เทพเจ้าล่าสังหาร – บทที่ 199 อาละวาด

บทที่ 199 อาละวาด

ผ่านไข่มุกรวมวิญญาน ฉื่อหยานรู้สึกได้ถึงพลังชีวิตที่แข็งแกร่งจากด้านล่างเหมือง

ด้วยความเข้าในใจรูปแบบพลังชีวิตที่เขารู้ เขาสามารถแน่ใจได้เลยว่า พลังชีวิตที่แข็งแกร่งนี่มาจากอสูรเผ่าเกล็ดดำ ที่มีระดับไม่ต่ำกว่านภาที่สองในระดับรู้แจ้งแน่นอน

อสูรเผ่าเกล็ดดำที่อยู่ใน นภาที่สองของระดับรู้แจ้ง ตอนนี้มันนับได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดบนเกราะศิลาดำเลยก็ว่าได้

ถึงแม้ว่าหลินหนานจะอยู่ในระดับรู้แจ้งเช่นกัน แต่เมื่อได้เขาประมือกับอสูรเผ่าเกล็ดดำมาแล้ว ฉื่อหยานก็ได้รู้ว่าอสูรเผ่าเกล็ดดำนั้นแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ที่อยู่ในระดับเดียวกันมากนัก

หรือจะให้พูดก็คือ หลินหนานไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอสูรเผ่าเกล็ดดำตนนี้แน่นอน

พวกอสูรนั้นยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งได้รับความเสี่ยงจากการข้ามผ่านพื้นที่มิติมา บางทีเมื่ออสูรตนนี้ข้ามมายังทะเลไม่มีสิ้นสุด มันก็ได้รับบาดเจ็บ และ เป็นไปได้ว่ามันพึ่งจะฟื้นฟูเสร็จ

บางที กูย่าอาจจะไปทำให้มันโกรธ และเมื่อมันโกรธพลังชีวิตที่รุนแรงจึงระเบิดออกมา นั่นจึงทำให้ฉื่อหยานสัมพัสถึงมันได้ผ่านไข่มุกรวมวิญญาน

ตอนนี้ อสูรกำลังมุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วจากด้านล่างเหมือง มันกำลังมุ่งมาทางฉื่อหยาน

ไม่นาน อสูรก็คงจะมาถึงที่นี่และต่อให้มีหลินหนานอยู่ นางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอสูรตนนั้นอยู่ดี

ฉื่อหยานเข้าใจความแข็งแกร่งของมันดี ต่อให้เขาใช้บ้าคลั่งในนภาที่สอง และเพิ่มความแข็งแกร่งของเข้าเป็นสองเท่า อย่างมากเขาก็รับมือกับพวกที่อยุ่ในระดับปฐพีได้เท่านั้น แต่อสูรนั่นมันอยู่ในนภาที่สองของระดับรู้แจ้ง และร่างกายของมันเองก็ยังทรงพลังเป็นอย่างมาก ถ้าเขาสู้กับอสูรตนนั้นหละก็ เขาไม่รอดแน่นอน

ดังนั้น ความคิดแรกของเขาก็คือหนีไปให้เร็วที่สุด

” เกิดอะไรขึ้น ? ! ”

เหอซิงเหมิน อุทานออกมา นางนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฟังจากคำพูดและเห็นการแสดงออกของฉื่อหยาน นางก็รู้ได้ว่าต้องมีบางอย่างเลวร้ายเกิดขึ้น

” ออกไปจากที่นี่ก่อน ! ”

สีหน้าฉื่อหยานก็กลายเป็นบึ้งตึงเขาหันหน้ากลับไปและวิ่งไปยังทางออกอย่างรวดเร็ว

เมื่อเขาเข้ามาในถ้ำเขาก็ได้จดจำเส้นทางไว้แล้ว และเขาก็รู้ด้วยว่าถ้ำแห่งนี้มันเป็นเหมือนเขาวงกต เพราะเขาได้สร้างแผนขึ้นมาในจิตใจของเขาแล้ว

ฉื่อหยานบอกเพียงครั้งเดียวและทันทีเขาก็จากไป นั่นทำให้เหอซิงเหมินประหลาดใจเป็นอย่างมาก

” คุณหนูเหอ เราควรทำยังไงดี ? ”

นักรบจากดินแดนปีศาจมหัศจรรย์มองมาที่เหอซิงเหมิน และถามออกไปด้วยความงุนงงจากสิ่งที่เห็น

เหอซิงเหมิน ขมวดคิ้ว . หลังจากลังเลอยู่สักพัก นางก็ตะโกนออกมา ” ถอย ! พวกเจ้าก็รู้จักเขาดี ถึงแม้เขาจะประหลาดไปบ้าง แต่เขาก็รับรู้สถานการณ์ได้ดีกว่าคนอื่น ถ้าเขาบอกให้ถอย นั่นต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่นอน ”

บาดดี้ และคนอื่นๆพยักหน้ารับคำสั่งหัวหน้าของเขา

เหอซิงเหมิน ออกคำสั่ง หลังจากนั้นนางก็เอนตัวและก็กลายเป็นแสงสีเขียวพุ่งตามฉื่อหยานไปทันที

ฉื่อหยานพุ่งผ่านอุโมงค์อย่างรวดเร็วด้วยการที่เขาโคจรพลังปราณลึกลับให้ไปอัดแน่นกันที่ขา เสียงกระแทกดังทุกครั้งที่เท้าของเขาแตะพื้นและพื้นดินก็เกิดรอยแตกเป็นเศษหินเล็กๆ ดูเหมือนว่าเขาต้องหาวิชาที่เพิ่มความเร็วเสียบ้างแล้ว

ขณะที่ฉื่อหยานเคลือนไหวอยู่ เขาก็ขบคิด

เท่าที่เขารู้ มีวิชาที่ใช้เพิ่มความเร็วอยู่ เมื่อฝึกฝนมันความเร็วของเขาจะเพิ่มขึ้น และ ยังสามารถทำให้คาดเดาการเคลื่อนไหวของร่างกายเขาได้ยากอีกในระหว่างต่อสู้

เมื่อตอนเขาอยู่ที่ตระกูลฉื่อในเมืองเทียนหยุน เขาพบก็ว่ามีวิชาหลายรูปแบบที่สามารถใช้กับจิตวิญญานกายาแข็งของตระกูลฉื่อได้ แต่อย่างไรก็ตาม ระดับของวิชาพวกนั้นต่ำเกินไป ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ฝึกมัน

และนอกจากนี้ โดยปกติที่เขาต่อสู้อยู่เขานั้นไม่เคยคิดที่จะใช้วิชาประเภทนี้เลย

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ ผ่านไข่มุกรวมวิญญานเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงอสูรที่อยู่ในนภาที่สองของระดับรู้แจ้งกำลังลั่งมุ่งมาหาเขาด้วยความรวดเร็ว เขาก็ได้รู้แล้วว่า เขานั้นช้าเป็นอย่างมาก

ในช่วงเวลาเช่นนี้ มีเพียงความเร็วเท่านั้นที่จะช่วยชีวิตได้

” ฟึบ ฟึบ ! ”

ด้านหน้าของอุโมงค์ เสียงเคลื่อนไหวในอากาศก็ดังขึ้นมา

ฉื่อหยานหยุดและมองไปทางด้านหน้า

ร่างที่อวบอึ้มยืนอยู่ในอุโมงค์ทางออก พร้อมกับมีเงาอื่นผ่านไปด้วยความรวดเร็วทำให้เกิดเป็นภาพเงาซ้อนทับกันอย่างแปลกประหลาด

” ฟึบ ! ”

เป็นหลินหนานที่หยุดยืนและมองมาที่ฉื่อหยานด้วยความประหลาดใจ แล้วขมวดคิ้ว ” เกิดอะไรขึ้น ? แล้วเหอซิงเหมินกับคนอื่นๆหละ ? ”

หลังจากที่เขาเห็นว่าร่างนั้นเป็นของหลินหนาน ฉื่อหยานผ่อนคลาย : ” พวกเขาอยู่ด้านหลัง เราต้องออกไปจากที่นี่เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ! ”

” ออกไปจากที่นี่ ? ” หลินหนานตะลึง ” ข้ายังไม่เห็นพวกอสูรเลย ! จุดประสงค์ของเราที่มาคือกวาดล้างอสูรที่มายังเกาะนี้ และเมื่อเรายังทำภารกิจไม่สำเร็จ เราจะออกไปได้อย่างไร ? ”

” ถ้าพวกเจ้าอยากทำภารกิจต่อ มันก็เป็นเรื่องของพวกเจ้า ข้าไม่ยุ่งด้วยแน่นอน ! ” ฉื่อหยาน นั้นขี้เกียจอธิบายใดๆ แล้วเขาก็พุ่งผ่านหลินหนานและจากไปอย่างเร็ว ”

เขารู้สึกได้ว่าความเร็วของอสูรที่อยู่ในนภาที่สองระดับรู้แจ้ง กำลังมุ่งมาที่นี้เร็วขึ้นเรื่อยๆ มันกำลังมุ่งมาทางเขา

ทุกวินาทีเท่ากับชีวิต และเพื่อรักษาชีวิตของเขาไว้ ฉื่อหยานจึงไม่อยากเสียเวลาอีก

หากอธิบาย จะเสียเพียงแค่เวลา 1 นาที แต่ตอนนี้ทุกวินาทีล้วนสำคัญ บางทีถ้าเขายืนอธิบาย เขาอาจจะตายก็เป็นได้

” แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ? ” หลินหนานกล่าวถาม ” ข้าได้รับข้อความจากเหอซิงเหมิน . นางบอกว่า นางได้พบกับอสูร . ”

” เจ้าก็ถามเหอซิงเหมินด้วยตัวเองเหอะ ตอนนี้นางกำลังมาที่นี่ . ” ฉื่อหยานตอบ และไม่ตอบคำถามใดๆของหลินหนาน เมื่อบ้าคลั่งจะถามขึ้นอีกครั้งก็พบว่าฉื่อหยานได้จากไปแล้ว

” แปลกนัก ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าเขาจะมาที่เกาะศิลาดำทำไม แม้ว่าเขาจะบอกว่ามาเพื่อฝึกฝน แต่เมื่อเห็นอสูรเขากลับหนีกระเจิง ”

หลินหนานขมวดคิ้วแล้วพึมพร้อมกับความคิดที่เต็มไปด้วยความสงสัย

” ฟุช ฟุช ซืดดดด ! ! ! ”

ร่างของมนุษย์ก็พุ่งเข้ามาจากอุโมงทีละคน ในถ้ำแคบๆ เฉินอี้ตาน เผิงเพ่ย , ฉือยู๋ป๋าย พร้อมกับนักรบอีกนับสิบก็ปรากฏขึ้นในอุโมง

ฉื่อหยานก็ปรากฏตัวขึ้น

” อะไรหนะ ! ”

เฉินอี๋ตานก็อุทานออกมาแล้วมองไปที่ฉื่อหยานอย่างประหลาดพร้อมกับถูกขึ้น : ” เจ้ากลับมาทำไม ? ”

” ใช่ เจ้าไม่ได้บอกว่าเจอกับพวกอสูรหลอกรึ ? หรือว่าเจ้ากำลังหนีอยู่ ? ” เผิงเพ่ยก็ยิ้ม แล้วบอกว่า ” อย่านะว่าเจ้ากลัวอสูร และหนีพวกมันมา ฮ่า ฮ่า ฮ่า แล้วเจ้าจะมาที่นี่ทำไมตั้งแต่แรก ? เจ้าไม่ได้บอกหลอกรึว่ามาเพื่อฝึกฝน ”

ฉื่อหยาน นั้นขี้เกียจจะสนใจพวกเขาและเขาก็พุ่งผ่านไป

” เดี๋ยวก่อน ! ”

ฉือยู๋ป๋ายก็วิ่งตามไปขวางฉื่อหยานไว้ ด้วยใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความสงสัย : ” เจ้าเจออะไร ? เหอซิงเหมินอยู่ไหน ? แม้ว่าเจ้าต้องการจะหนี แต่เจ้าต้องบอกเราให้ชัดเจนก่อน ”

” หึ เจ้าไม่จำเป็นต้องกลัวหลอก เพราะพวกเรานั้นมาถึงแล้ว ! ” เฉินอี๋ตานยิ้มด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม ” ไม่อยากจะพูดหลอกนะ พี่สาวหนาน ได้มุ่งนำไปแล้ว พี่สาวหนานนั้นอยู่ในระดับรู้แจ้ง และตอนนี้นางเองก็อยู่ที่นี่ พวกอสูรทำร้ายเจ้าไม่ได้แน่นอน ข้าไม่รู้จริงๆว่าเจ้าจะกลัวอะไร ! ”

พวกเขาทั้งสามคนต่างก็มองฉื่อหยานว่าเป็นคนขี้ขลาดและคิดว่า ฉื่อหยานที่เจออสูรครั้งแรกคงจะตกใจและหนีมา

ฉื่อหยาน แสยะยิ้ม และก็พูดไปที่ ฉือยู๋ป๋ายที่ขวางทางเขาอยู่ : ” หลบไปสะ ! ข้าไม่สนหลอกนะว่าเจ้าจะเล่นเป็นวีรบุรุษอย่างไร แต่อย่าได้มาขวางทางข้า ! ”

” หากเจ้าไม่พูดออกไปให้ชัดเจน ก็อย่าคิดว่าจะไปได้ ” ฉือยู่ป๋ายแววตาก็เย็นชา แล้วกล่าวว่า : ” ข้าคิดว่าแซ่ของเจ้าคือหยางเสียอีก ? แต่ต่อให้แซ่ของเจ้าคือหยาง ข้าก็ไม่สน หึ เจ้านั้นเป็นแค่นักรบในระดับหายนะ ถึงแม้ว่าเจ้าจะมาจากตระกูลหยางจริงๆ แน่นอนว่าเจ้าจะต้องไม่ใช่บุคคลสำคัญแน่ บนเกาะศิลาดำแห่งนี้ไม่ใช่ที่ๆเจ้าจะมาก็มาและจะไปก็จากไปได้ ”

ฉื่อหยาน ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม

เขาไม่อธิบายใดๆและเรียกใช้บ้าคลั่งในนภาแรก ; ทันทีฉื่อหยานก็พุ่งไปที่ ฉือยู๋ป๋ายเหมือนกับกระสุน

” อ่า.. เขากล้าลงมือด้วย ! ”

ฉือยู๋ป๋ายพูดพร้อมกับ ส่ายหัว ” ด้วยการบ่มเพาะของเขาที่อยู่ในระดับหายนะ เขากลับกล้าลงมือกับนักรบที่อยู่ในนภาที่สองของระดับปฐพี ข้าไม่รู้จริงๆว่าเขา บ้า หรือ กล้า กันแน่ ”

” เขาต้องตกใจกลัวอสูรพวกนั้นแน่ๆ . ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นเช่นนี้ ”

นักรบจากดินแดนปีศาจมหัศจรรก็เริ่มดูถูกและพูดเยาะเย้ยถากถางฉื่อหยาน พร้อมกับหัวเราะออกมา

ฉือยู๋ป๋ายสูดลมหายใจเข้า . ร่างของเขายังคงยืนขวางทางอยู่ และไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ เขาตวัดมือเป็นรูปครึ่งวงกลม แล้วแสงสีเหลืองเข้มก็อัดแน่นกันสร้างเป็นม่านพลังที่แข็งแกร่งขึ้นมา

จิตวิญญานต่อสู้ของฉือยู๋ป๋ายนั้นสามารถควบคุมดินได้และเขาก็ได้ใช้ดินมาสร้างเป็น ” กำแพงดิน ” ซึ่งมันสามารถทนรับการโจมตีของนักรบระดับปฐพีได้

หลังจากสร้าง ” กำแพงดิน ” ขึ้นมา ฉือยู๋ป๋ายก็แสนะยิ้มและถอยออกมาสองก้าว แล้วเขามองไปที่ฉื่อหยานที่กำลังโจมตีมาด้วยแววตาที่เย็นชา

” บูม ! ”

เสียงระเบิดทึบก็ดังออกมาจากม่านพลังสีเหลืองเข้ม

ภายใต้การโจมตีของฉื่อหยาน กำแพงก็บิดเบี้ยวและระเบิดออกทันที

เฉินอี๋ตาน เผิงเพ่ยและคนอื่นๆสีหน้าก็เปลี่ยนไป

ร่างกายฉื่อหยานกระแทกไปที่ร่างของฉือยู๋ป๋ายอย่างไร้ความปราณี ส่งผลให้ร่างของมันกระเด็นออกไป ก่อนที่ร่างของมันจะตกลงพื้น ฉื่อหยานก็ได้ผ่านไปและหายเข้าไปในอุโมงแล้ว

” อะไรกัน ! ”

เฉินอี๋ตานริมฝีปากก็สั่นเทาพร้อมกับใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ขณะที่มองไปยังทิศทางที่ฉื่อหยานหายไป

” เรื่องนี้เป็นไปได้ยังไง ! ”

เผิงเพ่ยร้องอุทานออกมา , ” แม้แต่ข้าเองก็ยังไม่สามรถทำลายม่านพลังนั่นได้ แต่ทำไมเจ้านั่นถึงกับทำได้ ? ”

” ใครจะไปรู้ ! ”

เฉินอี๋ตานก็ยิ้มอย่างบิดเบี้ยว และสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ : ” ข้าว่าเราดูถูกเขามากเกินไป บางทีเขาอาจจะเป็นทายาทโดยตรงของตระกูลหยางก็ได้ , ไม่อย่างนั้น เขาจะมีพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร บางที…..เราอาจจะมองเขาผิดไป ”

” เป็นไปไม่ได้ ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินเรื่องเจ้าปีศาจน้อยของตระกูลหยางคนนี่เลยหละ ? ชื่อของ ฉื่อหยาน นั้นข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย และเขาเองก็ยังบอกว่า แซ่ของเขาคือ ฉื่อ ดังนั้นเขาจะเป็นคนจากตระกูลหยางได้อย่างไร ? ” เผิงเพ่ยตะโกนออกมา

ณ เวลานี้ ฉือยู๋ป๋ายก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน และเดินไปที่พวกเขา ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

“ไปรวมตัวกับเหอซิงเหมินก่อน หลังจากที่เราออกไปได้ ข้าจะจัดการมันสะ ! ” .

เฉินอี๋ตาน และ เผิงเพ่ยและคนอื่นๆก็มองกันและกัน การแสดงออกของเขาก็แปลกไป แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไร ขณะเดียวกัน ฉือยู๋ป๋ายก็วิ่งไปยังทิศทางที่ฉื่อหยานวิ่งมา

––––––––––––––––––––––––
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 12 แล้ว มีถึงตอนที่ 519 แล้วจ้า ท่านใดสนใจเข้าร่วมกลุ่มอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยครับ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

 

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เทพเจ้าล่าสังหาร ฉื่อหยาน เป็นเด็กหนุ่มชื่นชอบกีฬาผาดโผน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการผจญภัยในหลุมฟ้าบาฮามาส ฉื่อหยานบังเอิญเดินทางผ่านเวลาและพื้นที่ จนไปกลายเป็นนายน้อยของตระกูลที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า ฉื่อหยาน ตอนนั้นเองคุณชายน้อยฉื่อหยานได้เสียชีวิตลลงที่ข้างบ่อเลือดพอดี และในระหว่างการผจญภัยสุดยอดกีฬาผาดโผน วิญญาณของเขาได้ถูกโอนเข้ามาของร่ายกายนายน้อย ฉื่อหยาน และได้รับแหวนวิเศษที่ถูกเรียกว่า ' แหวนสายโลหิต ' แหวนที่มีพลังลึกลับซึ่งทำให้ฉื่อหยาน เป็นนักฆ่า ความต้องการฆ่าของเขานั้นไร้สิ้นสุด ทุกอย่างทำเพื่อเพิ่มพลังอำนาจของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งหลังการฆ่า ความต้องการทางเพศก็จะตามมา . . . . . . .

Comment

Options

not work with dark mode
Reset