดยม่านพายุที่ดูแข็งแกร่ง เมื่อนางแกว่งหอกยาวสีเงินในมือของนางออกไป ทันทีมันก็จะเปลี่ยนเป็นงูสีเงินพุ่งจู่โจมไปที่กูย่า พร้อมกับเสียงสายลมที่ดังออกมาจากร่างเหอซิงเหมิน ; เป็นดาบสายลมที่พุ่งออกไป ดาบสายลมนับไม่ถ้วนก็ได้พุ่งโจมตีไปที่กูย่าจากทุกทิศทาง

กูย่า ยกกระดูกสีขาวขึ้นมา และเกล็ดสีดำที่ปกคลุมร่างกายของมันก็ส่องแสงสีดำที่น่าหวาดหวั่นออกมา ภายใต้การโจมตีของดาบสายลม ร่างกายที่สูงสามเมตรของกูย่าก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเหมื่อนกับสายฟ้าฟาด มันเคลื่่อนไหวไปมาด้วยความรวดเร็ว

ดาบสายลมที่เกิดจากจิตวิญญานของเหอซิงเหมินก็พุ่งผ่านไปเข้าประทะเข้ากับกำแพงหิน ไม่มีแม้แต่เสี้ยวเดียวเลยที่สามารถโจมตีเข้าไปในช่องว่างระหว่างเกล็ดสีดำได้

ในมือของกูย่า กระดูกสีขาวทั้งสองที่ออกมาจากร่างของมันก็ส่องแสงสีขาวจางๆออกมา พลังวิญญานดุร้ายที่เย็นยะเยือกก็ไหลออกมาจากกระดูกสีขาว และมันก็ได้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของทุกคน

พลังวิญญานดุร้ายที่เย็นยะเยือกกระจายอยู่ภายในถ้ำนี้ ทำให้อสูรที่อยู่ภายเต็มไปด้วยพลัง มันทำให้พลังชั่วร้ายที่อยู่ในร่างของอสูรแต่ละตัวค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

อีกด้านหนึ่ง , เหอซิงเหมิน บาดดี้ , และคนอื่นๆก็เริ่มรู้สึกกดดันภายใต้พลังวิญญานชั่วร้ายนั่น มันทำให้พวกเขาสูญเสียความสมาธิและเปิดช่องว่างในขณะที่ต่อสู้ ด้วยพลังวิญญานที่ออกมาจากกระดูกทำให้พวกเขาต่อสู้อย่างยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ

ฉื่อหยานยังคงเดินไปรอบๆ เขาแอบสังเกตุไปที่กระดูกสีขาวของกูย่า

จากนั้นเขาใช้ไข่มุกรวมวิญญาน แล้วเขาก็ได้รู้ว่า พลังวิญญานที่ไหลออกมาจากกระดูกสีขาวนั้น มันเป็นพลังชั่วร้ายที่มีผลต่อจิตใจคน พลังวิญญาณเหล่านั้นแพร่กระจายด้วยความเร็วที่ช้าเป็นอย่างมาก ดังนั้นมันจึงทำให้คนที่กำลังต่อสู้อยู่ไม่สามารถสังเกตุถึงมันได้

เพราะพลังวิญญาณเหล่านี้ ทำให้สถานการณ์ในถ้ำค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแย่ลงเรื่อยๆ แม้แต่เหอซิงเหมินเองก็ไม่สามารถสังเกตุเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ได้เช่นกัน

เหล่าอสูรกลายเป็นดุร้ายมากขึ้น พลังของพวกมันเองก็ค่อยๆแข็งแกร่งมากขึ้นเช่นกัน ในทางตรงกันข้าม , นักรบจากดินแดนปีศาจมหัศจรรย์กลับมีสีหน้าที่เหนื่อยล้า ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยขุ่นมัว และความเร็วในการโคจรพลังปราณลึกลับของพวกเขาก็ช้าลง

ฉื่อหยานสังเกตอยู่สักครู่ จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและพูดออกไป ” เหอซิงเหมิน กระดูกสีขาวทั้งสองนั่น .มีพลังวิญญานไหลออกมาอยู่ มันทำให้พวกอสูรแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆในขณะทีมันค่อยๆทำให้สติของพวกเจ้าลางเลือนและทำให้พลังของพวกเจ้าค่อยๆอ่อนแอลง พลังวิญญานที่ไหลออกมาจากกระดูกทั้งสอง คือสิ่งที่ทำให้พวกเจ้าอ่อนแอ ถ้าเจ้าไม่สามารถหยุดได้ คนของเจ้าทั้งหมดก็จะตายอยู่ที่นี่ ”

เหอซิงเหมิน ร่างกายที่บอบบางก็สั่นเทา ดวงตาสดใสของนางก็ส่องประกายเย็นชา นางมองไปยังกระดูกสีขาวที่กูย่าถืออยู่ และนางก็เริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ

 

กูย่า ที่กำรับมือกับเหอซิงเหมินอยู่ ก็แปลกใจ แววตาสีเขียวเข้มของมันมองผ่านที่ฉื่อหยานจากที่อยู่ไกลออกไป แล้วมันพูดด้วยเสียงเย็นชา : ” เจ้าหนุ่มนั้นมันมีสายตาเฉียบคม มันสามารถเห็นวิชาลับของข้าได้ เจ้าเสี่ยว ฆ่าเจ้าเด็กนั่นสะก่อนที่มันจะสร้างปัญหามากไปกว่านี้ . ”

” ขอรับ นายท่าน ” อสูรอยู่ที่ต่อสู้กับโจวหนานอยู่ก็เลิกสนใจโจวหนาน , แล้วร่างที่ใหญ่โตเหมือนประตูของมันก็มุ่งมาที่ฉื่อหยาน

สีหน้าของฉื่อหยาน ก็กลายเป็นมืดมน แล้วเขาก็พูดเบาๆ ” อืมหลังจากที่ข้ายืนดูมานาน ถึงเวลาที่ข้าต้องออกกำลังบ้างแล้วสินะ ”

” ระวังตัวด้วย ถ้าเจ้าตายที่นี่ ตระกูลหยางจะต้องให้เราชดใช้แน่ๆ ” เหอซิงเหมิน ตะโกน ” อย่าไปสู้กับมันซึ้งๆหน้า ข้าได้ส่งออกสัญญาณออกไปแล้ว , พี่สาวหนาน และคนอื่นๆอีกไม่นานก็คงจะมาถึง .”

แม้ว่าเหอซิงเหมิน จะไม่ชอบฉื่อหยาน แต่นางรู้ตัวตนที่แท้จริงของฉื่อหยาน นางรู้ว่าฉื่อหยานนั้นมีค่ากับหยางชิงตี้มาก เพื่อที่จะดูว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ หยางชิงตี้ถึงกับใช้หยดเลือดอมตะสามหยดเพื่อพยากรณ์เขา

ข่าวเหล่านี้ไม่ได้มาจากใคร แตามันมาจากปากของเซี่ยซินหยาน

ถ้าฉื่อหยานตายขณะที่อยู่ในความดูแลของนางหละก็ ไม่เพียงแต่ตระกูลหยางจะเรียกร้องจากดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ แต่พวกเขาจะต้องเอาความโกรธมาลงที่ตระกูลเหอแน่นอน

. . . นี่ไม่ใช่สิ่งที่เหอซิงเหมินจะรับผิดชอบไหมแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ขณะที่นางตระโกนพูดนั้นนางก็ได้เปิดเผยเรื่องสำคัญออกมา

— ตระกูลหยาง !

ภายในถ้ำ

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น อสูรเผ่าเกล็ดดำทั้งหมดที่อยู่ในถ้ำก็ตื่นตัวขึ้นพร้อมกับดวงตาสีเขียวเข้มของพวกมันเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่ลึกไปถึงกระดูก

กูย่าที่เป็นผู้นำก็คำรามออกมา ” ตระกูลหยาง ! นางบอกว่าเจ้าเด็กนั่นมาจากตระกูลหยาง ! ข้าจะดึงเส้นเอ็นของมันออกมาและทะลกผิวหนังของมันเพื่อให้มันได้รู้ว่าพวกเราเผ่าเกล็ดดำเคยเจอกับความทรมานเช่นใดมา ! ตระกูลหยางนั้นชั่วช้าที่สุด มันฆ่าคนเผ่าเรานับไม่ถ้วน เหตุผลที่เราเต็มใจเสี่ยงชีวิตข้ามมาที่นี่ก็เพราะ ต้องการแก้แค้นตระกูลหยาง ! ”

อสูรเผ่าเกล็ดดำทั้งหมดที่กำลังต่อสู้อยู่ก็ละทิ้งออกมาจากนักรบเหล่านั้น พวกมันแต่ละตนขบฟันแน่นและดวงตาสีเขี่ยวข้มของมันก็มองไปที่ฉื่อหยานด้วยความเกลียดชัง

เหอซิงเหมิน เดิมทีนั้นนางแค่ต้องการจะบอกให้ฉื่อหยานระวังตัว แต่นางนั้นไม่รู้เลยว่า ความตั้งใจของนางจะทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

ฉื่อหยานขมวดคิ้วแน่น ก่อนที่อสูรเผ่าเกล็ดดำทั้งหมดจะเข้ามาใกล้เขา เขาก็เริ่มรวบรวมพลังของเขาสร้างเป็น หลุมแรงโน้มถ่วง อย่างเงียบๆ .

” ตระกูลหยางต้องทำอะไรบางอย่างแน่นอน ! มิเช่นนั้นพวกอสูรเหล่านี้คงไม่บ้าครั้งเช่นนี้ ข้าสงสัยจริงๆว่าตระกูลหยางไปทำอะไรพวกอสูรกันแน่ พวกมันถึงทำให้พวกมันแค้นขนาดนี้ ! ! ”

ขณะที่เขาคิดอยู่ใน ฉื่อหยานก็รีบรวบรวมพลังอย่างรวดเร็ว

––––––––––––––––––––––––
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 12 แล้ว มีถึงตอนที่ 512 แล้วจ้า ท่านใดสนใจเข้าร่วมกลุ่มอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยครับ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

 

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เทพเจ้าล่าสังหาร ฉื่อหยาน เป็นเด็กหนุ่มชื่นชอบกีฬาผาดโผน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการผจญภัยในหลุมฟ้าบาฮามาส ฉื่อหยานบังเอิญเดินทางผ่านเวลาและพื้นที่ จนไปกลายเป็นนายน้อยของตระกูลที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า ฉื่อหยาน ตอนนั้นเองคุณชายน้อยฉื่อหยานได้เสียชีวิตลลงที่ข้างบ่อเลือดพอดี และในระหว่างการผจญภัยสุดยอดกีฬาผาดโผน วิญญาณของเขาได้ถูกโอนเข้ามาของร่ายกายนายน้อย ฉื่อหยาน และได้รับแหวนวิเศษที่ถูกเรียกว่า ' แหวนสายโลหิต ' แหวนที่มีพลังลึกลับซึ่งทำให้ฉื่อหยาน เป็นนักฆ่า ความต้องการฆ่าของเขานั้นไร้สิ้นสุด ทุกอย่างทำเพื่อเพิ่มพลังอำนาจของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งหลังการฆ่า ความต้องการทางเพศก็จะตามมา . . . . . . .

Comment

Options

not work with dark mode
Reset