บทที่ 197 ถึงทีของข้าหละ !
หกอสูรก็มุ่งเข้ามาหาฉื่อหยาน ทันทีเมื่อได้ยินว่าเขามาจากตระกูลหยาง
ฉื่อหยาน ที่เดินไปมาอยู่ในถ้ำ ตอนนี้ก็ตกเป็นเป้าหมายของอสูรทุกตัว
ฉื่อหยานถอยหลังไปไม่กี่ก้าวและพิงหลังเข้ากับผนัง เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกโจมตีจากด้านหน้าและหลังพร้อมกัย
เมื่อเห็นอสูรล้อมรอบฉื่อหยาน เหอซิงเหมิน ก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยและ นางก็ตะโกนว่า ” ปกป้องเขา ! ”
ร่างกายที่บอบบางของนางก็มุ่งไปทางฉื่อหยานพร้อมกับบาดดี้
นักรบระดับหายนะที่เหลืออีกหกคนก็มุ่งไปเช่นเดียวกัน เพื่อไปป้องกันไม่ให้ฉื่อหยานถูกอสูรฆ่า
” ฆ่ามัน ! ”
ด้วยกระดูกที่อยู่ในมือมันก็คำรามออกมาและกระดูกทั้งสองท่อนก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ขณะที่กระดูกทั้งสองพุ่งผ่านอากาศไป และพวกมันก็ส่องแสงสีเขียวส่องออกมา
แสงสีเขียวนั้นเหมือนกับภูติ มันกระจายออกไปและพยามยามปกคุลมไปที่ฉื่อหยาน
ฉื่อหยานสัมพัสได้ถึงกลิ่นอายชั่วร้าย ทันทีเขาก็ควบคุมไปที่หลุมแรงโน้มถ่วง
“บึช บึช บึช ”
แสงสีเขียวส่องประกายออกมาจากข้่างหน้าดวงตาของเขา มันก็คือหนอนพิษที่มีหนามสีเขียว !
หนอนเหล่านั้น กลิ่นอายคล้ายกับกูย่า มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายในร่างของมัน มันส่งกลิ่นอายเหล่านั้นออกมาและพยายามเข้าไปพัวพันกับฉื่อหยาน
ร่างของฉื่อหยานสั่นสะท้านและดวงตาของเขาก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา
วิญญานของเขาถูกโจมตีด้วยกลิ่นอายพวกนั้นอย่างรุนแรง มันส่งผลต่อวิญญานและจิตสำนึกของเขา ทันใดนั้น เขาก็สูญเสียการควบคุมหลุมแรงโน้มถ่วง
ในเวลาเดียวกันนั้น หนอนพิศกลายเป็นจุดสีเขียวๆ และตกลงมาเหมือนกับฝน
จิตวิญญานกายาแข็ง !
สีหน้าของฉื่อหยานก็กลายเป็นดุร้าย และแววตาของเขาก็ส่องประกายเย็นยะเยือกออกมา
เพียงอึดใจ ผิวหนังของเขากลายเป็นสีเขียวอ่อนและมันก็กลายเป็นแข็งเหมือนกับเหล็ก . . . เขาเรียกใช้จิตวิญญานกายาแข็งขั้นที่สาม .
” เป้ง เป้ง เป้ง ”
หนอนสีเขียวพุ่งเข้ามาที่เขา และหนามแหลมคมมากมายก็แทงเข้ามายังร่างของเขา แต่พวกมันทั้งหมดก็ไม่สามารถแทงทะลุร่างของเขาได้
” หึ ! ”
กูย่าดวงตาสีเขียวเข้มของมันก็ประหลาดใจ
อสูรหนอนเขียวนั้นมาจากดินแดนอสูร หนามของมันแหลมคมเป็นอย่างมาก กูย่าไม่เคยแพ้เลย เมื่อเขาปล่อยอสูรหนอนเขียวออกไปในขณะที่ต่อสู้
อสูรหนอนเขียวจะเจาะร่างกายมนุษย์เข้าไปและกัดกินจากภายใน
แม้ว่าขนาดของอสูรหนอนเขียวจะเล็ก แต่มันก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว พวกเขาถูกเลี้ยงโดยเลือดและเนื้อของกูย่า แม้แต่อสูรด้วยกัน ก็ไม่สามารถป้องกันได้หากถูกพวกมันโจมตีและก็จะถูกกัดกิน
กูย่านั่นได้คาดไว้ว่า นักรบมนุษย์นั้นต่างก็มุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนพลังปราณลึกลับ และมีร่างกายที่อ่อนแอ ดังนั้นพวกมนุษย์จะไม่สามารถรับการโจมตีจากหนอนเขียวได้แน่นอน
กูย่าเลี้ยงอสูรหนอนเขียวส่วนใหญ่ไว้ก็เพื่อรับมือกับจิตวิญญานอมตะของสมาชิกตระกูลหยาง
แม้แต่ผู้ที่มีจิตวิญญานอมตะก็ไม่สามารถป้องกันการกัดกินจากภายในของอสูรหนอนเขียวได้เมื่อพวกมันเข้าไปในร่าง
ในระหว่างต่อสู้ หากอสูรหนอนเขียวเข้าไปในร่างกาย แม้จะมีจิตวิญญานอมตะก็ไม่สามารถรักษาทันการกัดกินของมันได้ เพียงแค่เวลาสั้นๆ อวัยวะภายในก็จะถูกกัดกินจนหมด
อสูรหนอนเขียวที่พุ่งเข้ามาและพยายามที่จะเจาะร่างของฉื่อหยานนั้นพยายามที่จะเจาะร่างของฉื่อหยาน แต่มันกลับพบว่าร่างของฉื่อหยานแข็งเหมือนกับเหล็ก นั่นทำให้กูย่าสับสนเป็นอย่างมาก
” ไปให้พ้น ! ”
ฉื่อหยาน แสยะยิ้ม และจากนั้นม่านพลัง แสงทมิฬ ก็ปรากฏขึ้นรอบๆร่างของเขา
อสูรหนอนเขียวนั้นเกาะร่างของฉื่อหยานอยู่และพยายามเจาะร่างของเขาด้วยหนามของมัน แต่มันก็ต้องล้มเหลวไป
ทันทีที่ โล่แสงทมิฬปรากฏขึ้นมา อสูรหนอนเขียวที่เกาะอยู่ก็กระเด็นออกไป
” บูม ! ”
กูย่าก็ปากระดูกสี่ขาวออกไปสองท่อนอย่างรวดเร็วเพื่อทำลายโล่แสงทมิฬของฉื่อหยาน
เมื่อโล่แสงทมิฬประทะเข้ากับกระดูกมันก็สลายไปทันที เมื่อโล่แสงทมิฬสลายไปกระดูกทั้งส่องท่อนก็พุ่งไปที่หน้าอกของฉื่อหยาน
” ปุ ! ”
กระดูกทั้งสองท่อนปักเข้าไปในที่หน้าอกของฉื่อหยานลึกสามนิ้ว พวกมันสั่นไปมาและจากนั้นก็มีอสูนหนอนเขียวคลานออกมาและดูเหมือนว่ามันพยายามเข้าไปในร่างของฉื่อหยานอีกครั้ง
ฉื่อหยานก็ประหลาดใจ
” ฆ่ามัน ! ”
เหอซิงเหมิน ในที่สุดก็มาถึง ผมของนางสยายออกพร้อมกับปล่อยคมดาบสายลมออกมาจากร่างของนางและพวกมันก็พุ่งไปที่กูย่า
กูย่าหัวเราะลั่น มันยืดมือของมันออกไปและเรียกกระดูกทั้งสองให้กลับมาที่มือ
” เจ้าเด็กน้อยอสูรหนอนเขียวเข้าไปในร่างของเจ้าแล้ว ข้าเพียงแค่ปล่อยให้มันกัดกินเจ้าเท่านั้น ” กูย่ามองไปที่ฉื่อหยานสักครู่ แล้วจึงหันไปรับมือกับเหอซิงเหมิน ” เจ้าเด็กนั้นยังไงก็ตาย ปล่อยมันไป แล้วจัดการพวกมนุษย์คนอื่นสะ ! ”
อสูรอีกห้าตัวก็หยุดลุมล้อมฉื่อหยาน และหันมาสู้กับนักรบคนอื่นๆ
ฉื่อหยานไม่สนใจ
เขากัดฟันแน่น , ฉื่อหยานพยายามโคจนพลังปราณลึกลับเพื่อขับไล่หนอนพวกนั้นออกมา
พลังปราณลึกลับของเขากลายเป็นเหมือนสายฟ้าและฟาดไปที่หนอนพวกนั้นอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ภายใต้การโจมตีของพลังปราณลึกลับ พวกอสูรหนอนเขียวนั้นไม่เป็นอะไรเลยสักนิด และยังคงคลานต่อไปที่หัวใจของฉื่อหยาน
ฉื่อหยานก็แปลกใจ โดยไม่ลังเล เขาก็เรียกพลังงานเชิงลบออกมาทันที
ตอนนั้นเอง
พลังความร้อนของเปลวเพลิงก็ลอยออกมาจากแหวนสายโลหิตอย่างลับๆ และทันทีมันก็เข้าไปในร่างของฉื่อหยาน
ทันใดนั้น ฉื่อหยานก็รู้สึกราวกับเขาอยู่ในกองเพลิงที่ร้อนแรงและร่างกายของเขากลายเป็นสีแดง
พลังของแกนเพลิง !
พลังนี้กระออกไปภายในร่างกายของฉื่อหยานและร่างของเขาก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆ
ภายในถ้ำหินก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆ .
อสูรหนอนเขียวภายในร่างกายของฉื่อหยานก็กลายเป็นไหม้เกรียมทันทีก่อนที่มันจะได้ทำอันตรายใดๆแก่ฉื่อหยาน
” พอ ! ”
ฉื่อหยานส่งจิตสำนึกเข้าไปในแหวนสายโลหิตและส่งข้อความไปที่แกนเพลิง
ทันทีพลังไฟก็หายไป แต่กล้ามเนื้อของฉื่อหยานยังคงร้อนระอุและมีไอน้ำลอยออกมา
ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ แกนเพลิงปล่อยพลังไฟออกมาเพื่อปกป้องฉื่อหยาน
แต่พลังไฟของมันนั้นรุนแรงเกินไป แม้จะควบคุมอย่างระมัดระวัง มันก็เกือบจะเผาร่างของฉื่อหยานให้เป็นเถ้าถ่านไปแล้ว
ถ้าฉื่อหยานไม่ปรับแต่งร่างกายของเขาเมื่อตอนที่อยู่ในบ่อลาวา เขาก็คงไม่สามารถทนต่อพลังไฟนี้ได้
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ , ฉื่อหยาน โคจรพลังของเขาห่อหุ้มไปที่ศพของอสูรหนอนเขียวด้วยพลังปราณลึกลับและผลักมันออกจากร่างของเขาทางหลุมแผลที่หน้าอก
เขาขบฟันแน่น ฉื่อหยานควบคุมให้ร่างที่ไหม้เกรียมผุดออกมาจากหลุมแผลด้วยสีหน้าเจ็บปวด
จากนั้นหลุมแผลที่หน้าอกของเขาก็บิดไปมา , เมื่อเขารู้สึกว่ามันกำลังฟื้นฟูตัวเอง เขาก็เบาใจลง แล้วหันไปมองกูย่าด้วยความดุร้าย
กูย่า อยู่ในระดับปฐพี และกระดูกของมันนั้นแหลมคมเป็นอย่างมาก มันสามารถแทงทะลุผ่านจิตวิญญานกายาแข็งของเขาและสร้างเป็นหลุมแผลที่หน้าอกของเขาได้
ฉื่อหยาน ก็ตกใจเล็กน้อย เพราะเขาพบว่า จริงๆแล้วจิตวิญญานกายาแข็งไม่สามารถป้องกันได้ทุกอย่าง
” หืม ? ”
กูย่านั้นเชื่อมพลังวิญญานไปที่อสูรหนอนเขียวด้วย ดังนั้น เมื่อพวกหนอนตาย มันก็มองไปที๋ฉื่อหยานด้วยความประหลาดใจ .
” เจ้าสามารถสังหารหนอนที่อยู่ในร่างได้งั้นรึ ? ” กูย่ามองไปที่ฉื่อหยานด้วยความประหลาดใจ ” อสูรหนอนเขียวนั้นจะไม่ถูกทำร้ายด้วยพลังปราณลึกลับหรืออาวุธแหลมคม เจ้าใข้พลังอะไรกันแน่ ? พลังไฟ ! อีกทั้งยังเป็นพลังไฟที่แข็งแกร่งอีกด้วย ! ”
” ถึงทีของข้าแล้ว ! ”
ฉื่อหยานยิ้มและสงบลงอย่างรวดเร็ว
ความดุร้าย , จิตสังหาร , และพลังที่บ้าคลั่งก็ประทุออกมาจากร่างของเขา และทันทีร่างของเขาก็กลายเป็นผอมแห้ง .
พลังของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทันที ! ด้วยบ้าคลั่งในนภาที่หนึ่ง !
” จัดการมัน ! ”
เขาชี้ไปที่กูย่าและสั่งออกมา
หลุมแรงโน้มถ่วงที่อยู่ข้างๆกูย่าก็ถูกกระตุ้นและมันก็ดูดกูย่าเข้าไป
ขณะที่่ถือกระดูกสีขาวอยู่ในมือ กูย่าที่กำลังสู้กับเหอซิงเหมินอยู่ ร่างกายของมันก็หมุนควงไปมาไม่สามารถควบคุมได้ มันไม่สามารถแม้แต่จะทรงตัวยืน
” นี่มันอะไรกันวะ ! ”
กูย่าตะโกนออกมาและมองไปรอบ ๆเพื่อดูว่าสิ่งใดที่ทำให้มันเป็นเช่นนี้
” จัดการมัน ! จัดการมัน ! จัดการมัน ! ”
ฉื่อหยานที่ยืนนิ่งอยู่ก็ชี้ไปที่อสูรที่เหลือและออกคำสั่ง
อสูรอีกห้าตนนั้นดูแข็งแกร่งกว่านักรบอยู่เล็กน้อย เพราะเกล็ดสีดำที่แข็งแกร่งของพวกมัน มันจึงเข้าประทะกับ บาดดี้และคนอื่นๆอย่างไม่หวาดกลัว .
เมื่อประทะเข้ากับอสูร บาดดี้และคนอื่นๆก็พบว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะสวนกลับและถอยห่างเพื่อโจมตีพวกมัน
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ฉื่อหยานพูด ” จัดการมัน ” สถานการณ์ในก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
เช่นเดียวกับกูย่า อสูรอีกห้าตนร่างกายก็หมุนควงและถูกดูดเข้าไปในพื้นที่เล็กๆบางอย่าง และไม่สามารถโจมตีได้
เหอซิงเหมิน ดวงตาของนางก็มองไปที่ฉื่่อหยานด้วยความประหลาดใจ นางไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่นางเห็นทั้งหมด
บาดดี้ โจวหนานและนักรบจากดินแดนดินปีศาจมหัศจรรย์คนคนอื่นๆ ทุกคนก็ตกใจเช่นกัน พวกเขามองไปที่อสูรที่หมุนควยอยู่กลางอากาศ โดยไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
ที่พวกเขาแปลกใจก็คือ พวกไม่สามารถสัมพัสถึงอะไรได้เลยแม้ว่าพวกเขาจะส่งพลังวิญญานออกมาสัมพัสก็ตาย
” พวกเจ้ารออะไร ! ฆ่ามันสะ ! ” ฉื่อหยานก็พูดขึ้นมาอย่างร้อนรน
“โอ้ ! ได้… ได้ !” เหอซิงเหมินที่พึ่งรู้สึกตัวก็ออกคำสั่งออกมา ” จัดการมันเร็วเข้า ! ”
นักรบจากดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ทั้งหมดก็ได้สติและเริ่มโจมตีทันที !
––––––––––––––––––––––––
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 12 แล้ว มีถึงตอนที่ 512 แล้วจ้า ท่านใดสนใจเข้าร่วมกลุ่มอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยครับ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ